บทสรุปการเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ
เป็นอันว่าเราเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยการขับรถเป็นครั้งแรกในชีวิตสำเร็จ เดินทางเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลับวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้แม่เราเครียดน่าดูกับการตัดสินใจของเรา แม้บอกว่าเราแก่แล้ว ขี้ง่วงนอน กลัวจะหลับใน จริงอยู่ที่เราแก่ และขี้ง่วง แต่ถ้าเราไม่ขับตอนนี้ แก่กว่านี้เราก็จะไม่กล้า และรถของเราก็จะเสื่อมสภาพจากการจอดทิ้งไว้เฉยๆ แทนที่มาจากการใช้งานให้คุ้มค่าตามเงินที่เสียไป ส่วนอาการง่วงนั้น ถ้าเราตื่นเต้นเราจะไม่ง่วง แต่อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น เหงื่อจะแตก โดยเฉพาะตอนหลงทาง 555
วิธีป้องกันการง่วงก็คือ นอนให้เพียงพอ หยุดบ้างไรบ้าง และเปิดแอร์ไม่ต้องแรงนัก ถ้าเปิดแอร์แรง ลมจะเป่าตา ทำให้ตาแห้ง และหนัก จนอยากหลับ แต่ถ้าร้อนมาก ก็เร่งแอร์แล้วใส่แว่นตาซะ
บทสรุปของการเดินทางในครั้งนี้ คือ เส้นทางมิตรภาพน่าเบื่อตรงที่เมื่อไหร่จะเลยจังหวัดนครราชสีมาเสียที จังหวัดใหญ่มาก ขับตั้งนานไม่พ้นสักที แถมขับหลงอีกต่างหาก จะไปสีคิ้ว ดันไปออกทางปักธงชัย ดีที่ไหวตัวทัน ไม่งั้นผิดวัตถุประสงค์แน่ เราว่าทั้งไปและกลับ เราคงต้องเจอใบสั่งจากกล้องตรวจจับความเร็วแน่ โดยเฉพาะขากลับ แต่เราว่ามีคนเร็วกว่าเรานะ เขาโดนมั่งป่าว? ขากลับเจอด่านทางหลวง คิดว่าโดนแล้ว ก็เปล่า เรียกรถบรรทุกซะงั้น
ขาเข้ากรุงเทพฯ เป็นเวลาบ่ายสาม เครียดเลย กลัวไปเจอรถติด ถ้าเจอรถติด เราคงเซ็งมาก เพราะน้ำมันลดเหลือสามขีดแล้ว กะจะมาเติมตอนขาออกนะ แต่โชคดีที่ยังไม่เลิกงาน แค่เลิกงาน เลยไปได้เรื่อยๆ ถึงบ้านสี่โมงเย็นพอดี ไม่ขึ้นทางด่วนใดๆ ทั้งสิ้น กลัวหลง ดูแต่ป้ายไปดินแดงโลด พอเข้าเส้นรามจะเข้าบ้าน ลืมไปว่าข้างหน้ามีสะพานลอยข้าม แต่เราต้องกลับรถใต้สะพาน เราดันชิดขวา ต้องเป็นจอมปาดสองเลนไปฝั่งซ้ายทันที โชคดีที่รถติดแบบเบาๆ เลยแทรกไปได้ไม่น่าเกลียดนัก (ด้วยความเห็นใจที่มีป้ายทะเบียนตจว.) ตอนนั้นจราจรกำลังหันหลังเป่าปิ๊ดๆ อยู่ ไม่ทันเห็น อิอิ
ขาออกตัดสินใจออกเร็วไปหน่อย รถติด แต่ไม่มากนัก ไปติดบนสะพานลอย แน่นอนเราก็ออกทางเดิมเพราะเป็นทางที่คุ้นเคยที่สุดตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ มาแล้ว ไม่หลงทาง แต่หลงเลน อิอิ
แต่สิ่งที่เจอบนถนนขาออกเนี่ย เห็นสันดานของผู้ใช้รถบางคน รถที่ชอบปาดแบบน่าเกลียดสุดคือ แท็กซี่ กับรถแต่ง เสมือนว่ารถกูแน่ ถ้าไม่ชนก็คงไม่เลิกปาด แต่ที่อุบาทว์สุด ยกให้รถที่วิ่งช้ากลางถนน ไม่ใช่รถเต่าหรือรถเก่าอะไรหรอก แต่คนขับเล่นโทรศัพท์ อันนี้เลวสุดแล้ว เส้นวิภาวดีเนี่ยแหละ รถทุกคันทำความเร็วเพื่อให้คันอื่นๆ ไปได้ตามปกติ แต่อีคันนึงวิ่งประมาณ 50-60 เลนกลาง (ที่เรารู้คือ เราเผลอไปตามหลังมัน เราก็วิ่งด้วยความเร็วเท่านี้เช่นกัน) ทุกคันต้องหนีมัน ทีแรกเราคิดว่าคนแก่มากขับมั้ง เลยไม่อยากบีบแตร แต่พอแซงขึ้นไปดูหน้าคนขับเท่านั้นล่ะ ติดฟิล์มดำเชียว แต่ที่เห็นเล็ดลอดออกมาคือ มือถือเคสสีเหลืองอ๋อยที่อยู่ในมือ กฎหมายออกไปเห๊อะ คนมักง่ายมันก็ยังมักง่ายอยู่วันยันค่ำ จับไม่ได้ก็ไม่หยุดหรอก อาศัยฟิล์มดำๆ เข้าไว้ นึกถึงแพรวา 9 ศพขึ้นมาทันที คงอารมณ์เดียวกัน บรรดาจอมปาดเลยเป็นคนปกติไปเลย เมื่อเจอคันนี้
พอหลุดจากกรุงเทพฯ ได้เท่านั้นแหละ เป็นศัตรูกับรถบรรทุกอีกแล้ว เขาให้วิ่งซ้าย แกก็จะวิ่งกลาง กับวิ่งขวาอยู่นั่นแหละ กล้องตำรวจน่ะอย่าตรวจจับแต่ความเร็วเลย ตรวจจับพวกนี้บ้างเหอะ
ว่าแต่ไปกลับเที่ยวนี้เราจะโดนกี่ใบนะ???
Create Date : 24 พฤษภาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2558 20:32:53 น. |
Counter : 1519 Pageviews. |
|
|