I AM SOMEONE
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
7 ธันวาคม 2564

ดับไฟในหัวใจ

ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เรามีปัญหาเรื่องการนอนหลับอย่างร้ายกาจ ง่วงนอนหัวค่ำก็จริงๆ แต่หลับไม่สนิทๆ ตลอดคืนแล้วมารู้สึกตัวเอาตอนตีสาม พยายามข่มตาหลับตาก็ยาก รู้สึกตัวทีก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

แล้วช่วงเวลาที่กว่าจะข่มตาหลับสมองก็คิดวุ่นวายในเรื่องที่เราเป็นกังวลหรือเครียดอยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ หัวใจเต้นรัวเหมือนกลอง เหมือนจะหลุดออกจากทรวง เต้นจนรู้สึกเหนื่อยและเพลียร่างมาก

เรี่ยวแรงจะออกกำลังกายตอนเช้าแทบจะไม่มี เพราะสูญเสียไปกับพลังงานการเต้นของหัวใจหมดแล้ว

เราไม่อยากกินยาแผนปัจจุบันจึงเลือกที่จะไม่พบแพทย์แผนปัจจุบัน รู้ว่าต้องได้ยานอนหลับหรือยาคลายเครียดมากินแน่ๆ มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เราจึงเลือกลองแพทย์แผนจีนดูบ้าง ไม่เคยรู้หรอกว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่มีอะไรจะเสียนอกจากเงิน ก็ลองดูสิ เราไปโรงพยาบาลของรัฐใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็ยังจ่ายค่าหัตถการอยู่ และบางการรักษาก็เบิกไม่ได้ แต่ไม่แพงมากนัก

เราเล่าอาการให้หมอฟัง แต่ไม่ได้ระบายความในใจหรอกนะ เขาไม่ใช่จิตแพทย์ แต่ช่วยให้คำแนะนำปรึกษาตามอาการที่เราเป็นได้ และบอกว่าเรามีหยางมาก หยินพร่อง ม้ามไตพร่อง มีความร้อนในร่างกายมากตามวัยและฮอร์โมน ซึ่งเรามีอาการครบตามนั้นเลย อาการเหล่านี้ส่งผลต่ออารมณ์ได้มากกว่าปกติ ถ้าเศร้าก็เศร้ามากกว่าปกติ วิตกกังวล จนส่งผลทางร่างกายให้ใจสั่น นอนไม่หลับ ท้องเสีย เบื่ออาหาร ไม่มีแรง (จริงๆ มันก็คืออาการเครียดสะสมนั่นเอง) ไอ้ที่ใจเราสั่นหนักๆ เพราะเมื่อฮอร์โมนเราไม่สมดุล พอร่างกายร้อนมันจะพุ่งเข้าสู่หัวใจ (แล้วแต่คนว่าจะไปสู่อวัยวะไหนไม่เหมือนกัน) แล้วหัวใจมีหน้าที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมอง ถ้าหัวใจทำงานไม่ดี มันก็ส่งผลต่อความคิดในสมอง เกิดเป็นความเครียดฟุ้งซ่านและวิตกกังวลนั่นแหละ พัวพันกันไปหมด จึงเป็นที่มาของการฝังเข็มคือ ต้อง “ดับไฟในใจ”

หมอจึงให้เราขับความร้อนออกมา เพื่อความสมดุล ด้วยการฝังเข็มและครอบแก้ว โดยจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการรักษา เพื่อเป็นการรักษาที่ต้นเหตุจึงต้องใช้เวลา ไม่ใช่การกินยาเหมือนแผนปัจจุบัน ที่พอไม่หลับก็กินยานอนหลับ

อาการของเราที่ชัดที่สุดที่แสดงออกทางร่างกายก็คือ การเต้นของหัวใจหรือชีพจรที่เร็วกว่าชาวบ้านชาวช่อง จนเราต้องซื้อเครื่องวัดความดันมาใช้ส่วนตัว เดือนแรกๆ วัดมันทุกเช้าเย็น ตอนเช้าจะหนักกว่าตอนเย็น ทะลุ 100 เกือบทุกวัน บางวันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแต่ก็พุ่ง มาตรฐานเราจะอยู่ที่ 90-100 แทบไม่เคยต่ำกว่านี้ แต่พอไปโรงพยาบาลไปเจอหมอก็ 100 กว่าทุกที หมอเลยข้องใจกับอาการนี้มาก ลดยากเหลือเกิน

พอได้ฝังเข็มกระตุ้นไฟฟ้าด้านหลัง ฝังเข็มที่หัว และด้านหน้า หลายคนถามว่าเจ็บมั้ย จะบอกว่าไม่เจ็บก็ไม่เชิง มันเจ็บเป็นบางจุด ที่ตึงที่เกร็ง ถ้าโดนถูกจุด สะดุ้ง หน่วง ชาเลยทีเดียว เราเป็นคนกลัวเข็มมากนะ ทุกวันนี้ความกลัวเบาลงแล้ว หลังจากเจอการผ่าตัดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว แต่เราก็ไม่กล้าดูตอนจิ้มอยู่ดี ถ้าเป็นเข็มเล็กๆ บางๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเบอร์ใหญ่ก็ทำใจว่าต้องเจ็บบ้าง

ส่วนครอบแก้วจะทำเฉพาะด้านหลัง ขับพิษ ความร้อน ลดอาการปวดเกร็งซึ่งส่งผลต่อการนอนได้ ถ้ารอยห้อเลือดอยู่นานหายช้า แปลว่ามีความร้อนเยอะปวดตึงอักเสบเยอะ ก็คือเรานั่นเอง ประมาณสองสัปดาห์รอยถึงจะหายสนิท

การรักษาของเราสัปดาห์ละครั้ง สัปดาห์แรกยังไม่เห็นผลอะไรนัก แต่พอผ่านไปสองสามสัปดาห์ เริ่มเห็นผลมากขึ้น อาการนอนหลับยาวขึ้น ไม่ตื่นตีสามตีสี่แล้ว แต่การขับถ่ายเราดีตอนตี 5 จนเป็นอุปสรรคการนอน (แต่หมอกลับบอกว่าดีมาก เป็นเวลาที่ถูกต้องแล้ว)

หนึ่งเดือนหลังจากได้รักษาทางเลือกนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ใจสั่นจนหมดแรงลดลง ความร้อนวูบวาบตอนกลางคืนลดลง นอนนานขึ้น กินข้าวได้อร่อยขึ้น มีเรี่ยวแรงออกกำลังกาย หายใจอิ่มขึ้น

กว่าสามเดือนที่ทดลองรักษาด้วยการฝังเข็มและครอบแก้ว (มีหยุดครอบแก้วหนึ่งเดือนหลังจากฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน)

เรารักษาติดต่อกันทุกสัปดาห์ หมอจะดูอาการจากลิ้นร่วมด้วย ถ้าลิ้นแดงก็ไม่ดี ลิ้นแตกก็ไม่ดี ตอนนี้เราเหลือแค่อาการลิ้นแตก ซึ่งหมายถึงเลือดยังพร่องหรือเลือดแห้งอยู่ แต่จริงๆ เราก็ยังมีอาการฝันเยอะเป็นบางคืน แต่ใจสั่นลดลงมาก มีบ้างเวลาที่กังวลหรือผิดหวัง จะรัวหน่อย และส่งผลต่ออาการเบื่อชีวิตในวันนั้น หมอจะบอกว่าเพราะฮอร์โมนทำให้เราเศร้าง่าย และรู้สึกกระทบกระเทือนใจง่าย เราก็ถือเป็นคำปลอบใจที่ดีละกัน หมอว่าถ้าได้ระบายหรือได้คุยมันจะค่อยๆ ดีขึ้น (หวังว่าจะไม่กลับมาอีก)

แต่อาการอื่นๆ วันนี้หมอบอกว่าปกติแล้ว เรื่องการนอนหลับ แม้ว่าส่วนใหญ่เราจะตื่นไว ประมาณตีสี่ตีห้า ถือว่าปกติ เพราะเรานอนเร็วประมาณสามถึงสี่ทุ่ม ก็เพียงพอแล้ว (แต่สำหรับเราคิดว่าไม่น่าจะปกติ เพราะกลางวันบางวันเราก็ง่วงไม่สดชื่นเหมือนนอนไม่พอ ใต้ตาอิดโรยมากหรือแก่ก็ไม่รู้)

เราก็ดีใจนะที่หมอบอกว่าดีขึ้นมากๆ แข็งแรงขึ้น ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ไม่เสียแรงที่เรามาสม่ำเสมอ และเสียค่ารักษาทุกครั้งแม้จะไม่แพงก็ตาม

สิ่งที่เหลือที่เราจะต้องดูแลตัวเองคือ ต้องรักษาใจพังๆ ของตัวเองเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก

ขอบคุณตัวเองที่เลือกการรักษาที่ไม่ใช้ยา อดทนกับการรักษายาวนาน ต่อจากนี้หมอจะนัดสองสัปดาห์ครั้งแล้ว

เรื่องของสุขภาพใจก็ใช้เวลาเยียวยากันไป แต่เรื่องของสุขภาพกายขอให้แข็งแรงเถอะ อยู่คนเดียวมันไม่โอเค






Create Date : 07 ธันวาคม 2564
Last Update : 7 ธันวาคม 2564 20:37:14 น. 0 comments
Counter : 1133 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]