2 วันหลังเกิดเหตุ
สองวันผ่านมาแล้ว หลังจากเราไปร่วมเหตุการณ์ตุลาทมิฬ นับว่าเราโชคดี คุณพระช่วยจริงๆ (ไม่ได้แขวนพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆหรอกนะ แต่ตอนที่เดินไปยังรัฐสภา ยกมือไหว้เสด็จพ่อร.5 ขอให้เราชนะ) เพราะจริงๆแล้วเรายืนอยู่ทุกจุดที่เกิดเหตุทั้งสิ้น พี่เราโทรมา พอรู้ว่าเรามาอยู่นี่ เป็นห่วงเรามาก แต่เราบอกว่ามันดี (ใครจะไปรู้ว่าต่อไปไม่มันแล้ว)
ก่อนหน้านั้นสัมผัสแก๊สน้ำตาได้นิดหน่อย ช่วงบ่ายสองซึ่งสส.สว.เริ่มลนลานหนักขึ้น มีข่าวว่าปล่อยแก๊สน้ำตาลงท่อระบายน้ำ หลายคนน้ำหูน้ำตาไหล แต่เราไม่หนัก รู้สึกแค่ฉุนๆจมูก เรานั่งอยู่ในเต๊นท์หน้าประตูถนนพิชัยอยู่แป๊บนึง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะนั่งทำไม รู้สึกปวดไมเกรนมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าตัวเองน่าจะออกจากจุดนี้ดีกว่า ไปหายากิน ไปเต๊นท์พยาบาลที่ทำเนียบดีกว่า
พอออกมาได้ ถึงลานพระรูป เห็นคนโล่ง หย่อนก้นลงพักก่อน นั่งดมยาดม กินไอติม สักพักมีป้าพันธมิตรมาคุยด้วยเป็นชม. จนถึงสี่โมงเย็น การ์ดอาสา มาต้อนให้เรากลับไปในรัฐสภา ตอนนั้นก็ว่าจะเดินกลับเข้าไป เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดไรขึ้น คิดว่าเค้าจะมาบุกทางลานพระรูป แต่คิดไปคิดมาเฮ้ย ชั้นปวดหัวมากแล้ว ชั้นควรจะไปกินยา
เลยเดินออกจากจุดนั้นไป เห็นที่บชน. มีการชุมนุมกันอีก เอ้า เดินตามเค้าไปอีก โดยไม่มีเหตุผล อยากรู้อยากเห็นว่าเกิดไรขึ้น สักพักเห็นควันดำลอยขึ้นฟ้า แต่ละคนคิดว่ามีการเผารัฐสภา คนข้างๆ ได้รับ sms ข่าวมือถือว่า มีระเบิดรถยนต์หน้าพรรคชาติไทย เราไปบอกคนอื่นๆต่อ แต่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...มันทำเอง แล้วมันก็โยนความผิดให้พันธมิตร อืมม์....เป็นธรรมดา
ไม่นาน เสียงปังๆ ตูมๆ ดังตามมา คนข้างๆ บอกว่า ไม่ใช่ระเบิดหรอก เสียงประทัดมากกว่า (เพราะมันถี่เหลือเกิน) ประมาณเอาฤกษ์เอาชัยก่อนปล่อยลูกโป่ง ที่ไหนได้ จริงๆแล้ว ไอ้เสียงถี่ๆ ที่เราได้ยินคือเสียงปืน และระเบิด หาใช่ประทัดไม่.... แต่ไม่มีใครเอะใจเลย ว่ามันจะเกิดความรุนแรงโหดเหี้ยมเช่นนี้
เราเดินกลับมายังทำเนียบ ขอยาจากเต๊นท์พยาบาลกิน จะขอนอนก็เต็ม ก็เลยไปนั่งอยู่หน้ากองทัพธรรม จะเป็นลมค่ะ มาคนเดียว ไม่รู้กลับไง นั่งแท็กซี่ก็ต้องตายบนรถแน่ๆ มีเงินยู่ร้อยกว่าบาท จะถึงบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่เราโทรมาอีก ร้องไห้ เพราะกลัวเราเป็นอะไรไป ดูจากทีวีมันน่ากลัว
ใช่ค่ะ มันน่ากลัว เราอยู่ทำเนียบ ก็นั่งดูเอเอสทีวีไปด้วย เป็นลมไปด้วย ทุกคนร้อนรนมาก ไม่รู้จะทำไง อยากได้รถน้ำมาฉีดไล่พวกนั้นไป (คิดดูสิแค่จะสู้กับเค้าก็ยังจะใช้น้ำไปสู้เลย) เห็นทหารออกมาช่วยยกคนเจ็บ ก็ปรบมือดีใจ นึกว่าทหารอยู่ข้างประชาชนแล้ว แต่เปล่า มาเท่าที่เห็นนั่นแหละ (มีแต่ทหารชั้นผู้น้อย ผูกผ้าพันคอมาร่วมด้วยเท่านั้น) สุดท้ายวันนั้นก็จบด้วยเลือด และน้ำตา
สองวันผ่านไปแล้ว...ทุกอย่างยังสับสนวุ่นวาย หาคำตอบไม่ได้ว่าพันธมิตรขาขาดแขนขาด และตายเพราะอะไรกันแน่
เพื่อนเรานปก. บอกว่าถ้าไม่ออกไป จะตายมั้ย เออ แล้วถ้าตำรวจไม่ยิง ไม่ใช้ระเบิด เค้าจะตายมั้ย อย่างไหนมันสมเหตุสมผลกว่ากัน
พูดแล้วหิว
Create Date : 09 ตุลาคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 11:42:05 น. |
Counter : 1391 Pageviews. |
|
|
ช่วงนี้เป็งไงบ้าง
อย่าเครียดกะการเมืองมากไปน๊า
เป็งห่วง รักคนไทย