กรุงเทพฯ ขโมยเวลา
เราตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มีทางกลับมาทำงานกรุงเทพฯ อีก เพราะกรุงเทพฯ ทำเราบอบช้ำเสียเหลือเกิน วันนี้เราออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปประชุมสิบโมง เราออกจากบ้านแปดโมงครึ่ง โดยหวังว่าจะไปถึงศิลปากร วังท่าพระสักสิบโมงกว่า สิบโมงครึ่ง แต่รอๆๆๆ รถเมล์สาย 60 ก็ไม่มา เราเลยนั่งรถเมล์สาย 36ก. ไปอนุสาวรีย์ จะว่าโง่ก็คงใช่ เพราะมันเป็นสายที่อ้อมโลกมาก ไปถึงอนุสาวรีย์ก็สิบโมงแล้ว ทำไงล่ะทีนี้ ยืนรอรถอยู่อนุสาวรีย์ไปสนามหลวงอยู่พักหนึ่ง รถไม่มาอีกแล้ว เป็นไงนะ รอสายไรก็มักจะไม่มาสักที เลยขึ้นแท็กซี่ไป สรุปว่าถึงศิลปากรก็เกือบสิบเอ็ดโมง เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ
ดีนะที่หัวข้อที่เขาประชุม เราไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ อยากคุยมากเลย คันปาก ฮ่าๆๆ แต่ว่าไม่รู้จักใครสักคน แต่ก็ขอแอบเม้าท์ก็คนนั่งข้างๆ นิดนึง เพราะเบื่อ และไมเกรนเริ่มถามหาจากการนั่งรถนาน
พักเที่ยงไม่ถึงชั่วโมง ก็ประชุมต่อ เรายังไม่ทันหายเวียนหัวเลย พอต้องฟังอะไรที่เป็นวิชาการ มันก็ง่วงสุดๆ เกือบจะหลับใน เข้าใจแล้วว่าเวลาเด็กหลับในชั่วโมงที่เราสอนมันรู้สึกยังไง
จริงๆ เขาเลิกห้าโมงเย็น แต่เราทนไม่ไหวแล้ว ออกจากห้องประชุมตอนบ่ายสาม แล้วข้ามฝั่งไปวังหลัง ซื้อยากับผลิตภัณฑ์ธรรมชาติทั้งหลาย หิ้วพะรุงพะรังกลับมาขึ้นรถเมล์ที่สนามหลวงต่อ ขึ้นรถประมาณสี่โมงครึ่ง เศษ เวลาเลิกงานน่ะนะ มันก็ย่อมติดเป็นธรรมดา นี่ขนาดปิดเทอมแล้ว ก็ยังติดเหมือนเดิม
ห้าโมงครึ่ง ยังไม่ถึงหน้ารามเลย เราใจร้อนและไมเกรนขึ้นอีกรอบ ใกล้จะหกโมงแล้ว เราลงรถเลย หิ้วของเป็นอีบ้าเดินลงจากหน้าการไฟฟ้ารามคำแหง ไปถึงแยกพระรามเก้า คิดว่าเส้นนั้นรถจะไม่ติด จะได้ต่อแท็กซี่ ที่ไหนได้ นรกแตก มันติดทุกเส้น!!!
บ้าไปแล้วกรุงเทพฯ เราเดินพูดคนเดียวเหมือนคนไม่เต็ม นี่เรามาทำอะไรที่นี่ อยู่ดีไม่ว่าดี มาเป็นแบบนี้ทำไม มันไม่สนุกเอาเสียเลย เราเดินริมถนนพระรามเก้าครึ่งชั่วโมง จนถึงแยกที่เข้าไปกกท.(หลังราม) ไม่รู้ว่ากี่โลนะ แต่รู้สึกเหนื่อยเอาการเลย ถ้าไม่มีข้าวของอาจจะดีกว่านี้ แต่ก็ยังดีที่คลายอาการปวดไมเกรนได้ เพราะลดความเครียดลงแล้ว
เราเลี้ยวซ้ายเข้าหลังราม มีแท็กซี่มาพอดีเลยเรียกกลับบ้าน นึกว่าจะดีขึ้น หลังรามก็ติด บัดซบที่สุด!!! พอใกล้ถึงบ้าน คนขับบอกเราว่าเพิ่งขับวันแรก ก่อนหน้านี้ขับรถทัวร์ เอ้า! ดีแค่ไหน ไม่พาเราหลง
ถึงบ้านตอนทุ่มนึง นี่เราเอาเวลาที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไปทิ้งเปล่าๆ ประมาณหกชั่วโมง โดยไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตเลยนะ แถมได้ไมเกรนกลับบ้านอีกต่างหาก คนต่างจังหวัดที่อยู่ในกรุงเทพฯ นับว่าเป็นคนที่อดทนมาก เราก็เคยทนเหมือนพวกเขานั่นแหละ แต่เราเลิกทนแล้ว ดีใจที่หลุดพ้นไปได้ ถ้าไม่จำเป็น จะไม่เข้ามาเพ่นพ่านในกรุงเทพฯ เหมือนเก่าแล้ว
รู้สึกเสียดายเวลาก็ตอนนี้แหละ ยิ่งเหลือเวลาของชีวิตเหลือไม่มากนัก ยังต้องมาเสียเวลาในกรุงเทพฯ มากขนาดนี้อีก นี่คงเป็นเพราะเราแก่ ความอดทนเราก็ลดลงด้วยล่ะมั้ง เราว่าคนที่อยากใช้เวลากับคนรัก อยากมีชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์ให้โลกใบนี้อีกนานๆ ต้องออกจากกรุงเทพฯ ก่อนที่กรุงเทพฯ จะขโมยเวลาแต่ละชั่วโมงที่มีค่าไปโดยสามารถเรียกคืนมาได้เลย
Create Date : 25 มีนาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 25 มีนาคม 2557 21:18:56 น. |
Counter : 1618 Pageviews. |
|
|