ก่อนอื่นเลยเรามาเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองกันก่อนเลยค่ะว่าเรามีนิสัยการรับประทานอาหารอย่างไร ออกกำลังกายมากน้อยสม่ำเสมอหรือเปล่า แล้วมาเริ่มหาวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งเราคิดว่าแต่ละคนมีวิธีการลดน้ำหนักที่แตกต่างกันค่ะ ขึ้นอยู่กับการทำงานและสภาพแวะล้อมด้วย ถ้าคุณๆสามารถหาวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะกับตัวเองได้ น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆและไม่เครียดด้วย
เราเองก็หาวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะกับตัวเองมาหลายปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนเราไม่ได้อวบระยะสุดท้ายแบบนี้นะคะ แต่ด้วยความที่เราเชื่อว่าถ้าเราผอมลงกว่าเดิมเราจะดูดีขึ้น เราก็เลือกหนทางที่ผิดคือ เรากินยาลดความอ้วน ใช่ค่ะ เราผอมลงในระยะแรกซึ่งเราก็ดีใจมาก ซึ่งตอนที่เราผอมก็ไม่ได้ดูดีนะคะ ผอมแบบหมองๆโทรมๆ เพื่อนๆทักกันว่าเรากลุ้มใจเรื่องอะไรหรือเปล่า (แม่เราเคยทักว่าผอมเหมือนเด็กติดยา
) หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเราก็ควบคุมน้ำหนักให้คงที่ไม่ได้ เรากลับมาอ้วนกว่าเดิมค่ะ อ้วนกว่าเดิมมากๆด้วย จากที่เราเคยหนัก 50 กิโลกรัม ตอนนี้ดีดกลับมาเป็น 55 กิโลกรัมและขึ้นเอาขึ้นเอาอย่างไม่หยุดยั้ง และนี่แหละค่ะผลของโยโย่แอฟเฟค
หลังจากนั้นเราก็ยังพึ่งพายาลดความอ้วนอยู่เป็นระยะๆค่ะ เพราะเราใจไม่แข็งพอที่จะหักห้ามใจไม่กินเยอะเกินความจะเป็น ( ก็มันอร่อยนี่นา ) พอน้ำหนักเราเริ่มลดไม่กี่กิโลกรัม เราก็มีอาการปวดหัว หงุดหงิด เครียด เราจึงต้องเลิกกินยาแล้วน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาอีกจนได้ ขอบอกตามตรงว่าเราเองก็มักง่ายคือพอเราหยุดยาเราไม่ได้ไปขอยาถอยจากคุณหมอ (คนที่เคยกินยาลดความอ้วนคงรู้จักยาตัวนี้เน้อ ) เราก็อ้วนๆผอมๆอยู่อย่างนั้นแหละค่ะจนดื้อยาต้องเปลี่ยนมาเป็นยาที่แรงขึ้น
พอมาถึงจุดนึงซึ่งเราคิดได้เองว่า ไม่ได้แล้วถ้าเรากินยามากๆไปกว่านี้ อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับเราเหมือนที่เราเคยอ่านเจอในหนังสือ เช่น มีผลกับตับ และมีผลกับอารมณ์ เราเลยเลิกยาลดความอ้วนโดยเด็ดขาด เริ่มทำใจให้ยอมรับกับเจ้าก้อนไขมันที่พอกพูนมากขึ้นจนเพื่อนๆแซวเอาบ่อยๆ แต่เราก็ยังหาวิธีในการลดน้ำหนักอยู่เสมอนะคะ
เอารูปก่อนที่เราจะลดความอ้วนมาให้ดูค่ะ ว่าอ้วนได้อึดอัดขนาดไหน หุหุ ภาพนี้ถ่ายเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ วันที่ 14 กรกฎาคม 2550 หนัก 67 kg ไม่กล้าเอาลงรูปใหญ่กว่านี้นะคะ อายตัวเองเหมือนกันแหละ
แต่อยากให้เห็นว่าเราอ้วนได้น่าเกลียดจริงๆ ดูตาสิคะเหลือนิดนึง แถมคางสองชั้น คอสั้น หน้ากลม ทำไมเราถึงปล่อยตัวให้อ้วนได้ขนานนั้นหนอ