ข่าวสารการเงิน หุ้น เศรษฐกิจ และการลงทุน ติดตามได้ที่ Facebook.com/ThaiMoneyNews

xemmy.bloggang.com

กรุณาเลือกหัวข้อที่ต้องการ => ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี เรื่อง Hot น่ารู้ ออมเงินที่ไหนดี ยานยนต์อัพเดท กลเม็ดเคล็ดลับ DIY-ทำเองก็ได้ง่ายจัง
Group Blog
 
All Blogs
 

ควอลิตี้เฮ้าส์ เปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ (QHHR) วันที่ 5-13 ก.ค. 55

นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้ง “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR ซึ่งจะลงทุนใน 3 โครงการในเครือเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ ประกอบด้วย ลงทุนในกรรมสิทธิ์ของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ เพชรบุรี และโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ สุขุมวิท และลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 14 ปีของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์หลังสวน มูลค่ากองทุน 3,360 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทำหน้าบริหารกองทุน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการในเครือเซนเตอร์พอยต์โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ นับเป็นโครงการที่มีศักยภาพในด้านการเติบโต โดยเฉพาะศักยภาพทางด้านทำเล ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับสถานที่ชอปปิ้งที่ได้รับความนิยม รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และยังเดินทางสะดวกเนื่องจาก อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ห้องพักแต่ละโครงการยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ด้านนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ กล่าวว่า สำหรับสินทรัพย์ที่ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR จะเข้าไปลงทุน ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ เพชรบุรี ซึ่งเป็นอาคารโรงแรมสูง 28 ชั้น จำนวน 266 ห้อง และอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 19,715 ตารางเมตร  ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี 15 ย่านประตูน้ำ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแพลตตินั่ม มอลล์  และพันทิพย์ พลาซ่า  บนเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 41.4 ตารางวา โดยมีพื้นที่ให้เช่า 13,009 ตารางเมตร รวมถึงกรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ สุขุมวิท ซึ่งเป็นอาคารโรงแรมสูง 28 ชั้นและอาคารเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ สูง 5 ชั้น 2 อาคารดำเนินกิจการด้านโรงแรม 162 ห้อง และเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 45 ห้อง จำนวนห้องพักรวม 207 ห้อง พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 31,465 ตารางเมตร ตั้งบนถนนสุขุมวิท 10 บนเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา และลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 14 ปีของโครงการเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์หลังสวน ซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัย 24 ชั้นดำเนินกิจการด้านโรงแรม จำนวน 72 ห้อง และเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 106 ห้องจำนวนห้องพักรวม 178 ห้อง พื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นประมาณ 17,286 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนหลังสวน ซอย 1 เนื้อที่ 1 ไร่ 33.9 ตารางวา

“นอกจากจุดเด่นด้านทำเลแล้ว โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานการให้บริการในรูปแบบ ของเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์และโรงแรม เนื่องจากโครงการเป็นเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งให้กับโครงการ โดยในส่วนของบริการเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์นั้น จะมีฐานลูกค้าระยะยาวที่ช่วยลดความผันผวนด้านรายได้ ในขณะเดียวกัน การรับลูกค้าระยะสั้นในรูปแบบโรงแรม ทำให้สามารถคิดค่าเช่าพักได้ในอัตราที่สูงกว่า และสามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งชาวต่างชาติที่เข้าพักอาศัย   ในประเทศไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการทั้งสามแห่งยังดำเนินการมามากกว่า 15 ปี มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วง 7 ปีระหว่างปี 2546-2552 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและสามารถเพิ่มอัตราค่าเช่าพักได้” กรรมการผู้จัดการ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าว

ในส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ทางบมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ในฐานะผู้สนับสนุนจะรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำตลอด 3 ปีแรกหลังจากที่กองทุนลงทุนในทรัพย์สิน โดยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำในช่วง 6 เดือนของปี 2555 จะอยู่ที่ 143.90 ล้านบาท ปี  2556 จะอยู่ที่ 266.10 ล้านบาท ปี 2557 อยู่ที่ 278.30 ล้านบาท และช่วง 6 เดือนของปี 2558 อยู่ที่ 146.70ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนใน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR ได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่น่าพอใจและแน่นอน

ขณะที่ นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เชื่อมั่นว่า “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะนอกจากกองทุนจะลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพถึง 3 โครงการที่ผสมผสานระหว่างการลงทุนกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) แล้ว ต้องยอมรับว่า การบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ “เซ็นเตอร์พอยต์” ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี และได้รับการจัดอันดับให้เป็น Service Apartment Chain อันดับหนึ่ง ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศไทยมากถึง 2,500 ยูนิต จากจำนวน 11 โครงการ จะทำให้มั่นใจได้ถึงผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ

“ต้องยอมรับว่า ท่ามกลางความเสี่ยงของการลงทุนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวน จากวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป รวมถึงการแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนต้องแสวงหาทางเลือกในการลงทุนที่มีความแน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นับได้ว่า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมีรายได้จากค่าเช่าที่แน่นอน และมีโอกาสที่ผลตอบแทนจากค่าเช่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการบริหารจัดการที่ดี ในทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้เชื่อว่า ทั้งหมดจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี” ผู้บริหาร บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้อำนวยการอาวุโส สายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กองทุนฯ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากโครงการทั้งสามแห่งที่กองทุนฯ เข้าไปลงทุนจะได้รับผลดีจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองในประเทศเกิดขึ้น นอกจากนี้ จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้โครงการ “เซ็นเตอร์พอยต์” ทั้ง 3 โครงการได้รับผลดีโดยตรงจากการที่ลูกค้าต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเข้ามาทำงานและหาที่พำนักในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งด้วยศักยภาพทางทำเลรูปแบบของโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี

โดยในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย มีความพร้อมในการเสนอขายหน่วยลงทุน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR รวมถึงมีผู้สนับสนุนการขายอีก 3 ราย ประกอบด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และผู้ร่วมรับประกันการจำหน่ายอีก 2 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 5 ถึง 13 กรกฎาคม ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10 บาท กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

สำหรับผู้สนใจลงทุนใน “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์” หรือ QHHR สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัดธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด 





 

Create Date : 28 มิถุนายน 2555    
Last Update : 28 มิถุนายน 2555 8:16:58 น.
Counter : 1604 Pageviews.  

ธนาคารกรุงไทยพร้อมบริษัทในเครือ นำสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% ร่วมงานมหกรรมชี้ช่องรวย 2012 ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ 28 มิ.ย.- 1 ก.ค. 55

นายประสิทธิ์ วสุภัทร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในงานมหกรรมชี้ช่องรวย 2012 ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2555 ที่ MCC Hall ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ธนาคารและบริษัทในเครือฯ จะนำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินไปจัดโปรโมชั่นพิเศษ ภายใต้แนวคิด KTB BEST FRIEND บนพื้นที่ 72 ตารางเมตร โดยมีสินเชื่อ KTB บ้านหรรษา 555 ดอกเบี้ย 0% นาน 8 เดือน ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% พร้อมจัดพอร์ตการลงทุนฟรี ภายใน 5 นาที บริการจัดการทางการเงินสำหรับธุรกิจ SME และผู้ที่ลงทะเบียนขอสินเชื่อ SME ภายในงาน ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้ และค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ

นอกจากนั้น ยังมีบริการทางการเงินที่หลากหลายและครบวงจร เช่น สินเชื่อ KTB Supply chain solutions สินเชื่อ KTB Factoring สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม สินเชื่อกรุงไทยประหยัดพลังงาน สินเชื่อนวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย สินเชื่อเพื่อเพิ่มผลผลิต และ สินเชื่อกรุงไทยช่วยน้ำท่วม สำหรับลูกค้า SME วงเงินกู้สูงสุด 30 ล้านบาท และสำหรับบุคลธรรมดา วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่นาน 5 ปี และทรัพย์สินพร้อมขายในทำเลทองจากทั่วประเทศจำนวนกว่า 2,700 รายการ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท จำหน่ายในราคาลดพิเศษสูงสุด 40% พร้อมให้สินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน

นายประสิทธิ์ วสุภัทร กล่าวในตอนท้ายว่า เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าอย่างครบวงจรตามวิสัยทัศน์การเป็นธนาคารแสนสะดวก ธนาคารและบริษัทในเครือ อาทิ บริษัทกรุงไทยแอกซ่า บริษัท ทิพยประกันภัย บริษัทกรุงไทยพาณิชประกันภัย KTC และ KT-ZMICO นำผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน พร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษ รวมทั้งมอบของที่ระลึกให้กับลูกค้าที่มาเยี่ยมบูธของธนาคาร





 

Create Date : 28 มิถุนายน 2555    
Last Update : 28 มิถุนายน 2555 8:03:21 น.
Counter : 1246 Pageviews.  

บลจ.ธนชาต เปิดขายกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 23 ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน วันนี้ - 2 ก.ค. 55

นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ “กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 23” (TFixedIncome23) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank ประมาณ 20%, ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank / First Gulf Bank ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย Banco Bradesco / Itau Unibanco S.A. ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย Emirates NBD ประมาณ 18% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น / บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง ประมาณ 21.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.4038% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1538%ต่อปี โดยเสนอขายครั้งเดียวถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2555

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร 0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 1770 หรือ ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง //www.thanachartfund.com




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2555    
Last Update : 27 มิถุนายน 2555 16:52:22 น.
Counter : 1409 Pageviews.  

บลจ.กรุงไทย เปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 40 ( KTSUPB40 ) อายุ 3 เดือน วันที่ 27 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2555

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 40 ( KTSUPB40 ) เสนอขาย 27 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2555 อายุ 3 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนนี้จะลงทุนในเงินฝากประจำ Standard Chartered Bank ( Hong Kong ) Ltd. และ เงินฝากประจำ Union National Bank (UNB ) ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารภาครัฐไทย เงินฝาก ตราสารการเงินระยะสั้น ธนาคารพาณิชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน 

นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ตลาดตราสารหนี้ในประเทศมีการแกว่งตัว โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไร หลังจากก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ได้ปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจในยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในจีนและสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งของกรีซที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นฝ่ายที่มีนโยบายสนับสนุนการคงสถานะสมาชิกในยูโร จึงทำให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลลงไปบ้าง และมีผลต่อการประมูลตราสารหนี้ในสเปนที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เริ่มปรับลดลงจากระดับที่สูงกว่า 7% ต่อปี ลงมาอยู่ต่ำกว่า 6.50% ภายในสัปดาห์ 

ในส่วนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ มีแกว่งตัวตัวในกรอบ 31.50 – 31.80 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าจะยังผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจ และในช่วงสั้นตลาดยังรอจับตาความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการของกลุ่มยูโรต่อการแก้ปัญหาหนี้และเศรษฐกิจภายในกลุ่ม ในส่วนของรัฐบาลไทยมีการส่งสัญญาณถึงการเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายหากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ ดังนั้น จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะอยู่ในระดับ 3.00% ต่อเนื่องไปอย่างน้อยจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 ( KTFIX3M1 ) ประเภท Roll Over เสนอขายถึงวันที่ 29 มิถุนายนนี้ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และ เงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2555    
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 18:34:43 น.
Counter : 1570 Pageviews.  

บลจ.ฟินันซ่า ออกกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน2 (FAM FIPR 3M2) วันที่ 25-29 มิ.ย. 55

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน2 (FAM FIPR 3M2) ซึ่งจะเปิดเสนอขายตั้งแต่ 25 - 29 มิถุนายนนี้ ด้วยประมาณการผลตอบแทนที่ 3.2% ต่อปีสำหรับการลงทุน 3 เดือน  โดยเป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากกองแรก  โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท   


FAM FIPR 3M2 เป็น specific fund หรือกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน  มีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยในครั้งนี้ทางบลจ.ฟินันซ่า จะลงทุนในเงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร CIMB, Niaga, Indonesia หรือเงินฝากสกุลเงิน AED กับ ธนาคาร Abu Dhabi Commercial bank ,UAE (F1) * ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ**  เงินฝาก AED ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1)* หรือ  เงินฝากธนาคารและ/หรือตั๋วเงินและ/หรือหุ้นกู้**  ตราสารหนี้ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB)  ตั๋วเงิน หรือ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป*** ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดให้มีการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุน ทุก ๆ 3 เดือนโดยประมาณ นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม  กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและ/หรือ เงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร ในระยะเวลานานประมาณ 3 เดือนสำหรับการลงทุนแต่ละรอบ  กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศซึ่งทางบริษัทฯจะทำการการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน





 

Create Date : 25 มิถุนายน 2555    
Last Update : 25 มิถุนายน 2555 14:00:14 น.
Counter : 1085 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  

xemmy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add xemmy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.