ข่าวสารการเงิน หุ้น เศรษฐกิจ และการลงทุน ติดตามได้ที่ Facebook.com/ThaiMoneyNews

xemmy.bloggang.com

กรุณาเลือกหัวข้อที่ต้องการ => ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี เรื่อง Hot น่ารู้ ออมเงินที่ไหนดี ยานยนต์อัพเดท กลเม็ดเคล็ดลับ DIY-ทำเองก็ได้ง่ายจัง
Group Blog
 
All Blogs
 

บลจ.กรุงไทยเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 34 ( KTSUPB34 ) เสนอขายวันที่ 26 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2555 อายุโครงการ 3 เดือน

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพบ์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 34 ( KTSUPB34 ) เสนอขายวันที่ 26 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2555 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย /ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ส่วนตราสารต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ Union National Bank (UNB ) , เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank (ADCB ) , เงินฝากประจำ Bank of China (BOC) และMTN ออกโดย Banco bradesco S.A. (BRADES) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี 

          นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ( KTSS ) ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ที่มีชื่อปรากฎอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 24 เมษายน 2555 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 

          ส่วนแนวโน้มการลงทุนในตราสารหนี้ มีกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าลงทุนตราสารระยะกลางถึงยาว ขณะที่ตราสารระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.97 - 3.14 % โดยนักลงทุนเริ่มมีการปรับพอร์ตเพื่อเพิ่ม Portfolio Duration ไปยังตราสารรุ่นอายุมากกว่า 3 ปี ซึ่งให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าสนใจเมื่อเทียบกับตราสารระยะสั้นกว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นทิศทางเดียวกับตราสารต่างประเทศ โดยเป็นผลจากนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อการแก้ปัญหาหนี้และผลการประมูลพันธบัตรของสเปนและฝรั่งเศส รวมถึงโอกาสที่จะถูกปรับลดอันดับเครดิตของประเทศต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดกาณ์ไว้ กองทุน KTSUPB34 จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย




 

Create Date : 25 เมษายน 2555    
Last Update : 25 เมษายน 2555 11:19:25 น.
Counter : 1154 Pageviews.  

บลจ.เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 7 ซีรี่ส์ 7 ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 7 ภายใน 7 เดือน

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากข้อมูลของฝ่ายตราสารทุนของเอ็มเอฟซีมองว่า มีปัจจัยสนับสนุนทั้งภายนอกและภายในประเทศให้นำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทน เช่น ตราสารทุน ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวดีขึ้น และมีความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรป แต่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ จากการขยายตัวที่โดดเด่นของกำไรของบริษัทไทย และระดับมูลค่าตลาดที่ไม่สูงจนเกินไป ทำให้สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย  

เอ็มเอฟซีถือเป็นจังหวะการลงทุนในไทยที่เหมาะสม จึงเปิดขายกองทุนเปิด SPOT 7S7 ที่ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 7 ภายในเวลา 7 เดือน โดยมีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นในประเทศเป็นหลัก และสามารถเลือกลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพอร์ตการลงทุน และช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวน โดยผู้จัดการกองทุนจะจัดสัดส่วนการลงทุนทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ และเงินฝากให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดทุนและตลาดเงินแต่ละขณะ เพื่อโอกาสของผลตอบแทนที่ดีและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน 

ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 7 เดือน หากมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด SPOT 7S7 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทเป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทและทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด โดยผลตอบแทนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.7 บาทต่อหน่วยลงทุน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคง ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศ เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป 

หากไม่เป็นไปตามคาดหมายภายในเวลาดังกล่าว กองทุนเปิด SPOT 7S7 จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีสิทธิ์เลือกที่จะลงทุนต่อไป ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการภายในเวลารับคำสั่งซื้อขายตามที่ระบุไว้ในโครงการ และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกกองทุนหากผลตอบแทนถึงร้อยละ 7

กองทุนเปิด SPOT 7S7 เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง นักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่ www.mfcfund.com หรือสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โทร. 02-835-3055-57  กรรมการผู้จัดการเอ็มเอฟซีกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ เอ็มเอฟซีสามารถบริหารทาร์เก็ตฟันด์ได้ตามเป้าหมายผลตอบแทนถึง 5 กองทุนด้วยกัน ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีเชื่อว่าจากปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทย จะเป็นโอกาสในการสร้างความสำเร็จของทาร์เก็ตฟันด์ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน

- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
- ในกรณีที่ผู้ลงทุนต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ลงทุนสามารถขอหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลโครงการได้ที่บริษัทจัดการกองทุนรวมหรือผู้สนับสนุน การขายหรือรับซื้อคืน

- การกำหนดอัตราผลตอบแทนในเงื่อนไขการเลิกกองทุนมิได้เป็นการรับประกันหรือทำให้คาดหวังว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามนั้น
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงาน




 

Create Date : 25 เมษายน 2555    
Last Update : 25 เมษายน 2555 11:16:01 น.
Counter : 889 Pageviews.  

บลจ.แอสเซท พลัสเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 2 กองทุนตราสารหนี้ วันที่ 25 และ 26 เมษายนนี้

นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) มีการปรับตัวขึ้นประมาณ 2 – 28 basis point เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิในพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ที่มียอดซื้อสุทธิประมาณ 1.6 แสนล้านบาท กอปรกับภาวะตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ณ สิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 25 basis point เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเพราะนักลงทุนเริ่มกลับไปสนใจลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงหรือตราสารทุนมากขึ้น จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้น 


          นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ เนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ภายหลังเกิดอุทกภัย กอปรกับการปรับใช้ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในอัตราใหม่ 300 บาท รวมทั้งต้นทุนของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน จะกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้เริ่มกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในระยะถัดไปจากนี้ 

          นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด สำหรับกองทุนตราสารหนี้ บริษัทฯ เน้นเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ๆ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อไม่เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นหากมีการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป

          “โดยในวันที่ 25 เมษายน นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชน เปิดเสนอขายทุกรอบ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี* และในวันที่ 26 เมษายน นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุน ตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และมีนโยบายคุ้มครองเงินต้น เปิดเสนอขายทุกรอบ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี* 




 

Create Date : 24 เมษายน 2555    
Last Update : 24 เมษายน 2555 14:27:51 น.
Counter : 1114 Pageviews.  

บลจ.ทิสโก้เปิดขายกองทุนใหม่ 3 กองทุน ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ลงทุนพันธบัตรภาครัฐ-ตราสารหนี้

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Theeranat Rujimethapass, Managing Director of TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี”, “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M2” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M2” เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนระยะสั้นและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก

โดย “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี” (TISCO 1 Year Bond Fund) เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารภาครัฐ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และพันธบัตรที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเป็นหลัก พร้อมมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ 

ขณะที่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M2” (TISCO Fixed Income Fund 3M2) และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M2” (TISCO Fixed Income Fund 6M2) เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝาก ทั้งในและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน และจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากจะจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติทุกๆ 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ

“ กองทุนใหม่ทั้ง 3 กองทุนที่เรานำเสนอในครั้งนี้ นับว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นและเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก โดย “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี” เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการความมั่นคง ปลอดภัย เพราะการลงทุนจะเน้นในตราสารภาครัฐในประเทศเท่านั้น ขณะที่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M2” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M2” จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและมีการพิจารณาลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวน และไม่เสียภาษี ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจลงทุนเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง” นายธีรนาถ กล่าว

ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อที่อาจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมีการทบทวนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ดังนั้นการลงทุนที่เหมาะสมในตอนนี้จึงไม่ควรเน้นการลงทุนที่มีระยะยาวจนเกินไป โดย TISCO Wealth แนะนำการลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือตั๋วแลกเงิน หรือตราสารหนี้ อายุสั้นไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตร 1 ปี” (TISCO 1 Year Bond Fund) จะเปิดเสนอขายครั้งแรก 24 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2555 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 10,000 บาท ครั้งต่อไป 5,000 บาท ขณะที่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 3M2” (TISCO Fixed Income Fund 3M2) และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้คืนกำไร 6M2” (TISCO Fixed Income Fund 6M2) จะเปิดเสนอขายครั้งแรก 24 – 30 เมษายน 2555 นี้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท โดยทั้ง 3 กองทุนมีมูลค่าโครงการ ๆ ละ 1,000 ล้านบาท

ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้ขยายเวลาการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์รีเทิร์น” (TISCO Gold Linked Complex Return Fund) อายุ 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนรวมพิเศษที่มีการลงททุนในตราสารหนี้และเงินฝากประมาณ 97% และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3% จะลงทุนในสัญญาออปชั่นที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ London Gold PM Fixing จากเดิมจะปิดไอพีโอวันที่ 23 เมษายน เป็นวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน




 

Create Date : 24 เมษายน 2555    
Last Update : 24 เมษายน 2555 10:27:44 น.
Counter : 1104 Pageviews.  

เคเคฟันด์เปิดกองทุนคุ้มครองเงินต้น Roll Over 2 กองทุน 3 เดือน และ 1 เดือน เปิดขาย 24-30 เมษายน 2555

ดร. ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ เคเคฟันด์ เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้นและต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากทั่วไป ซึ่งเคเคฟันด์มีกองทุนคุ้มครองเงินต้นประเภท Roll Over  ที่เปิดขายทุกสิ้นเดือน จำนวน 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดเคเค สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 3/1 (KK SP 3/1) อายุโครงการ 3 เดือน ที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศประมาณ 91.94% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี ไม่ต้องเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและกองทุนเปิดเคเค สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 1 (KK SP 1) มีอายุโครงการ 1 เดือน ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศประมาณ 100%  ได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปีไม่ต้องเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา โดยจะเปิดขายสำหรับเดือนเมษายนพร้อมกันทั้ง 2 กองทุน ตั้งแต่วันที่ 24-30 เมษายน 2555 ทั้งนี้ ทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายคุ้มครองเงินลงทุนทั้งจำนวนจนครบกำหนดการลงทุนกองทุน จึงมีความมั่นคงสูง เป็นทางเลือกตามความชอบของผู้ลงทุนที่จะชอบ 1 เดือน หรือ 3 เดือน

ดร. ศุภกร สุนทรกิจ ยังกล่าวอีกว่า นโยบายการลงทุนดังกล่าวสามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่นิยมลงทุนระยะสั้นและไม่ชอบความเสี่ยงสูงได้เป็นอย่างดี โดยทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศน่าจะคงระดับเดิมที่ 3% ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  เห็นว่าเหมาะสมต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลังหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  โดยล่าสุดธปท.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติได้เต็มศักยภาพในราวต้นไตรมาส 3 ปีนี้ และยังคงคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ 5.7% โดยกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปียังคงเหมาะสมกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารและไม่เสียภาษี อีกด้วยการลงทุนในกองทุนคุ้มครองเงินต้นระยะสั้น เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ  ซึ่งไม่มีความผันผวนด้านราคา ไม่มีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก จึงมองว่ากองทุนดังกล่าวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะกับสถานการณ์ในขณะนี้

ผู้สนใจสามารถลงทุนในกองทุนเปิดเคเค สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 3/1 (KK SP 3/1) และ กองทุนเปิดเคเค สะสมทรัพย์คุ้มครองเงินต้น 1 (KK SP 1)  ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2555 สามารถจองซื้อขั้นต่ำที่10,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เคเคฟันด์  โทร. 02-624-8555 กด 2 และ  www.KK-Fund.com หรือ www.facebook.com/KKFund





 

Create Date : 23 เมษายน 2555    
Last Update : 23 เมษายน 2555 15:38:46 น.
Counter : 990 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  

xemmy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add xemmy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.