จุดเด่นของกองทุน HK คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามกองทุนรวมหลักที่มุ่งสะท้อน ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 4 บาท และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมอื่นๆ นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี และมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง
ดัชนีฮั่งเส็งประกอบด้วยหุ้นที่มีมูลค่าตลาดและสภาพคล่องสูงที่สุดจำนวน 48 บริษัท ประกอบไปด้วยหุ้นบริษัทฮ่องกง และหุ้นบริษัทจีนที่มีธุรกิจอยู่ในประเทศจีน โดยปัจจุบันสัดส่วนของบริษัทฮ่องกงอยู่ที่ประมาณ 44% ในขณะที่บริษัทจีนมีสัดส่วนรวมอยู่ที่ประมาณ 56%
การลงทุนในกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศนั้น มีตลาดที่กว้างมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย โดยตลาดหุ้นฮ่องกงนั้นถือเป็นตลาดที่มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักดีของนักลงทุนชาวไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ การที่ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษแยกจากประเทศจีน ส่งผลให้ฮ่องกงได้รับประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งในแง่การค้าและการลงทุน ในขณะที่การเป็นเมืองท่าเสรี ที่มีระบบภาษีที่ต่ำและไม่ซับซ้อน รวมถึงมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีช่วยดึงดูดให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดของของเอเซีย โดยปัจจุบันตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกและใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย
ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ บล.เคที ซิมิโก้ จำกัด (มหาชน) บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กรุงไทย โทร 02-670-4900 กด 9