ข่าวสารการเงิน หุ้น เศรษฐกิจ และการลงทุน ติดตามได้ที่ Facebook.com/ThaiMoneyNews

xemmy.bloggang.com

กรุณาเลือกหัวข้อที่ต้องการ => ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี เรื่อง Hot น่ารู้ ออมเงินที่ไหนดี ยานยนต์อัพเดท กลเม็ดเคล็ดลับ DIY-ทำเองก็ได้ง่ายจัง
Group Blog
 
All Blogs
 

ธอส เตรียมวงเงิน 20,000 ล้านบาทจัดทำสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ “โครงการบ้าน ธอส–ธปท เพื่อผู้ประสบอุทกภัย” วันที่ 20 ส.ค. 55 ถึง 30 พ.ย. 56

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดสรรวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลนรอบแรกให้กับ ธอส. สำหรับนำมาปล่อยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ ที่ประสบอุทกภัย ภายใต้ “โครงการบ้าน ธอส. – ธปท. เพื่อผู้ประสบอุทกภัย” จำนวน 6,000 ล้านบาท รวมกับวงเงินสมทบจาก ธอส. อีกจำนวน 3,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 9,000 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้สนใจใช้สิทธิ์รอบแรก เต็มวงเงิน 9,000 ล้านบาท และได้อนุมัติไปแล้วเกือบเต็มวงเงิน

“ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อบ้านได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยของผู้ประสบอุทกภัย จึงได้ขอวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลนจาก ธปท. เพิ่มอีก จำนวน 14,000 ล้านบาท รวมกับ      วงเงินสมทบจาก ธอส.อีกจำนวน 6,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปีแรก หลังจากนั้นกรณีลูกค้าสวัสดิการ  คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR – 1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไปคิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR – 0.50% ต่อปี กรณีกู้ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย / ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 7.25% ต่อปี) 

“เงื่อนไขและหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าวฯ สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส.และลูกค้าใหม่ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย   ปี 2554 และอยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน หรือผู้มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน สถานที่ประกอบอาชีพ หรือสถานประกอบธุรกิจอยู่ในเขตพื้นที่อุทกภัย ต้องการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3% ต่อปี นาน 5 ปีแรก  โดยธนาคารให้กู้เพื่อซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ให้กู้เพื่อต่อเติม – ซ่อมแซมอาคารเดิมที่ได้รับความเสียหาย ให้กู้เพื่อปลูกสร้างทดแทนอาคารเดิมที่ได้รับความเสียหาย ให้กู้เพื่อไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ให้กู้เพื่อชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ให้กู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกฯ และให้กู้เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในบัญชีเงินกู้ที่มีอยู่กับ ธอส. วงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท กู้ได้สูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขายแล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี ทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย        อันเกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ปี 2554” นายวรวิทย์ฯ กล่าว

นายวรวิทย์ฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารมีความพร้อมในการรับเรื่องยื่นคำขอกู้ ในวันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2555 นี้  โดยในเบื้องต้นลูกค้าจะต้องแสดงหลักฐานการยื่นกู้ดังนี้ 
1. เอกสารรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้า หรือหลักฐานการเสียภาษี  
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ / ใบเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)
3. สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า 
4. สำเนาทะเบียนสมรส / หย่า / มรณะบัตร แล้วแต่กรณี
5. กรณีหลักประกันหรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายให้แสดงหลักฐานหนังสือรับรองของหน่วยงานราชการว่าอยู่ในพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
6. กรณีได้รับผลกระทบกับรายได้ หรือสูญเสียรายได้ เนื่องจากประสบอุทกภัย ให้แสดงหลักฐานหนังสือ       รับรองของหน่วยงานราชการ หรือหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดว่าได้รับผลกระทบหรือสูญเสียรายได้
7. สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนา น.ส.3ก. หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด 
8. กรณีซื้อที่ดินพร้อมอาคาร ซื้อห้องชุด ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร ให้แสดงสำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ

สามารถยื่นคำขอกู้ได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร 0 – 2645 – 9000 หรือ //www.ghbank.co.th




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2555    
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 8:10:47 น.
Counter : 1745 Pageviews.  

บลจ.กรุงศรี เปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M32 (KFFIX6M32) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M32 (KFFIX6M32) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย สัดส่วนการลงทุน 26% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 6% ตั๋วแลกเงินออกโดย บ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 24% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% และเงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์) สัดส่วนการลงทุน 24 % โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.15% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป” 

“กองทุน KFFIX6M32 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน และต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใช้เป็นที่พักเงินเพื่อรอจังหวะลงทุน” นายฉัตรพีกล่าว




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2555    
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 11:41:21 น.
Counter : 1202 Pageviews.  

บลจ.กรุงไทยเปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ในและต่างประเทศ อายุโครงการประมาณ 6 เดือน วันนี้-22 สิงหาคม 2555

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 49 ( KTSUPB49 ) เสนอขาย ในวันที่ 15-22 สิงหาคม 2555 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท 

โดยลงทุนในเงินฝากประจำ The Commercial Bank of Qatar เป็นธนาคารขนาดใหญ่ อันดับ 2 ในกาตาร์ ดำเนินธุรกิจทั้งธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่ออิสลาม มีองค์กรเพื่อการลงทุนของรัฐบาลกาตาร์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด , ลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า เป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธนาคารในจีน และลงทุนใน MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ดำเนินธุรกิจการเงินครบวงจรในบราซิล โดยทั้งหมดลงทุนในสัดส่วน 59% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย/ ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี 

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 5 ( KTSIV6M5) ประเภท Roll Over อายุ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันที่ 14 - 17 สิงหาคม 2555 เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของ ธนาคารออมสิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ ตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี สามารถซื้อผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศ หรือผ่านทาง //www.ktamsmarttrade.com เพื่อความสะดวก และสามารถชำระค่าซื้อโดยการตัดบัญชีได้ถึง 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกสิกรไทย 

สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เริ่มปรับตัวลดลง หลังจากมีแรงเทขายทำกำไร เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม การประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.อยู่ที่ 2.73% โดยเฉลี่ย 7 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 2.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ แม้ว่าในครึ่งหลังของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก แต่โดยเฉลี่ยทั้งปีอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะต่ำกว่าที่ทางการคาดการณ์ไว้ที่ 3.50% นอกจากนี้ สำนักเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มทยอยปรับลดประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยลง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศที่แสดงการฟื้นตัวล่าช้าและยังมีโอกาสที่จะถดถอย ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับเดิมหรือมีโอกาสปรับลดลงภายในปีนี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อตราสารหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้รุ่นอายุ 3-5 ปี และตราสารหนี้รุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี มีแรงซื้อค่อนข้างมาก




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2555    
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 8:01:18 น.
Counter : 1407 Pageviews.  

ทริสเรทติ้ง ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบมจ.พฤกษาฯ (PS) เป็น “Stable” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ที่ระดับ "A"

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” โดยทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นเดิม ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วย โดยเงินจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้น อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างสูง ต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ของบริษัทจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ตลอดจนผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2555 ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง และหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวนมากได้ตามแผน ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงและเสริมฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะสั้นถึงปานกลาง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ เดือนมีนาคม 2555 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 74% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากถึง 163 โครงการ ณ เดือนมิถุนายน 2555 โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยทาวน์เฮ้าส์ซึ่งคิดเป็น 41% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว (33%) คอนโดมิเนียม (25%) และโครงการในต่างประเทศ (1%) โดยที่อยู่อาศัยของบริษัทมีราคาขายเฉลี่ย 2.3 ล้านบาทต่อยูนิต ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 56,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 34,000 ล้านบาท 

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ข้อได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทมาจากการใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปและการบริหารจัดการงานก่อสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวโดยบริษัทเอง ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปจำนวนมากช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ จึงมีผลทำให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายที่ได้เปรียบคู่แข่ง 

ยอดขายของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทในปลายปี 2554 ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในหลายพื้นที่รอบกรุงเทพฯ ยอดขายของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 7,000-9,000 ล้านบาทต่อไตรมาสในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ก่อนที่จะลดลงเหลือเพียง 235 ล้านบาทในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ดังนั้น ยอดขายทั้งปี 2554 จึงลดลง 34% เป็น 25,554 ล้านบาท จาก 38,753 ล้านบาทในปี 2553 ยอดขายของบริษัทฟื้นตัวเป็น 5,669 ล้านบาท และ 7,019 ล้านบาทในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 ดังนั้น ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 จึงเท่ากับ 12,688 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 50% ของยอดขายในปี 2554) ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันของปี 2554 ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 ยอดขายของโครงการแนวราบในเขตน้ำท่วมฟื้นตัว 28% และ 56% ของยอดขายในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว การฟื้นตัวของยอดขายและแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 คาดว่าจะทำให้ยอดขายของทั้งปี 2555 ยังคงน่าพอใจ

แม้ว่าวิกฤตอุทกภัยจะกระทบต่อยอดขายของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท แต่บริษัทก็ยังคงสามารถบริหารการโอนที่อยู่อาศัยได้อย่างน่าพอใจ รายได้ของบริษัทในปี 2554 เท่ากับ 23,263 ล้านบาท เกือบเท่ากับระดับสูงสุดที่ 23,307 ล้านบาทในปี 2553 รายได้ในครึ่งแรกของปี 2555 ลดลงเพียง 6% เป็น 11,469 ล้านบาท ซึ่งเกือบ 90% ของรายได้รวมมาจากโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเป็น 35% ของรายได้ในครึ่งแรกของปี 2555 จาก 37% ในปี 2554 และ 38% ในช่วงปี 2551-2553 เนื่องมาจากต้นทุนค่าที่ดินและค่าก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทลดลงเหลือ 16%-ของรายได้ใน 6 เดือนแรกของปี 2555 จาก 20% ในปี 2554 ดังนั้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายจึงเพิ่มขึ้นเป็น 20.11% ในครึ่งปีแรกของปี 2555 จาก 18.16% ในปี 2554 ทั้งนี้ การขยายธุรกิจเชิงรุกและการซื้อที่ดินจำนวนมากในปี 2553 ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้น โดยอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 49.03% ในปี 2553 และ 54.92% ในปี 2554 จาก 15.84% ในปี 2552 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลดลงเล็กน้อยเป็น 52.03% ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นมีผลให้กระแสเงินสดของบริษัทอ่อนลง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 13.55% ในปี 2554 และ 7.52% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ใน 6 เดือนแรกของปี 2555 จาก 22.13% ในปี 2553 ทริสเรทติ้งกล่าว




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2555    
Last Update : 14 สิงหาคม 2555 13:48:45 น.
Counter : 1332 Pageviews.  

ตลาดอนุพันธ์ฯ ร่วมกับ บล. เอเซียพลัส จัดงานสัมมนา "รวย หุ้น & ฟิวเจอร์ส ด้วยเทคนิคอล" ในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555

ตลาดอนุพันธ์ฯ ร่วมกับ บล. เอเซียพลัส เชิญท่านร่วมงานสัมมนา "รวย หุ้น & ฟิวเจอร์ส ด้วยเทคนิคอล" ในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555 เวลา 09:30 - 12.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

กำหนดการ

9:30 น.   ลงทะเบียน

10:00 น. สัมมนา “รวย TFEX ด้วยเทคนิคอล”
     + Stock Futures ขุมทรัพย์เงินล้านที่นักเล่นหุ้นไม่รู้ 
     + เรียนรู้เทคนิคการใช้ Technical Analysis ในการจับสัญญาณซื้อขายหุ้น และฟิวเจอร์ส 
     + วิเคราะห์หุ้น และ Stock Futures ที่มีโอการสทำเงิน ในไตรมาส 3
     + เทคนิคและกลยุทธ์การซื้อขาย ที่ผู้ลงทุนไม่ควรพลาด
     + ระบบซื้อ-ขายที่ดี กับเทคนิคการใช้คำสั่ง Stop loss

     วิทยากร คุณเตชธร ลาภอุดมสุข
     ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ 
     บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน)

12:00 น. จบการสัมมนา





 

Create Date : 13 สิงหาคม 2555    
Last Update : 13 สิงหาคม 2555 21:51:04 น.
Counter : 1227 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  

xemmy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add xemmy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.