• ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี (Freeware/Shareware)
• การเงิน หุ้น เศรษฐกิจ และการลงทุน
• กลเม็ดเคล็ดลับ
• DIY - ทำเองก็ได้ง่ายจัง
• เล่นเกมส์ออนไลน์ (Online Game)
• ยานยนต์อัพเดท
• แผนที่สถานที่ต่างๆและรายงานสภาพจราจรขณะนี้
• เรื่อง Hot น่ารู้
• บันทึกกีฬาเด่น
• ข่าวด่วนล่าสุด
• ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว
• เนื้อร้อง/เนื้อเพลง
• ไอที อินเตอร์เน็ต มือถือ

บลจ.กรุงศรี เปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8% ทริกเกอร์ (KFEQ8-2) ตั้งเป้าผลตอบแทน 8% ภายใน 8 เดือน วันที่ 8 - 14 พ.ย. 55 นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัดเปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8% ทริกเกอร์ (KFEQ8-2) ที่มีการบริหารจัดการกองทุนแบบเชิงรุก เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีแนวโน้มการเติบโตสูง และจ่ายปันผลดีหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก โดยกองทุน KFEQ8-2 ได้ตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 8%ขึ้นไปหรือมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 10.91 บาท ต่อหน่วยต่อเนื่องกัน 5 วันทำการ หรือตามมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ครบอายุโครงการ ทั้งนี้ บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป "บริษัทเชื่อมั่นว่าแนวโน้มในระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นทิศทางขาขึ้น ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า แม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะมีความผันผวนของอยู่บ้างจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในราคาถูกและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งในส่วนของเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศตลาดเกิดใหม่ภายหลังมาตราการ QE3 และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2556 อาทิเช่น การที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการร่าง พรบ.กู้เงินลงทุนเพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาทเป็นระยะเวลา 7 ปี หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านได้ก็จะส่งผลให้ส่วนงานราชการต่างๆสามารถเดินหน้าโครงการก่อสร้างได้ตลอดระยะเวลา7 ปีข้างหน้าโดยไม่ต้องหยุดชะงักจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ส่งผลให้การลงทุนรวมเพิ่มขึ้น 15 – 20% หรือคิดเป็น 3 - 4% ของGDP รวมถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยมีอัตราการเติบโตที่ดี และการบริโภคภายในประเทศมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากนโยบายอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทที่จะเริ่มบังคับใช้ทั่วประเทศในปีหน้า" กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8%ทริกเกอร์ 2 (KFEQ8-2) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองโอกาสการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยและต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อโอกาสได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้งนี้ บริษัท ฯ คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น การจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่เหมาะสมกับกองทุน KFEQ8-2 จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน   Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 10:14:34 น. Counter : 1597 Pageviews.   Share Tweet

บลจ.ทิสโก้ เปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 7 ตั้งเป้าหมายทำกำไรไว้ที่ 6% ภายใน 1 ปี วันที่ 5 - 15 พ.ย. 2555 นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม TISCO Wealth จึงเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 7 (TISCO Special Bonus Fund 7)" ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และ/หรือเงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในหุ้นในประเทศอีกไม่เกิน 30% โดยตั้งเป้าหมายทำกำไรไว้ที่ 6% ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ TISCO Wealth ระบุว่า "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 7" เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน แต่ยังคงเน้นการลงทุนในแบบที่มีความเสี่ยงไม่สูงนัก โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอายุประมาณ 1 ปี และจะแบ่งสัดส่วนไม่เกิน 30% ลงทุนในหุ้นไทย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว โดยตลาดหุ้นไทยนับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าลงทุน เนื่องจากพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ซึ่ง TISCO Wealth ยังคงคาดเป้าหมายดัชนีปี 2556 ที่ 1,450 จุด และยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกสำหรับการลงทุนในระยะ 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากคาดแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงานซึ่งมีน้ำหนักสูงถึง 20% ของน้ำหนักตลาดหุ้นไทย รวมทั้ง คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จากสภาพคล่องที่ล้นระบบ ดังนั้นการลงทุนซึ่งมีการผสมหุ้นไทยอยู่ด้วยนั้นจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุน ซึ่งการลงทุนผ่าน "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 7" นี้จึงเป็นการตอบโจทย์การลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 7 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 6 % หรือหากหน่วยลงทุน (NAV)มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.60 บาท ณ วันทำการใด โดยกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดในวันทำการที่ 5 นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 5 - 15 พ.ย. 2555 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท ทั้งนี้ ผู้สนใจกองทุนดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4 "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน"   Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 6 พฤศจิกายน 2555 11:58:06 น. Counter : 1307 Pageviews.   Share Tweet

บลจ.กรุงไทย เปิดขายกองทุนเปิด KTAM SET Banking ETF Tracker (EBANK) วันที่ 1 — 9 พฤศจิกายน 2555 นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิด KTAM SET Banking ETF Tracker ภายใต้รหัส “EBANK" ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับดัชนี SET Banking Sector Index กองทุนแรกของประเทศไทย โดยมีช่วงการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 1 — 9 พฤศจิกายน 2555  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท (เพิ่มขึ้นป็นทวีคูณของ 1,000 บาท) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Banking Sector Index ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า “EBANK" จุดเด่นของกองทุน EBANK คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนี SET Banking Sector Index หลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 5 บาท และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมอื่นๆ นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี และมี บล.เอเซีย พลัส  เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง ดัชนี SET Banking Sector Index ประกอบด้วยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ 11 แห่งได้แก่ BAY BBL CIMBT KBANK KK KTB LHBANK SCB TCAP TISCO TMB โดยแบ่งอัตราส่วนตามมูลค่าตลาด และปัจจุบัน SET Banking Sector Index คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของดัชนี SET Index ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ดัชนี SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.67% ในขณะที่ดัชนีของหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น 36.06% โดยคาดว่าทางกลุ่มธนาคารน่าจะยังได้รับอานิสงส์จากสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตได้ดีทั้งจากสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME โดยสินเชื่อรายย่อยนั้นคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากทั้งนโยบายรถคันแรก และบ้านหลังแรก ขณะที่ SME ก็ยังเติบโตได้ดีจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ดีขึ้นจากนโยบายการขึ้นเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งการลดอัตราภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 23% ในปี 2555 และ 20% ในปี 2556 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารดีขึ้นอีกด้วย ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ บล.เคที ซิมิโก้ บล.เอเซีย พลัส และผู้ขายหน่วยลงทุนได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส  บล.คันทรี่กรุ๊ป  บล.ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)  บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)   Create Date : 03 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 14:34:34 น. Counter : 1920 Pageviews.   Share Tweet

บลจ.กรุงไทย เปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 56(KTSUPB56) วันที่ 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2555 นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 56(KTSUPB56) เสนอขายในวันที่ 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2555 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วน 88% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank, เงินฝากประจำ First Gulf Bank, MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. และ MTN ออกโดย Itau Unibanco S.A. และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก/ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย/ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85%ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 2( KTFIX6M2)ประเภท Roll Over เปิดซื้อขายรอบใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2555 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารธนชาต และไอซีบีซี ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.60%ต่อปี นายสมชัย กล่าวต่อว่า ภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในประเทศหลังจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนระยะสั้นรุ่นอายุ 1 เดือน - 1 ปี มีการปรับลดลงทุกช่วงอายุอยู่ระหว่าง 2 ถึง 4 bps.มาอยู่ที่ระดับ 2.77-2.84% สำหรับพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 6 เดือน ผลประมูลล่าสุดอยู่ที่ 2.82-2.839% ส่วนอัตราผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ประเภท 6 เดือนอยู่ระหว่าง 2.00-2.60% ธนาคารขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 2.00-3.25% เป็นอัตราก่อนหักภาษี ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะปรับลดลงมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และเงินฝากประจำอายุมากกว่า 6 เดือน ซึ่งบางธนาคารปรับลดลงมากกว่า 0.25% สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปถึงปีหน้า สำหรับภาวะการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และกระแสการไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่และประเทศในเอเชีย จึงทำให้แนวโน้มผลตอบแทนปรับลดลงในทิศทางเดียวกับผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารในประเทศ ทั้งนี้ ทั้ง 2 กองทุนที่บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ   Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 13:02:52 น. Counter : 1101 Pageviews.   Share Tweet

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดจองหุ้นกู้ด้อยสิทธิ อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี ตลอดอายุหุ้นกู้ วันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2555 นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (Subhak Siwaraksa, President and CEO, CIMB Thai Bank) กล่าวว่า ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน เปิดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท โดยจะเปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2555 สำหรับหุ้นกู้ชุดนี้ เป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มีผู้แทนถือหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ อายุ 10 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนด โดยมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 3,000 ล้านบาท "วัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี ครั้งนี้ ธนาคารจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เพื่อเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจของธนาคาร อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับประชาชนทั่วไปที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก การมาลงทุนกับหุ้นกู้ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มซีไอเอ็มบี ธนาคารครบวงจรชั้นนำระดับอาเซียน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ A+ (tha) โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)" นายสุภัค กล่าว ประชาชนและสถาบันที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777 หรือ //www.cimbthai.com/   Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 8:57:29 น. Counter : 1416 Pageviews.   Share Tweet

• Webmaster - BlogGang