ข่าวสารการเงิน หุ้น เศรษฐกิจ และการลงทุน ติดตามได้ที่ Facebook.com/ThaiMoneyNews

xemmy.bloggang.com

กรุณาเลือกหัวข้อที่ต้องการ => ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี เรื่อง Hot น่ารู้ ออมเงินที่ไหนดี ยานยนต์อัพเดท กลเม็ดเคล็ดลับ DIY-ทำเองก็ได้ง่ายจัง
Group Blog
 
All Blogs
 

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดขายหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.7% ต่อปี วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ครั้งที่ 1/2555 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2565 ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.7% ต่อปี โดยจะจำหน่ายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 ณ สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ

หุ้นกู้ที่ทางธนาคารเสนอขายในครั้งนี้เป็นประเภทด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ไม่แปลงสภาพ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้  และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.7% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยธนาคารมีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนดเมื่อครบปีที่ 5 หรือ ณ วันกำหนดชำระดอกเบี้ยใดๆ หลังจากวันครบรอบปีที่ 5 หากได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถจองซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับที่ระดับ A+ (tha) จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางการเงิน ผลประกอบการที่ดี เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของธนาคาร

มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “ธนาคารมีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกทั้งยังบรรลุก้าวย่างทางธุรกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนการลงทุนในด้านต่างๆ ของธนาคารในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งได้ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยขนาดสินทรัพย์รวมของธนาคารได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท สินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 6.3% และคุณภาพของพอร์ทสินเชื่อยังได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 18.1% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารลดลงมาอยู่ที่ 2.9% โดยเราคาดว่าจะธนาคารจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง”

“ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังคงอยู่ในระดับต่ำเช่นในปัจจุบัน ธนาคารได้นำเสนอหุ้นกู้ด้อยสิทธิเพื่อเป็นทางเลือกในการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิครั้งนี้เป็นการจัดหาเงินทุนระยะยาวเพื่อรองรับการเติบโตและขยายตัวทางธุรกิจแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าขนาดใหญ่ ลูกค้า SME และลูกค้ารายย่อย อีกทั้งยังเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร” มร. อาร์โนลด์ กล่าว

หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวอยู่ในระหว่างการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยธนาคารจะนำเสนอขายจำนวน 12,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองอีก 8,000 ล้านบาทสำหรับเสนอขายในกรณีที่มีความต้องการจากผู้ลงทุนสูง

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.0% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 11.5%




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2555    
Last Update : 17 ตุลาคม 2555 10:04:57 น.
Counter : 2312 Pageviews.  

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดโครงการเงินฝากเพื่อรายย่อย ฝากประจำ 4 เดือน ดอกเบี้ย 3% ต่อปี วันนี้ - 16 พ.ย. 55

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายธนาคารที่มุ่งขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยและส่งเสริมการออม จึงได้จัดทำ “โครงการเงินฝากเพื่อรายย่อย” เงินฝากประจำ 4 เดือน รับดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี เงื่อนไขเปิดบัญชีขั้นต่ำรายการละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท (สำหรับใบรับเงินฝากประจำฝากขั้นต่ำรายการละ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท) ทั้งนี้ ธนาคารกำหนดสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า 1 ราย ต่อ 1 บัญชี เท่านั้น และไม่รับฝากเพิ่ม ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน ศกนี้เท่านั้น  




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2555    
Last Update : 15 ตุลาคม 2555 15:07:30 น.
Counter : 1506 Pageviews.  

บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 55 ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 10 ภายใน 10 เดือน วันที่ 11-19 ตุลาคม 2555

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 55 หรือกองทุนเปิด SPOT55 เน้นลงทุนในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนร้อยละ 10 ภายใน 10 เดือน โดยมีลักษณะพิเศษคือ หากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 หรือกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุน 10.55 บาทขึ้นไป กองทุนเปิด SPOT55 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับคืนผลตอบแทนครั้งที่ 1 ในอัตราร้อยละ 5 ก่อน และบริษัทจัดการจะทำการบริหารเงินลงทุนเดิมเพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อจนเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุนตามเป้าหมายเพื่อรับผลตอบแทนอีกร้อยละ 5 ต่อไป

กลยุทธ์ของกองทุนเปิด SPOT55 จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการบริหารกองทุนแบบ Active ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงทีทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures  โดยเอ็มเอฟซีคาดว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสต่อการลงทุนของกองทุนเปิด SPOT55 ให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แก่สภาพคล่องภายในระบบที่เพิ่มสูงหลังจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ.ได้มีมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้แข็งแกร่ง จากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคภายในที่ดี ทำให้คาดว่ากำไรจะมีการขยายตัวในระดับที่สูงต่อเนื่องได้จากปีก่อนหน้า

ทั้งนี้กองทุนเปิด SPOT55 จะเป็นการต่อยอดการลงทุนของผู้สนใจลงทุนในทาร์เก็ตฟันด์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทาร์เก็ตฟันด์ของเอ็มเอฟซีได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายถึง 2 กองทุนรวดเป็นกองทุนที่ 6 และ 7 ของปีนี้ คือ กองทุนเปิด SPOT7S8 ที่มอบผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนร้อยละ 7.10 หรือ 10.71 บาทต่อหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา และล่าสุดกองทุนเปิด SPOT7S7 ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 7 หรือประมาณ 10.70 บาทต่อหน่วยลงทุนภายในวันที่ 11 ตุลาคมนี้  

กองทุนเปิด SPOT55 เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง นักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่ //www.mfcfund.com หรือสาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โทร. 02-835-3055-57 

กรรมการผู้จัดการเอ็มเอฟซีกล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็มเอฟซีในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้านทาร์เก็ตฟันด์มานานกว่า 10 ปี และประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติบริหารทาร์เก็ตฟันด์ให้ได้ตามเป้าหมายถึง 29 กองทุนด้วยกัน ซึ่งปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองที่ทาร์เก็ตฟันด์จำนวน 8 กองทุนของเอ็มเอฟซีสามารถมอบผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้  สำหรับกองทุนเปิด SPOT55 เอ็มเอฟซีเชื่อว่าจากปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทย จะเป็นโอกาสในการสร้างความสำเร็จของกองทุนดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2555    
Last Update : 13 ตุลาคม 2555 7:30:07 น.
Counter : 1329 Pageviews.  

บลจ.กรุงไทยเปิดขาย 3 กองทุน อิควิตี้ อินเด็กซ์ ลิงค์, กรุงไทยธนทรัพย์ และ สมาร์ท อินเวส วันที่ 8-12 ตุลาคม 2555

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเคแทม อิควิตี้ อินเด็กซ์ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 2 ปี (KTEL2 Y ) ในวันที่ 8-12 ตุลาคม 2555 อายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท เงินลงทุนขึ้นต่ำ 10,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารทางการเงินที่เสนอขายทั้งในและต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อมุ่งให้เติบโตเป็น 100% ของเงินลงทุน โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนนี้จะกระจายการลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินต่างประเทศ สกุล AED และ/หรือ สกุล USD ประมาณ 40% เช่น เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank , Bank of China , ตราสารหนี้ของ Macquarie Group Ltd. และส่วนที่เหลือจะเลือกลงทุนในตั๋วแลกเงิน / หุ้นกู้สถาบันการเงินหรือบริษัทเอกชนในประเทศไทย เช่น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาติ ธนาคารไอซีบีซีไทย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ บมจ.บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส บมจ.ศุภาลัย เป็นต้น รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับผลตอบแทนจากราคาหน่วยลงทุนประเภท ETF ของ Energy Select Sector SPDR Fund (XLE)

เงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทน โดยจะจ่ายผลตอบแทนทุกๆ1 ปี พิจารณาจาก 3 กรณี ดังนี้ กรณีที่1 ราคาปิดของสินทรัพย์อ้างอิง ( SET 50 ) เพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ30% ของราคาเริ่มต้น ณ สิ้นวันใดวันหนึ่งในช่วงการจ่ายผลตอบแทนทุกๆ1ปี ของอายุกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผตอบแทนประมาณ 1.75% กรณีที่ 2 ราคาปิดของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันสิ้นสุดในแต่ละช่วงการจ่ายผลตอบแทนทุกๆ1ปี ( Final Price ) เพิ่มขึ้นมากกว่าราคาเริ่มต้น แต่ไม่ถึง 30% ของราคาเริ่มต้น ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 0.01-19.49% และในกรณีที่ 3 ราคาปิดของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันสิ้นสุดอายุในแต่ละช่วงการจ่ายผลตอบแทนทุกๆ 1 ปี

( Final price ) เท่ากับหรือน้อยกว่าราคาเริ่มต้น ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 0%
ฝ่ายวิจัยของบริษัท ได้ประเมินเป้าหมายดัชนี ในปี2556 อยู่ที่ 1,479 จุด ค่า PE อยู่ที่ 13.5เท่า โดยคาดว่าจะปรับตัวสูงกว่าปีนี้ ประมาณ 15% ทั้งนี้ จากการสถิติที่ผ่านมา ในปี 2550 การแกว่งตัวของดัชนีค่า PE เฉลี่ยสูงสุดที่ 14 เท่า และต่ำสุดเฉลี่ยที่ 9 เท่า ดังนั้น ในระหว่างปี 2556 ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 1,550 จุด และต่ำสุดที่ 996 จุด นอกจากนี้ ในปี 2552 และ 2553 ตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนสูงถึง 63% และ41 % ตามลำดับ ซึ่ง เป็นปีที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ในขณะที่ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในช่วงการเติบโตที่มีเสถียรภาพ โดยผลประกอบการจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 54 ( KTSUPB54 ) ในวันที่ 8-16 ตุลาคม 2555 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท นโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากประจำของ Abu Dhabi Commercial Bank , The Commercial bank of Qatar , Union Nation Bank , MTN ออกโดย Banco Santander Brazil S.A. , MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. ในสัดส่วน 77% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย / ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี

พร้อมทั้งเปิดจำหน่ายกองทุน เปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 ( KTSIV3M1 ) เสนอขาย วันที่ 8-12 ตุลาคม 2555 เน้นลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก 42% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่อันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2555    
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 22:38:21 น.
Counter : 1241 Pageviews.  

บลจ.ทิสโก้ เปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 9% กองที่ 7 วันที่ 9 – 19 ตุลาคม 2555

TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม TISCO Wealth  จึงเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 9% #7 (TISCO Asia Pacific ex Japan Trigger 9% #7) โดยเน้นลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan

โดย TISCO Wealth แนะนำกลยุทธ์การลงทุนว่า ตลาดหุ้นยังคงน่าสนใจในการลงทุน เพราะนอกเหนือจากสภาพคล่องที่ล้นระบบแล้ว ถ้าพิจารณาถึงราคาหุ้นพบว่า ราคาหุ้นทั่วโลกถูกเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา รวมทั้ง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าการฝากเงิน ดังนั้น การลงทุนตลาดหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนตอนนี้  โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น (APxJ) เป็นภูมิภาคที่แข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เนื่องจาก เป็นภูมิภาคที่อุปสงค์แข็งแกร่งภายในภูมิภาคด้วยกันเอง  ขณะที่ปริมาณเงินสำรองระดับสูง และหนี้สาธารณะต่อ GDP ในระดับต่ำ นอกจากนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เริ่มกลับมาปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกมีการปรับแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนลง ทั้งนี้ คาดว่าเป็นผลจากนักวิเคราะห์เริ่มคลายความกังวลกับปัญหาในยุโรปและสหรัฐฯ มากขึ้น

โดย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 9% กองที่ 7” มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 9 เดือน   โดยสามารถปิดกองคืนเงินผู้ถือหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดหากทำกำไรได้ 9% หรือหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.90 บาท โดยจะเสนอขายเพียงครั้งเดียว (ไอพีโอ) ในระหว่างวันที่ 9 – 19 ตุลาคม 2555  ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา  มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ  5,000 บาท




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2555    
Last Update : 9 ตุลาคม 2555 10:18:05 น.
Counter : 1624 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  

xemmy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add xemmy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.