ชวนชิม หอยทอด จานอร่อย หอยทอด (ครัวบ้านพิม) เวลาเราไปกินหอยทอดร้านไหน เราก็มักจะเห็นเค้าขายหอยทอดคู่กับผัดไทเสมอ ๆ แต่วันนี้พิมมาขายหอยทอดแบบเดี่ยว ๆ ค่ะ ^^ ใครสนใจเมนูหอยทอดที่ทำง่าย ๆ สไตล์พิม ก็ตามมาเลยนะคะ ก่อนจะลงมือทำ .... มาดูหน้าตาของหอยทอดที่พิมทำกันก่อนนะคะ ... (ประมาณว่าทำเสร็จแล้ว จะออกมาหน้าตาแบบนี้เลย) เมื่อดูหน้าตากันไปแล้ว ต่อมาก็มาดูส่วนผสมและวิธีการทำกันค่ะ ... อ้อ ๆ ลืมบอกไปว่า หอยทอดเนี่ย ...พิมขอแบ่งส่วนผสมและวิธีการเตรียมออกเป็น 3 ส่วนนะคะ ก็คือ - ส่วนแป้งทอด + หอย - ส่วนถั่วงอก ที่เราจะนำมาใช้กินกับหอยทอด ... และก็ที่ขาดไม่ได้ - ส่วนน้ำจิ้มค่ะ.... ส่วนแป้งทอด + หอย เริ่มแรกก็เป็นส่วนของแป้งทอด กับหอย ..... เรามาดูที่หอยกันก่อนล่ะกันนะคะ ... หอยเนี่ย เราใช้หอยแมลงภู่ค่ะ เอาตัวโต ๆ หน่อย เวลากินจะได้เต็มปากเต็มคำ ^__^ พิมเลือกซื้อที่เขาแกะมาแล้ว กิโลละ 50 บาท (ราคาที่ตลาดสด) ใครจะซื้อแบบแกะแล้วอย่างพิมมาเลย หรือจะซื้อหอยทั้งตัวมาแกะเอาเองก็ได้ค่ะ (แต่วิธีแบบพิม สะดวกกว่าเยอะะะะะ) พอซื้อหอยกลับมาบ้านแล้ว ก็จัดการนำมาล้างน้ำสัก 1-2 น้ำ บางทีมีเศษเปลือกหอยติดมา ก็อย่าลืมเก็บออกด้วยนะคะ .... แล้วก็ใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ พอเตรียมหอยเสร็จ ....ก็มาเตรียมส่วนของแป้งกันต่อ แป้งสำหรับใช้ทอดหอยทอดเนี่ย จริง ๆ แล้ว...ตาม Supermarket ทั่วไปเค้าจะมีขายเป็นแบบสำเร็จรูปเลยค่ะ ถุงนึงราว 30 บาท พิมเองจริง ๆ ก็เคยซื้อมาใช้หลายครั้งอยู่ ซื้อมาแล้วก็ผสมน้ำตามอัตราส่วนที่เขาระบุไว้ข้างถุง ออกมากำลังดีเชียวค่ะ ไม่ผิดหวัง แต่ทีนี้บางคนที่หาซื้อไม่ได้ หรือบ้านอยู่ไกล Super วันนี้พิมก็มีวิธีการผสมแป้งเอง แบบไม่ต้องพึ่งแป้งหอยทอดสำเร็จรูปมาฝากกันค่ะ โดยส่วนผสมแป้งหอยทอดที่เอามาฝากกัน และเป็นแป้งหอยทอดที่พิมใช้ทอดจริง ๆ ในวันนี้ .... ก็เลยมีตามนี้ค่ะ :: ส่วนผสมแป้งหอยทอด :: - แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย - แป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วย - แป้งท้าวยายม่อม 1/4 ถ้วย (ถ้าไม่มีใช้แป้งข้าวโพดแทน) - น้ำเย็นจัด 1 1/2 - 2 ถ้วย วิธีผสมแป้งก็ง่าย ๆ เลยค่ะ .... โดยให้เราผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกันก่อนนะคะ แล้วก็ค่อย ๆ รินน้ำเย็นจัดใส่ลงไป เอาทัพพีคน ๆ ให้เข้ากันดี พอให้ไม่เป็นเม็ด ก็ใช้ได้แล้วค่ะ หรือบางคนที่ชอบแป้งฟู ๆ หน่อย อาจจะเพิ่มผงฟูลงไปสักปลายช้อนชาก็ได้นะคะ และสำหรับคนที่ชอบต้นหอม (อย่างพิม) ก็สามารถที่จะเอาต้นหอมซอย ๆ (เฉพาะใบ) ใส่ลงไปในแป้งหอยทอด เพื่อให้มีกลิ่นที่ชอบ และสีสันที่สวยงามได้ด้วยค่ะ นี่ค่ะ ... แป้งหอยทอดที่พิมผสมเอาไว้ หน้าตาประมาณนี้เลย ส่วนของถั่วงอก ที่ใช้กินกับหอยทอด เมื่อเตรียมส่วนแป้ง กับหอยเสร็จแล้ว ... ก็พักไว้ก่อน หันมาเตรียมส่วนที่ 2 ซึ่งก็คือส่วนของถั่วงอกกันต่อค่ะ โดยปกติวิธีเตรียมถั่วงอกสำหรับกินกับหอยทอด ก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ แค่เอาถั่วงอกที่เราซื้อมาจากตลาด เก็บเปลือกถั่วดำ ๆ ที่ติดมาทิ้งไป แล้วก็ล้างน้ำสะอาดซะ 1 น้ำค่ะ จากนั้นเอาใส่ตะกร้าโปร่ง ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ ระหว่างรอถั่วงอกสะเด็ดน้ำ ก็หันไปทุบกระเทียมสัก 1-2 กลีบต่อจาน สับละเอียด ๆ นะคะ ... พอถั่วงอกสะเด็ดน้ำ ก็ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันไปเล็กน้อย แค่พอติด ๆ กระทะ พอน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมลงไป ผัด ๆ สักแป๊บ ก็ใส่ถั่วงอกลงไปเลยค่ะ เติมซีอิ๊วขาวนิดนึง น้ำมันหอยนิดนึง พริกไทยนิดนึง ... แล้วก็ผัด ๆ ให้ถั่วงอกสลด ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ ป.ล. ส่วนนี้พิมไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะตอนทำฝนตกพอดี ก็มัวแต่วิ่งวุ่น ๆ เก็บผ้า ก็เลยลืมถ่าย -*- ส่วนของน้ำจิ้ม จากนั้นก็มาดูส่วนที่ 3 กัน ....... เป็นส่วนของน้ำจิ้มค่ะ น้ำจิ้มหอยทอดโดยทั่วไป หลายคนที่ทำทานกันที่บ้าน ก็มักจะจิ้มหรือราดด้วยซอสพริกซะมาก ... แต่ในความรู้สึกพิม คิดว่า....รสชาติซอสพริกเพียว ๆ มันเด่นเกินจนกลบรสชาติของหอยทอดไปซะหมดค่ะ ... ส่วนตัวก็เลยปรับปรุงซักนิด โดยการนำซอสพริกไปผสมกับน้ำจิ้มไก่ค่ะ ออกมาได้รสชาติเข้ากับหอยทอดมาก ๆ เลย โดยน้ำจิ้มไก่ที่พิมใช้ คือ ยี่ห้อพันท้ายนรสิงห์ ส่วนซอสพริกก็ยี่ห้อม้าบินแบบเผ็ดมากค่ะ ... ผสม ๆ กัน สัดส่วนเอาตามชอบเลยนะคะ ... หากชอบเผ็ดหน่อย ใช้ซอสพริกเยอะกว่าน้ำจิ้มไก่ค่ะ แต่ถ้าชอบหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ก็ให้ใส่น้ำจิ้มไก่มากกว่าซอสพริกค่ะ ... จะออกมารสเผ็ด ๆ หวานนิด ๆ ไม่ข้นไม่ใสเกินไป อร่อยดีอ่าค่ะ พอเตรียมน้ำจิ้ม เตรียมแป้ง เตรียมหอย เตรียมผักเสร็จ ก็มาเตรียมตัวทอดกันเลยนะคะ เริ่มแรก .... ก็ตั้งกระทะบนเตาไฟค่ะ .... ใครมีกระทะก้นลึกใช้ก้นลึก ใครมีก้นแบน ใช้ก้นแบนนะคะ (แต่ก้นแบนดีกว่าอ่า) .... แล้วก็ใส่น้ำมันไปพอประมาณ หากชอบแบบหอยกรอบ ๆ ใส่น้ำมันเยอะหน่อยค่ะ จะได้เป็นแบบทอดหอยไปเลย ^^ ระหว่างรอน้ำมันและกระทะร้อน ..... ก็จัดการตักส่วนผสมแป้งที่เราเตรียมเอาไว้ในตอนแรก ใส่ลงในถ้วยสักใบค่ะ ตักใส่สัก 2-3 ทัพพี กะประมาณว่าให้ทอดออกมาแล้วได้สักขนาด 1 จานอ่าค่ะ ......... อ้อ ๆ ... ก่อนจะตักส่วนผสมแป้ง ใช้ทัพพีคนก่อนนะคะ เพราะว่าเราผสมแป้งไว้พักนึงแล้ว เมื่อทิ้งระยะ แป้งมันจะนอนก้นน่ะค่ะ แล้วก็หยิบหอยแมลงภู่ที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงไปเลยค่ะ จำนวนตัวเนี่ย แล้วแต่ชอบ ชอบมากใส่มาก .... แล้วก็คน ๆ ให้เข้ากัน พอน้ำมันร้อน ...... กระทะร้อน ... จัดการเทแป้งในถ้วยลงในกระทะเลยค่ะ เทแบบสาด ๆ .ให้ทั่วกระทะนะคะ แป้งจะได้ไม่หนาอยู่ตรงที่ใดที่หนึ่ง พอเทแป้งลงกระทะปุ๊บ ก็จัดการตอกไข่ใส่ลงไป 1 ใบเลยค่ะ จะใช้ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ก็ได้ ... แต่ถ้าเป็นไข่เป็ด จะออกมากรอบกว่านะคะ ตอกไข่ลงไปแล้ว เอาปลายตะหลิวยี ๆ ให้ไข่แดงแตกกระจายปนกับไข่ขาว และให้อยู่ทั่ว ๆ บนแผ่นแป้งหอยทอดแบบในรูปนี้นะคะ จากนั้นรอให้ด้านล่างสุก และเริ่มเป็นแผ่น ๆ สักนิด ..... ก็เอาตะหลิวเนี่ยนะคะ ฉีก ๆ แป้งหอยทอดให้แยกเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย สัก 3-4 ชิ้น (ใช้ตะหลิว 2 อัน จะสะดวก และง่ายมาก ๆ เลยค่ะ) แล้วก็ปล่อยไว้สักแป๊บค่ะ (ใช้ไฟกลางนะคะ) พอแป้งหอยทอดข้างนึงเริ่มเซ็ตตัว (คือเริ่มเป็นแผ่น ๆ) ก็จัดการกลับแผ่นแป้งอีกข้างลงทอดนะคะ ใช้ตะหลิว 2 อันช่วย จะกลับได้ง่ายมาก ๆ เลยอ่าค่ะ ... ที่สำคัญ ดูเป็นมือโปรด้วย คิคิ แล้วก็ทอดไปอีกสักแป๊บค่ะ ... จนมีความนุ่มกรอบตามต้องการ ก็จัดการตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันเลยค่ะ หรือใครจะใช้ตัวช่วยคือกระดาษซับมัน ก็ได้อ่ะ แต่เนื่องจากพิมใช้กระทะเล็ก ๆ แบบนี้ และหอยทอดในกระทะก็มีไม่เยอะ ก็เลยเอียง ๆ กระทะเอาแบบนี้ และพักไว้จนน้ำมันไม่หยดลงมา ... อ่ะค่ะ จากนั้นก็ตักใส่จานเลยค่ะ ... แต่ก่อนจะเอาหอยทอดใส่จาน อย่าลืมรองก้นจานด้วยถั่วงอกที่เราผัดกับกระเทียมเจียวไว้ก่อน ... ด้วยนะคะ หรือใครจะเอาถั่วงอกที่เราทำไว้แล้วลงไปผัดกับหอยทอดเลย ก็ได้ค่ะ ^^ สุดท้ายแล้ว ....... เราก็จะได้หอยทอดออกมาหน้าตาน่าทานแบบนี้ล่ะค่ะ (เข้าข้างตัวเองจริง ๆ โฮะๆ) ว่าแล้ว ... ก็เอาน้ำจิ้มหอยทอด ราดดดดดดดดดดด ลงไปเลยค่ะ แบบนี้ ... อร่อยที่ซู้ดดดดด กิน 3 จานก็ยังไม่พอ .... ใครสนใจก็ลองเอาไปทำดูได้เลยนะคะ ^^ ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก   Create Date : 09 กันยายน 2554     2 comment Last Update : 9 กันยายน 2554 21:59:26 น.     Counter : 2595 Pageviews.   Share Tweet

ขนมจีนหล่ม เจ๊แร่ ไม่แน่คงอยู่ไม่ได้มากกว่า 50 ปี ได้รับทราบคำตัดสินของศาลโลกแล้วทำให้เราใจชื่นขึ้นบ้าง เราคงไม่เสียดินแดนไปในช่วงเวลาอันสั้นนี้ แต่คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเราเสียดินแดนแบบโง่ๆ หรือ ตั้งใจโง่ให้เสียดินแดน บรรยากาศการเมืองในช่วงนี้ดูท่าจะใกล้จะหยุดขุ่นเสียที เอาเป็นว่าข้างฝ่ายแพ้ก็ให้ทางฝ่ายที่เขาชนะทำงานเสียก่อนแล้วค่อยติเตียน กัน เล่นกันตั้งแต่ไก่โห่อย่างนี้มันจะจบอย่างไร ผมไม่อยากให้เสียภาพ”แพ้แล้วชวนตี” ครับผม ส่วนสัปดาห์นี้ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองเพชรบูรณ์ เมืองสงบ เงียบ ดินแดนที่น่าอยู่มากครับ ได้ไปบนเขาค้อตอนแรกคิดว่าอากาศคงร้อนแน่ๆ แต่ที่ไหนได้กลับเย็นสบาย ถามเจ้าของที่บอกว่าอากาศเย็นอย่างนี้ตลอดปีครับ ส่วนหน้าหนาวจัดหนักหนาวเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนอาหารก็อร่อย มาครั้งนี้ต้องของขอบคุณน้องต่อ (น้องสาวที่อยู่ทีโอที ยอดฝีมือแต่เจ้านายไม่เห็นคุณค่า) หาบ้านที่พักให้ในช่วงหยุดยาวครั้งนี้ ได้ที่พักไร่เจริญผล ของผกก.วิวัฒน์ เป็นจุดที่สวยที่สุดเห็นทะเลหมอก มีจุดนี้จุดเดียวครับที่จะเห็นแบบนี้ แต่มาครั้งนี้ได้ไปเยือน อ.หล่มสัก โดยมีเฮียเฮง (สท.ทวีชัย พรสุพรรณวงศ์) ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีครับ ได้ชิมอาหารหลายอย่าง ถ้าจะว่าไปแล้วมาหล่มสักไม่ได้กินขนมจีนถือว่ามาไม่ถึง ร้านที่จะพาไปกินได้ชื่อว่าเป็นของกินเข้าโต๊ะเสวย บอกก็ได้ร้านชื่อ ขนมจีนเจ๊แร่ เขาขึ้นชื่อจริงๆ มาสั่งกันเลยดีกว่า รวมโต๊ะครั้งนี้มีน้องต่อแสนสวยเป็นผู้จัดการรายการอาหาร บนโต๊ะมีน้ำขนมจีนอยู่ 5 หม้อ มีทั้งน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำยาปักษ์ใต้ น้ำพริก และน้ำต้มปลาร้า (ที่นี่เขาคิดค่าขนมจีนกับผักส่วนน้ำขนมจีนจัดไปแล้วแต่ชอบครับ) เส้นของที่นี่เป็นเส้นขนมจีนสดผสมสมุนไพร มีทั้งอัญชัน แครอท ใบเตย และเส้นขนมจีน ได้มากินครั้งนี้ผมกินได่้แต่น้ำยากะทิและน้ำพริกเท่านั้น อย่างอื่นคงต้องปล่อยให้สาวๆกินไป กินไม่เป็นครับ ได้แต่ ลองนิดๆหน่อยๆ บอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี เอาว่าไม่วิจารณ์ดีกว่า แต่ทั้งสองน้ำที่กินต้องบอกว่าอร่อยมากครับชอบที่เดียว ส่วนเครื่องเคียงที่เป็นผักต่างๆครบครันแต่น้อยกว่าขนมจีบปักษ์ใต้ อันนั้นผักเพียบ เผ็ดจนเข็ดจากวันนั้นมาถึงทุกวันนี้ ผมเลยไม่ค่อยกล้ากิน ร้านนี้มีของอร่อยอีกอย่างคือ ลูกชิ้นปูทอด เด็ดเลยครับ มากินแกล้มเป็นเรื่องเป็นราวเลยที่เดียว ร้านนี้ไปไม่อยาก เข้ามาทางตัวเมืองหล่มสัก มาถึงแยกที่จะไปวัดคาทอลิก เลี้ยวไปทางขวาตรงข้ามไปอีกหนึ่งแยก ร้านอยู่ที่ขวา เห็นแล้วลุยได้เลยครับ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 11 ในซอยปฏิภาค (ซอยวจี 13) ถนนวจี อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. โทร 056-701988,084-0495298 เจ๊เขาจัดเต็มครับ Rating : ชาตินี้ต้องกิน เรื่องและภาพโดย ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส) www.facebook.com/baypalace   Create Date : 08 กันยายน 2554     1 comment Last Update : 8 กันยายน 2554 20:45:51 น.     Counter : 1558 Pageviews.   Share Tweet

ภาพ อาหาร ภาพถ่ายอาหารนานาชาติ สวย ยั่วน้ำลายที่สุด   Create Date : 07 กันยายน 2554     1 comment Last Update : 7 กันยายน 2554 20:39:09 น.     Counter : 3185 Pageviews.   Share Tweet

ขนมข้าวเกรียบอ่อน... ขนมขึ้นชื่อเมืองกรุงเก่า เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Thai PBS นอกจาก "อาหารไทย" จะเป็นที่ถูกใจของชาวไทย และชาวต่างชาติหลาย ๆ คนแล้ว "ขนมไทย" ที่มีสีสันสดใส แถมยังมีรสชาติถูกปากก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ติดใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่เช่นกัน และหากใครได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องไม่พลาดที่จะไปลองชิม"ขนมข้าวเกรียบอ่อน" ขนมขึ้นชื่อของเมืองกรุงเก่าเขาด้วยล่ะ ว่าแต่...ใครไม่รู้จัก "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" ยกมือขึ้น!!! อิอิ เห็นยกมือกันหลายคนแบบนี้ สงสัยว่าต้องพาไปรู้จัก "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" ขนมไทยอร่อย ๆ อีกหนึ่งชนิดแล้วล่ะจ้า สำหรับ "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" ถ้ามองจากภายนอกรูปร่าง หน้าตา สีสันแล้ว ดู ๆ ไปก็จะเห็นว่า คล้าย ๆ กับ "ขนมถั่วแปบ" แต่ความแตกต่างของขนมทั้งสองชนิดอยู่ตรงที่แป้งที่นำมาใช้ทำขนม โดย "ขนมถั่วแปบ" จะใช้แป้งข้าวเหนียว ส่วน "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" จะใช้แป้งข้าวเจ้า กับแป้งมันผสมกัน ว่าแล้ว...เราก็มาเริ่มลงมือทำ "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" กันเลยดีกว่าจ้า ซึ่งวิธีการทำก็คล้าย ๆ กับ "ขนมข้าวเกรียบปากหม้อ" แต่ต่างกันตรงไส้ที่ห่อในแป้งนั่นเอง ก่อนอื่นต้องเตรียมส่วนผสมกัน ซึ่งก็มี แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน สีผสมอาหารจากธรรมชาติ มะพร้าวทึนทึกขูดขาว (นึ่งให้สุก เพื่อจะได้ไม่บูดง่าย) ถั่วเหลือง (นำไปนึ่งในรังถึงจนถั่วสุก) งาขาว หรืองาดำ (คั่วด้วยไฟอ่อนแล้วบดเบา ๆ ให้แตก เพื่อให้งามีกลิ่นหอม) น้ำตาลทราย หม้อนึ่งที่ขึงผ้า (เหมือนหม้อที่ใช้ทำข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผ้าควรทำจากผ้าเทโร) เมื่อเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ก็มาลงมือทำกันได้เลย เริ่มจาก 1. ตักแป้งข้าวเจ้า 3 ช้อน มาผสมกับแป้งมัน 3 ช้อน แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นผสมน้ำเย็นลงไป แล้วคนไปเรื่อย ๆ ให้แป้งเหนียว 2. เมื่อแป้งนิ่มแล้ว ให้ผสมสีลงไปในแป้งเพื่อให้มีสีสันสวยงามตามใจชอบ แล้วคนให้เข้ากัน หากผสมสีแล้วสีเข้มเกินไปก็ให้ใส่แป้งผสมลงไปเพิ่มได้ แล้วพักไว้ 3. ผสมงาขาวและน้ำตาล คนให้เข้ากัน 4. ใส่น้ำลงในหม้อประมาณ 3/4 ของหม้อ แล้วตั้งไฟให้เดือด 5. ตักแป้งที่ผสมไว้ละเลงลงไปบนผ้าให้เป็นแผ่นกลม ๆ บาง ๆ เกลี่ยให้ทั่วแล้วปิดฝาทิ้งไว้ 1-2 นาที 6. เมื่อเปิดฝา แป้งสุกแล้ว ใส่ถั่วเหลือง หรือไส้ที่เตรียมไว้ลงไปตรงกลางแป้ง 7. ใช้พายจุ่มน้ำ หรือไม้แซะแป้งพับเป็นรูปครึ่งวงกลม แล้วแซะแป้งขึ้นห่อไส้ให้เป็นชิ้นแล้วตักออกจากหม้อ ก็จะได้ขนมข้าวเกรียบอ่อน 1 ชิ้นแล้ว ทีนี้จะทำอีกกี่ชิ้น ก็ทำตามวิธีการเดียวกันได้เลยค่ะ 8. เมื่อทำตัวแป้งเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็จัดใส่จาน หรือกระทงใบตอง แล้วโรยด้วยมะพร้าวขูด ตามด้วยงาขาวและน้ำตาลทรายที่ผสมกันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทุกอย่าง เราก็จะได้ "ขนมข้าวเกรียบอ่อน" ที่ทั้งนุ่ม หอม แถมอร่อยแล้วล่ะจ้า แหม...น่าทานจริง ๆ ขอแวบไปชิมก่อนล่ะ...   Create Date : 06 กันยายน 2554     1 comment Last Update : 6 กันยายน 2554 20:54:48 น.     Counter : 3325 Pageviews.   Share Tweet

ทานสเต๊กอย่างถูกวิธี สำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการเข้าสังคมบ่อย ๆ การสั่งหรือรับประทานเมนูสเต๊กก็คงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่คนที่ไม่ชำนาญ วันนี้มีวิธีกินสเต๊กให้ถูกวิธีมาฝาก ก่อนอื่นเมื่อจะสั่งสเต๊ก ที่มีให้เลือกทานหลากหลายแบบ ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับสเต๊กก่อน โดยสเต๊กมีด้วยกันหลายประเภทและมีชื่อเรียกเฉพาะแตกต่างกัน เช่น เนื้อสันใน เรียกว่า ฟิเลท์ (filet), ซี่โครง เรียกว่า ริบสเต๊ก (rib steak), เนื้อสันในติดเนื้อสันนอก เรียกว่า ทีโบนสเต๊ก (T-bone steak) เป็นต้น ขั้นต่อมา คนรับออเดอร์จะถามระดับความสุกของเนื้อที่จะรับประทานว่าต้องการสุกแค่ไหน โดยมีระดับความสุกให้เลือกดังนี้ rare คือ ค่อนข้างดิบ, medium rare คือ กึ่งสุกกึ่งดิบ, medium คือ ตรงกลางยังไม่ค่อยสุก และ welldone คือ สุก เมื่อสเต๊กพร้อมเสริ์ฟแล้วก็ถึงขั้นตอนการรับประทาน ง่าย ๆ คือ ใช้มือซ้ายถือส้อม มือขวาถือมีด ให้หั่นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาส้อมจิ้มเข้าปาก ควรหั่นและรับประทานทีละคำ ไม่ควรหั่นไว้ทีเดียวทั้งหมด แล้วค่อยจิ้มทาน เพราะถือเป็นการผิดมารยาท โดยในร้านที่เป็นทางการนั้น จะไม่นิยมปรุงสเต๊กเพิ่มเติมจากที่เสิร์ฟมาเลย ถือว่าเป็นการให้เกียรติเชฟที่ทำมาอร่อยแล้ว โดยทั่วไปจะไม่จิ้มสเต๊กกับสิ่งที่มีรสจัดมาก เพราะจะทำให้รสชาติของเนื้อสเต๊กที่หอมหวานในตัวเองสูญเสียไป เนื่องจากสเต๊กที่สั่งก็จะมีน้ำเกรวี่เฉพาะราดมาให้อยู่แล้ว. ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์   Create Date : 05 กันยายน 2554     0 comment Last Update : 5 กันยายน 2554 20:40:15 น.     Counter : 1517 Pageviews.   Share Tweet