เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

มาทำกิมจิ ผักดองกรอบๆๆ กรุบๆๆ กันเถอะ มีสูตรให้ด้วยนะจ๊ะ

ช่วงนี้ผักค่อนข้างราคาถูกครับ ผักค่อนข้างเยอะ
เวลาเดินตลาดแล้วทำให้คิดถึงอาหารแสนโปรดปรานของผมอย่างหนึ่งครับ
วันนี้ผมจะมาชวนเพื่อนลองทำกิมจิ ผักดองสไตล์เกาหลี
อาหารเพื่อสุขภาพกันครับ สูตรนี้เป็นสูตรที่เพื่อนชาวญี่ปุ่น
เพื่อนร่วมหอพักเดียวกันสอนให้กับผม
เพื่อนของผมคนนี้เค้าสอนให้ผมเมื่อหลายปีก่อนครับ ช่วงสมัยเรียน
ผมอยู่หอพักร่วมกับเพื่อนๆๆต่างชาติ เวลาว่างๆๆ
ผมชอบสอนอาหารไทยให้กับเพื่อนๆๆทาน
และเพื่อนๆๆเค้าก็จะสอนอาหารญี่ปุ่นให้กับผมเป็นการแลกเปลี่ยนกัน
เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารกัน ระหว่างที่สอนเค้าทำอาหาร
ผมก็ะพยามเล่าเรื่องราวความเป็นอยุ่ของไทยให้คนญี่ปุ่นฟัง (คนญี่ปุ่นบางคน
ยังเชื่อว่า คนไทยยังกินข้าวด้วยมือ ไม่มีช้อนส้อมใช้กัน)

สำหรับ
สูตรกิมจิอันนี้ เป็นสูตรที่ผมดัดแปลงนิดหน่อยครับ
เนื่องจากผมไม่ชอบสไตล์เกาหลีแท้ๆๆ มันเหม็นคาวและเค็มมาก
เพราะสูตรเกาหลีจริงๆๆ เค้าจะใส่ปลาหมึกและน้ำปลาค่อนข้างเยอะ
ผมก็เลยลองดัดแปลงให้เข้ากับรสชาดแบบไทยๆๆครับ
(เพื่อนชาวญี่ปุ่นผมยืนยันแล้ว่า
สูตรของผมใช้ได้...ซึ่งเป็นสุตรที่ชาวญี่ปุ่นชอบทำกัน)

ใครเคยดุแด
จังกึม ก็คงจะคิดถึงละครทีวียอดฮิตเกาหลีเรื่องนี้กันนะครับ
วันนี้ผมขอนำท่านหวนรำลึกถึงกลินไอเกาลีกันอีกครั้ง กับ ละครแดจังกิ๊ ตอน ทำกิมจิกันดีกว่า...

วิธีการทำค่อนข้างง่ายครับ ลองมาดูกันเลยครับ



สูตรนี้ทำแล้วจะได้ผักดองประมาณ 3-4 กิโลกรัม


เครื่องปรุง


  1. ผัดกาดขาว 4 กก.

  2. หัวใชเท้า 0.5 กก.

  3. เกลือ 5 ชต.

  4. น้ำปลา 5 ชต.

  5. กระเทียมสดบด 3 ชต.

  6. ขิงสดบด 3 ชต

  7. ต้นหอมประมาณ 1 กำมือ

  8. พริกเกาหลี 3 ชต.

  9. น้ำตาล 1 ชต.





วิธีการทำ

1 ล้างผักและหั่นให้เป็นชิ้นยาวๆๆๆ




ผักกาดขาว แค่ปลิดใบแล้วล้างก็พอ อย่าหั่นเหมือนผัดนะครับ มันจะเละไปครับ



หั่นเสร็จแล้วเอาเกลือโรย ใส่น้ำลงไปสัก 2 ถ้วย เคล้าให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้สัก 4-5 ชั่วโมง
เกลือจะทำให้น้ำในผักออกมา ผักจะเหี่ยวหลังจากแช่ทิ้งไว้ครับ





เมื่อแช่ทิ้งไว้ น้ำจะเอ่อออกมาขนาดนี้ครับ

หลังจากทิ้งไว้แล้ว ก็ให้ล้างน้ำสัก 2 ครั้งแล้วบีบน้ำให้สะเด็ด

เคล็ดลับ.... เวลาล้างแล้ว ลองหยิบมาชิมดูหน่อยนะจ๊ะ ถ้าผักยังเค็มอยู่ ก็ล้างน้ำสะอาดเพ่ม
อีกนะครับ เพราะเวลาเราปรุงรส เราจะต้องใส่น้ำปลาเข้าไปอีก ถ้าผักยังเค็ม มันจะทำให้
กิมจิของเราเค็มเกินไป อาจจะเสวยกันไม่ได้นะครับ






นี่ครับโฉมหน้าเครื่องปรุง ขิงและกระเทียมผมจะปั่นให้ละเอียด เพราะเวลาเคล้ามันจะง่ายดีครับ




นี่ครับ หัวใจของกิมจิ พริกเกาหลีป่นครับ ถ้าไม่มีก็ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแทนก็ได้ แต่ผมไม่แนะนำเพราะ
สีมันไม่ค่อยสวย ดำๆๆแดงๆๆ แหวะ ผมไม่ชอบครับ

ควรจะใช้พริกเกาหลีดีที่สุด

สถาน
ที่ขายพริกเกาหลีบด ผมเคยเดินหามาหลายแห่ง และพบว่ามีขายอยู่ไม่กี่แห่ง
ร้านที่ผมซื้อเป็นประจำอยู่ที่ ห้างทามสะแคว์ครับ ตรงอโศกครับ
ร้านนี้ตั้งอยุ่ที่ชั้น1 ใกล้ๆๆกับห้องน้ำครับ เจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลี
ขายกิมจิและอุปกรณ์อาหารเกาหลี รวมทั้งอาหารขบเคี้ยวจากเกาหลี
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนเกาหลีเสียส่วนใหญ่
ที่ห้างนี้มีร้านอาหารเกาหลีเพียบเลย
และร้านที่ผมซื้อนี้ก็ขายของนำเข้าจากเกาหลีทั้งนั้นเลยครับ
พริกเกาหลีที่ผมซื้อมา ประมาณครึ่งโล ก็ราวๆ 140 บาทเท่านั้น
ปริมาณเยอะมากใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ


ถ้าใครอยากทำกิมจิให้สีสดๆๆ ก็เพิ่มปริมาณพริกลงไป ใส่ไปเถอะครับ พริกเกาหลี
มันไม่เผ็ดหรอกครับ สีมันแดงน่ากลัวเฉยๆๆ แต่ถ้าเป็นพริกของไทย อันนี้ไม่ขอแนะนะจ๊ะ



เราจะทำส่วนผสมทั้งหมดเทลงชามแบบนี้ครับ




เคล้าส่วนผสมทั้งหมดแบบนี้ครับให้เข้ากัน นวดไปบีบไป ร้องเพลงไปด้วยนะครับ

เคล็ดลับ... ถ้าใครชอบแบบเปรี้ยวๆๆ ก็ให้เพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปนะครับ เพราะน้ำตาล
จะเป็นตัวทำให้ผักมีรสเปรี้ยวครับ ซึ่งมันเกิดจากการหมักดองของเชื้อจุลรินทรีย์ที่แปรง
น้ำตาลให้เป็นกรดน้ำส้มนั่นเอง

ถ้าใครชอบเค็ม ก็ให้เติมน้ำปลาลงไปนะครับ เติมทีละน้อยนะครับ




เท่านี้เองครับ เสร็จแล้ว

หลังจากเสร็จก็จะนำผักที่เคล้าแล้วไปใส่ในกล่องพลาสติกแช่เย็นไว้สัก 1 วัน รอให้ผักมันเริ่มเปรี้ยว
ผักดองนี้ จะเก็บได้ราวๆๆ 1- 2 อาทิตย์ครับ

ถ้าทำแล้วจะทานเลย ก็คงจะต้องใส่น้ำส้มเข้าไปหน่อยครับ




ผมชอบทานกิมจิ และทำกิมจิไว้ทานกับของทอดๆๆๆครับ โดยเฉพาะไข่เจียว
เปรี้ยวๆๆของกิมจะช่วยตัดรสมันสๆๆของไข่เจียว ทำให้อาหารมีรสชาตที่เด็ดขึ้น ลองทำทานดูนะครับ




เป็นไงครับ โฉมหน้าน่าทานมะครับ






นี่ไง น้องหัวไชเท้า แปลงร่างเป้นหนูกิมจิ อาหย่อยเชียวหละ



ว่างๆๆ ลองทำดูนะครับ กรอบๆๆ กรุบๆๆๆ
ทำไว้ทานกับของทอดๆๆ อร่อยเชียวหละ


กิมจิ อาหารเพื่อสุขภาพครับ




ขอบคุณ //www.oknation.net/blog/thaithai/2009/01/26/entry-1




 

Create Date : 11 มีนาคม 2555   
Last Update : 11 มีนาคม 2555 19:28:28 น.   
Counter : 4396 Pageviews.  

ไข่ต้ม สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ


ไข่ต้ม.

…..อาหาร
มื้อเช้า คุณสาวๆ เลือกทานอะไรกันเอ่ย…? แซนวิส โอวัลติน ไข่ดาว
หรือจะเป็นซีเรียลดีน๊า…!! ถ้าคิดไม่ออก ลองเมนูบ้านๆ แบบที่คุณสาวๆ
ไม่ค่อยนึกถึงกันดูบ้างสิคะ กับนี่เลยค่ะ ไข่ต้ม อาหารเช้า แบบธรรมดาๆ แต่คุณภาพล้นจาน



…..ไข่ต้ม เมนูอาหารที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง แต่ทราบกันมั้ยคะว่า ประโยชน์ของไข่ต้มนั้น มีมากกว่าที่คุณเห็น นอกจากจะให้โปรตีนสูงแล้ว ไข่ต้ม ฟองน้อยๆ ที่คุณเห็นนั้น ยังเปรี่ยมไปด้วย กรดอะมิโน ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก


…..แน่นอนค่ะ มีผลการวิจัยออกมาแล้ว จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ในไข่ขาวจะมีโปรตีนสูง และเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential Amino Acid) ส่วนในไข่แดงนั้น ก็ยังมีสารอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งมีคุณค่าเช่นเดียวกับไขมันในปลาแซลมอลและปลาทะเล


…..อ๊ะๆ ยังค่ะยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เพราะในไข่ต้มนั้น ยังมี ไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหรือเอชดีแอล (HDL Cholesterol) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดี ไม่มีผลต่อการเพิ่มคลอเลสเตอรอล ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกาย ถ้าหากว่า คุณเลือกทานไข่ต้มเป็นประจำวันละ 1 ฟอง ก็จะสามารถช่วยป้องกันคุณ ให้ห่างไกลจาก โรคหัวใจ ได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยไข่ต้ม 1 ฟอง จะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ซึ่งจะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ คุณประโยชน์ ของ ไข่ต้ม ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เพราะมีความเชื่อกันว่า ไข่ต้ม สามารถให้ประโยชน์ได้มาก เท่ากับการที่คุณสาวๆ ทานรังนก 10 กระปุกเลยล่ะค่ะ


…..โอ๊ะโอ…! รู้แบบนี้แล้ว women.mthai ว่า คุณสาวๆ น่าจะลองดูกันกับ “ไข่ต้ม” เมนูนี้นะคะ ทางเลือกที่ได้ประโยชน์สูง แถมไม่เปลืองเวลาอีกด้วยล่ะค่ะ


เรียบเรียงโดย women.mthai




 

Create Date : 10 มีนาคม 2555   
Last Update : 10 มีนาคม 2555 20:40:35 น.   
Counter : 1712 Pageviews.  

แกงส้มมะระกอพริกสด



ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) 
น้ำพริกแกงส้ม (พริกสด)   4  ช้อนโต๊ะ 
เนื้อปลาอินทรีย์  200  กรัม 
มะละกอดิบ  200  กรัม 
น้ำมะขามเปียก  4  ข้อนโต๊ะ 
น้ำปลา  3  ช้อนโต๊ะ 
น้ำตาลปี๊ป  1  ข้อนชา 
น้ำมะนาว  1  ช้อนชา 
เกลือ  1  ช้อนโต๊ะ 



ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม (พริกสด)     
พริกเหลืองหั่นหยาบ  50  กรัม 
หอมแดงซอย  50  กรัม 
ข่า  1  ช้อนชา 
เกลือ  1  ช้อนชา 
กระเทียมหั่นหยาบ  1  ช้อนโต๊ะ 
กระชายซอย  1  ช้อนโต๊ะ 
กะปิ  1  ช้อนโต๊ะ  

วิธีการทำ
1. หั่นมะละกอดิบเป็นชิ้นขนาดพอคำ เคล้ากับเกลือ แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปลวกให้พอสุก แล้วพักไว้



2.
ลวกเนื้อปลาอินทรีย์พอสุก ตักพักไว้ นำน้ำลวกปลามาปั่นรวมกับน้ำพริกแกงส้ม
จากนั้นนำส่วนผสมที่ปั่นไว้ไปตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก
น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว
แล้วเติมเนื้อปลากับมะละกอดิบที่เตรียมไว้ลงไป ตั้งไฟจนเดือด
แล้วตักเสิร์ฟได้เลย



วิธีการทำส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม (พริกสด)


นำส่วนผสมทั้งหมดโขลกให้ละเอียดแล้วตักพักทิ้งไว้


ตามติดความอร่อยแบบมีสไตล์อย่างนี้ได้ที่ www.goodfoodgoodlife.in.th




 

Create Date : 09 มีนาคม 2555   
Last Update : 9 มีนาคม 2555 20:42:55 น.   
Counter : 1913 Pageviews.  

ยำปล้องคะน้า

ส่วนผสมยอดคะน้า ยอดมะพร้าว หมูติดมัน ฟักทอง แครอต กุ้งสด

เครื่องยำพริกขี้หนูตำ น้ำปลา มะนาวและน้ำตาล



การเลือกส่วนผสมยอด
คะน้าให้ปอกเปลือกและใช้เฉพาะส่วนยอดจริงๆไม่เกิน 2 นิว ยอดมะพร้าว
ถ้าหาได้ให้ใช้ยอดมะพร้าวน้ำหอม แล้วตัดส่วนโคนของยอดมะพร้าวทิ้งไป
อย่าเสียดาย

การเลือกฟักทอง ให้เลือกผลเล็กเนื้อแน่นเนียน
เคล็ดลับคือ นำผลฟักทองวางไว้ข้างนอกหลายๆวัน น้ำในผลจะระเหยไป
เนื้อจะแน่นปึ้กขึ้น รสชาติก็จะเนียนแน่นอร่อยขึ้น
ปริมาณเบต้าแคโรทีนก็เพิ่มขึ้นด้วย




การปรุงนำ
ผัก หมูและกุ้ง จับหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ตั้งน้ำบนเตาพอเดือด
เทของที่หั่นลงลวก สุกก็ตักขึ้น จากนั้นคลุกน้ำยำ ใส่น้ำปลา
มะนาวในอัตราส่วน 1:1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลติดปลายช้อน ใส่ชูรสได้ถ้าชอบ
ใส่พริกขี้หนูตำและหอมใหญ่ซอย คลุกให้เข้ากัน เทของที่ลวกลงคลุกก็เสร็จ




//www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1179




 

Create Date : 08 มีนาคม 2555   
Last Update : 8 มีนาคม 2555 20:53:36 น.   
Counter : 1382 Pageviews.  

“ข้าวแช่” เมนูอร่อยคลายร้อน จากวัฒนธรรมมอญสู่ไทย












































ข้าวแช่เมนูอร่อยกินคลายร้อน


“ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่                      น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน

ช่างทำเป็นดอกจอก และดอกจันทน์          งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา

มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก                           ช่างน่ารักทำเป็นเช่นมัจฉา”


ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้กล่าวถึง “ข้าวแช่” ว่าเป็นของกินในฤดูร้อนที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์


เมื่อหน้าร้อนมาถึงคราใด “ข้าวแช่” จึงเป็นหนึ่งใน
เมนูของกินคู่หน้าร้อน ที่นิยมกินกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ
จนถึงทุกวันนี้ข้าวแช่โรยดอกมะลิหอมๆ กินกับเครื่องเคียงสารพัดอย่าง
ก็ยังเป็นของกินที่เป็นที่นิยมอยู่




















ข้าวแช่ชาววังแบบครบเครื่อง


การเดินทางของข้าวแช่จากชาวมอญสู่ชาวไทย


หลายคนอาจจะเคยลิ้มรสข้าวแช่หอมอร่อยเย็นชื่นใจกันมาบ้าง
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงความเป็นไปเป็นมาของข้าวแช่ว่ามีความน่าสนใจ
เพราะข้าวแช่ไม่ได้มีเพียงรูปร่างหน้าตาและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น
แต่ความเป็นมาของข้าวแช่บนเส้นทางสายประวัติศาสตร์ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน


“ข้าวแช่” ไม่ใช่ตำรับอาหารไทยแท้
แต่เป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวมอญนิยมทำขึ้นสังเวยเทวดาในพิธีตรุษสงกรานต์
โดยประเพณีของคนมอญโบราณกล่าวไว้ว่า
ในวันสงกรานต์จะต้องทำข้าวแช่ถวายพระสงฆ์
เพราะถือเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ถวาย ซึ่งข้าวแช่ หรือข้าวสงกรานต์
คนมอญเรียกว่า “เปิงด้าจก์” แปลว่า “ข้าวน้ำ” (เปิง
หมายถึงข้าว และ ด้าจก์ หมายถึงน้ำ) และด้วยเหตุที่คนมอญกับคนไทย
มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันมาอย่างยาวนาน
ทำให้ข้าวแช่ได้เข้ามาสู่สำรับอาหารไทยได้อย่างกลมกลืน




















กะปิทอด


สำหรับการเลื่อนชั้นเข้าวังของข้าวแช่มอญ
ก็มาจากการที่สตรีมอญที่เข้ารับราชการฝ่ายใน
(เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน)
และปรุงข้าวแช่ขึ้นถวายเป็นอาหารเสวย จึงกลายมาเป็น “ข้าวแช่ชาววัง”
ซึ่งข้าวแช่ตำรับชาววังที่มีชื่อมาก เป็นของ ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์
ผู้เคยทำงานอยู่ในห้องเครื่องต้นสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านถือเป็นคนแรกๆ
ที่ทำข้าวแช่ออกสู่ตลาด
และทำให้ข้าวแช่ชาววังมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงปัจจุบัน


ข้าวแช่ชาววัง จะเป็นข้าวแช่ที่กับข้าวหลายอย่างด้วยกัน มีกะปิทอด
ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของกับข้าวแช่ชาววัง
จะดูกันว่าข้าวแช่ของใครที่มีฝีมือก็ต้องพิจารณากันที่ลูกกะปิทอดนี้เอง
ถัดมาก็มีพริกหยวกสอดไส้ ปลายี่สนผัดหวาน เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้
ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน หมูสับกับปลากุเลา
กับข้าวเหล่านี้ถือว่าเป็นเครื่องเคียงที่นิยมรับประทานแกล้มกับข้าวแช่




















หมูฝอย


และสิ่งสำคัญของข้าวแช่ชาววังที่ลืมไม่ได้เลยคือ ผักสดแกะสลัก
เมื่อกับข้าวแช่ส่วนใหญ่เป็นของทอด
ก็ย่อมต้องมีผักที่ให้กลิ่นหอมและรสออกเปรี้ยวและขื่นนิดๆ ไว้ตัดรส แตงกวา
กระชาย มะม่วงดิบ ต้นหอม กระชาย และพริกชี้ฟ้าสด
จึงถูกนำมาจัดเป็นผักสดไว้กินแนมกับข้าวแช่


อีกทั้งการกินข้าวแช่ก็ยังต้องมีวิธีการกิน
เริ่มจากนำข้าวใส่ในน้ำลอยดอกไม้ให้ได้สัดส่วนน้ำมากกว่าข้าว
ใส่น้ำแข็งเล็กน้อยพอให้เย็นชื่นใจ
เวลาจะกินให้ตักกับข้าวใส่ปากก่อนแล้วตักข้าวตาม ก็จะได้รสชาติทั้งเย็นฉ่ำ
และความอร่อยกลมกล่อมของกับข้าว




















ปลายี่สนผัดหวาน


จากข้าวแช่ชาววังสู่ข้าวแช่เพชรบุรี


ข้าวแช่ตำรับเมืองเพชรบุรีนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างมาก
สืบเนื่องมาจากการแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาล
ที่ 4 ที่ทรงเสด็จมาประทับที่พระราชวังพระนครคีรี (เขาวัง)
ในครั้งนั้นมีเจ้าจอมมารดากลิ่น (ซ่อนกลิ่น)
เชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี)
ที่หลบหนีพม่ามาครั้งกรุงธนบุรี
เจ้าจอมมารดากลิ่นได้ติดตามพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปถวายราชการ
ที่พระราชวังพระนครคีรีด้วย
และคาดว่าในครั้งนั้นเองที่ข้าวแช่ของเจ้าจอมมารดากลิ่นได้รับการถ่ายทอดไป
ยังห้องเครื่อง บ่าวไพร่สนมกำนัลได้เรียนรู้
และแพร่หลายไปยังสามัญชนย่านเมืองเพชรบุรีในที่สุด




















พริกหยวกสอดไส้


สำหรับข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร นิยมใส่ดอกกระดังงาไทยในน้ำอบข้าวแช่
ซึ่งเป็นหม้อดินขนาดใหญ่ สามารถเก็บความหอมและความเย็นได้เป็นอย่างดี
ซึ่งข้าวแช่ของที่อื่นอาจมีเพียงแค่ดอกมะลิกับกลีบกุหลาบโรยในน้ำที่อบควัน
เทียนเท่านั้น
ส่วนกับข้าวที่รับประทานกับข้าวแช่ของเมืองเพชรต้องมีรสหวานนำ
และรสเค็มตามมีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน
และผักกาดเค็มผัดหวาน จึงแตกต่างไปจากตำรับข้าวแช่ชาววัง
หรือข้าวแช่ที่อื่น ซึ่งมีเครื่องเคียงเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง เช่น
พริกหยวกสอดไส้ หอมแดงสอดไส้ หมูสับปลาเค็มทอด ฯลฯ




















หัวไชโป๊วผัดหวาน


คุณยายพันธ์ทิพ ศุภจิต อดีตสาวชาววังหลวง วัย 84 ปี
ผู้ที่คุ้นเคยกับอาหารชาววัง และช้าวแช่ตำรับชาววังเป็นอย่างดี
ได้บอกเล่าเรื่องราวของข้าวแช่ให้ได้รับรู้ว่า


“เราเห็นข้าวแช่มาแต่เล็กแต่น้อย พอโตมาเราก็สนใจอยากจะรู้อยากจะทำ
ก็ได้ทำข้าวแช่มานานแล้ว เสน่ห์ของข้าวแช่ชาววังอยู่ที่การตบแต่ง
รสชาติก็สำคัญ การตบแต่งผักที่รับประทานจะต้องแกะสลักสวยปราณีต”
คุณยายพันธ์ทิพบอกเล่า พร้อมกับยังได้บอกถึงการทำข้าวแช่ให้ฟังอีกว่า




















หอมทอด


“ทุกวันนี้ข้าวแช่มีการประยุกต์ปรับเปลี่ยนไปบ้าง
เมื่อสมัยก่อนใช้ข้าวสารธรรมดา คือข้าวสารธรรมดามันมีสองอย่าง คือ
ข้าวขาวกับข้าวเหลือง
อย่างข้าวเหลืองอ่อนมันออกจะนิ่มหุงลำบากมาทำข้าวแช่ลำบาก
แล้วมีข้าวขาวเป็นข้าวที่กระด้าง ทำข้าวแช่ดี แต่ไม่อร่อย มันแข็ง
บางทีบางเจ้าหุงแล้วสวยเกินไป แต่รู้สึกคนสมัยนี้จะติดข้าวหอมมะลิกัน
ข้าวหอมมะลิทำง่าย คือ หุงให้สวยแล้วล้างนิดหน่อย ขออย่าให้น้ำข้าวแช่ขุ่น
น้ำข้าวแช่ต้องใส พอข้าวสุกแล้วเราต้องล้างข้าวใส่ตะแกรง แล้วก็ใช้น้ำค่อยๆ
เอามือลูบ ลูบแรงก็ไม่ได้ เดี๋ยวหักหมด ต้องค่อยๆ ลูบ
คือข้าวแช่มันก็มีความปราณีตอยู่ในตัว การทำข้าวไม่ยุ่งยาก
ถ้าเราหุงข้าวเป็นก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องหุงให้สวย แข็งเกินไปจะไม่เป็นที่นิยม”




















ผักสดตางๆ แกะสลักอย่างสวยงาม


เมื่อถามถึงว่าข้าวแช่ชาววังกับข้าวแช่เพชรบุรีมีความแตกต่างกัน อย่างไร
คุณยายพันธ์ทิพ อธิบายไว้ว่า ข้าวแช่ชาววังกับข้าวแช่เพชรบุรี
มีความแตกต่างกันในเรื่องของความปราณีต และความสวยงาม
ข้าวแช่เพชรบุรีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่กับข้าวของเพชรบุรีจะมีแค่ 3
อย่าง มีไชโป้ว มีปลาหวาน และกะปิ
ซึ่งกะปิของเพชรบุรีจะต่างจากชาววังตรงที่กะปิของเพชรบุรีจะมีความแข็ง
กรอบเพราะใส่ถั่วลิสง
และสิ่งสำคัญที่แตกต่างกันของข้าวแช่ชาววังและข้าวแช่ของเพชรบุรีคือ
ข้าวแช่เพชรบุรีจะไม่มีผักแบบตำรับชาววัง ซึ่งผักก็มีส่วนสำคัญ
อย่างทานกะปิก็ต้องมีกระชายกินแนม


“ข้าวแช่ยังเป็นอาหารที่นิยมอยู่ สมัยนี้เห็นมีขายกันมาก
บางร้านมีขายทั้งปี ข้าวแช่ยังอยู่ในสังคมไทย ยังไม่หายไปไหน
แต่ว่าก็ควรอนุรักษ์ไว้ เพราะว่าก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
ตราบใดที่ยังมีคนนิยมรับประทาน มันก็คงยังอยู่ต่อไป
แต่ถ้าคนเลิกรับประทานก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปอนุรักษ์ พ่อแม่ควรจะชวนลูกๆ
รุ่นหลังไปกินข้าวแช่กัน บ้านเราเป็นเมืองร้อน
มารับประทานข้าวแช่กันดีกว่าชื่นใจดี” คุณยายพันธ์ทิพ กล่าวแบบเชิญชวน




















คุณยายพันธ์ทิพ ศุภจิต


ด้านอัญญการ พุ่มพวง ประธานกรรมการโรงแรม เซรา รีสอร์ท
ได้เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจอยากจะลิ้มรสข้าวแช่ชาววังอันเลิศรส
สามารถเดินทางมาลองลิ้มกันได้ที่ โรงแรมเซรา รีสอร์ท ชะอำ จ.เพชรบุรี
ซึ่งได้จัดให้มี “เทศกาลข้าวแช่” ขึ้น
โดยจะมีข้าวแช่ชาววังจัดเป็นเซ็ทขาย ตั้งแต่มื้อกลางวันจนถึงมื้อเย็น ราคา
170 บาท ให้ได้ลิ้มรสกัน ตั้งแต่ 1 มี.ค. – 30 เม. ย. นี้


“เราหวังแค่การสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่ให้คงอยู่
ดังนั้นพอเข้าหน้าร้อน เราก็จัดเทศกาลข้าวแช่
เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรมข้าวแช่ในโรงแรมของจังหวัดเพชรบุรีขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่ง หลังจากห่างหายไป 5 ปี” อัญญการ กล่าวทิ้งท้าย




 

Create Date : 07 มีนาคม 2555   
Last Update : 7 มีนาคม 2555 21:55:29 น.   
Counter : 1321 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]