"หมูต้มใบมะขาม" เปรี้ยวเด็ดแบบพื้นบ้าน        สำหรับช่วงหน้าแล้งที่มะนาวนั้นแพงแสนแพง ก็ต้องหาวัตถุดิบอื่นๆ ที่มีรสชาติความเปรี้ยวมาทดแทนมะนาว เพื่อช่วยลดต้นทุนในการทำอาหาร ซึ่ง “ครัววันหยุด” ในครั้งนี้ก็ขอเสนอ “ใบมะขามอ่อน” หรือ “ยอดมะขาม” ที่มีรสชาติเปรี้ยวอยู่แล้วตามธรรมชาติ แถมยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ โดยคนสมัยก่อนก็ได้ใช้ใบมะขามอ่อนนี้มาปรุงเป็นอาหารกันมาเนิ่นนานแล้ว        และสำหรับครัววันหยุดในครั้งนี้ เมื่อได้วัตถุดิบอย่างใบมะขามอ่อนมาแล้ว จึงขอเสนอเป็นเมนู “หมูต้มใบมะขาม” เมนูทำง่ายๆ รสชาติอร่อย กินกันได้ทั้งครอบครัว ส่วนผสม        เนื้อหมู (นำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จะใช้เนื้อหมูส่วนไหนก็ได้ตามชอบ หรืออาจเปลี่ยนเป็นกระดูกหมูก็ได้)        ข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด, พริกขี้หนูตำ, ซีอิ้วขาว, ใบมะขามอ่อน        วิธีทำ เริ่มจากการนำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำเปล่า แล้วใส่เนื้อหมูลงไปเคี่ยวจนเปื่อย (ใช้ไฟอ่อนๆ) ระหว่างนั้นอาจใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ เมื่อหมูเปื่อยดีแล้ว ให้ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงไป เร่งไฟเล็กน้อย ใส่ซีอิ้วขาว ชิมดูให้ได้รสเค็มตามชอบ ใส่ใบมะขามอ่อน ต้มให้เดือดต่อไปอีกเล็กน้อย จากนั้นใส่พริกขี้หนู (แล้วแต่ว่าชอบเผ็ดมากขนาดไหน) ปิดไฟแล้วยกลงจากเตา ชิมรสดูว่าถูกใจหรือยัง ถ้ายังเปรี้ยวไม่พอให้บีบมะนาวใส่ลงไปอีกก็ได้ จากนั้นตักขึ้นเสิร์ฟได้เลย //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036697   Create Date : 30 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 30 มีนาคม 2556 21:57:08 น.     Counter : 2160 Pageviews.   Share Tweet

“Ming Xing” อร่อยจริง เมนูจีนกวางตุ้งเลิศรส บรรยากาศภายในห้องอาหาร        นอกจากพัทยาจะเป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่ขึ้นชื่อติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทยแล้ว ก็ยังเป็นเมืองที่มีอาหารอร่อยมากมายให้นักชิมและนักกินหลายๆ คนไปลิ้มลองกันอยู่บ่อยๆ “ตระเวนกิน” ก็เหมือนกัน ที่ถ้ามีโอกาสมาเยือนพัทยาครั้งใด จะต้องไปเสาะหาของอร่อยมากระแทกปากให้อิ่มอร่อยกันทุกครา        เช่นครั้งนี้ที่มีโอกาสได้ไปพักผ่อนนอนเล่นที่รีสอร์ทแห่งใหม่ของเมืองพัทยา ที่เพิ่งจะเปิดตัวได้ไม่นาน “เคป ดารา รีสอร์ท พัทยา” ที่ตั้งอยู่บนแหลมดารา พัทยาเหนือ ก็เลยได้เข้าไปลองลิ้มอาหารจีนในห้องอาหาร “Ming Xing” (หมิง-ซิง) บนชั้น 3 ของโรงแรม โต๊ะนั่งแบบส่วนตัว “Ming Xing” เป็นห้องอาหารที่นำเสนออาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ที่รสชาติมีความเข้มข้น ไม่จืด แต่ไม่เผ็ดจนเกินไป เรียกว่ามีความอร่อยเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งอาหารแต่ละจานนั้นถูกปรุงขึ้นจากเชฟอาหารจีนมือหนึ่งของเมืองพัทยา การันตีความอร่อยจากเวทีเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย        ด้านการตกแต่งสถานที่นั้นก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะพบกับสีสันที่สดใส ผสานกับความทันสมัย แต่ก็มีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่ในตัว มองไปรอบๆ จะเห็นแต่สีชมพูบานเย็นสลับกับสีขาว ด้านในเป็นกระจกใสกว้าง มองออกไปเห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา เรียกว่ามากินของอร่อยแล้วก็ยังได้ชมวิวงามๆ ของเมืองพัทยาทั้งยามกลางวันและยามค่ำได้อย่างจุใจ บรรยากาศของห้องส่วนตัว        ที่นั่งของห้องอาหารแบ่งได้หลายส่วน เริ่มจากมุมนั่งเล่นน่ารักๆ ที่ทางเข้า ถัดมาเป็นโต๊ะกลมวางเรียงกันอยู่ตรงส่วนกลาง หรือจะเลือกนั่งริมหน้าต่างกับโซฟาสีขาวนุ่มๆ แต่ถ้าอยากนั่งแบบส่วนตัวสักหน่อย ก็ยังมีให้เลือกเป็นซุ้มๆ ให้นั่งกินอาหารภายใต้โคมไฟสีชมพูสด และยังมีห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง ที่สามารถเปิดเชื่อมถึงกันได้ด้วย กุ้งทอดครีมสลัด        มาถึงเรื่องอาหาร ดังที่บอกว่าเป็นอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง แต่ก็จัดแต่งจานในแบบฟิวชั่น ที่ทำให้อาหารแต่ละจานหน้าตาสดสวยดูน่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่นจานแรก เป็นออร์เดิร์ฟเบาๆ กุ้งทอดครีมสลัด (420/650/1,000 บาท) ที่เป็นกุ้งแชบ๊วยสดๆ นำมาชุบแป้งทอด เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักที่มีผักกาดแก้ว แอปเปิ้ล และเซเลอรี่ ราดด้วยครีมสลัดสูตรพิเศษของที่นี่ ที่จะใช้วาซาบิเป็นส่วนผสม ที่จะทำให้ได้รสชาติที่จัดจ้านขึ้น ลองชิมกุ้งที่สดเด้งกรอบนุ่มกำลังดี เข้ากับผักที่สดกรอบ และน้ำสลัดหอมมันเข้มข้น หมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน        ส่วนเมนูสีสวย หมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน (250/450/600 บาท) จะใช้เนื้อหมูสันในมาทุบจนนุ่ม แล้วหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ก่อนจะนำไปผัดกับซอสเปรี้ยวหวานให้เข้ากันดี เวลาเสิร์ฟจะจัดเรียงเป็นชั้นๆ สลับกับสับปะรดที่หั่นเป็นชิ้นยาว ชิมเนื้อหมู่ที่หั่นออกมาพอคำ มีน้ำซอสเปรี้ยวหวานเคลือบอยู่ด้านนอก กินพร้อมๆ กับชิ้นสับปะรด ได้ความนุ่มอร่อยของเนื้อหมู และรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กๆ จากสับปะรด ปลากะพงขาวผัดซอสเอ็กซ์โอ        แล้วมาเพิ่มความอิ่มท้องกับเมนู ปลากะพงขาวผัดซอสเอ็กซ์โอ (ราคาตามน้ำหนัก) จานนี้จะเลือกปลากะพงสดๆ นำมาแล่แยกเนื้อกับก้างออกจากกัน จากนั้นนำไปชุบแป้งทอดทั้งเนื้อและก้าง แล้วแยกเอาเฉพาะเนื้อปลาที่ชุบแป้งทอดแล้วมาผัดรวมกับซอสเอ็กซ์โอ ซึ่งตัวซอสเอ็กซ์โอนี้ทางร้านปรุงขึ้นมาเองโดยเฉพาะ ใช้เนื้อซีฟู้ดทั้งหลายมาเคี่ยวจนได้ที่ และได้ซอสเอ็กซ์โอที่เข้มข้น เมนูนี้นอกจากจะมีเนื้อปลาแล้ว ก็ยังมีเส้นบะหมี่ที่ลวดสุกแล้วนำไปผัดเข้ากับซอสเอ็กซ์โอ เสิร์ฟมาคู่เคียงกันด้วย แถมด้วยยอดคะน้าลวกพอสุกให้กินคู่กัน ชิมเนื้อปลาที่แน่นหวานสด พร้อมกับเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม ได้รสชาติซอสที่เข้มข้นครบรส สาคูแคนตาลูปหวานเย็น        ถ้าอิ่มแล้วก็มาล้างปากกันด้วย สาคูแคนตาลูปหวานเย็น (120 บาท) สีนวลสวยน่าชิม เมนูนี้ใช้ไอศกรีมกะทิมาปั่นกับเนื้อเมล่อนและเนื้อแคนตาลูป ราดอยู่บนเม็ดสาคู เสริมด้านบนด้วยเมล่อนและแคนตาลูปลูกกลมๆ ราดด้วยวิปปิ้งครีมสดเพิ่มความหอมมัน ชิมแล้วได้ความหวานเย็นชื่นใจ หอมมันหวานกำลังอร่อย        นอกจากหลากหลายเมนูที่ว่ามาแล้ว ยังมีอาหารจีนกวางตุ้งจานอร่อยที่รอให้มาเลือกชิมกันอีกมากมาย อาทิ ผัดหมี่ฮกเกี้ยนทะเล (200/350/450 บาท) สเต๊กเนื้อผัดซอสฮ่องกง (300/500/700 บาท) ซุปกังป๋วย (300 บาท) เต้าหู้น้ำแดงหม้อดินเจ (250/350/450 บาท) เป็นต้น ซึ่งก็มาลองชิมกันได้ที่ ห้องอาหาร “Ming Xing” แห่งนี้ที่เดียว มุมพักผ่อนสบายๆ        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ห้องอาหาร “Ming Xing” ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 เคป ดารา รีสอร์ท พัทยา ซอย 20 ถนนพัทยา-นาเกลือ พัทยาเหนือ จ.ชลบุรี การเดินทางจากถนนสุขุมวิท ให้เลี้ยวเข้าถนนพัทยาเหนือ ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงวงเวียนปลาโลมา เลี้ยวขวา แล้วตรงมาอีกเล็กน้อย ซอย 20 จะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยแล้วตรงมาจนสุด จากนั้นเลี้ยวขวา ก็จะเจอรีสอร์ท รับจัดเลี้ยงภายในห้องอาหาร เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น. โทร. 0-3893-3888  www.capedarapattaya.com //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000028553   Create Date : 29 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 29 มีนาคม 2556 8:33:19 น.     Counter : 1937 Pageviews.   Share Tweet

"เฟอร์บี้" ฟีเวอร์จนกินได้ ขณะที่ "ขนมปั้นวัว ปั้นควาย" แบบไทยๆเริ่มถูกลืม เค้กเฟอร์บี้สีสันสดใส        กระแส “เฟอร์บี้ฟีเวอร์” ได้แพร่กระจายลามไปถึงคนไทยทุกเพศทุกวัยมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว นอกจากจะเป็นของเล่นยุคไฮเทคที่เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งสัตว์เลี้ยง หรือเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับกายอีกชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังลามมาถึงของกิน ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน ก็ต่างปรับตัวและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของกินในลักษณะเดิมๆ ให้กลายมาเป็น “เฟอร์บี้กินได้” เพื่อเอาใจสาวกเฟอร์บี้ทั้งหลาย        อย่างเช่นที่ร้าน “นนท์เบเกอรี่” ร้านขายเบเกอรี่ชื่อดังบริเวณท่าน้ำนนทบุรี ที่ประดิษฐ์ “เค้กเฟอร์บี้” ขึ้นมาเอาใจผู้ซื้อ โดยทางเจ้าของร้านเป็นผู้คิดค้นแบบขึ้นเอง หน้าตาของเค้กเฟอร์บี้นั้นละม้ายคล้ายคลึงกับเฟอร์บี้ตัวจริง มีสีสันหลากหลาย แต่เค้กที่อยู่ข้างในจะเป็นรสวนิลาธรรมดา ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 500 บาท ซึ่งจากการสอบถามทางร้านพบว่า ในแต่ละวันมีลูกค้าสนใจสอบถามถึงเค้กเฟอร์บี้ และซื้อกลับบ้านจำนวนกว่า 10 ก้อนขึ้นไป ส่วนเค้กตัวการ์ตูนอื่นๆ ที่ทางร้านทำมาขายเช่นกัน ในระยะนี้ขายไม่ดีเท่ากับเค้กเฟอร์บี้ ขนมปั้นประดิษฐ์ ที่หากินได้ยากแล้วในสมัยนี้ (ภาพจาก oknation blog : ชมวิวทิวทัศน์)        ส่วนอาหารไทยแบบโบราณอย่างเช่น หมี่กรอบ จากร้าน “ช่างรังวัด” ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในลักษณะของหมี่กรอบชิ้นใหญ่ ทำเป็นตัวตุ๊กตาหมี ก็ยังปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์มาทดลองทำเป็น “หมี่กรอบเฟอร์บี้” ซึ่งก็เป็นที่สนอกสนใจของลูกค้าเป็นอย่างมาก        ขณะที่ของกินในรูปร่างเฟอร์บี้กำลังดัง หลายคนอาจไม่รู้ว่าคนไทยในอดีตได้ใช้ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ขนมไทยประดิษฐ์เป็นรูปร่างสวยงาม ที่มีชื่อว่า “ขนมปั้นประดิษฐ์” หรือที่คนสมัยโบราณเรียกกันว่า “ขนมปั้นวัว ปั้นควาย” จะมีหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร น้อยคนนักที่จะรู้จัก เพราะเป็นขนมไทยโบราณแบบชาววังที่หากินได้ยากเนื่องมาจากการปั้นและประดิษฐ์ที่ต้องใช้ฝีมืออย่างสูง        รูปร่างหน้าตาของขนมปั้นประดิษฐ์ก็แล้วแต่คนปั้นว่าต้องการเป็นรูปอะไร อย่างเช่น ปั้นเป็นรูปดอกไม้ รูปสัตว์มงคล หรือสัตว์ในวรรณคดี ที่สำคัญคือไม่สามารถปั้นทิ้งไว้นานๆ ได้ เรียกว่าเป็นขนมที่ต้องทำสดๆ ใหม่ๆ และกินเลยทันที ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว ในสมัยนี้ของกินหน้าตาเป็นเฟอร์บี้นั้นยังหาได้ง่ายกว่าขนมไทยๆอย่างขนมปั้นประดิษฐ์เสียอีก        *********************************************************** //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036881   Create Date : 28 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2556 8:41:40 น.     Counter : 2695 Pageviews.   Share Tweet

โอชะ “หมูย่างเมืองตรัง” กรอบนุ่ม ละมุนลิ้น "หมูย่าง" อาหารขึ้นชื่อ จ.ตรัง (ภาพจาก ททท.ตรัง)        ถ้าพูดถึงจังหวัด “ตรัง” หลายๆคนคงจะนึกถึง สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอย่างเช่น ถ้ำมรกต ที่เมื่อใครๆมาเยือนจังหวัดนี้แล้วต้องไปเที่ยวกัน        ไม่เพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ที่เป็นที่โด่งดังของจังหวัดตรัง .. ในเรื่องของอาหารการกินของที่นี่ ก็เรียกได้ว่าโด่งดังไม่แพ้จังหวัดไหนของประเทศไทยเลย        จังหวัดตรัง ได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองคนช่างกิน” เพราะคนที่นี่มักจะ กิน กิน กิน แล้วก็กิน โดยมีค่าเฉลี่ยการกินประมาณวันละ 5-6 มื้อ เรียกได้ว่ากินตั้งแต่ย่ำรุ่งจนถึงดึกดื่นเลยทีเดียว มื้อเช้าอันสุดอลังการของชาวตรัง        โดยคนตรัง มีวัฒนธรรมการกินมื้อเช้าที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องมาจากรากฐานในอดีตที่ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีน มีอาชีพทำสวนยางเป็นหลัก จำเป็นต้องตื่นแต่มืดแต่ดึกออกไปกรีดยางจนถึงเช้า เมื่อกรีดยางเสร็จก็ขอหม่ำกันเต็มที่ ทำให้มีของกินมากมายสารพัดสารพันวางอยู่เต็มโต๊ะ เพื่อให้เลือกกินกันเต็มอิ่ม ชดเชยกับพลังงานที่สูญเสียไปจากการทำงานและเป็นการเพิ่มพลังงานรับวันใหม่อย่างเต็มที่        ตรัง ถือเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยของกินอร่อยๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารปักษ์ใต้ อาหารพื้นเมือง อาหารทะเล ขนมหวาน เค้ก กาแฟ ฯลฯ และเมื่อไปถึงจังหวัดตรังทั้งที หนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “หมูย่าง” ของดีเมืองตรังอันขึ้นชื่อลือชาโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ เรียกได้ว่าคนตรังคุ้นเคยกับการกินหมูย่างมาเป็นเวลากว่า 200 ปี มาแล้ว หมูย่างรสกรอบนอกนุ่มใน (ภาพจาก ททท.ตรัง)        โดยในอดีตคนจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ที่ตรังได้นำวัฒนธรรมประเพณี วิธีการปรุงอาหารติดตัวมาด้วย โดยเฉพาะวิธีการทำหมูย่างสูตรกวางตุ้ง ที่จะหมักด้วยเครื่องเทศปรุงยาจีน และน้ำผึ้ง ทำให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม มีกลิ่นหอมถึงเครื่อง และไม่คาว ส่วนที่หนังหมูจะใช้เข็มเล็กๆแทงให้ทั่ว เพื่อเป็นการระบายอากาศและทำให้น้ำมันได้ซึมออกมา แล้วนำไปย่างในเตาที่ออกแบบพิเศษซึ่งจะทำให้ความร้อนถ่ายทอดเข้าสู่ตัวหมูได้สม่ำเสมอ        เมื่อย่างเสร็จแล้วหมูย่างตรังจะสีแดงสด ส่งกลิ่นหอม ชวนกิน มีความกรอบนอกนุ่มใน ไม่ฉ่ำน้ำ ไม่สุกๆ ดิบๆ มีชั้นมันน้อย ส่วนถ้าจะกินให้อร่อยต้องกินพร้อมกันทั้งสามชั้น คือ หนัง มัน เนื้อ โดยไม่ต้องกินคู่กับน้ำจิ้มใดๆเลย ซึ่งจะให้รสหวานนำนิด หนังกรอบ เนื้อหมูหอมแน่นเหนียว ทำให้หลายๆคนติดอกติดใจกับรสชาติกันเลยทีเดียว หมูย่างที่ผ่านกรรมวิธีการทำจนหนังกรอบสีสวย (ภาพจาก ททท.ตรัง)        และในจังหวัดตรังเอง ก็มีร้านขายหมูย่างมากมาย เรียกได้ว่านับกันไม่ถ้วน ทั้งเจ้าใหม่ เจ้าเก่า เจ้าดั้งเดิม ฯ โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตรัง ได้แนะนำร้านหมูย่างชื่อดังมา 5 ร้านด้วยกัน ได้แก่ 1.ร้านหมูย่างโกแก่ (จำหน่ายแบบทั้งตัว) โทร.08-1979-5614 , 2.ร้านตรังหมูย่าง (จำหน่ายแบบทั้งตัว และแยกขายเป็นกิโล) โทร.0-7521-2306 , 3.ร้านพงษ์โอชา (หน่ายทั้งแบบทั้งตัว และแยกขายเป็นกิโล) โทร. 0-7521-9918 , 4.ร้านบัวบก (จำหน่ายเป็นกิโล) โทร.0-7521-0618 และ 5.ร้านนักร้อง (จำหน่ายเป็นกิโล และขายปลีก) โทร.08-1539-7287        สำหรับใครที่มีโอกาสมาเที่ยวเมืองตรังก็ลืมมาลองชิม “หมูย่างเมืองตรัง” ว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือกันขนาดไหน        ************************************************************************* สำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวจังหวัดตรัง สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตรัง โทร. 0- 7521-5867-8 //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036700   Create Date : 27 มีนาคม 2556     1 comment Last Update : 27 มีนาคม 2556 8:37:57 น.     Counter : 4134 Pageviews.   Share Tweet

“ชิเซน ลาเมี่ยน” บะหมี่ยืดเส้นสด ครบรสแบบต้นตำรับ บรรยากาศด้านหน้าร้าน        ถึงจะเข้าหน้าร้อนที่อากาศร้อนแสนร้อนแค่ไหน แต่ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ยังอยากจะไปหาอาหารเส้นๆ จำพวกบะหมี่ในน้ำซุปร้อนๆ มาใส่กระเพาะอยู่ดี เพราะความหอมกรุ่น และรสชาติที่กลมกล่อมนั้น คุ้มค่ากับการนั่งกินไปปาดเหงื่อไปอยู่ดี        แต่หากว่ามาที่ร้านนี้ ก็อาจจะไม่ร้อนมากมายนัก เพราะว่าเขาตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ร้านนี้มีชื่อว่า “ชิเซน ลาเมี่ยน” ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เส้นบะหมี่นั้นจะทำสดๆ และยืดเส้นด้วยมือ พ่อครัวยืดเส้นสดแบบสดๆ        โดย คุณเล็ก เสาวลักษณ์ ทิพย์เจริญ เจ้าของร้าน ได้ไปทดลองชิมบะหมี่ตามท้องถนนที่ฮ่องกง และเริ่มสนใจศิลปะการยืดเส้นด้วยมือ จึงนำมาคิดสูตรและปรับปรุงเป็นของตัวเอง จนกระทั่งเปิดเป็นร้านนี้ขึ้นมา ซึ่งจะตกแต่งแบบเรียบง่าย สไตล์ฮ่องกงโมเดิร์น และสามารถมองเห็นกรรมวิธีการยืดเส้นของพ่อครัวได้อย่างจุใจ        อาหารที่มีภายในร้านจะเป็นอาหารจีนประยุกต์ มีทั้งการผสมผสานอาหารแบบฮ่องกง และจะคัดอาหารเมนูเด็ดๆ สูตรดั้งเดิมจากภูมิภาคต่างๆ ของจีนมาไว้ให้ลิ้มลอง ที่สำคัญ คือจะไม่ใส่ผงชูรสในเมนูใดๆ ทำให้สามารถกินได้อย่างสบายใจ คุณเล็ก เสาวลักษณ์ ทิพย์เจริญ เจ้าของร้าน        ส่วนพระเอกนางเอกของร้านก็คือ บะหมี่ และ เนื้อชิเซน ซึ่งจะนำมาประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ อย่างเช่นเมนูยอดนิยม บะหมี่เนื้อตุ๋นชิเซน (120 บาท) ทางร้านจะใช้แป้งสดที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้แป้งแบบวันต่อวัน นวดแป้งชามต่อชาม ผ่านวิธีการนวดแบบเฉพาะตัว ได้เส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่มไม่อืด ส่วนเนื้อตุ๋นก็จะเลือกเนื้อวัวคุณภาพ ผ่านการตุ๋นด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟพร้อมกับผักกวางตุ้งไต้หวันที่ลวกมาพอสุก ชิมเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่มกำลังดี เนื้อตุ๋นก็เปื่อยนุ่มได้รสชาติ เรียกว่าเป็นเมนูถูกใจอีกชามหนึ่ง บะหมี่เนื้อตุ๋นชิเซน        ถัดมาต้องลองชิม ซี่โครงหมูน้ำแดง+หมั่นโถว (110 บาท) ใช้ซี่โครงหมูมาตุ๋นด้วยเทคนิคพิเศษที่ทำให้เนื้อเปื่อยนุ่ม แต่ไม่ยุ่ยจนเกินไป กินคู่กับหมั่นโถวหอมนุ่ม ที่ทางร้านจะลดรสหวานลงเล็กน้อย พอกินคู่กับซี่โครงหมูน้ำแดงที่ได้รสชาติแล้วก็ยิ่งเข้ากัน ซี่โครงหมูน้ำแดง+หมั่นโถว        ต่อมาขอเสิร์ฟเมนู บะหมี่ซุปเสฉวน (129 บาท) บะหมี่สีเหลืองน้ำซุปสีแดงชามโต ที่มีสีสันจัดจ้านพร้อมไข่ต้มใบโตและเต้าหู้ไข่ รสชาติออกเปรี้ยวเผ็ดตามสูตรฮ่องกงดั้งเดิม ส่วนใครชอบกินแบบรสชาติจัดจ้านขึ้นไปอีกนิด ทางร้านเขาแนะนำว่าให้ใส่พริกฮ่องกง ซึ่งเป็นน้ำพริกปรุงสูตรพิเศษของทางร้าน จะช่วยเพิ่มรสชาติในชามให้จี๊ดจ๊าดขึ้นไปอีกระดับ        แถมด้วย หมั่นโถวแฮมต้นหอมนึ่ง (นึ่ง 55 บาท, ทอด 65 บาท) เมนูกินเล่นที่ทางร้านเป็นคนคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง ด้วยการนวดแป้งใส่แฮมและต้นหอม สามารถสั่งได้ทั้งแบบนึ่งและทอด แบบนึ่งจะได้ความหอมนุ่ม แบบทอดจะกรอบนอกนุ่มใน และโรยหน้าด้วยงาขาวเพื่อสุขภาพ บะหมี่ซุปเสฉวน        และสำหรับเมนูดับกระหาย ที่ควรมาลองชิมอย่างยิ่ง เช่น ชามะนาว (55 บาท) ที่เสิร์ฟมาแบบพิเศษ ใช้น้ำแข็งสีส้มที่ทำจากน้ำชามะนาว หรือจะเป็น ชาเย็นภูเขาไฟ (65 บาท) ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ใช้เนื้อสำรองมาราดลงบนชาเย็น ให้รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ        ถ้าท้องยังไม่เต็มอิ่มล่ะก็ ทางร้านยังมีเมนูแนะนำอื่นๆอีกหลากหลาย อาทิ บะหมี่ปักกิ่ง (97 บาท) ซาลาเปาย่างสูตรจากเซี่ยงไฮ้ (75 บาท) เมนูข้าวเอาใจคนไทย เช่น ข้าวไข่ข้นหน้าเนื้อราดซอสเทอริยากิ (85 บาท) โจ๊กฮ่องกง (69 บาท) เกี๊ยวซ่าซอสพริกสด (69 บาท) เป็นต้น        หากว่ามาที่ร้านนี้แล้ว นอกจากจะได้กินเมนูอร่อยๆ ก็ยังมานั่งดูกรรมวิธีการนวดและยืดเส้นบะหมี่แบบเพลินๆ อีกด้วย หมั่นโถวแฮมต้นหอมนึ่ง        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ร้าน “ชิเซน ลาเมี่ยน” (Chiseng Lamian) ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถ.ศรีนครินทร์ กทม. การเดินทาง หากมาจากถนนพัฒนาการ ให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ แล้ววิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนผ่านแยกศรีนครินทร์-อ่อนนุช แล้วสังเกตทางซ้ายมือจะเห็นซีคอนสแควร์ ส่วนร้านจะอยู่ที่ชั้น 4 โซน EGV สามารถจอดรถได้บริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้า ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น. โทร. 08-8243-3288, 08-9602-1101 FB: I love Chiseng Lamian www. chisenglamian.com //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000034513   Create Date : 25 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 25 มีนาคม 2556 8:45:12 น.     Counter : 3169 Pageviews.   Share Tweet