คลายร้อนช่วงสงกรานต์ กับ “ข้าวแช่” อร่อยเย็นชื่นใจ        สำหรับสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้ เป็นช่วงที่อากาศบ้านเราร้อนระยับ ซึ่งในช่วงหน้าร้อนอย่างนี้การหาของกินช่วยคลายร้อนอย่าง “ข้าวแช่” นับว่าเป็นเมนูอร่อยคลายร้อนได้ดี เพราะเวลากินแล้วจะทำให้ชื่นกายชื่นใจ        ถ้าหากนักกินคนไหนอยากจะอร่อยคลายร้อนกับเมนูข้าวแช่ เราก็มีมาแนะนำ ซึ่งใครสนใจที่ไหนก็ตามไปลองลิ้มข้าวแช่กันได้ตามความชอบใจ ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ เพลินจิต สุขุมวิท ชวนมาหลบร้อนอิ่มอร่อยกับุฟเฟต์ “สงกรานต์บรั้นช์บุฟเฟต์” อร่อยไม่อั้นกับหลากเมนูอาหารไทยแท้ตำรับสงกรานต์ อาทิ ข้าวแช่พร้อมเครื่องเคียงนานาชนิด แกงเผ็ดรสจัดจ้าน ขนมไทยหลากสีสัน ผลไม้สด รวมสารพัดเครื่องดื่มไทยดั้งเดิม และอื่นๆ อีกมากมาย ในวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย. นี้ ผู้ใหญ่ 1,413 บาทเน็ต/คน โทร. 0-2305-6000 ต่อ 1632 ห้องไทยออนโฟร์ อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ร่วมสืบสานประเพณีไทย พร้อมต้อนรับลมร้อนด้วยอาหารพิเศษใน “เทศกาลข้าวแช่” โดยเชฟทนสิทธิ์ หลำผาสุข พ่อครัวไทยประจำห้องอาหาร เสนอข้าวแช่ตำรับชาววังหอมกรุ่นกลิ่นดอกมะลิที่ผ่านการปรุงมาเป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมด้วยเครื่องเคียง กะปิทอด, หัวหอมทอด, พริกหยวกสอดไส้ หมูหวาน หัวไชโป๊วหวาน ไข่เค็ม มะม่วงสดและสมุนไพรไทยอย่างกระชาย ราคา 390 บาท++/ชุด บริการสำหรับ มื้อกลางวัน เวลา 12.00 น. - 14.30 น. ตั้งแต่วันนี้-15 เม.ย.นี้ โทร. 0-2653-9000 ต่อ 357 ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ บางนา ชวนมาสัมผัสเมนูคลายร้อนด้วย “ข้าวแช่” เย็นๆ เบาสบายแต่อิ่มท้องพร้อมเครื่องเคียงอร่อยๆ แบบดั้งเดิม พบกับข้าวสวยที่อบอวนไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำดอกมะลิและสำรับชาววัง อาทิ หอมแดงยัดไส้ กะปิทอด ไชโป๊วหวาน เนื้อฝอย พริกหยวกสอดไส้ และอีกหลากหลายเมนูที่รวมอยู่ในบุฟเฟต์ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ และยังสามารถอิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์อื่นๆ ได้อีกหลากหลายรวมทั้งของหวาน บุฟเฟต์มื้อกลางวัน 600 บาท++/คน มื้อค่ำ 700 บาท++/คน ซันเดย์ บรันช์ 950 บาท++/คน ตั้งแต่ 12-16 เม.ย. นี้ โทร. 0-2366-0505 ต่อ 1413, 1432 ห้องอาหารไทยสไปซ์ มาร์เก็ต โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เสนอเมนูพิเศษข้าวแช่คลายร้อนสูตรดั้งเดิม พร้อมทั้งเครื่องเคียงแสนอร่อยทั้ง 6 อย่าง ได้แก่ กะปิทรงเครื่อง หัวผักกาดหวาน หอมสอดไส้ ปลายี่สก พริกหยวกสอดไส้ และเนื้อ/หมูฝอยหวาน ราคาชุดละ 700 บาท++ สำหรับมื้อกลางวันเท่านั้น ตั้งแต่13-19 เม.ย. นี้ โทร. 0-2126-8866 ต่อ 1233 -1234 ห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ ชวนมาฉลองกับ “บุฟเฟต์มื้อค่ำช่วงสงกรานต์” เพลิดเพลินกับอาหารนานาชาติและอาหารไทยรสเลิศมากมาย รวมทั้งเมนูคลายร้อน “ข้าวแช่” หอมมะลิเย็นชื่นใจ พร้อมเครื่องเคียงแสนอร่อย กับโปรโมชั่นพิเศษ มา 4 จ่าย 2 ราคา 950 บาท++/คน ตั้งแต่ 12-16 เม.ย. นี้ โทร. 0-2209-8888 ต่อ เดอะสแควร์ ห้องอาหารเบญจมาศ โรงแรมรอแยลเบญจา กรุงเทพฯ (สุขุมวิท 5) ชวนลิ้มชิมรสชาติไทยๆ กับเมนูชาววัง “ข้าวแช่” พร้อมเสิร์ฟให้ได้สดชื่นคลายร้อนด้วยเสน่ห์ของอาหารไทยย้อนยุคจากกลิ่นข้าวหอมมะลิอบเทียนและน้ำดอกมะลิ มาคู่กับเครื่องเคียงหลากหลาย ทั้งหัวหอมแดงสอดไส้ลูกจิ๋วขนาดพอดีคำ หัวไชโป๊วผัดหวาน เนื้อหรือหมูเค็มฝอย และปลาเค็มทอดเลิศรส ราคา 354 บาทสุทธิ/คน ตั้งแต่วันนี้ -15 เม.ย. นี้ โทร. 0-2655-2920 //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040430   Create Date : 12 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 12 เมษายน 2556 18:17:24 น.     Counter : 2265 Pageviews.   Share Tweet

“Up To Yuu” อร่อยตามใจ หลากหลายเมนูเด็ด บรรยากาศร้าน "Up To Yuu" "UP TO YOU" (แล้วแต่คุณ) เป็นวลีสั้นๆ ที่เชื่อว่าทุกคนคงจะคุ้นหูกันดีในชีวิตประจำวัน        แล้วถ้า "Up To Yuu" คำนี้ล่ะ ทุกคนรู้จักกันบ้างไหม??        ถ้าหากใครไม่รู้จักกับ "Up To Yuu" คำนี้ "ตระเวนกิน" ขอเฉลยว่าเป็นชื่อของร้านอาหารที่อยู่ในเครือของ Yuu Restaurant ซึ่งในมื้อนี้เราจะพาไปสัมผัสและลิ้มรสอาหารเลิศรสของร้านนี้กัน โต๊ะด้านในชวนนั่งสบายๆ        เมื่อมาถึงร้าน "Up To Yuu" ซึ่งตั้งอยู่ที่สีลมคอมเพล็กซ์ จะสัมผัสได้กับบรรยากาศร้านที่ดูสบายๆ น่านั่งภายในร้านตกแต่งแบบเป็นกันเอง มีโต๊ะนั่งเก้าอี้เป็นโซฟาที่ชวนนั่งแบบสบายๆ แถมยังมีดนตรีเล่นสด ให้ฟังกันแบบชิลล์ๆ ในทุกวันพุธและวันศุกร์ ตั้งแต่ 16.30-20.30 น.        ส่วนอาหารของร้าน “Up To Yuu” มีอาหารให้เลือกกินหลายหลากแบบตามใจคุณ โดยส่วนใหญ่เป็นอาหารจานเดียว มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และอาหารฟิวชั่น ซึ่งแต่ละเมนูทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และยังได้นำวัตถุดิบระดับ Premium จาก Yuu Restaurant มาใช้ด้วย เพราะว่า YUU มีชื่อเสียงในคุณภาพของเนื้อวัวและเนื้อหมูอยู่แล้ว เรียกว่ามีเมนูอาหารจานเด็ดที่ชวนกินกว่า 100 เมนู ให้เลือกอิ่มอร่อยกันตามใจชอบเลย เย็นตาโฟแห้งเกี๊ยวกุ้ง        ในมื้อนี้ "ตระเวนกิน" ก็เลือกสั่งเมนูจานเด่นของร้านมาชิมกันหลายเมนูเหมือนกัน ประเดิมด้วยเมนูก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟแห้งเกี๊ยวกุ้ง (75 บาท) เป็นเย็นตาโฟแห้งไม่ใส่เส้น แต่อัดแน่นไปด้วยเครื่องหลายอย่าง มีลูกชิ้นกุ้ง หมึกกรอบ ฮือก๊วย เกี๊ยวทอดกรอบ และเกี๊ยวกุ้งลูกโต ราดด้วยซอสเย็นตาโฟสูตรเด็ดที่ทางร้านปรุงเอง เวลากินก็คลุกเคล้าซอสให้เข้ากับเครื่อง ชิมแล้วอร่อยโดนใจปากรสชาติซอสเข้มข้น แบบไม่ต้องปรุงเครื่องเพิ่ม และเครื่องทุกอย่างรสดีอร่อยลิ้น โดยเฉพาะเกี๊ยวกุ้งเนื้อนุ่มเคี้ยวสัมผัสได้ถึงเนื้อกุ้งที่มาแบบเป็นชิ้นกินอร่อยเต็มปากเต็มคำ สลัดเนื้อริบอาย        ต่อด้วยเมนูเนื้อจานเด็ด สลัดเนื้อริบอาย (280 บาท) ที่ถ้าใครชอบกินเนื้อแนะนำว่าไม่ควรพลาด เป็นเนื้อริบอายคัดมาอย่างดีนำมาหมักกับพริกไทยและโชยุ แล้วนำไปย่างจนเนื้อสุกได้ที่ แล่เสิร์ฟมากับผักไฮโดรโปนิกส์ ราดด้วยน้ำสลัดใสสไตล์ญี่ปุ่น กินเนื้อริบอายเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากเข้ากันดีกับผักสลัดสดกรอบและน้ำสลัดรสกลมกล่อมหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ ข้าวผัดน้ำพริกข่ากับไข่เจียวกากหมู        ตามมาด้วยเมนู ข้าวผัดน้ำพริกข่ากับไข่เจียวกากหมู (85 บาท) ทางร้านปรุงน้ำพริกข่าขึ้นมาเอง และเอาไปคั่วปรุงรสก่อนนำมาผัดกับข้าวหอมมะลิ ผัดแบบแห้งๆ และมีไข่เจียวใส่กากหมูทอดจนเหลืองกรอบโปะมาบนข้าว เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสข้าวผัดเคี้ยวนุ่มข้าวร่วนเป็นเม็ดไม่แฉะออกรสน้ำพริกข่าเข้มข้น โชยกลิ่นข่าอ่อนๆ ขึ้นจมูก กินเข้ากันดีกับไข่เจียวกากหมูเคี้ยวกรุบกรอบอร่อยถูกปาก สปาเก็ตตี้ผัดมันกุ้งพริกแห้ง        จากนั้นมาชิมเมนูจานเส้นกันบ้าง สปาเก็ตตี้ผัดมันกุ้งพริกแห้ง (220 บาท) จานนี้หน้าตาดีชวนกิน มีกุ้งแม่น้ำไซด์ใหญ่ที่นำไปสะดุ้งน้ำมันนิดหน่อยและก็อบให้สุกอีกที แล้วก็นำสปาเก็ตตี้ที่ผัดกับพริกแห้ง กระเทียม มาผัดคลุกเคล้ากับมันกุ้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งตัวโต ลิ้มรสเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มได้รสชาติออกเผ็ดลิ้นจากพริกแห้งและอร่อยกับมันกุ้งรสดี ส่วนเนื้อกุ้งก็นุ่มหวานสัมผัสได้ถึงความสดของกุ้งแม่น้ำจริงๆ ปลาแซลมอนทอดน้ำปลากับซัลซ่ามะม่วง        แล้วมาเต็มอิ่มกับ ปลาแซลมอนทอดน้ำปลากับซัลซ่ามะม่วง (260 บาท) เป็นปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์หั่นชิ้นหนานำมาหมักกับน้ำปลาและทอดจนเนื้อปลาสุกหนังกรอบ แล้วมีซัลซ่ามะม่วงที่ทำจากมะม่วงน้ำดอกไม้สุก มาให้กินเคียงกับเนื้อปลาแซลมอนที่กินแล้วหนังกรอบเนื้อแน่นนุ่มออกรสเค็มกลมกล่อม ตัดแก้เลี่ยนด้วยซัลซ่ามะม่วงรสอมเปรี้ยวอมหวานถูกปากดีจริง โรตีกรอบวนิลา        ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานแบบกินไม่กลัวอ้วนกับ โรตีกรอบวนิลา (99 บาท) เป็นโรตีที่ทางร้านสั่งทำพิเศษ แล้วนำมาทอดให้กรอบนอกแต่เนื้อข้างในยังนุ่มเหนียว และราดด้วยนมข้น ซอสชอคโกแลต เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวนิลา (หรือเลือกรสไอสกรีมได้) กินแล้วอร่อยกับแป้งโรตีที่กรอบนอกนุ่มใน หวานกำลังดีจากนมข้นและซอสชอคโกแลตเข้มข้น กินเข้ากันดีกับไอศกรีมวนิลาเย็นๆ โดนใจ        แม้ว่าจะได้ลองลิ้มเมนูจานเด่นไปก็หลายอย่างจนอิ่มแน่นท้องกันแล้ว แต่ก็ยังมีเมนูเลิศรสอื่นๆ ที่ชวนลิ้มรสอีกมากมาย อาทิ ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ (110 บาท) ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อเซอร์ลอย (110 บาท) เต้าหู้ทอดผัดพริกเกลือกระเทียม (80 บาท) เส้นหมี่หมูย่างตะไคร้ (150 บาท) ฯลฯ เห็นทีว่าเราคงต้องขอติดท้องเอาไว้มื้อหน้า แต่ถ้าใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วน้ำลายพาลจะไหล ก็อย่ามัวให้ท้องร้องหาอาหารอีกต่อไป ตรงมาอิ่มอร่อยที่ร้าน “Up To Yuu” กันดีกว่า * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * “Up To Yuu” ตั้งอยู่ที่สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 3 ถ.สีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. การเดินทางถ้านั่งรถไฟฟ้าBTS ให้ลงที่สถานีศาลาแดง แล้วตรงมาที่สีลมคอมเพล็กซ์ ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเห็นร้าน Up To Yuu ตั้งอยู่มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น. โทร. 0-2231-3882 และยังมีอีก 1 สาขา ที่La Villa พหลโยธิน ชั้น 3 โทร. 0-2619-0122 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.yuurestaurant.com/uptoyuu.html //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000037905   Create Date : 10 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 10 เมษายน 2556 18:24:18 น.     Counter : 2733 Pageviews.   Share Tweet

สูตรข้าวผัดห่อไข่ สวัสดีครับพบกันอีกแล้วสำหรับวันนี้ก็ยังคงเป็นสูตรอาหารจานเดียวเหมือนเดิม และที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้ก็คือ สูตรอาหาร สูตรข้าวผัดห่อไข่ ซึ่งเป็นเมนูอาหารจานด่วนซึ่งสามารถทำกันได้ง่ายๆและมีขั้นตอนในการเตรียมและลงมือทำไม่ยุ่งยากว่าแล้วเราไปดูกันเลยดีกว่า เครื่องปรุงวัตถุดิบและส่วนประกอบต่างๆ สูตรอาหาร สูตรข้าวผัดห่อไข่ ข้าวสวย 2 ถ้วย (หอมมะลิ) น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ กระเทียมไทย 1 ช้อนชา (สับละเอียด) ไข่ไก่ 2 ฟอง ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อกุ้งซีแฮ้ 5 ตัว เห็ดหอมสด 1/4 ถ้วย ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา ถั่วฝักยาว 1/4 ถ้วย ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา ข้าวโพดหวานต้มสุกฝานเมล็ด 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง กะหล่ำปลีสีม่วง 1/2 ถ้วย แครอท 1/2 ถ้วย ขั้นตอนและวิธีในการทำ สูตรอาหาร สูตรข้าวผัดห่อไข่ ขั้นตอนแรกให้ต่อยไข่ใส่ชามตีพอแตก จากนั้นให้ใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ตั้งกระทะให้ร้อนโดยใช้ไฟอ่อนๆ เอียงกระทะไปมาให้น้ำมันติดทั่วทั้งกระทะ ตามด้วยเทไข่ใส่ลงไป โดยเอียงให้เป็นแผ่นบาง พอสุกดีให้ปิดไฟยกขึ้น ค่อยๆแซะไข่ขึ้น พักไว้ก่อน ขั้นตอนต่อไปให้ใส่น้ำมันที่เหลืออยู่ลงไปในกระทะ ตั้งกระทะโดยใช้ไฟกลางพอร้อน จากนั้นใส่กระเทียมลงเจียวให้เหลืองมีกลิ่นหอม ตามด้วยใส่เนื้อกุ้งลงไปผัดก่อน เพราะเนื้อกุ้งจะสุกช้าที่สุด พอเริ่มสุก ตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน ต่อไปให้นำเห็ดหอมมาผัดต่อพอเริ่มสุกใส่ข้าวสวย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ ซอสปรุงรส และน้ำตาล ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างดี จากนั้นให้ใส่เมล็ดข้าวโพดหวาน แครอท กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ตามลงไปผัดให้พอทั่ว ใส่เนื้อกุ้งที่พักไว้ก่อนในตอนแรกลงไป ผัดคลุกเค้าให้เข้ากันปิดไฟ ยกกระทะลง ขั้นตอนสุดท้ายให้แผ่แผ่นไข่ที่พักไว้ออก จากนั้นให้ตักข้าวที่ผัดเสร็จใส่ลงไป ตลบไข่มาปิดข้าวเป็นรูปครึ่งวงกลม จัดข้าวผัดไข่ห่อใส่จานตกแต่งด้วยซอสมะเขือเทศสักเล็กน้อยพร้อมรับประทาน สำหรับเทคนิคในการทำ สูตรอาหาร สูตรข้าวผัดห่อไข่ นั้นเพียงปรุงรสข้าวผัดให้พอเหมาะตามสูตรที่เราชอบแล้วนำมาห่อในไข่ รวมทั้งเวลาต่อยไข่ใส่ลงไปในชามนั้นพยายามไม่ตีไข่จนเป็นฟอง และขณะทอดควรใช้ไฟอ่อนๆ น้ำมันแค่เคลือบกระทะ เกลี่ยไข่ให้หนาเท่ากันก่อนสุก ก็จะได้สูตรข้าวผัดห่อไข่ที่อร่อยสำหรับทุกๆคน //www.สูตรอาหาร.net/2013/02/blog-post_4.html   Create Date : 09 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 9 เมษายน 2556 8:43:24 น.     Counter : 5503 Pageviews.   Share Tweet

สดชื่นคลายร้อนด้วย “ข้าวแช่”        อากาศเมืองไทยนั้นร้อนแสนจะร้อน เจอหน้าใครก็มีแต่จะพูดถึงความร้อนที่เกินจะทน แต่จะบ่นไปก็ไม่ช่วยทำให้อากาศเย็นขึ้น “108 เคล็ดกิน” ว่า เรามาหาของกินดับร้อนให้ชื่นใจกันเสียหน่อยจะดีกว่า        โบร่ำโบราณบ้านเรานั้นจะเลือก “ข้าวแช่” มาเป็นอาหารที่ช่วยดับร้อน โดยข้าวแช่แต่ดั้งเดิมนั้นไม่ใช่อาหารตำรับไทยแท้ๆ แต่เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญที่นิยมทำขึ้นเพื่อสังเวยเทวดาในพิธีตรุษสงกรานต์ ซึ่งตามประเพณีของคนมอญโบราณกล่าวไว้ว่า ในวันสงกรานต์จะต้องทำข้าวแช่ถวายพระสงฆ์ จะถือเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ถวาย        สาเหตุที่ข้าวแช่ได้เข้ามาสู่สำรับอาหารไทย ก็เนื่องจากคนมอญและคนไทยได้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันมาอย่างยาวนาน นอกเหนือจากที่ชาวบ้านจะทำข้าวแช่กินกันแล้ว ในรั้วในวังก็มีข้าวแช่ตำรับชาววังกินด้วยเหมือนกัน ซึ่งก็มาจากการที่สตรีชาวมอญได้เข้ารับราชการฝ่ายใน (เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน) และได้ปรุงข้าวแช่ขึ้นเป็นถวาย ข้าวแช่ชาววังนั้นขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันของเครื่องเคียงที่หน้าตาสวยงาม และรสชาติกลมกล่อม ทั้งลูกกะปิทอด หัวหอมสอดไส้ ไชโป๊วผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน พริกหยวกสอดไส้ เป็นต้น ซึ่งกรรมวิธีการทำนั้นก็ละเอียดลออและซับซ้อนหลายขั้นตอน และยังจะต้องมีผักสดแกะสลักไว้กินแนมด้วย        แต่นอกจากข้าวแช่ชาววังแล้ว ก็ยังมีข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร (เพชรบุรี) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากชาววังเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมายังพระนครคีรี (เขาวัง) และได้แพร่หลายไปสู่สามัญชนชาวเพชรบุรี        ข้าวแช่ตำรับเมืองเพชรนั้นจะนิยมใส่ดอกกระดังงาในน้ำอบข้าวแช่ ต่างจากที่อื่นที่อาจจะมีเพียงดอกมะลิกับกลีบกุหลาบเท่านั้น และกับข้าวที่กินเคียงกับข้าวแช่เมืองเพชรจะต้องมีรสหวานนำเค็มตาม ซึ่งจะมีเพียงสามอย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน        สิ่งสำคัญในการจะกินข้าวแช่ดับร้อนนั้น อยู่ที่กรรมวิธีการกินนั่นเอง เริ่มจากการนำข้าวสวยตักใส่ชาม ใส่น้ำลอยดอกไม้อบควันเทียนลงไป บางคนอาจจะใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปเพื่อความเย็นชื่นใจ และเมื่อจะกินคู่กับเครื่องเคียงของคาวต่างๆ จะต้องตักกับข้าวเข้าปากก่อน จากนั้นค่อยตักข้าวแช่เข้าปากตามไป จากนั้นก็เคี้ยวรวมกันให้ได้ลิ้มรสชาติและความหอมหวนของข้าวแช่และกับข้าว เท่านี้ก็จะได้สัมผัสความอร่อยสดชื่นใจมาช่วยดับร้อนได้แล้ว //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040209   Create Date : 08 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 8 เมษายน 2556 18:04:16 น.     Counter : 1715 Pageviews.   Share Tweet

เสพงานศิลป์ กรุ่นกลิ่นรสกาแฟ @ Gallery กาแฟดริป บรรยากาศภายในร้าน "Gallery กาแฟดริป"        เวลาที่ "ผ่านมาแวะกิน" เกิดมีอารมณ์ศิลปิน อยากจะเสพงานศิลป์เจ๋งๆ ขึ้นมา เรามักจะพาตัวเองมาที่ "หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร" เพราะว่าที่นี่มีผลงานศิลปะมากมายหลากหลายแขนงจัดแสดงไว้ให้ได้ชื่นชมกัน        และในครั้งนี้หลังจากที่เราได้มาเสพงานศิลป์ดีๆ จนอิ่มเอมใจแล้ว จู่ๆ ก็ได้กลิ่นหอมๆ ของกาแฟลอยมายั่วจมูก ทำเอาเราต้องเดินตามกลิ่นหอมๆ อันอบอวลของกาแฟไป จนกระทั่งมาหยุดอยู่ยังร้านกาแฟแห่งนี้ ที่มีชื่อว่า "Gallery กาแฟดริป" ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร "Gallery กาแฟดริป" เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ของเจ้าของร้าน 2 คน คือ คุณปิ ปิยชาติ ไตรถาวร และคุณเอ ณัฎฐ์ฐิติ อำไพวรรณ ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน เป็นช่างภาพเหมือนกัน แถมยังชอบกินกาแฟเหมือนกัน แล้วก็มีความฝันที่อยากจะมีร้านกาแฟ ที่มีผลงานศิลปะจัดแสดงไว้ภายในร้าน ให้ทั้งคอกาแฟและคนที่รักงานศิลปะได้อิ่มเอมกับความสุขกันอย่างเต็มที่ ลีลาการทำกาแฟดริปของเจ้าของร้าน        จึงเป็นที่มาของร้าน Gallery กาแฟดริป แห่งนี้ ที่เมื่อทุกคนเข้ามาในร้านจะได้เสพกับงานศิลปะที่จะมีหมุนเวียนมาให้ได้ชื่นชนกัน พร้อมๆ กับการนั่งดื่มกาแฟรสเยี่ยมที่มีเอกลักษณ์ไม่มีที่ไหนเหมือน นั่นก็คือ กาแฟดริป ซึ่งการดริปกาแฟของที่ร้านนี้ ก็คือ การคัดเลือกเฟ้นหากาแฟสายพันธุ์ดี มีคุณภาพ ซึ่งกาแฟตัวหลักที่ทางร้านนำมาใช้คือ กาแฟอาราบิก้าของไทยจากจ.เชียงราย และก็ยังสรรหากาแฟคุณภาพดีจากหลายประเทศทั่วโลก หมุนเวียนมาให้คอกาแฟได้ลิ้มรสกัน        และกาแฟของที่นี่เน้นใช้กาแฟคั่วระดับอ่อน แล้วนำมาบดใหม่ๆ ด้วยเครื่องบดมือ ผ่านการชงด้วยวิธีดริป (drip) คือการใช้กระดาษมากรองกาแฟแล้วค่อยๆ หยดน้ำร้อนลงไปผ่านกาแฟบดที่วางบนแผ่นกรอง น้ำกาแฟจะค่อยๆ หยดผ่านแผ่นกรองลงสู่ภาชนะที่รองรับไว้ ซึ่งการดริปกาแฟจะใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที เรียกว่าหากอยากกินกาแฟของที่นี่อย่าในร้อน ต้องใจเย็นๆ เพราะการชงกาแฟแบบดริปนี้ จะทำให้ได้รสชาติกาแฟที่นุ่มนวลและหอมหวลชวนดื่ม Drip Coffee Jelly        ว่าแล้วก็ไม่รอช้า เราขอสั่งกาแฟแก้วเด่นของที่นี่มาดื่มกันดีกว่า แก้วแรกที่เสิร์ฟมา คือ Drip Coffee Jelly (80 บาท) เป็นกาแฟแก้วเด่นที่ทำออกมาขายแค่ 10-12 แก้วต่อวันเท่านั้น เป็นกาแฟดริปใส่เจลาตินแช่ตู้เย็นจนแข็งเป็นวุ้น มีฟองนมใส่มาด้านบน มีเทคนิคดื่มให้อร่อยคือต้องเอาหลอดจุ่มลงไปให้กาแฟมิกซ์กับนมก่อน แล้วจะได้รสสัมผัสของกาแฟวุ้นเด้งดึ๋งอยู่ในปากรสชาติหอมหวานเข้ากับฟองนมนุ่มๆ มีกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ และยังมีฟองนมกับไซรัปให้ใส่เพิ่มด้วย Iced Drip Mocha        จากนั้นมาสดชื่นกับแก้วนี้ Iced Drip Mocha (75 บาท) เป็นกาแฟดริปชงผสมกับชอคโกแลตไซรัป ท็อปด้วยฟองนม และใส่น้ำแข็ง เสิร์ฟมาเย็นๆ ดื่มแล้วชุ่มชื่นคอหอมหวานกลมกล่อมชื่นใจ Matcha Latte        และใช่ว่าจะมีแต่กาแฟ ใครชอบชาเขียวแนะนำ Matcha Latte (60 บาท) เป็นยอดชาเขียวป่นชงกับน้ำอุ่นแล้วท็อปด้วยฟองนม ดื่มตอนอุ่นกำลังดี หอมกลิ่นชาเชียวขึ้นจมูก ได้รสชาเขียวเข้มข้นกำลังดีหวานฟองนมเนียนละมุน Kenya Peaberryและเค้กแอปเปิ้ล        แต่ถ้าใครชอบกาแฟเพียวๆ นำเสนอ Kenya Peaberry (95 บาท) เป็นกาแฟจากเคนย่านำมาคั่วอ่อน บดแล้วดริป ได้กาแฟดำ ที่ดื่มแล้วสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ของกาแฟเคนย่า ที่หอมอวลความหวาน ไม่ขมปากมาก และมีรสเปรี้ยวปลายลิ้นนิดๆ มุมโต๊ะนั่งสบายๆ ที่มีอุปกรณ์ชงกาแฟจำหน่ายด้วย        แล้วก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ชวนดื่อีก อาทิ ) Gallery Fruit Punch (80 บาท) Blended Tea (65 บาท) ฯลฯ รวมถึงมีเบอเกอรี่โฮมเมดหลายอย่าง อาทิ เค้กแอปเปิ้ล (85 บาท) มัฟฟินขนุน (60 บาท) บิสกิตชอคโกข้าวโอ๊ด (2 ชิ้น 25 บาท)ฯลฯ ให้สั่งมากินคู่กับเครื่องดื่ม หรือถ้าใครอยากจะชงกาแฟดริปด้วยตัวเองขึ้นมาบ้าง ทางร้านก็มีอุปกรณ์ในการชงกาแฟจำหน่ายให้ได้นำไปดริปกาแฟกินกันเองที่บ้าน แต่ถ้าอยากจะนั่งดื่มกาแฟพร้อมกับเสพงานศิลป์ไปด้วยก็ขอแนะนำให้ต้องมาที่ร้าน "Gallery กาแฟดริป" แห่งนี้ * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * "Gallery กาแฟดริป" ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร การเดินทางถ้านั่งรถไฟฟ้าBTS ให้ลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ แล้วเดินมาที่หอศิลปวัฒนธรรมฯ จะเห็นร้าน Gallery กาแฟดริป ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-21.00 น. โทร. 08-1989-5244, 08-1917-2131 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/GalleryDripCoffee   Create Date : 07 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 7 เมษายน 2556 22:31:48 น.     Counter : 2781 Pageviews.   Share Tweet