อร่อยคลายร้อน สารพัดเมนูมะม่วง หวาน มัน แสนอร่อย        หน้าร้อนมาถึงแล้ว หลายๆ คนอาจจะหงุดหงิดกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ก็อย่าถึงกับต้องอารมณ์เสียกับความร้อนของอากาศกันเลย มื้อนี้อยากจะชวนไปอร่อยคลายร้อน โดยขอเอาใจคนรักมะม่วงให้ได้อร่อยหรรษากับทุกฤดูกาล โดยมากันที่ “ร้านคุณนายอัมรา” (Mrs.Amra) เป็นร้านมะม่วงน้ำปลาหวาน และข้าวเหนียวมะม่วงสูตรเด็ด นำเสนอความอร่อยกับ สารพัดเมนูทำจาก”มะม่วง”ผลไม้มากคุณประโยชน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE TASTE OF MANGO หวาน มัน สัมผัสไทย” โดดเด่นในเรื่องรสชาติ ที่คงความอร่อยของมะม่วงไทยได้ดีที่สุด โดยต้องการที่จะต่อยอด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากมะม่วงของไทยสู่สากล จึงได้สร้างสรรค์หลากหลายเมนู ให้คนชอบทานมะม่วงได้ลิ้มลอง และสัมผัสรสชาติมะม่วง แบบธรรมชาติ ที่สดใหม่อย่างแท้จริง        หากมาที่ “ร้านคุณนายอัมรา” จะได้ลิ้มรสเมนูมะม่วงหลากหลายที่ล้วนแล้วแต่ชวนกินมากมาย อาทิ เมนูข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวมูนที่ใช้กรรมวิธีมูนข้าวเหนียว สูตรเฉพาะของร้านจนได้ความหอม มัน หวานนุ่น รสชาติที่คล้ายกับนมสด เสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุก ได้รสชาติหวานฉ่ำ ชื่นใจ ทุกคำที่ได้ลิ้มลอง        และยังมีมะม่วงน้ำปลาหวานสูตรโบราณเลิศรส ที่มีเอกลักษณ์และความอร่อยเฉพาะตัว โดยมี 4 สูตรเด็ด ให้เลือกอร่อย สูตร 1 ปลาหมักอีสาน (ปลาจ่อม ) น้ำปลาหวานต้นตำรับผสมผสานกับปลาหมักรสเด็ดของภาคอีสานจนกลมกล่อม เป็นสูตรเด็ดที่หลายๆ คนชิมแล้วติดใจ ถือว่าเป็นเมนูไฮไลท์ประจำร้าน, สูตร 2 น้ำปลาหวานไทยแท้ ที่เติมรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้นด้วยการผสมเนื้อกุ้งอย่างดี คลุกเคล้าจนเข้ากัน เพิ่มความหวาน มัน เค็ม ครบทุกรส และสูตร 3 พริกเกลือกุ้ง สูตรใหม่ที่ท้าให้ทุกคนได้ลองชิมและ สูตร 4 กะปิโบราณ ที่จะทำให้ได้รสชาติของกะปิไทย ที่หอม อร่อย ลงตัว ทั้งนี้เพื่อความอร่อยเฉพาะตัว สามารถเลือกมะม่วงมัน, มะม่วงเปรี้ยว หรือมะม่วงตามฤดูกาล ตามความชอบ ส่วนตัวได้อีกด้วย        นอกจากเมนูยอดนิยมแล้ว ร้านคุณนายอัมรา ยังสร้างสรรค์สารพันเมนูมะม่วงอื่นๆ อีกด้วย อาทิ แมงโก้ อะโลฮา ไอศกรีมกะทิรสกลมกล่อมสูตรโบราณ กินคู่กันกับข้าวเหนียวมะม่วง อร่อยสดชื่น, แมงโก้ สโนว์ อร่อยเต็มคำกับไอศครีมกะทิโบราณ กินคู่กับมะม่วงหวานฉ่ำ ราดด้วยซอส, มีน้ำมะม่วงปั่นเพื่อสุขภาพ (Mango Smoothies) สูตรเข้มข้น ที่ใช้มะม่วงหนึ่งลูกต่อการปั่นหนึ่งแก้ว อาทิ เยลโล พาราไดซ์ (Yellow Paradise), โก โก กรีน (Go Go Green) และยังมีเมนูขนมหวานฟิวชั่น แมงโก้ พุดดิ้ง        แวะมาลิ้มลองความหวานฉ่ำ เติมความสดชื่นให้ร่างกายกับหลากหลายเมนูแสนอร่อย ที่ตอบทุกความต้องการ ของคนรักมะม่วงที่ร้าน “ร้านคุณนายอัมรา” (Mrs.Amra) ชั้น 7 ณ เซ็นทรัล เวิลด์ (ใน Tops Supermarket) พร้อมบริการพิเศษจัดส่งถึงบ้าน และบริการจัดกระเช้าในเทศกาลต่างๆ สไตล์ไทยแท้ ด้วยความหวานหอมของมะม่วงไทย ที่คัดสรรพิเศษสุดๆ โทร. 08-9763-3339        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000034478   Create Date : 22 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 22 มีนาคม 2556 8:46:06 น.     Counter : 2615 Pageviews.   Share Tweet

“มันฝรั่งอบชีสเบคอน” อาหารง่ายๆ สไตล์อิตาเลียนคลาสสิก        เมื่อคราวที่มีเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน แล้วก็โหวตกันว่าอยากกินอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนง่ายๆ แบบที่ทำได้เอง “กุ๊กเล็ก” ก็เลยไม่ขัดศรัทธา จัดเมนูอร่อยๆ แบบคลาสสิกให้ ในชื่อเมนู “มันฝรั่งอบชีสเบคอน” ที่เพิ่งได้สูตรเด็ดมาจากห้องอาหาร Bangkok Balcony โรงแรมใบหยก สกาย ส่วนผสมมีดังนี้        มันฝรั่งหั่นแว่น (หนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร) 150 กรัม        มอสซาเรลล่าชีส 50 กรัม        พาเมซานชีส 10 กรัม        เบคอนกรอบ 10 กรัม        พาสลีย์ สำหรับแต่งหน้า ส่วนผสมซอสไวน์ขาว        ไวน์ขาว 2 ถ้วย        น้ำสต็อกปลา 1 ถ้วย        น้ำมะนาว 1 ช้อนชา        ครีมข้น 1 ถ้วย        พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา        เกลือป่น 1/4 ช้อนชา        วิธีทำเริ่มจากทำซอสไวน์ขาวโดยนำกระทะตั้งไฟ ใส่ไวน์ขาว น้ำสต็อกปลา น้ำมะนาว ผัดพอทั่ว ใส่ครีมข้น ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยผัดให้เข้ากัน พักไว้ก่อน จากนั้นนำมันฝรั่งที่หั่นแล้วมาต้มให้สุกประมาณ 70% (ระหว่างต้มใส่เกลือลงไปเล็กน้อย) จากนั้นตักขึ้นมาวางเรียงไว้ในจาน ใช้ซอสไวน์ขาวประมาณ 50 กรัม ตักมาราดลงบนมันฝรั่งที่ต้มเตรียมไว้ โดยหน้าด้วยมอสซาเรลล่าชีส จากนั้นนำเข้าเตาอบสังเกตดูให้หน้าชีสเหลืองสวย แล้วนำออกมาโรยด้วยพาเมซานชีส แล้วนำเข้าเตาอบให้ชีสเหลืองหอมอีกครั้ง เสร็จแล้วจะยกขึ้นเสิร์ฟก็โรยหน้าด้วยเบคอนกรอบและพาสลีย์ เป็นอันได้กินมันฝรั่งอบนุ่มๆ พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นจากชีสและเบคอน อิ่มอร่อยกันไปอีกมื้อ   Create Date : 21 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 21 มีนาคม 2556 8:35:05 น.     Counter : 4167 Pageviews.   Share Tweet

“ยำผลไม้หมูย่าง” อิ่ม อร่อย ได้รสชาติ โดย : กุ๊กเล็ก “กุ๊กเล็ก” ได้ยินเพื่อนสาวหลายๆ คนโอดครวญว่าน้ำหนักขึ้นเอาขึ้นเอาตอนช่วงฤดูข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียนแบบนี้ เพราะหักห้ามใจไม่เคยไหวจากกลิ่นหอมยวนยั่ว และรสชาติหวานอร่อย ก็เลยอยากจะได้เมนูที่กินแล้วไม่อ้วนแถมยังได้สารอาหารที่ดีต่อร่างกายด้วย “กุ๊กเล็ก” เลยขอแนะนำเมนูอร่อย “ยำผลไม้หมูย่าง” ให้ไปลองทำกินกันได้แบบง่ายๆ ส่วนผสมมีดังนี้        เนื้อหมู 300 กรัม        น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ        น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ        ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมยำผลไม้        แอปเปิ้ลแดงหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วยตวง        ฝรั่งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วยตวง        ชมพู่ หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วยตวง        แครอทซอย ½ ถ้วยตวง        พริกขี้หนูบุบ 1 ช้อนโต๊ะ        ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ        น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ        น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ        น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ        วิธีทำเริ่มจากหมักเนื้อหมูกับน้ำตาลทราย น้ำปลา และซีอิ้วขาว ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็นำไปย่างจนสุก แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ จัดวางใส่จานพักไว้ก่อน ส่วนยำผลไม้ให้นำผลไม้แต่ละอย่างมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ จำนั้นปรุงรสโดยการใส่พริกขี้หนู น้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่ถั่วลิสงคั่ว คลุกให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วตักใส่จาน กินคู่กับหมูย่างให้อร่อยกันในมื้อนี้ //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000036776   Create Date : 19 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 19 มีนาคม 2556 8:50:59 น.     Counter : 2102 Pageviews.   Share Tweet

“สุโขทัยหม้อดิน” กินอร่อยทั้งขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว และของหวาน ด้านหน้าทางเข้าร้าน        “ผ่านมาแวะกิน” เพิ่งจะกลับจากการไปเที่ยวที่ จ.สุโขทัย ยังติดใจทั้งของกินของฝากจากจังหวัดนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นพวกเครื่องปั้นดินเผาที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือจะเป็นอาหารที่รสชาติอร่อยไม่แพ้ที่อื่นๆ พอกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เลยอยากจะลิ้มรสอาหารแบบสุโขทัยอีกสักครั้ง        ว่าแล้วก็ลองเสิร์ชหาร้านอร่อยที่ว่า จนได้เจอร้าน “สุโขทัยหม้อดิน” ที่อยู่บนถนนเสนานิคม 1 แถวๆ ลาดพร้าว ที่มี คุณอัครเดช คงทอง และ คุณภัทรศยา ศรีวงษ์ เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งชื่อร้านก็มีที่มาจากการที่ทั้งคู่เป็นคนสุโขทัย และอยากนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นชาวสุโขทัย ทั้งอาหารการกิน และสินค้าของฝาก จึงเลือกใช้หม้อดิน ที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาจาก อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย และมีก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยสูตรดั้งเดิมมาขายในร้าน ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน        แต่ก่อนที่จะไปลองชิมก๋วยเตี๋ยวสูตรดั้งเดิม ถ้าเดินเข้าร้านก็จะเห็นหม้อดินที่เรียงรายอยู่เป็นแถว โดยในหม้อนั้นจะมีน้ำยาหลากหลายชนิดให้กินคู่กับขนมจีนเส้นสด แต่ละวันก็จะมีน้ำยา 4-5 ชนิดให้เลือกกิน อย่างจานแรกเป็น ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน (35 บาท) ที่เป็นสูตรของทางร้าน จะใช้เนื้อปลาช่อนล้วนๆ ผสมกับเครื่องแกงที่โขลกเอง เคี่ยวกับน้ำกะทิบนเตาถ่าน ให้ความร้อนระอุไปเรื่อยๆ ช่วยเพิ่มความหอมกรุ่น ลองชิมแล้วน้ำยาเข้มข้นกลมกล่อมกำลังดี กินคู่กับผักสดผักดองหลากหลายชนิดก็เข้ากัน        ต่อด้วยน้ำยาแบบภาคเหนือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว (35 บาท) ใช้กระดูกซี่โครงหมูอ่อนมาตุ๋นบนเตาถ่านเช่นกัน ส่วนเครื่องแกงน้ำเงี้ยวที่ทำเองก็ใส่ถั่วเน่า ดอกงิ้ว เลือดหมู และมะเขือเทศ นำมาเคี่ยวรวมกันกับกระดูกซี่โครงหมูอ่อน เวลาเสิร์ฟโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ต้นหอมซอย และพริกแห้งทอด กินแล้วกลมกล่อมอร่อยดี ขนมจีนน้ำเงี้ยว        ส่วนจานนี้เป็น ขนมจีนเขียวหวานไก่ (35 บาท) ใส่ทั้งเนื้อไก่ เลือดไก่ และใส่ฟัก เครื่องแกงและกะทิสด ก็เคี่ยวรวมกันจนได้ที่ ได้ความหอมมันเข้มข้นออกเผ็ดเล็กน้อย และ ขนมจีนพะแนงหมู (35 บาท) ที่ใช้เนื้อหมูส่วนสะโพกผัดกับเครื่องแกงพะแนง และใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไปเพิ่มความหอมมัน ได้ความเข้มข้นของเครื่องแกง เนื้อหมูนุ่มอร่อย        มาถึงไฮไลต์ของร้าน ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย (35 บาท พิเศษ 45 บาท) ที่ต้องบอกว่าเป็นสูตรสุโขทัยแท้ๆ ที่จะมีรสชาติหวานนำ ใส่เครื่องหลากหลาย ทั้งไชโป๊วหวานสับ ถั่วลิสงป่น กุ้งแห้ง หมูสับ หมูแดง ลูกชิ้น ตับหมู โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง กากหมู กระเทียมเจียว ราดด้วยน้ำซอสหมูแดง และปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ พริกป่น และน้ำมะนาว และถ้าจะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแท้ๆ แนะนำให้กินเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้ง ซึ่งจะมีน้ำซุปกระดูกหมูแยกใส่ถ้วยมาให้ซดร้อนๆ พอยกชามก๋วยเตี๋ยวมาต้องคลุกเคล้าเครื่องให้เข้ากัน ชิมแล้วรสชาติออกหวานนำ หอมถั่วป่นและพริกป่น กินคู่กับน้ำซุปที่หวานน้ำต้มกระดูกอร่อยดี ขนมจีนเขียวหวานไก่ และ ขนมจีนแพนงหมู        แถมท้ายด้วยขนมหวานที่ทางร้านก็มีให้เลือกชิม อาทิ บัวลอยมะพร้าวอ่อน (15 บาท) ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านเช่นกัน แป้งที่ใช้ก็นวดเอง ผสมสีธรรมชาติ ทั้งจากแครอท อัญชัน ฟักทอง มันต่อเผือก และใบเตย ใช้กะทิคั้นสดๆ และใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนด้วย ชิมแล้วหอมมันหวานเล็กน้อย บัวลอยนุ่มหนึบ เคี้ยวเนื้อมะพร้าวอ่อนเข้ากันดี ส่วน ข้าวเหนียวถั่วดำ (15 บาท) ก็อร่อยเช่นกัน เพราะใช้กะทิสดๆ ต้มกับถั่วดำ กินคู่กับข้าวเหนียวมูนจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู ทำให้มีความนุ่มหอม กินอร่อย ถั่วดำก็นุ่มแต่ไม่หวานมาก ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย        มากินขนมจีนน้ำยาต่างๆ หรือจะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ปิดท้ายด้วยขนมหวานอร่อยๆ ที่นอกจากจะมี 2 อย่างที่ลองชิมไปแล้ว ก็ยังมี สาคูเปียกข้าวโพด เต้าส่วน ลอดช่อง ข้าวเหนียวเปียกลำไย ลูกเดือยเปียก และฟักทองแกงบวด ที่จะหมุนเวียนมาให้ลองชิม แต่ต้องบอกว่าวันธรรมดาถ้ามาในช่วงเที่ยงจะต้องรอคิวกันหน่อย หรือหากมาในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ควรมาก่อนบ่ายสองโมง เพราะเดี๋ยวของอร่อยจะหมดไปเสียก่อน บัวลอยมะพร้าวอ่อน และ ข้าวเหนียวถั่วดำ        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ร้าน “สุโขทัยหม้อดิน” ตั้งอยู่ที่ 589 ถ.เสนานิคม 1 แขวง/เขตลาดพร้าว กทม. การเดินทางจากถนนพหลโยธิต เลี้ยวเข้าซอยเสนานิคม 1 ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกวังหิน ให้ตรงมาอีกประมาณ 400 เมตร (เลยซอยเสนานิคม 25 มาเล็กน้อย) จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายบอกชัดเจน สามารถจอดรถได้ด้านหลังและหน้าร้าน ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 09.00-16.00 น. โทร.08-2177-9995 ส่วนอีกหนึ่งสาขาอยู่ไม่ไกลกัน ตั้งอยู่ในซอยเสนานิคม 42 ถ.เสนานิคม 1 ร้านเปิดเวลาเดียวกัน ขายเฉพาะขนมจีนน้ำยาและขนมหวาน โทร. 08-7086-4558 //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000031414   Create Date : 17 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 17 มีนาคม 2556 22:32:59 น.     Counter : 3549 Pageviews.   Share Tweet

ข้าวแช่ แก้ร้อน ข้าวแช่เป็นกับข้าวของชาวมอญ คนไทยช่างกินและช่างดัดแปลงอยู่แล้ว พอลิ้มรสเข้าก็ถูกปาก ข้าวแช่มอญจึงถูกแปลงเป็นข้าวแช่ไทย แต่เพราะข้าวแช่ทำยาก ยิ่งจะเอาให้อร่อยยิ่งต้องวิลิศมาหรา ข้าวแช่ไทยชั้นดีจึงมีอยู่แต่ในวัง คนธรรมดาหมดปัญญาทำ ช่วงสงกรานต์ ปกติต้องทำบุญกระดูกบรรพบุรุษ สรงน้ำพระพุทธรูปและเลี้ยงพระกันอยู่แล้วก็เลยเป็นประเพณีตั้งสำรับข้าวแช่เลี้ยงพระ เรียกว่างานบุญกรานข้าวแช่ พอทำทั้งทีแล้วไหนจะทำยาก ไหนจะลงแขกมาช่วยกัน ก็ต้องเผื่อแผ่ทำเลี้ยงแขกเหรื่อญาติมิตรด้วย กับข้าวถ้ามีเหลือ ความที่เป็นของไม่บูดไม่เน่าก็เก็บไว้กินต่อได้อีกแรมเดือน ขาดอะไรก็ทำเพิ่มเอาอย่างสองอย่าง เท่านี้ก็ได้ข้าวแช่ไว้กินตลอดหน้าร้อน พอปีหน้าก็มาว่ากันใหม่ ความยากลำบากในการทำข้าวแช่มี 5 ขั้นตอน คือ 1. ตอนหุงข้าวและขัดให้เมล็ดเสมอกัน 2. ตอนปรุงเครื่องข้าวแช่ ของมอญแท้ๆ จะมีไม่กี่อย่าง แต่พอเข้าวังก็จะมีลูกกะปิ (ทำเก็บไว้ได้นาน) หัวหอมแดงยัดไส้ลูกกะปิ พริกหยวกยัดไส้หมูสับคลุมด้วยไข่ทอดโรยเป็นตาข่าย หัวไชโป๊เค็มหั่นฝอยผัดกับน้ำตาลโตนดจนหวาน บางทีก็มีมะม่วงดิบฝอยผัดหวาน 3.น้ำแช่ข้าว ต้องให้หอมดอกมะลิ กระดังงา ชมนาด และต้องแช่ให้เย็น โบราณจะใส่คนโทดินแช่ไว้ สมัยหลังมีน้ำแข็งแล้วก็ใช้น้ำแข็งช่วย 4. ผักกินกับข้าวแช่มีกระชายสดจักเป็นดอกจำปี พริกสดจักแตงกวา มะม่วงดิบจักเป็นใบไม้ ต้นหอมจัก 5 วิธีบริโภค เวลากินข้าวแช่ให้ตักข้าวสวยใส่ชาม รินน้ำหอมลงจนท่วม เติมน้ำแข็งเป็นเกล็ดหรือก้อนหรือจะใช้น้ำหอมแช่ในตู้เย็นก็ชื่นใจดี คนที่ตักลูกกะปิ หัวหอม พริกหยวก  ใส่ลงในข้าวเรียกว่าไม่มีทั้งวัฒนธรรมมอญและไทย แต่ให้ตักใส่ปากกินก่อน แล้วตักข้าวและน้ำตาม ข้าวแช่ไม่ใช่ข้าวต้ม จึงห้ามใช้ตะเกียบพุ้ย ต่อจากกับและข้าวจะหยิบผักใส่ปากเคี้ยวตามก็ได้รสชาติดีโดยเฉพาะกระชายและอย่าเอาข้าวแช่ไปกินกับข้าวอื่นเป็นอันขาด เช่น ถั่วงอกผัดหมูกรอบ เป็ดพะโล้ ซีเซ็กฉ่าย ปลาสลิดยำ ไข่เค็ม ถึงไม่เคารพมอญก็โปรดนับถือภูมิปัญญาชาววังไทยไว้บ้างเถิด รัชกาลที่ 4 โปรดเสวยข้าวแช่มาก เมื่อเสด็จไปประทับที่พระนครคีรี เพชรบุรีทรงถามหาข้าวแช่แต่ไม่มีใครทำเป็น ห้องเครื่องจึงรับชาวบ้านที่สนใจเข้ามาหัดทำแบบง่ายๆ ไม่ประดิดประดอยอย่างชาววัง ก็ได้ลูกกะปิ ปลายี่สนผัดหวาน ไชโป๊หวานมาเป็นเครื่องข้าวแช่ ส่วนหัวหอมยัดไส้พริกหยวกยัดไส้และผักนั้นไม่มี ว่ากันว่าผักก็มาเพิ่มสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะมะม่วงดิบซึ่งโปรดมาก นับแต่นั้นมาข้าวแช่เพชรบุรีก็โด่งดังขึ้นคู่กับของชาววัง ปัจจุบันนี้มีข้าวแช่อยู่ในท้องตลาด 4 แบบ คือ 1. แบบมอญดั้งเดิม 2. แบบเพชรบุรี 3. แบบชาววังเต็มยศ 4. แบบตามวังเจ้านายที่รับจากวังหลวงมาดัดแปลงอีกที เช่น มีปลารำวงทอดกรอบ เนื้อเค็มฝอยเป็นของแกล้ม เป็นต้น //women.postjung.com/663498.html.html   Create Date : 15 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 15 มีนาคม 2556 8:43:17 น.     Counter : 1922 Pageviews.   Share Tweet