ส้มตำทอด อาหารพื้นบ้านแอดวานซ์ใหม่ถูกใจทุกคำ เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณแม่ปันปราย            เชื่อว่าเวลาทุกคนออกไปข้างนอกบ้าน ไม่ว่าย่านไหน ซอยไหน เป็นต้องเห็นมีรถเข็นหรือร้านขายส้มตำอยู่แน่ ๆ ก็เพราะว่าส้มตำ หรือตำบักหุ่ง ไม่เพียงแต่เป็นอาหารเอกลักษณ์ของภาคอีสานเท่านั้น เพราะไม่ว่าภาคไหน ๆ ต่างก็นิยมทานส้มตำกันทั่วไป ด้วยรสชาติแซ่บจัดจ้านถูกใจคนไทยมาช้านาน            แต่ทว่าการกินส้มตำนอกบ้าน อาจทำให้หลายคนประสบปัญหาปั่นป่วนในท้อง วันนี้เราจึงขอนำเมนูสุขภาพแบบอีสานบ้านเฮาอย่าง "ส้มตำทอด" สูตรของ คุณแม่ปันปราย ที่ทั้งอร่อยถูกปากแถมสะอาดปราศจากอาการท้องเดินมาให้ทุกคนลองทำ ใครที่น้ำลายสอแล้วก็อย่ารอช้า รีบมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย            ส่วนผสม  มะละกอขูดเป็นเส้น , แครอทขูดเป็นเส้น กระเทียบกลีบใหญ่ 1 กลีบ ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อน ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ กุ้งสดผ่าหลังแล้วลวก 4-5 ตัว มะเขือเทศลูกใหญ่ มะเขือเทศสีดา มะนาว,น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา,แป้งทอดกรอบ            ส่วนวิธีทำนั้นก็ง่าย ๆ เริ่มจาก..            1. นำเส้นมะละกอและแครอทที่ขูดไว้แล้ว ชุปกับแป้งทอดกรอบที่ผสมน้ำไว้แล้ว (ไม่ต้องปรุงเพิ่มรสชาตินะคะ และผสมพอเหลวไม่ต้องข้นค่ะ)            2. ทอดเส้นมะละกอและแครอท ใช้ไฟอ่อน ดูให้เหลืองกรอบแล้วตักขึ้นพักไว้            3. ตำกระเทียม พริกสด น้ำตาลปิ๊ป 1 ช้อนโต๊ะ และถั่วฝักยาว ให้เข้ากัน เมื่อตำเสร็จแล้วตักใส่ถ้วยไว้            (ถั่วฝักยาวใช้ไม่มากค่ะ ประมาณ 2 ฝัก สำหรับ 1 จาน และถ้าดูน้ำยำจะน้อยไปให้เติมน้ำต้มสุกเข้าไปได้ แต่ต้องชิมรสให้ได้ส่วนแค่นั้นพอค่ะ)            4.เติมน้ำปลา มะนาว ลงในถ้วยพริกที่ตำไว้แล้วในข้อ 3 หลังจากนั้นก็ชิมรสให้ได้ เปรี้ยว หวาน เค็ม (ถ้าปรุงรสจัด ๆ หน่อยก็อร่อยดีค่ะ )  เสร็จแล้วหั่นมะเขือเทศลงไป            5. ใส่ถั่วลิสงคั่ว กับกุ้งแห้ง และกุ้งที่เราลวกไว้ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน            6. ตักน้ำยำที่ปรุงเรียบร้อยแล้วราดลงบน มะละกอที่ทอดเตรียมไว้ แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ            เห็นไหมล่ะว่าการทำส้มตำทอดน่ะง่ายนิดเดียว ใครที่อยู่บ้านมีครกกับสากประจำครัวอยู่แล้วแทนที่จะออกไปต่อคิวรอส้มตำจาก แม่ค้าเจ้าประจำ ลองเปลี่ยนมาทำเองดูบ้างอาจจะอร่อยกว่าที่ซื้อมาก็ได้นะจ๊ะ ที่มา ตามภาพ,//women.kapook.com/view35978.html   Create Date : 11 มกราคม 2555     2 comment Last Update : 11 มกราคม 2555 22:12:32 น.     Counter : 2248 Pageviews.   Share Tweet

มังคุดกับปลาแซลมอนรมควัน มังคุดกับปลาแซลมอนรมควัน (เตรียม 15 นาที ปรุง 10 นาที) ส่วนผสม มังคุด  5-7  ลูก ปลาแซลมอนรมควัน แล่บาง  5-7  ชิ้น ไข่ต้มแยกไข่ขาว ไข่แดง สับละเอียด  1/4  ถ้วย หอมเล็กซอยบาง  2  ช้อนโต๊ะ ลูกเคเปอร์ ประมาณ  1  ช้อนโต๊ะ เลมอนหั่นบาง  2-3  ชิ้น (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) พริกหวานแดง สับละเอียดเล็กน้อย น้ำมันมะกอกเล็กน้อย ผักสลัดตามชอบ ขนมปังฝรั่งเศสหั่นบาง  5-7  ชิ้น วิธีทำ เคล้ามังคุด ไข่ต้ม หอมแดง เคเปอร์ และเลมอนให้เข้ากัน วางผักสลัด เนื้อปลาแซลมอน และมังคุดที่เคล้าไว้บนขนมปัง โรยหน้าด้วยพริกหวาน ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย H&C Tips ลูกเคเปอร์มีรสเปรี้ยวช่วยตัดรสกับแซลมอนรมควันได้อย่างดี หาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป   Create Date : 10 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 10 มกราคม 2555 20:35:12 น.     Counter : 1651 Pageviews.   Share Tweet

กุ้งกระจกม้วน กุ้งกระจกม้วน ส่วนผสม เนื้อกุ้ง  1  ถ้วย ไข่ขาว  1  ฟอง รากผักชี  3  ราก กระเทียม  5  กลีบ พริกไทย  10  เม็ด เกลือ  1/2  ช้อนชา แป้งเปาะปี๊ยะแบ่งครึ่ง  8-10  แผ่น วิธีทำ ปั่นเนื้อกุ้ง ไข่ขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ เข้าด้วยกันในโถปั่นแห้งจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แช่ในตู้เย็นไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ตักเนื้อกุ้งทาบนแป้งเปาะเปี๊ยะ ห่อและม้วนเป็นแท่งให้แน่นคล้ายขนมปังขาไก่ ปิดด้วยกาวที่ทำจากไข่แดงผสมกับแป้งสาลีให้แน่น ทอดในน้ำมันร้อนท่วมให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย H&C Tips ควรแช่เนื้อกุ้งในช่องแช่แข็งก่อนนำมาปั่นจะทำให้เนื้อกุ้งเหนียวขึ้น ถ้าไม่ชอบเปาะเปี๊ยะแบบแท่งเปลี่ยนเป็นแบบแผ่นได้โดยการทาส่วนผสมกุ้ง ให้ทั่วแผ่นแป้งแล้วนำแป้งอีกแผ่นมาประกบให้ติดกันทอดในน้ำมันร้อน เมื่อรับประทานหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยม   Create Date : 09 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 9 มกราคม 2555 23:30:08 น.     Counter : 2032 Pageviews.   Share Tweet

จิบกาแฟหอมกรุ่น อิ่มอุ่นบรรยากาศที่ “กาแฟนรสิงห์” บรรยากาศคลาสสิกภายในร้านกาแฟนรสิงห์ พระราชวังพญาไท นอกจากจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว ที่บริเวณอาคารเทียบรถพระที่นั่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของพระราชวัง ก็ยังเปิดให้เป็นร้านกาแฟบรรยากาศดี ชื่อว่า “กาแฟนรสิงห์” “กาแฟนรสิงห์” เป็นชื่อร้านกาแฟแห่งแรกของประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 6 โดยในสมัยนั้นตั้งขึ้นที่สนามเสือป่า และนับว่าเป็นร้านกาแฟชื่อดังแห่งยุค ซึ่งถ้าจะให้ถูกต้องนั้นก็คงจะต้องเรียกว่า “บาร์” แต่ก็ได้ปิดตัวลงเมื่อประมาณปี พ.ศ.2475 และมาเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในชื่อร้านกาแฟนรสิงห์ ณ พระราชวังพญาไท แห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2553 คาราเมลลาเต้ร้อน ภายในร้านยังคงบรรยากาศสมัย ร.6 ไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือการตกแต่งต่างๆ ส่วนอาหารภายในร้านนั้น มีกาแฟอาราบิก้า ซึ่งเป็นกาแฟสดจากไร่ของทางร้านเอง มีเค้กโฮมเมดกว่า 10 ชนิด ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมาในแต่ละวัน นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารจานเดียวที่จะหมุนเวียนเมนูกันไป โดยมีจำพวกสลัดเป็นยืนพื้น “ผ่านมาแวะกิน” มาถึงร้านกาแฟแล้วก็ต้องลองชิมกาแฟเป็นอย่างแรก ในชื่อเมนู คาราเมลลาเต้ร้อน (40 บาท) ซึ่งเป็นกาแฟลาเต้ที่ทำตามต้นตำรับ ใส่คาราเมล และเสิร์ฟมาแบบร้อน จากชั้นล่างซึ่งเป็นคาราเมล ต่อมาเป็นนมสด กาแฟ และโฟมนม เวลาจะลองชิมต้องคนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วค่อยๆ ละเลียดจิบให้ได้รสชาติของกาแฟที่หอมนุ่ม กลมกล่อม ช็อคโกแลตมูสกาโต เพื่อให้เข้ากับการมานั่งจิบกาแฟ ขอลองชิมเค้กโฮมเมดสักหน่อย เริ่มที่ ช็อคโกแลตมูสกาโต (110 บาท) ซึ่งเค้กเป็นเนื้อมูส โดยทำเนื้อมูสช็อคโกแลตจากช็อคโกแลตล้วนๆ ให้เป็นชั้นๆ แล้วมีช็อคโกแลตประดับประดา ลองชิมแล้วเนื้อเค้กเบานุ่มเนียน ได้รสชาติช็อคโกแลตแท้ๆ หอมกรุ่น ส่วนอีกเมนู เครปเค้กชาไทย (110 บาท) ตัวเนื้อเครปเป็นแป้งบางๆ ที่ทางร้านทำเอง ทำเป็นชั้นๆ ประมาณ 30-50 ชั้น และแต่ละชั้นปาดด้วยครีมสด มีครีมซอสชาไทยราดบนตัวเครปอีกชั้นหนึ่ง แล้วยังมีวิปปิ้งครีมเสิร์ฟคู่มาให้ จุดเด่นของเครปเค้กที่นี่ก็คือหวานน้อย เนื้อเครปบางนุ่ม หอมกลิ่นชาไทย เครปเค้กชาไทย สำหรับคนที่อยากลองชิมเมนูของคาวบ้าง ขอแนะนำ ข้าวหน้าซี่โครงหมูอบสมุนไพร (110 บาท) จานนี้เป็นเมนูฟิวชั่น ที่จะเลือกใช้ซี่โครงหมูหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปหมักกับสมุนไพรไทย จากนั้นตุ๋นจนซี่โครงนุ่มเปื่อย แล้วราดมาบนข้าวสวยหอมมะลิร้อนๆ เสิร์ฟคู่กับผักสด ลองชิมแล้วซี่โครงหมูนุ่มเปื่อยมากๆ ได้กลิ่นหอมตะไคร้ รสชาติละมุนกลมกล่อม ข้าวหน้าซี่โครงหมูอบสมุนไพร อีกเมนูที่อยากให้ลองชิมคือ หมูเค็มขนมปังปิ้ง (130 บาท) เป็นเมนูที่นับว่าหากินได้ยาก โดยเป็นหมูเค็มแบบโบราณ ใช้เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย ผสมกับกระเทียม พริกไทย และน้ำปลา นำไปตุ๋นจนนุ่ม กินคู่กับขนมปังหัวกะโหลกปิ้ง และพริกขิงปลาดุกฟู ชิมหมูรสชาติไม่เค็มมากนัก ได้กลิ่นหอมพริกไทย เข้ากับขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ส่วนผัดพริกขิงเข้มข้นอร่อยดี นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน อาทิ ข้าวหน้าไก่ (85 บาท) สลัดไส้กรอก (75 บาท) อัลมอนด์เมอแรงค์ (95 บาท) เป็นต้น ซึ่งหากว่าเห็นแล้วอยากลองชิมดูบ้างก็ต้องไปที่ร้าน “กาแฟนรสิงห์” ณ พระราชวังพญาไท หมูเค็มขนมปังปิ้ง * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ร้าน “กาแฟนรสิงห์” ตั้งอยู่ที่ 315 อาคารเทียบรถพระที่นั่ง พระราชวังพญาไท ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. การเดินทางจาก ถ.ราชวิถี ให้มุ่งหน้ามายังพระราชวังพญาไท (ติดกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า) เลี้ยวเข้าพระราชวังพญาไท ร้านจะอยู่บริเวณอาคารเทียบรถพระที่นั่ง สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของพระราชวังพญาไท ร้านเปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 08.30-19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.30-19.00 น. โทร. 0-2354-8376   Create Date : 08 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 8 มกราคม 2555 21:24:37 น.     Counter : 1521 Pageviews.   Share Tweet

“ไก่ผัดตะไคร้” หอมกรุ่นสมุนไพร ฤดูหนาว (น้อยๆ) ของคนกรุงแบบเรา เป็นช่วงที่ต้องดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะต้องเจอะเจออากาศร้อนๆ หนาวๆ กันตลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำให้เป็นหวัดได้ง่าย มื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” จึงขอเสนอเมนูที่ทำจากสมุนไพร มีชื่อว่า “ไก่ผัดตะไคร้” โดยเป็นสูตรอร่อยจาก โรงเรียนสอนทำอาหาร จินจา คุก โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา ส่วนผสม เนื้ออกไก่ (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 160 กรัม ตะไคร้ 2 ต้น ข่า (หั่นเป็นแว่น) 3 ชิ้น ใบมะกรูด 5 ใบ เห็ดฟาง 1 ถ้วย กระเทียม 4 กลีบเล็ก (บุบพอแตก) รากผักชี 2 ต้น (บุบพอแตก) หอมใหญ่ ½ หัว หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม พริกชี้ฟ้า 1 เม็ด น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนชา น้ำสต็อกไก่ 20 มิลลิลิตร แป้งทอดกรอบ 20 กรัม พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา น้ำมันสำหรับทอด วิธีทำ เริ่มจากตั้งกระทะ ใส่น้ำมันสำหรับทอด พอน้ำมันร้อน นำเนื้อไก่ลงคลุกกับแป้งทอดกรอบ นำลงทอดจนเนื้อไก่พอสุก ด้านนอกมีสีเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นตั้งกระทะอีกใบ ใส่น้ำมันเล็กน้อย เมื่อน้ำมันร้อนใส่กระเทียม รากผักชี ตะไคร้หั่นท่อน ข่า และหอมใหญ่ ผัดจนหอม จากนั้นใส่เนื้อไก่ที่ทอดแล้วลงไป ใส่น้ำมันหอย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทยป่น ใส่ใบมะกรูด และน้ำสต็อกไก่เล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำมะนาว ผัดให้เข้ากันแล้วปิดไฟ ตักขึ้นเสิร์ฟได้เลย   Create Date : 07 มกราคม 2555     0 comment Last Update : 7 มกราคม 2555 18:44:37 น.     Counter : 2010 Pageviews.   Share Tweet