เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

สปาเกตตีผัดฉ่า & ข้าวยำธัญพืช



Great food & Good heart (รักลูก)
เรื่อง : กอเกื้อ ภาพ ภิญโญ ถวิลวัฒน์

         จะพาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้านทั้งที ก็ต้องเลือกร้านที่อาหารดี รสชาติอร่อย ที่สำคัญต้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างร้าน Health Me นี่ไงคะ

สปาเกตตีผัดฉ่า

สปาเกตตีผัดฉ่า

ส่วนผสม

พริกขี้หนูสับละเอียด ½ ช้อนชา

ตะไคร้ซอย ½ ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

เต้าหู้นิ่มหั่นพอดีคำ ½ ก้อน

เห็ดฟาง 3 ดอก

เห็ดนางฟ้า 5 ดอก

แครอท ½ ถ้วย

น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

สปาเกตตี ต้มสุก 3 ถ้วยตวง

ใบโหระพา และใบกะเพรา รวมกัน ½ ถ้วย

วิธีทำ

          1.กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืช รอจนน้ำมันร้อน ใส่พริกขี้หนูลงผัด พอเข้ากันดีใส่เต้าหู้ ตะไคร้ ผัดให้ได้ที่

          2.ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไป คนให้เข้ากัน ชิมให้ได้รสที่ชอบ

          3.ปิดเตา ใส่ใบโหระพาและใบกะเพรา ตักใส่จาน

ข้าวยำธัญพืช

ข้าวยำธัญพืช

ส่วนผสมข้าวยำ

ข้าวกล้อง 1 ถ้วย

มะพร้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

จมูกข้าว 1 ช้อนชา

งาดำ 1 ช้อนชา

ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย

พริกป่น ½ ช้อนชา

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

ส้มโอหรือมะม่วงเปรี้ยว ผักพื้นบ้าน ถั่วพู ชะพลู หรือผักอื่น ๆ ตามชอบ

ส่วนผสมน้ำเคยข้าวยำ

น้ำเคยข้าวยำ ½ ถ้วย

น้ำเปล่า 1 ถ้วย

เต้าเจี้ยวปลอดสารอย่างดี 1 ขวด

น้ำตาลอ้อย ½ กิโลกรัม

ข่าหั่นแว่นทุบละเอียด 2-3 แว่น

ตะไคร้ซอย 1 ต้น

ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ

วิธีทำ

          1.ปั่นเต้าเจี้ยวให้ละเอียด

          2.ตั้งหม้อใส่ส่วนผสมของน้ำเคยข้าวยำลงไป เคี่ยวจนเดือด จากนั้นให้เบาไฟ ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวต่อจนหอม พอน้ำบูดูข้นแล้วจึงยกลง กรองเอาแต่น้ำบูดูมาใช้

          3.จัดเรียงข้าวกล้อง เครื่องเคียง และผักต่าง ๆ ลงในจานอย่างสวยงาม เทน้ำบูดูใส่ในถ้วยเล็ก ๆ เสิร์ฟพร้อมกัน

          ร้าน Health Me โทร. 08 1639 2232



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2555   
Last Update : 25 ตุลาคม 2555 22:08:05 น.   
Counter : 2148 Pageviews.  

ไข่ลูกเขยร้อน ๆ เมนูอร่อยประจำบ้าน


เมนูไข่ลูกเขย

เมนูไข่ลูกเขย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ YokDekCSs สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


          สำหรับใครที่ชื่นชอบเมนูไข่เป็นพิเศษ แต่กำลังเบื่อ ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น วันนี้เรานำสูตรการทำไข่ลูกเขยอร่อย ๆ ของ คุณ YokDekCSs สมาชิกห้องก้นครัว เว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝากกัน ซึ่งเมนูไข่ลูกเขยนี้ หลายคนที่ยังไม่เคยทำ อาจคิดว่าขั้นตอนคงยุ่งยาก ซับซ้อน ใช่ไหมล่ะคะ แต่จริง ๆ แล้ว เมนูไข่ลูกเขยนั้น ทำง่ายกว่าที่คิด ขอเพียงแค่มีวัตถุดิบครบถ้วน เราก็สามารถอิ่มอร่อยถูกปากกับรสชาติใหม่ ๆ กันได้แล้ว แต่ก่อนอื่น เรามาดูส่วนประกอบของเมนูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง


ส่วนประกอบ

เมนูไข่ลูกเขย

ไข่ไก่


เมนูไข่ลูกเขย

กระเทียม


เมนูไข่ลูกเขย

หอมแดง


เมนูไข่ลูกเขย

พริกแห้ง


เมนูไข่ลูกเขย

น้ำตาลมะพร้าว


เมนูไข่ลูกเขย

น้ำมะขามเปียก


เมนูไข่ลูกเขย

เกลือ


วิธีทำ

เมนูไข่ลูกเขย

1. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด โรยเกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไข่ไก่ลงไปต้มจนสุก


เมนูไข่ลูกเขย

2. เมื่อต้มเสร็จแล้ว นำไข่ไปแช่ในน้ำเปล่าให้หายร้อน


เมนูไข่ลูกเขย

3. ปอกเปลือกไข่ต้มออกจนหมด


เมนูไข่ลูกเขย

เมนูไข่ลูกเขย

4. แบ่งไข่เป็นสองซีกด้วยการดึงด้ายสีขาวให้ตึง แล้วดันไข่ต้มผ่านเส้นด้าย   


เมนูไข่ลูกเขย

5. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป แล้วนำไข่ต้มลงไปทอด


เมนูไข่ลูกเขย

6. รอจนน้ำมันเดือด ทอดไข่ให้เหลือง


เมนูไข่ลูกเขย

เมนูไข่ลูกเขย

7. ตักไข่ทอดขึ้นพักไว้ เพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน


เมนูไข่ลูกเขย

8. ซอยกระเทียมเป็นแผ่นบาง ๆ




เมนูไข่ลูกเขย

9. นำกระเทียมลงไปเจียวในน้ำมันให้เหลือง


เมนูไข่ลูกเขย

10. ซอยหอมแดงเป็นแผ่นบาง ๆ


เมนูไข่ลูกเขย

เมนูไข่ลูกเขย

11. นำหอมแดงลงไปเจียวกับน้ำมันให้เหลือง


เมนูไข่ลูกเขย

12. หั่นพริกแห้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ


เมนูไข่ลูกเขย

เมนูไข่ลูกเขย

13. นำพริกแห้งลงไปทอดในน้ำมันจนหอม


เมนูไข่ลูกเขย

14. ทำน้ำราดด้วยการตั้งกระทะ จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปเคี่ยวให้ร้อน
ใส่น้ำมะขามเปียก และโรยเกลือลงไป เพื่อปรุงให้หวาน และเปรี้ยวนำ เค็มตาม


เมนูไข่ลูกเขย

15. นำกระเทียม และหอมแดงที่เจียวไว้ ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน


เมนูไข่ลูกเขย

16. ราดน้ำลงบนไข่ที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว หอมแดงเจียว และพริกแห้งทอด


เมนูไข่ลูกเขย


เพียงเท่านี้ เมนูไข่ลูกเขยแสนอร่อยก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า แน่นอนว่า การรับประทานไข่ลูกเขยคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ นั้น อร่อยเหาะอย่าบอกใครเชียว แถมเมนูนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยนะคะ เพราะส่วนประกอบหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของเมนูนี้ก็คือไข่ไก่นี่แหละ ส่วนการปรุงรสนั้นก็สามารถเติมรสหวาน เปรี้ยว เค็ม ได้ตามใจชอบเลย ยังไงก็อย่าลืมนำสูตรนี้ไปลองทำกันดูนะจ๊ะ   

//women.kapook.com/view49314.html




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2555   
Last Update : 24 ตุลาคม 2555 21:49:29 น.   
Counter : 2725 Pageviews.  

คั่วกลิ้งหมูเจ เมนูอาหารเจแสนอร่อย ทำเองได้ง่ายนิดเดียว!




เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณพยูนบูด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

         แม้ว่าเทศกาลถือศีลกินเจในปัจจุบัน จะสามารถหาซื้ออาหารปรุงสำเร็จรับประทานได้ง่ายและมีให้เลือกมากมายกว่าเมื่อก่อน แต่หลายคนก็คงอดที่จะเบื่อเมนูเดิม ๆ ไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมคะ เพราะนอกจากจะมีราคาสูงแล้วบางครั้งรสชาติยังไม่ถูกปากอีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอม จึงขอนำเสนอเมนูเด็ด "คั่วกลิ้งหมูเจ" ที่สามารถทำเองได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ถูกปากเลยล่ะ ว่าแต่จะมีวิธีการทำอย่างไร และใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง คุณพยูนบูด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะมาเผยเคล็ดลับให้ได้รู้กันจ้า ไปดูกันเลย ..


ส่วนผสมเริ่มจากส่วนของพริกแกง มีดังต่อไปนี้ค่ะ

ปกติแล้วพริกแกงใต้จะมีหอม กระเทียม และกะปิ แต่ว่า ในครั้งนี้เป็นเทศกาลกินเจ หอม, กระเทียม เป็นผักต้องห้าม กะปิเองก็ทำจากเนื้อสัตว์ เรเลยเปลี่ยนมาเป็นถั่วเน่าแทนค่ะ




ส่วนผสมน้ำพริกแกง

           ตะไคร้ 3 ต้น
           ข่า 7 แว่นบาง ๆ
           พริกไทยเม็ด
           พริกแห้ง 8-10 เม็ดแช่น้ำ
           ผิวมะกรูด
           ขมิ้น 1 แง่ง หรือจะใช้เป็นขมิ้นผงก็ได้ค่ะถ้าหาไม่ได้
           และถั่วเน่า 1 แผ่นค่ะ

 *** สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติ สามารถเติมหอม 3 หัว และกระเทียม 15 กลีบ เข้าไปได้นะคะ ~






           เริ่มจาก นำถั่วเน่าไปปิ้งไฟให้หอมก่อนค่ะ





           เตรียมซอย ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด





           ส่วนใบมะกรูดเรเอามาซอยฝอย ๆ ไว้ค่ะ ขุด ๆ ๆ ๆ ไปหาพริกไทยเม็ดสดมาด้วย ไว้สำหรับโรย





           อย่างแรกคือ เรตำพริก กับเกลือ และพริกไทยก่อนค่ะ





           ตามด้วยข่าตะไคร้ผิวมะกรูดค่อย ๆ ทยอยใส่ลงไป





           ปิดท้ายด้วยการหักถั่วเน่าที่ปิ้งไว้แล้วลงไปค่ะ ใครมีกะปิเจใช้แทนก็ได้นะคะ แต่สำหรับเร ใช้ถั่วเน่าแผ่นประจำค่ะ





           ผสมขมิ้นลงไปตำให้แหลกค่ะ





           ส่วนโปรตีนเกษตร เรใช้แบบที่ทอดแล้วค่ะ เพราะตอนแช่น้ำจะมีกลิ่นหอม ๆ ลอยออกมา ^^ ใช้ราวครึ่งถุงใหญ่ แช่ให้นุ่ม





           เสร็จแล้วนำเข้าเครื่องผสมอาหาร  ปั่นเพื่อความรวดเร็วค่ะ เมื่อวานเสียเวลาสับไปครึ่งทางมันกระจุย เทใส่เครื่องดีกว่าแป๊บเดียวก็ได้แล้ว ^^"





           นี่ค่ะหลังปั่นเสร็จ  คล้ายเนื้อหมูสับรวน เสร็จแล้วค่ะเตรียมของเร็วมาก ซูมให้เห็นน้ำพริกแกง ดูหยาบ ๆ หน่อยนะคะ




           หลังจากนั้นเราก็มาเริ่มปรุงกันค่ะ เริ่มจากใส่น้ำลงในกะทะ เรคั่วเหมือนคั่วเนื้อสัตว์ คือไม่ใส่น้ำมันค่ะ





           ตามด้วยนำน้ำพริกแกงลงไปต้มในน้ำค่ะ





           เคี่ยวซักพักให้กลิ่นเครื่องแกงหอม และถั่วเน่าละลาย (นั่นแหละตัวดีชอบแอบเป็นก้อน= =")





           หลังจากนั้น เติมโปรตีนเกษตรหรือหมี่ที่เราเตรียมไว้ลงไปค่ะ ตอนใส่เนื่องจากหมูเจพวกนี้ไม่มีรสชาติเราอาจจะใส่ผงซุปเห็ดหอมลงไปคลุกไว้ก่อนสักช้อนนึงก็ได้นะคะ เพราะมันต่างกับเนื้อสัตว์ที่มีรสชาติในตัวมันเอง





           ทำการคลุก ๆ ๆ ๆ ตอนคลุกเนี่ยโปรตีนเกษตรจะดูดน้ำค่อนข้างแห้ง หลังคลุกเสร็จให้เราเติมน้ำลงไปนิดนึงค่ะ เพื่อให้เครื่องแกงละลายทั่วกัน





           เติมน้ำนิดนึง คนๆ ๆ ๆ ๆ ให้ทั่ว คั่วไปเรื่อย ๆ จนเริ่มแห้งแบบคั่วกลิ้งปกติเลยค่ะ อย่าลืมขูด ๆ ข้างกระทะด้วยนะคะ





           หลังจากเริ่มแห้ง ปรุงรสด้วยเกลือนิด ชูรสหน่อย ซีอิ้วนิด ๆ ก็ได้ แต่ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ = = อย่าเชียวรสเพี้ยนชอบกลค่ะ คั่วกลิ้งไม่หวานน้าาา





           ชิมรสได้ที่แล้ว โรยใบมะกรูดฝอย และพริกไทยสด คลุก ๆ ๆ แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ





           นำมาตักใส่จาน แค่นี้ก็ได้เมนูสำหรับทานเป็นอาหารเจเก็บใส่ไว้ได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะขอบอก น่าทานไหมคะ ^^





           ซูมให้เห็นว่าคล้ายเนื้อสัตว์มาก  แนะนำว่าหากทำอาจจะเติมเห็ดนางฟ้าสับลงไปรวนด้วยก็ได้นะคะ แต่..เห็ดหอมนี้ เรว่ามันไม่ค่อยจะเข้ากัน





           นอกจากที่คั่วกระทะนี้แล้ว ยังสามารถเก็บใส่กล่องไว้ได้ด้วยค่ะตอนเช้าก็แค่เวฟ เอาให้ดูกล่องว่าใหญ่จริง ๆ น้าา แบบนี้สบายไปเกือบอาทิตย์ค่ะ

   และก็จบลงแล้วอีกเมนูง่าย ๆ ในวันกินเจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะคะ ส่วนวันนี้เรเรขอลาไปก่อน ทานให้อร่อยนะคะ




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2555   
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 21:15:55 น.   
Counter : 3878 Pageviews.  

อาหารต้องห้ามในงานแต่งงาน

พิธีแต่งงานแบบไทย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          งานแต่งงาน คืองานมงคลสำหรับคู่บ่าวสาวที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมั่นคงและมีความสุข ดังนั้น ในงานแต่งงานแบบไทย จึงมักมีแต่สิ่งของที่เป็นมงคลปรากฏอยู่ โดยเฉพาะกับอาหารและขนมต่าง ๆ ก็ต้องมีชื่อและความหมายที่เป็นมงคลด้วย ซึ่งการเลี้ยงอาหารในงานวิวาห์นั้น แต่ละท้องถิ่นจะมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องการจัดวาง การเลือกเมนูอาหาร ทั้งนี้ มักจะสอดคล้องกับวัฒนธรรมและคตินิยมประจำท้องถิ่นนั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีอาหารที่สื่อถึงความหมายที่เป็นมงคลในงานแต่งงาน เช่น ห่อหมก (จะได้ไม่มีเรื่องขัดข้องหมองใจกัน), ขนมจีบ (รักกันหวานชื่นเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆ), ลาบ (มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง) และขนมจีนน้ำยา (ครองรักกันยาวนาน) ฯลฯ ก็ย่อมต้องมี "อาหารต้องห้าม" หรืออาหารที่ไม่ควรจะมีในงานแต่งเลยก็ว่าได้ โดยมักเป็นอาหารที่มีกลิ่น มีชื่อไม่เป็นมงคล หรือสื่อถึงความหมายที่ไม่ดีเช่นกัน

          อาจเพราะใน "ความเชื่อของคนไทยสมัยโบราณ" หากชื่อไม่เป็นมงคล ตลอดจนวิธีการทำที่ผิดพลาด จนทำให้รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น ถูกตีความได้ถึงความไม่เป็นมงคล อาหารประเภทนั้นก็จะถูกกล่าวหาไปโดยปริยายว่าเป็นอาหารที่ไม่เป็นมงคล

อาหารไทย


สำหรับงานแต่งงานอาหารที่ไม่เป็นมงคล ได้แก่...

ต้มยำต่าง ๆ เพราะถือว่าเป็นของเผ็ดร้อน เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตคู่ของบ่าวสาวเกิดการทะเลาะกันจนเผ็ดร้อนเหมือนกับรสชาติของต้มยำนั่นเอง

ยำผัก เพราะมีชื่อไม่เป็นมงคล อีกทั้งยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

แกงบอน เพราะเปรียบได้กับปากบอน ปากเสีย ปากไม่ดี ซึ่งอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันจนเลิกรา

ปลาร้า หรือ ปลาเจ่า เพราะเป็นของหมักดอง มีกลิ่นที่เหม็นโอ่ เชื่อว่าจะทำให้ความรักของทั้งคู่โดนดอง จนเกิดการเหม็นเบื่อหน้าซึ่งกันและกัน

ตีนไก่ เพราะเชื่อว่าคู่บ่าวสาวจะเกิดการทะเลาะวิวาทกันจนถึงขั้นเลือดตกยางออก

หอยขม เพราะชื่อไม่เป็นมงคล อีกทั้งยังสื่อถึงความรักที่มีแต่ความขมตามชื่อของหอยนั่นเอง

หมี่กรอบ เพราะมีลักษณะหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ง่าย ซึ่งสื่อถึงความหมายที่ถึงการบั่นทอนความรักให้สั้นลง

ข้าวต้ม เพราะเชื่อว่าเป็นอาหารที่ใช้ในงานอวมงคลหรืองานศพ คนโบราณจึงไม่นิยม

ตลอดจนอาหารชนิดอื่นที่ชื่อและลักษณะไม่เป็นมงคล เช่น ต้มโคล้ง ต้มเปรต ผัดสะตอ ผักกระถิน แกงร้อน แกงดอกงิ้ว แกงกะหรี่ น้ำพริก แมงดา ต้มยำโป๊ะแตก รวมถึงขนมบ้าบิ่นและขนมถังแตก อีกทั้งผลไม้ เช่น ละมุด มังคุด น้อยหน่า น้อยโหน่ง มะเฟือง และมะไฟ เป็นต้น

          ทั้งนี้ อาหารในงานมงคล ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงความละเมียดละไมในการดำเนินชีวิตของคนไทยมาช้านาน ในรุ่นลูกรุ่นหลานจึงต้องช่วยรักษาและถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันดีนี้ ให้อยู่กับคนรุ่นหลังต่อไป









ขอขอบคุณข้อมูลจาก
และ weddingmakmy.com




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2555   
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 22:09:44 น.   
Counter : 3647 Pageviews.  

ล้างผักผลไม้ให้สะอาด ลดสารพิษตกค้าง ช่วงเทศกาลกินเจ

ล้างผัก

อย. แนะ ล้างผักผลไม้ให้สะอาดลดสารพิษตกค้าง ช่วงเทศกาลกินเจ (องค์การอาหารและยา)

เทศกาลกินเจ อย. แนะผู้บริโภคล้างผักผลไม้ให้สะอาด เพื่อลดสารพิษตกค้าง หากได้รับสารพิษเข้าไปสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ระบบอวัยวะของร่างกายทำงานผิดปกติได้

          นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจมีผู้บริโภคจำนวนมากเข้าร่วมเทศกาลเพื่อทำบุญ โดยการงดเว้นกินเนื้อสัตว์และหันมารับประทานพืชผักผลไม้ หรือการกินมังสวิรัติ ซึ่งในส่วนของผักผลไม้นั้น ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ได้มีการตรวจสอบผักผลไม้อย่างต่อเนื่อง และยังคงพบการตกค้างของสารฆ่าแมลงในผักผลไม้บางชนิดอยู่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย เมื่อซื้อผักผลไม้มาควรทำความสะอาดก่อนปรุง หรือบริโภคเพื่อลดสารพิษตกค้าง ด้วยวิธีดังนี้

ใช้น้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:10 แช่นาน 10-15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถลดปริมาณสารพิษลง 60-84%

  ใช้ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดสามารถลดสารพิษลงได้ 35-43%

  ล้างผักโดยน้ำไหลผ่าน โดยเด็ดผักเป็นใบ ๆ ใส่ตะแกรงโปร่ง เปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้นานประมาณ  2 นาที สามารถลดสารพิษลงได้ 25-63%

  ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถลดสารพิษลงได้ 27-38%

โดยหลังจากล้างผักแล้วจึงค่อยนำไปปรุงอาหาร หรือนำไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็น เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยลดปริมาณสารพิษที่ตกค้างในพืชผักได้

ล้างผัก

          นอกจากนี้ ยังมีการนำผักแห้ง เช่น เก๋ากี้ ดอกไม้จีน เยื่อไผ่ เห็ดหูหนูขาว เห็ดหอม มาเป็นส่วนประกอบของอาหาร ซึ่งผักแห้งดังกล่าว อย. เคยตรวจพบการตกค้างของสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ดังนั้น ก่อนนำผักแห้งเหล่านี้มาประกอบอาหารควรทำความสะอาดเพื่อลดสารตกค้างก่อน เช่น ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบ็คกิ้งโซดา) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่นาน 15นาที แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกหลาย ๆ ครั้ง วิธีนี้สามารถลดปริมาณสารพิษลงได้ถึง 90-95% หรือกรณีเห็ดหูหนู ควรนำมาล้างน้ำและลวกในน้ำเดือด 2 นาที ก่อนนำไปปรุงอาหารจะทำให้สามารถลดปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้เช่นกัน

          เลขาธิการฯ อย.กล่าวต่อไปว่า หากผู้บริโภครับประทานผักผลไม้ที่มีสารฆ่าแมลงตกค้างอยู่ และสะสมอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมากจะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จนกลายเป็นมะเร็งลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้

ส่วนกรณีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะทำลายเยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อหดเกร็ง กล่องเสียง และหลอดลมใหญ่อักเสบ และเกิดอาการบวมน้ำ ฉะนั้น ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญกับการล้างผักให้สะอาดถูกวิธีเพื่อที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารทั้งวิตามินและแร่ธาตุ จากพืชผักผลไม้อย่างครบถ้วนและปราศจากสารพิษตกค้าง




ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2555   
Last Update : 17 ตุลาคม 2555 21:21:02 น.   
Counter : 2217 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]