ชาเย็น คว้าอันดับ 27 เครื่องดื่มยอดนิยมของโลก เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม             ซีเอ็นเอ็นโก จัดอันดับเครื่องดื่มยอดนิยม น้ำเปล่า มาวิน ขณะที่ "ชาเย็น" ของประเทศไทย คว้าอันดับที่ 27 ระบุมีรสชาติหวานกลมกล่อมและหาซื้อได้ง่าย             วานนี้ (22 มกราคม) เว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็นโก (CNNGO)  เว็บไซต์ที่รวมรวบข้อมูลและคำแนะนำการใช้ชีวิต ท่องเที่ยว รวมถึงศิลปวัฒนธรรม จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ได้จัดอันดับ 50 สุดยอดเครื่องดื่มโลก โดยน้ำเปล่า เป็นเครื่องดื่มที่ครองใจคนทั่วโลก คว้าอันดับ 1 ไปครอง ส่วนชาเย็นเครื่องดื่มของประเทศไทยก็ติดโผ คว้าอันดับ 27 สุดยอดเครื่องดื่มโลกมาชื่นชม             โดยเว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็นโก ได้ให้เหตุผลว่า ชาเย็น เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานนุ่ม เป็นชาไทยคุณภาพแท้ ๆ ที่ต้องชงจากชาดำคั่วรสเข้มและเติมนมข้นหวานลงไป ทำให้ชาเย็นมีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม นอกจากนี้ชาเย็นยังสามารถหาซื้อทานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นตามร้านสะดวกซื้อ หรือรถเข็นริมถนน คนต่างชาติหลายต่อหลายคนพิสูจน์แล้วก็พบว่า ชาเย็นนั้นอร่อยจริง จนร้านอาหารเวียดนามและร้านอาหารจีนยังต้องซื้อชาไทยไปชงขายที่ประเทศของตัว เอง สำหรับรายชื่อเครื่องดื่ม 10 อันดับแรกของ  "50 สุดยอดเครื่องดื่มของโลก" มีดังต่อไปนี้             1. น้ำเปล่า  ทั่วโลก             2. โคคา-โคล่า  สหรัฐอเมริกา             3. กาแฟ  เอธิโอเปีย             4. เบียร์  ทั่วโลก             5. ชา  ทั่วโลก             6. แอร์ มาตา กูซิง  มาเลเซีย             7. น้ำส้มคั้น  สหรัฐอเมริกา             8. ไวน์แดง  ทั่วโลก             9. จินและโทนิค อังกฤษ             10. ช็อกโกแลตร้อนกับมาร์ชเมลโลว์ สหรัฐอเมริกา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก   Create Date : 23 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 23 มกราคม 2555 21:06:58 น.     Counter : 2046 Pageviews.   Share Tweet

ผัดกะเพราไข่ทะเล สำหรับใครที่ชอบอาหารทะเล พลาดไม่ได้กับเมนูผัดกะเพราธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจานนี้เลยค่ะ ส่วนผสม ไข่นกกระทาต้มสุกปอกเปลือก 10 ฟอง ปลาหมึกหอม 1 ตัว กุ้งสด 10 ตัว หอยแมลงภู่แกะเอาแต่เนื้อ 50 กรัม เนื้อปลากะพง 80 กรัม พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด พริกไทยเม็ด 10 เม็ด กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ ใบกะเพราเด็ดเป็นใบ ๆ 1 กิ่ง น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 2½ ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด น้ำมันพืชสำหรับทอดและผัด วิธีทำ 1. ใส่ไข่นกกระทาลงทอดในน้ำมันพืชร้อนไฟปานกลางจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว 2. ปลาหมึกลอกเอาเยื่อออก บั้งและหั่นเป็นชิ้นขนาดพอควร 3. กุ้งสดปอกเปลือกเหลือหางไว ผ่าหลังดึงเส้นดำออก 4. หอยแมลงภู่ดึงรกดำออก ล้างให้สะอาดพักไว 5. ปลากะพงแล่ให้เป็นชิ้นหนาพอควร 6. โขลกพริกไทยเม็ด กระเทียม และพริกขี้หนูสวนพอเข้ากัน ไม่ต้องละเอียดมาก 7. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัด ให้หอม ใส่ปลาหมึก กุ้งสด หอยแมลงภู่ เนื้อปลากะพงลงไป ผัดพอเข้ากัน 8. ใส่ไข่นกกระทาทอด พริกชี้ฟ้า ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย เติมน้ำเปล่า ชิมรสตามชอบ 9. ใส่ใบกะเพราผัดให้เข้ากัน ยกลงตักใส่จานเสิร์ฟ ขอขอบคุณ : นิตยสาร แม่บ้านผู้สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 22 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 22 มกราคม 2555 20:16:55 น.     Counter : 1791 Pageviews.   Share Tweet

“ทรอปิคอล สมูธตี้” “ทรอปิคอล สมูธตี้” นำเนื้อลิ้นจี่ เงาะ ลำไย ในปริมาณอย่างละ 1 ส่วน 4 ถ้วย ใส่ในโถปั่นผลไม้ ใส่น้ำเชื่อมลงไปเล็กน้อยแล้วปั่นเนื้อจนเข้ากัน ใส่น้ำแข็งป่นลงไปแล้วปั่นอีกครั้งจนเข้ากัน เทน้ำผลไม้ปั่นใส่แก้วพร้อมตกแต่งให้สวยงามตามใจชอบ ขอบคุณ น้ำผลไม้ตรามาลี   Create Date : 21 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 21 มกราคม 2555 21:13:52 น.     Counter : 1383 Pageviews.   Share Tweet

รสชาติลงตัว! ทำซอสจากลูกตำลึงแทนซอสมะเขือเทศ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการกิน อยู่ คือ            ทุกวันนี้ อาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เด็กวัยรุ่นวัยเรียนทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ที่ต้องทำเวลาก็เลือกที่จะบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดเพื่อ ความสะดวก รวดเร็ว และสิ่งหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับอาหารฟาสต์ฟู้ดก็คือ บรรดาซอสทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ หรือซอสพริก ที่คุณ ๆ นำมาเยาะจิ้มอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติกันหน่อย            แต่ ถ้าหากวันนี้คุณเบื่อซอสมะเขือเทศแล้วล่ะก็ ทางรายการ "กิน อยู่ คือ" ก็มีทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับการทำซอสมาฝากกัน นั่นก็คือ การทำซอสจากลูกตำลึง แทนซอสมะเขือเทศนั่นเอง            ตำลึง ผักที่มักขึ้นเป็นเถาเลื้อยอยู่ตามรั้วบ้านคุณนั้น คุณจะรู้ไหมว่า แท้จริงแล้วมันกินได้แทบจะทุกส่วน หลายคนอาจรู้ว่าสามารถนำใบมาทำเป็นอาหารได้ แต่นอกจากนี้ในสมัยก่อน คนนิยมนำลูกตำลึงที่ยังไม่สุกมาทำอาหารหลายอย่างเช่น ดอกผักเสี้ยน แกงคั่วลูกตำลึง เอามาทำเป็นของหวานอย่างลูกตำลึงแช่อิ่มก็ดี แต่สำหรับลูกตำลึงแก่ที่มีผลสีแดงแล้วนั้น ส่วนใหญ่คนไม่รู้ว่าจะนำมาทำอะไร ก็จะปล่อยทิ้งเป็นอาหารนก กา ไปซะมากกว่า แต่ นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ อาจารย์พงษ์ศักดิ์ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารมานาน สังเกตเห็นว่า ทำไมนกถึงกินได้ จึงได้ลองนำมาชิมรสชาติดู จึงพบว่า มันมีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ คละเคล้ากันไป ตลอดจนเนื้อที่มีความข้น จึงคิดว่าน่าจะสามารถนำมาทำซอสได้            ว่าแล้ว การทำซอสจากลูกตำลึงจึงเกิดขึ้น โดยเตรียมวัตถุดิบและมีวิธีทำดังนี้            1. นำลูกตำลึงสุก ๆ ไปล้างในน้ำเปล่าและน้ำเกลือให้สะอาด            2. นำลูกตำลึงไปครูดกับตะแกรงเพื่อสกัดเนื้อเอาเนื้อออกมา เสร็จแล้วพักเอาไว้            3. ทำส่วนผสมของซอส โดยเริ่มจากนำพริกชี้ฟ้า กระเทียมดอง เยาะเกลือ มาโขลกให้เข้ากัน            4. เริ่มขั้นตอนในการปรุงรส นำน้ำส้มสายชู น้ำตาล มาเทลงในหม้อตั้งไฟ เคี่ยวให้เข้ากัน ให้หมดกลิ่นน้่ำส้มสายชูก่อน            5. จากนั้นนำส่วนผสมของซอสที่โขลกไว้และลูกตำลึงสกัดเป็นเนื้อ แล้วเทลงไปในหม้อปรุงรสที่ตั้งไฟไว้            6. เคี่ยวให้เนื้อเข้ากันจนมีความข้น            แต่ในวันนี้เราไม่ได้ทำซอสเพียงอย่างเดียว เราจะทำเมนูเพื่อจะได้ลิ้มลองรสชาติของซอสไปด้วยนั่นก็คือ ปลาอบราดซอสลูกตำลึง มาดูกันว่าวิธีการเป็นอย่างไร แล้วเข้าครัวไปพร้อมกันเลย            1. เริ่มจากล้างปลากระพงให้สะอาด นำมาแล่เป็นชิ้น ๆ ให้บางเข้าไว้ ก่อนโรยเกลือ โรยพริกไทยเพื่อดับคาว ใส่น้ำมันนิดนึงเพื่อเพิ่มไขมัน            2. นำเนื้อปลาที่เตรียมไว้เข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิประมาณ 350 องศา อบไว้ 10 นาที            3. จากนั้นทำซอสที่จะราดเนื้อปลา ตั้งกระทะ ใส่เนย ใส่แป้งสาลีลงไปเพื่อให้มีความข้น            4. ใส่ถั่วขาวถั่วแดง หรือจะเป็นถั่วชนิดอื่นก็ได้ ใส่ลงไป ก่อนเทซอสลูกตำลึงลงไป คนให้ข้น            5. เมื่อปลาพร้อมแล้ว ก็นำออกมาราดด้วยน้ำราดที่ทำจากซอสลูกตำลึง            แค่ นี้ก็ได้อาหารจานร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟกินข้าวสวยหอม ๆ สัมผัสลิ้นแล้วได้ลิ้มลองรสชาติของความเข้มข้นของซอสจากลูกตำลึงที่เราปรุง รสเปรี้ยวหวานเผ็ดตามที่เราชอบได้ หลังจากกินอาหารคาวไปแล้ว เราก็มาต่อกันด้วยของหวานล้างปากกันหน่อย ของหวานที่ว่านี้ก็ไม่ใช่อะไร นั่นก็คือ ลูกตำลึงอ่อนแช่อิ่ม ของหวานกินเล่นที่ทำจากลูกตำลึงเช่นกัน เรามาดูวิธีทำกันเลย             1. นำลูกตำลึงอ่อน ไปลวกให้นิ่ม เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้แยกเมล็ดออกจากลูกตำลึงได้ง่ายขึ้น            2. ล้างลูกตำลึงด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดก่อนนำไปแช่สารส้มไว้ 2 คืน เพื่อให้ลูกตำลึงแข็ง กรอบ            3. จากนั้นแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้อีกสองคืนเพื่อล้างสารส้มออกให้หมด            4. เมื่อพร้อมก็ตั้งกระทะ ต้มน้ำให้เดือด เทลูกตำลึงลงไป เทน้ำตาลทรายลงไปในอัตรา น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัมต่อลูกตำลึง 1 กิโลกรัม            5. คนเข้าด้วยกันด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณสองชั่วโมง จนลูกตำลึงเริ่มมีสีใส            จากลูกตำลึงอ่อนที่หลายคนคิดว่ากินไม่ได้ ปล่อยทิ้งขว้าง ในตอนนี้ก็กลายมาเป็นของหวานกินเล่น ลูกตำลึงแช่อิ่ม ที่สามารถหาวัตถุดิบได้ง่ายใกล้ ๆ บ้านนี่เอง            เป็น อย่างไรกันบ้าง กับวิธีการทำซอสจากลูกตำลึง และของหวานจากลูกตำลึง รู้แบบนี้แล้วถ้าใครมีเวลาซักหน่อย ก็เข้าครัวทำเองเลย จะได้ลองรสชาติใหม่ที่ปรุงเองได้ แถมยังหาวัตถุดิบง่ายใกล้ ๆ ตัวด้วย ซอสฝรั่งที่ว่าดีนั้น มาเจอซอสลูกตำลึงพื้นบ้านไทย ก็เจ๋งไม่แพ้กันนะ จะบอกให้^^   Create Date : 20 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 20 มกราคม 2555 21:16:53 น.     Counter : 2431 Pageviews.   Share Tweet

สปาเก็ตตี้ไฮโซ สปาเก็ตตี้ไฮโซ ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เส้นสปาเก็ตตี้ลวก  1  ถ้วย  ไข่กุ้งสด (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)  1  ช้อนโต๊ะ  กุ้งสดสับหยาบ  1/4  ถ้วย  ถั่วฝักยาวหั่นฝอย  1/4  ถ้วย  พริกขี้หนูเขียวซอย  1/2  ช้อนโต๊ะ  พริกไทยอ่อน  1  ช้อนโต๊ะ  กระเทียมสับ  1  ช้อนโต๊ะ  นมสด  1/4  ถ้วย  ซอสปรุงอาหารแม็กกี้  1 1/2   ช้อนโต๊ะ  น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืช  5  ช้อนโต๊ะ  วิธีทำ 1. เริ่มจากนำกระเทียมที่ช่วยลดคลอเรสเตอรอลของดีของไทยลงผัดกับน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 2. พอหอมใส่กุ้งสับและพริกขี้หนูสวน พริกไทยอ่อน 3. ปรุงรสด้วยซอสปรุงอาหารแม็กกี้ เติมนมสด ใส่เส้นสปาเก็ตตี้คลุกให้เข้ากัน สามารถเติมไข่กุ้งเก๋ไก๋ไฮโซได้ตามความชอบใจ พอสุกเสิร์ฟร้อนๆ ทันที อร่อยจริงๆนะคะ   Create Date : 19 มกราคม 2555     1 comment Last Update : 19 มกราคม 2555 21:52:13 น.     Counter : 1613 Pageviews.   Share Tweet