เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ยลย่านเก่า อิ่มอร่อย “กวยจั๊บโบร่ำโบราณ” ที่ย่านสามแพร่ง

กวยจั๊บโบร่ำโบราณ ย่านสามแพร่ง
       เมื่อพูดถึงสามแพร่ง สำหรับบางคนอาจจะนึกไปถึงภาพยนตร์เรื่อง 3 แพร่ง หรือทางสามแพร่งต่างๆนานา แต่ 3 แพร่งของเราในวันนี้ บรรดานักชิมทั้งหลายคงแทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก..

“แพร่งภูธร แพร่งนรา และ แพร่งสรรพสาตร์” ที่อยู่ระหว่างถนนตะนาวและถนนอัษฎางค์ หรือที่คนแถวนั้นเรียก กันว่า "สามแพร่ง" หรือ "ย่านแพร่ง" ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับเสาชิงช้า (คลิกอ่านเรื่องกินย่านเสาชิงช้าที่นี่)

ห้องแถวไม้สองชั้นที่เรียงรายในย่านสามแพร่ง
“สามแพร่ง” ถือเป็นย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร เพราะที่นี่มีร้านรวงมากมายให้เราได้เลือกสรรกันอย่างตามใจชอบ นอกจากชื่อเสียงในเรื่องของอาหารแล้ว ย่าน "สามแพร่ง" ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของกรุงเทพฯ ในสมัยก่อน โดยจะสามารถสัมผัสได้จากห้องแถวไม้สองชั้นที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง รวมถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในย่านนี้ที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อน มาจนถึงปัจจุบัน (คลิกอ่านเรื่องท่องเที่ยวย่านสามแพร่งที่นี่)

ร้านกวยจั๊บตั้งอยู่ระหว่างแพร่งนราและแพร่งสรรพสาตร
       และเมื่อมาถึงสามแพร่งทั้งที เราก็ไม่พลาดจะสรรหาของอร่อยลงท้อง โดยมาเริ่มกันที่ร้าน “กวยจั๊บโบร่ำโบราณ” ตั้งอยู่ระหว่างแพร่งนราและแพร่งสรรพสาตร บริเวณถนนตะนาว โดยร้านนี้ขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 (เรียกได้ว่ารุ่นเก่าของจริง) เมื่อมาถึงจะได้กลิ่นหอมของน้ำซุปเตะจมูกมาแต่ไกล เส้นกวยจั๊บนุ่มกำลังดี เสิร์ฟคู่กับหมูกรอบ เลือดหมู ไส้หมู เต้าหู้ และไข่ต้ม โรยหน้าด้วยผักชี รสน้ำซุปหอมหวาน กลมกล่อมจริงๆ ส่วนใครที่ไม่ชอบเส้นกวยจั๊บ ทางร้านก็ยังมีเส้นหมี่ และเส้นมาม่า ให้เลือกกันตามชอบอีกด้วย สนนราคาชามละ 30 บาท พิเศษ 35 บาท โทร.08-1839-0227

“ขนมเบื้องแพร่งนราเจ้าเก่า” ในซอยแพร่งนรา
       หลังจากอิ่มอร่อยกับกวยจั๊บกันไปแล้ว จากนั้นเดินเข้ามายัง “แพร่งนรา” จะมาเจอกับร้าน “ขนมเบื้องแพร่งนราเจ้าเก่า” ร้านนี้ตั้งอยู่ภายในซอยแพร่งนรา ตั้งขายอยู่หน้าบ้าน เมื่อเดินผ่านจะสังเกตเห็นได้ง่าย โดยมีขนมเบื้องแผ่นใหญ่ ทำกันร้อนๆบนเตาถ่าน ชวนให้น่ากิน และมีไส้ให้เลือกกัน 2 ไส้ คือ ไส้เค็ม และไส้หวาน เรื่องรสชาตินั้นก็จัดได้ว่าอร่อยทีเดียว แป้งขนาดกำลังดี เมื่อกัดเข้าไปสัมผัสได้ถึงความกรอบของแป้ง กับไส้ขนมที่หวาน-เค็มกำลังดี สนนราคาแผ่นละ 10 บาท โทร.0-2221-9364

“ขนมไข่หงส์แม่เยาว์ (สูตรสุราษฎร์ธานี)” กรอบนอกนุ่มใน
       มาเอาใจคนชอบกินของทอดกันบ้าง ถัดจากร้านขนมเบื้องไปอีกนิดก็จะเจอร้าน “ขนมไข่หงส์แม่เยาว์ (สูตรสุราษฎร์ธานี)” ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ภายในซอยแพร่งนรา โดยจะขายขนมไข่หงส์เพียงอย่างเดียว มีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ไข่หงส์ที่ร้านนี้จะทอดกันร้อนๆที่หน้าร้านเลย ไข่หงส์ลูกโต แป้งกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันดีกับไส้หวาน และไส้เค็ม รสชาติอร่อยกลมกล่อม หากใครชอบกินของทอด หรือว่าชอบกินไข่หงส์ล่ะก็ .. พลาดไม่ได้เชียว ราคานั้นก็ไม่แพง ถุงละ 20 บาท โทร.08-1948-1844

“ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน” รสอร่อย
       จากนั้นไปอร่อยกันต่อกับ “ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน” เส้นก๋วยเตี๋ยวนานาชนิด ไม่ว่าจะ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ สามารถเลือกตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปหมูตุ๋น หอม หวาน ลูกชิ้นหมู เนื้อหมูตุ๋น รสชาติกลมกล่อมกำลังได้ที่ และโรยหน้าด้วยต้นขึ้นฉ่าย กับกระเทียมเจียวใหม่ๆ อร่อยอย่าบอกใคร ส่วนใครที่ไม่อยากกินเส้น ก็สามารถสั่งเป็นเกาเหลามากินกันได้ นอกจากนี้ที่ร้านยังมีข้าวราดแกงชนิดต่างๆขายอีกด้วย สนนราคาก๋วยเตี๋ยวชามละ 35 - 40 บาท ส่วนเกาเหลาชามละ 40 - 50 บาท โทร.0-2221-9364

ร้าน “นมโจ” บริเวณแพร่งภูธร
       และปิดท้ายกันที่ “แพร่งภูธร” กับร้าน “นมโจ” ร้านนมโจตั้งอยู่บริเวณปากซอยแพร่งภูธร ที่นี่ขายน้ำมากมายหลายชนิด อย่างที่ขึ้นชื่อก็คงจะหนีไม่พ้นเมนูนม ไม่ว่าจะเป็น นมสดเย็น นมชมพู โกโก้เย็นนมสด ฯลฯ สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มนม ที่ร้านนมโจก็ยังมีเมนูน้ำผลไม้ต่างๆไว้คอยบริการ นอกจากจะมีเครื่องดื่มเย็นๆคลายร้อนแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูขนมปังหลากหลายไว้ให้เลือกกันตามชอบ เช่น ปังเย็นนมน้ำแดง ปังเย็นโกโก้ ปังเย็นชาเย็น เป็นต้น ส่วนราคานั้นก็ไม่แพง เครื่องดื่มราคาตั้งแต่ 20 - 30 บาท และเมนูขนมปังราคา 40 บาท โทร.08-5222-9188

       นอกจาก 5 ร้านที่กล่าวกันไปแล้ว ย่านสามแพร่ง ยังมีร้านอร่อยอีกมากมาย ที่รอให้ทุกคนไปชิมไปชมกัน หากวันหยุดที่จะถึงนี้ใครยังไม่มีโปรแกรมไปไหน ก็ลองไปเดิมชมบ้านเก่า หาของอร่อยๆกินกันได้ที่ย่านสามแพร่ง

       ********************************************************************

การเดินทาง ถ้ามาจากสี่แยกคอกวัว แล้วตรงมาที่ถนนตะนาว(ฝั่งเสาชิงช้า) จะเห็นศาลเจ้าพ่อเสืออยู่ทางขวามือ ถัดไปจะเป็นแพร่งสรรพสาตร์ (สังเกตจากซุ้มประตูเก่า) จากนั้นจะเจอแพร่งนรา และแพร่งภูธรอยู่ติดกัน

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000049145




 

Create Date : 26 เมษายน 2556   
Last Update : 26 เมษายน 2556 21:25:19 น.   
Counter : 9409 Pageviews.  

ชวนหรอย "หอยใหญ่" ขาว อวบ ที่ จ.สุราษฎร์ฯ

 อากาศร้อนแบบนี้ หลายคนคงกำลังมองหาสถานที่สำหรับพักผ่อน วันนี้เรามีหนึ่งจังหวัดที่อุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือของกินที่หลากหลาย และจังหวัดที่ว่านั้นก็คือ .. ดินแดนหอยใหญ่ ไข่แดง แห่งภาคใต้ จังหวัด “สุราษฎร์ธานี” นั่นเอง

       จังหวัดสุราษฎร์ธานี นับเป็นเมืองที่มีพื้นที่มากที่สุดของภาคใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 645 กิโลเมตร สุราษฎร์ฯ เป็นจังหวัดที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าดิบชื้น และอุดมไปด้วยความหลากหลาย อาทิ พืชพรรณ สัตว์ป่า แม่น้ำ และยังมีหมู่เกาะที่มีชื่อเสียง น้ำทะเลใส หาดทรายขาว อาทิ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า เป็นต้น ซึ่งแต่ละที่ก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป

       นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ฯ ที่ขึ้นชื่อมากมายแล้ว เรื่องอาหารการกินของที่นี่ ก็เรียกได้ว่าไม่แพ้ที่ไหนๆ และเมื่อได้มาเยือนสุราษฎร์ฯทั้งที ก็เห็นทีจะพลาดไม่ได้กับของเด็ดของดังอย่าง ‘หอยนางรม’ ว่ากันว่าหอยนางรมของที่นี่ ทั้งขาว ทั้งอวบ และใหญ่ ส่วนจะจริงสมคำร่ำลือหรือไม่นั้นก็ต้องตามมาดูกัน

วิธีกินหอยนางรมแบบไม่เหมือนที่ไหน
       ที่บริเวณอ่าว ต.ท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านต่างๆค่อนข้างมาก จึงทำให้หอยนางรมที่นี่ตัวอ้วน ขาว อวบ ใหญ่ เหมาะแก่การรับประทานอย่างยิ่ง นอกจากนั้นแล้ว หอยนางรมของที่นี่ยังเมื่อนำมากินสดๆจะมีรสหวานอีกด้วย

       หอยนางรม เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากสามารถรับประทานสดๆแล้ว ยังสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย และหอยนางรมถือเป็นแหล่งของวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง บีสาม ซี และดี การบริโภคหอยนางรมขนาดกลาง 4 - 5 ตัว จะช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและสารอาหารประเภท แร่เหล็ก คอปเปอร์ ไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม ซิงค์ แมงกานีส ฟอสฟอรัส โปรตีน และแคลซียม อีกด้วย

       ที่ “สินมานะ ฟาร์มสเตย์” อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งเพาะหอยนางรมแหล่งหนึ่งของจังหวัดสุราษฎ์ธานี และหอยนางรมที่ฟาร์มนี้เรียกได้ว่าเป็นหอยไซส์ใหญ่ อวบ ขาว ขนานแท้ โดยทางฟาร์มจะเพาะหอยไว้ประมาณ 2 ปี จึงทำให้มีขนาดใหญ่พอเหมาะ รสชาติหวานพอดี

หอยนางรมไซส์ใหญ่ จ.สุราษฎร์ธนี
       และเมื่อมาถึงสินมานะ ฟาร์มสเตย์แล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ลองชิมหอยนางรมในแบบฉบับที่ไม่เหมือนที่อื่นๆ โดยปกติแล้ว เรามักจะกินหอยนางรมกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ยอดกระฐิน หอมเจียว แต่ที่นี่ นำเสนอวิธีกินหอยนางรมแบบใหม่ ที่ไม่ซ้ำใคร และยังทำให้รสชาติของหอยนางรมไม่เสียไปอีกด้วย

       โดยการทีกินหอยนางรมเพื่อที่จะได้รสชาติอย่างแท้จริงนั้น ต้องกินหลังจากแกะเปลือกหอย 1 นาที โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.เมื่อแกะเปลือกหอยออก ให้สูดดมที่ตัวหอยเพื่อให้รับรู้ถึงกลิ่น 2.หลังจากนั้นบีบน้ำมะนาว(ประมาณ 1 ซีก)ลงที่ตัวหอยแล้วนำเข้าปากอมไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อยๆเคี้ยว 3.จากนั้นตามด้วยยอดกระฐินเล็กน้อย 4.ค่อยๆกลืนน้ำและเนื้อของหอยลงไปเพียงส่วนหนึ่ง 5.ตามด้วยใบกระฐินและเคี้ยวรวมกันจนหมดคำ

       และนี่ก็เป็นวิธีกินหอยนางรมที่จะทำให้รู้รสชาติของหอยนางรมที่แท้จริง โดยการกินโดยวิธีนี้จะทำให้ได้รสสัมผัสของเนื้อหอยนางรมสดๆ หวานๆ ตัดรสด้วยความเปรี้ยวของน้ำมะนาว และรสชาติของยอดกระฐิน อร่อยไม่เหมือนที่ไหน และถ้าหากใครอยากจะลิ้มรสหอยนางรมสดๆ ก็สามารถมาหาทานกันถึงแหล่งหอยนางรม จังหวัดสุราษฎร์ฯ กันได้

*************************************************************************************

สินมานะฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ ตำบลพลายวาส อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร.08-1597-7575

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000049195




 

Create Date : 25 เมษายน 2556   
Last Update : 25 เมษายน 2556 22:11:59 น.   
Counter : 1865 Pageviews.  

จัดเต็มกับ ซีฟู้ดบุฟเฟต์ อิ่มอร่อยไม่อั้น

       สำหรับใครที่ชื่นชอบกินซีฟู้ด แนะนำว่าให้มากันมาที่ ห้องอาหารคาเฟ่ อันดามัน โรงแรมเคป พันวา จังหวัด ภูเก็ต ชวนลิ้มลองอาหารทะเลในแบบบุฟเฟต์ ตระการตาไปกับของทะเลสดๆ ตัวโตๆ เนื้ออวบอัดรสหวาน อาทิ กุ้งลอบสเตอร์เผา, ปลาหมึกย่าง, ปลาเผาชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังมีอาหารจานร้อน ปรุงสุก ใหม่พร้อมเสิร์ฟ และขนมหวานอีกมากมาย ที่ให้ได้อิ่มอร่อยได้ไม่อั้น พร้อมดนตรีบรรเลงสดที่จะขับกล่อมให้เพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อย ในเทศกาลซีฟู้ดบุฟเฟต์ ทุกค่ำคืนวันพุธ ตั้งแต่เวลา 19:00 น. - 22.00 น. ราคา 800 บาท++/คน เท่านั้น (ไม่รวมเครื่องดื่ม) โทร. 0-7639-1123 ต่อ ห้องอาหาร คาเฟ่ อันดามัน หรือที่ www.capepanwa.com

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048830




 

Create Date : 23 เมษายน 2556   
Last Update : 23 เมษายน 2556 21:42:39 น.   
Counter : 2688 Pageviews.  

อร่อยรับร้อน กับหลากหลายเมนู “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้

“ทุเรียน” ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” เป็นผลไม้ที่มีขนาดผลใหญ่ มีหนามแหลม ที่กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และเนื้อทุเรียนมีรสชาติที่หอมหวานมันชวนลิ้มรส แถมยังมีคุณค่าทางอาหารหลายชนิด อาทิ คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซิน แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม

       หากว่ามิตรรักนักกินคนไหนชื่นชอบการกินทุเรียนเป็นอย่างมาก อยากจะชวนมาลิ้มลองเมนูทุเรียนที่น่าสนใจ และน่าลิ้มลอง โดยทาง มณเฑียรเบเกอรี่ โรงแรมมณเฑียร กรุงเทพ ถนนสุรวงศ์ ชวนมาอร่อยกับรสชาติแปลกใหม่ กับวัตถุดิบที่คุ้นเคยอย่าง “ทุเรียน” ผลไม้แสนโปรดที่มีรสชาติ หอมหวานอร่อย และนอกจากจะให้ความอร่อยแล้ว ยังมีคุณสมบัติต่างๆ นานา ที่เกี่ยวกับสุขภาพทั้งสิ้น

       เชฟมือทองแห่งโรงแรมมณเฑียรจึงไม่รอช้า นำราชาผลไม้อย่างทุเรียนหมอนทอง มารังสรรค์เป็นขนมหวานหลากชนิด ให้ได้ลิ้มลองกัน ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียนชีสเค้ก สุดยอดของหวานยามบ่าย ความหวานจากเนื้อทุเรียนเข้ากันดีกับรสชาติเค็มมันของชีส ทานคู่กับน้ำชาร้อนๆ สักถ้วย

       แต่ถ้าอยากอิ่มท้องมากขึ้นมาหน่อยต้องลอง ข้าวเหนียวทุเรียน หอม หวาน มัน จากเนื้อทุเรียนหมอนทองคุณภาพดี ที่เสิร์ฟมาพร้อมข้าวเหนียวมูนที่เข้ารสกันดีกับน้ำกะทิสุดอร่อย

       และหากต้องการเพิ่มความเย็นสดชื่น ขอแนะนำเมนู ไอศกรีมทุเรียน ไอศกรีมเนื้อละเอียดที่ไม่ใช่แค่คลายร้อนเพราะรสชาติ หวาน มัน หอม ทำให้คุณผ่อนคลายจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว มาลิ้มลองเมนูทุเรียนที่ชวนกินเหล่านี้ได้ตลอดเดือนเม.ย. นี้ โทร. 0-2233-7060 ต่อ 5130

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046182




 

Create Date : 22 เมษายน 2556   
Last Update : 22 เมษายน 2556 20:59:10 น.   
Counter : 3165 Pageviews.  

กระท้อนลอยแก้ว


กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก
(เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
-
เริ่มจากชงน้ำร้อนกับเกลือ คนจนเกลือละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให้เย็น
-
ปอกเปลือกกระท้อนออกให้เกือบ ถึงปุย ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว
-
ทีนี้ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด (หรือน้ำลอยดอกมะลิ จะช่วยให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ) เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก จากนั้นก็ล้างภาชนะที่ทำให้สะอาด แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
-
ช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือ ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้ำเชื่อมเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้
-

ี่พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้ำแข็งลงไป



//women.postjung.com/670905.html.html




 

Create Date : 21 เมษายน 2556   
Last Update : 21 เมษายน 2556 19:59:33 น.   
Counter : 5780 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]