เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

บุกอเมริกาสัมผัส“เทียน่า ใหม่”ก่อนเปิดตัวในไทย

งาน“นิสสัน 360” ที่ระดมรถยนต์กว่า100 คัน(รวมอินฟินิตี้) มาให้แขกที่ร่วมงานได้ลองขับ หรือนับๆดูแล้วจัดมาครบทุกรุ่นหลักที่ทำตลาดในปัจจุบันครับ ไม่ว่าจะขายอยู่ภูมิภาคไหน ถูกสั่งให้มาส่งยังสนาม เอล โทโร แคลิฟอร์เนีย เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

       ...ทุกรุ่นเป็นรถพวงมาลัยซ้าย มีให้เลือกขับตั้งแต่รถไฟฟ้ารุ่นดัง “นิสสัน ลีฟ” แบบรักโลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงรถแรงระดับซูเปอร์คาร์อย่าง “จีที-อาร์”กันเลยทีเดียว!

Leaf Nismo RC


       ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองขับสัมผัสนั่งหลายรุ่น อย่าง“นิสสัน ลีฟ”นี่ตัวธรรมดาเฉยไปแล้วครับ ต้องลอง“ลีฟ นิสโม อาร์ซี” (Leaf Nismo RC) ที่แปลงสภาพจากรถไฟฟ้าติ๋มๆ ไปสู่ตัวแรงในสนามแข่ง ซึ่งการขับเคลื่อนยังใช้พลังไฟฟ้าเหมือนเดิม เพียงแต่ทีมงานนิสโม โมดิฟายด์ใหม่ ทั้งพละกำลัง ตัวถัง แรงกด น้ำหนักตัวที่ลดลง จนได้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 6.8 วินาที เมื่อขับจริงก็จินตนาการได้เหมือนควบคุมยานอวกาศ ด้วยเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าหวีดหวิว พร้อมแรงดึงแรงฉุด ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ

       ตลอดสองวันของงาน“นิสสัน 360” ผู้เขียนลุกเข้า ผลุดออกรถยนต์หลายสิบคัน ประมาณว่าตัวไหนหาขับยากๆ หรือมีโอกาสน้อยที่จะได้สัมผัสในชีวิตนี้ ก็ขอกระโดดขึ้นไปนั่งเป็นบุญก้น ขับเป็นบุญเท้าก่อน (แต่กว่าจะได้ขับรถแต่ละรุ่นต้องต่อคิว บางรุ่นจองคิวทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีขั้นตอนอยู่พอสมควร)

อย่างไรก็ตามผู้เขียนยังตั้งใจไปขับรถยนต์สองรุ่นที่เตรียมเปิดตัวทำตลาดในไทยเร็วๆนี้อย่าง “นิสสัน เทียน่า ใหม่” และเอสยูวีหน้าแปลก “นิสสัน จู๊ค”

นิสสัน เทียน่า ใหม่


       เริ่มจาก“เทียน่า ใหม่” (J33)คันนี้ ถูกส่งมาจากเมืองจีนที่เริ่มขายไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเมืองไทยพร้อมเปิดตัวปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารุ่น 2.5 คราวนี้หันมาคบกับบล็อก 4 สูบ รหัส QR25DE แทนที่รหัสVQ ที่เป็นบล็อก วี6

สำหรับงานนี้มีแต่เทียน่า รุ่น 2.5 ลิตรให้ลองขับ ตามสเปกระบุว่า ให้กำลังสูงสุด 183 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 234 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องแบบCVT

       ขณะที่สมรรถนะการขับขี่ผู้เขียนว่ายังคงบุคลิก นิ่ง นุ่ม สุขุมของ “เทียน่า J32” เอาไว้ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์อาจจะไม่ใช่แนวสปอร์ตจี๊ดจ๊าด แต่อัตราเร่งมาแบบเนียนๆ พละกำลังมีให้ใช้ต่อเนื่องตามแรงกดของเท้าขวา ทั้งนี้ความเร็วที่ใช้ในสนามทดสอบความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตรต่อรอบ อยู่ระดับ 80-120 กม./ชม.ไม่เกินนี้ครับ



       ด้านพวงมาลัยเหมือนจะเบามือไปนิด แต่ควบคุมสบาย ช่วงล่างออกแนวนุ่มนวล และมาพร้อมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารดีพอสมควร ส่วนภายในกว้างขวางหรูหรา เบาะนั่งของคู่หน้ารองรับสรีระนั่งสบายกว่ารุ่นเดิม

       สำหรับ “เทียน่า ใหม่” รูปร่างหน้าตาจริงๆที่ขายในเมืองไทย แทบไม่ต่างจากนี้ครับ ดังนั้นคงต้องมาลุ้นเรื่องออปชันกับราคาขาย ซึ่งนิสสันไม่น่าจะทำให้แฟนๆผิดหวัง

อีกรุ่นเป็นซับคอมแพกต์เอสยูวี “นิสสัน จู๊ค” แม้ตลาดโลกจะทำตลาดมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่เมืองไทย เห็นว่าเพิ่งลงตัวเรื่องราคาขายและจำนวนที่ต้องการนำเข้ามาจากโรงงานผลิตนิสสัน ประเทศอินโดนีเซีย และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

       ผู้เขียนมีโอกาสได้ลอง“จู๊ค” ครบทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นบ้านๆอย่าง เบนซิน1.6 เทอร์โบ, ดีเซล 1.5 เทอร์โบ, ไปจนถึงตัวแรงขับมันอย่าง จู๊ค นิสโม และ จู๊ค อาร์

       สำหรับตัวท็อปสุดอย่าง “จู๊ค อาร์” นั้น ถูกจัดให้ไปอยู่ในสนามการขับขี่แบบสมรรถนะสูง ร่วมกับ จีที-อาร์ และจีที-อาร์ จีที3ความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อรอบ หนึ่งคนได้ขับหนึ่งรอบ

จู๊ค อาร์
       ความแรงจากเครื่องยนต์ วี6 ขนาด3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 545 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 588 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200-5,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 6 สปีด ยึดบล็อกของ จีที-อาร์ และแนวทางการพัฒนาของสปอร์ตคาร์รุ่นพี่มาเต็มๆ

       เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดัง ออกตัวพลุ่งพล่าน ถ้าใช้โหมด Launch Control System อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไล่ไปถึง 100 กม./ชม. ทำได้เพียง 2.8 วินาที ขับสะใจดีครับ วิ่งลัดเลาะไปตามกรวย มีจุดเบรกจุดเร่ง แม้ระยะทางจะสั้นไปนิด แถมต้องใส่หมวกกันน็อกเพื่อความปลอดภัย แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก

       “จู๊ค อาร์” อาจจะเป็นหนึ่งในสุดยอดรถยนต์ที่เกิดขึ้นบนโลก ขณะที่ราคาขายก็โดดไปแถว 20 ล้านบาท แต่ขับจริงๆผู้เขียนว่ามันก็เกินไปสำหรับชีวิตปกติ ออกแนวขั้นกว่าของความบ้าระห่ำ ดังนั้นคันที่กำลังพอเหมาะและประทับใจผู้เขียนต้องยกให้ “จู๊ค นิสโม” ที่เพิ่งจะพัฒนาแล้วนำออกมาขายในญี่ปุ่นและยุโรปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง

จู๊ค นิสโม
       เมื่อพิจารณาสเปกจากเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 197 แรงม้า ประกบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อาจจะดูไม่เท่าไหร่ แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกมันแบบสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการจัดการเรื่องแรงกดหรือ Down force ให้ดีขึ้น 37% เมื่อเทียบกับ “จู๊ค” ตัวปกติ อันส่งผลโดยตรงกับการทรงตัว ดังนั้น“จู๊ค นิสโม” จึงควบคุมได้มันมือ มั่นใจ พร้อมการถ่ายเทน้ำหนักสมดุล รถเกาะโค้งแน่น และตัวถังไม่โยกโยนเหมือนจู๊คทั่วไป

       เรี่ยวแรงสอดคล้องกับการควบคุมพวงมาลัย และช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาอย่างลงตัว ซึ่ง “จู๊ค นิสโม” น่าจะมีโอกาสน้อยสำหรับการขายในประเทศไทย(อย่างเป็นทางการ) แต่ตัวที่จะมาปลายปีนี้แน่ๆคือ “จู๊ค”เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ แบ่งทำตลาดเป็น 2 รุ่นย่อย ราคาขายประมาณ 8-9 แสนบาท

...ลองไปซื้อขับดูก่อน ถ้าชอบแล้วจะเอาไปแต่งแบบไหน อู่ไทย ช่างเทพทำได้สบายครับ

นิสสัน จู๊ค เครื่องยนต์ดีเซล






นิสสัน จีที-อาร์ จีที3




//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000120654




 

Create Date : 25 กันยายน 2556   
Last Update : 25 กันยายน 2556 20:59:33 น.   
Counter : 12409 Pageviews.  

ฮอนด้ารุกรถอเนกประสงค์ เปิดตัวหั่นราคา‘สเตปแวกอน สปาด้า-ฟรีด’ใหม่

“ฮอนด้า” เขย่าตลาดรถอเนกประสงค์ เปิดตัว “สเตปแวกอน สปาด้า” และ “ฟรีด” ใหม่ หรือเวอร์ชันรุ่นปี 2013 ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของสังคมไทย ด้วยการปรับรูปลักษณ์เฉียงคมมากขึ้น พร้อมกับอุปกรณ์ทันสมัยและหรูหรากว่าเดิม รวมถึงปรับเพิ่มรุ่นย่อยให้เลือกมากขึ้น ขณะที่หั่นราคาลงทุกรุ่น โดยสเตปแวกอน สปาด้า เริ่มต้นที่1,899,000-1,959,000 บาท และรุ่นฟรีด 834,000-959,000 บาท

พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ MUV (Multi Utility Vehicle) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่น และในยุโรปมาระยะหนึ่ง ขณะที่ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์กลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ เนื่องจากรถยนต์อเนกประสงค์เป็นคำตอบที่ลงตัวในทุกมิติ เพราะสามารถใช้เป็นยานพาหนะไปทำงาน ใช้ในการประกอบธุรกิจ ทั้งยังอำนวยความสะดวกงานอดิเรกในวันว่าง และเติมความสุขร่วมกับครอบครัวได้ในคันเดียว โดยเฉพาะตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของสังคมไทย

       “ดังนั้นฮอนด้า ฟรีด และสเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ หรือรุ่นปี 2013 ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้งสองรุ่นล่าสุด จึงเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการกระตุ้นตลาด MUV ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเพื่อเติมเต็มความสุขในการขับขี่ควบคู่กับการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์"

       โดยฮอนด้า สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ เป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ด้วยรูปลักษณ์เรียบหรู โอ่โถง สะดวกสบายในทุกการเดินทาง สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกรูปแบบตลอด 7 วัน และมาพร้อมกับรูปลักษณ์ล้ำสมัย ให้มุมมองกว้างไกล ด้วยหลังคาแบบ Skyroof เพิ่มความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบโครมดำ ไฟหน้ารมดำแบบ HID ไฟหรี่แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับชุดไฟท้ายแบบ LED คิ้วโครเมียมฝาประตูท้ายแบบโครมดำ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

       ภายในห้องโดยสารกว้างขวางด้วยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 แบบแยกอิสระ ส่วนแถวที่ 3 สามารถปรับพับแบบแบนราบ เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้มากขึ้น พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสไตล์พรีเมียม และพื้นห้องโดยสารแบบลามิเนต (ลายไม้) ประตูข้างแบบสไลด์อัตโนมัติ ซ้าย-ขวา ระบบไฟฟ้าพร้อมควบคุมด้วยรีโมท ให้การขึ้นลงได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องปรับอากาศสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 พร้อมด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่รวมระบบนำทางเนวิเกเตอร์และความบันเทิงเข้าด้วยกัน

       สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ เพิ่มความมั่นใจในทุกมุมมองกับไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว กระจกมองมุมด้านข้าง และกล้องส่องภาพด้านหลัง พร้อมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากล ด้วยระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ถุงลมคู่หน้า และโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่

       ขุมพลังของสเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ มาจากเครื่องยนต์ i-VTEC 2.0 ลิตร 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ระบบ Idling Stop ช่วยลดการใช้พลังงานขณะรถหยุดนิ่งพร้อมสวิตช์เปิด-ปิด ระบบ Econ Mode ช่วยควบคุมเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เพื่อช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และยังรองรับพลังงานทางเลือก E20

ฮอนด้า สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EL ที่มาพร้อมเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมพื้นห้องโดยสารลามิเนต (ลายไม้) ในราคา 1,959,000 บาท และรุ่น E ที่มาพร้อมเบาะผ้าและวัสดุหนังสังเคราะห์ ส่วนพื้นห้องโดยสารเป็นพื้นพรม ในราคา 1,899,000 บาท (เดิมมีรุ่นเดียวราคา 2,174,000 บาท)

       สำหรับฮอนด้า ฟรีด ใหม่ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกเฉียบคม ทันสมัย ตั้งแต่ด้านหน้าให้ความโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้า ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ และกันชนหน้าดีไซน์นำสมัย ไฟท้ายและคิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียม พร้อมสปอยเลอร์หลังดีไซน์อย่างลงตัว และล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว โดดเด่นกับประตูข้างสไลด์อัตโนมัติซ้าย-ขวา ให้ความสะดวกสบายและคล่องตัว แม้จอดในพื้นที่แคบ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับได้ 7 ที่นั่ง ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายสไตล์ พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน อาทิ เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

       ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 118 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พวงมาลัยไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมคู่หน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD กล้องส่องภาพด้านหลัง เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น

ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มีให้เลือกถึง 3 รุ่น คือ รุ่น EL ให้ความหรูหราด้วยเบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมมีอุปกรณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบ อาทิ เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง วิทยุ MP3 พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส 7 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth จำหน่ายในราคา 959,000 บาท

ส่วนในรุ่น E ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า ให้ความหรูหราด้วยเบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และวิทยุ ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น จำหน่ายในราคา 879,000 บาท และรุ่น SE มาพร้อมกับความสะดวกสบายของเบาะผ้าสีเบจและอุปกรณ์มาตรฐาน ราคา 834,000 บาท ซึ่งอุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันเฉพาะรุ่น (เดิมมี 2 รุ่น SE ราคา 839,000 บาท และ EL ราคา 949,000 บาท)

       ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก-เพิ่มเงิน 10,000 บาท) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก-เพิ่มเงิน 6,000 บาท) สีน้ำตาลสปาร์คลิ่ง (เมทัลลิก)

       นอกจากนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ร่วมสัมผัสรถอเนกประสงค์ใหม่ทั้ง 2 รุ่นอย่างใกล้ชิด ฮอนด้ายังได้จัดงาน A new Step to Freedom of Living “ก้าวใหม่สู่อิสระแห่งการใช้ชีวิต” ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25-29 กันยายน ศกนี้ ณ ลานแฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และพร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ กับโครงการ Freed Your Mind Design Contest เป็นการประกวดการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในฮอนด้า ฟรีด เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ โดยเชิญชวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั่วประเทศรวมทีมกับเพื่อนๆ 2-4 คน ส่งไอเดียเข้าร่วมประกวด เพื่อชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท นักศึกษาที่สนใจสามารถส่งไอเดียเข้าร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่วันนี้- 31 ตุลาคม 2556 (สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ //www.honda.co.th/freedyourmind และwww.facebook.com/HondaSuperFan)




//www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9560000120245




 

Create Date : 24 กันยายน 2556   
Last Update : 24 กันยายน 2556 15:57:09 น.   
Counter : 3392 Pageviews.  

BMW 640i Grand Coupe 10ล้าน...ซื้อลงก็รักเลย

ช่วงนี้ “บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย” สถานการณ์ธุรกิจดีสุดๆครับ ยอดจอง ยอดขาย ถล่มทลาย ส่วนหนึ่งเพราะแผนการเสริมโปรดักต์อันหลากหลาย แถมทำราคาได้น่าสนใจ อย่างล่าสุด “แมทธิอัส พฟาลซ์” ประธานใหญ่ บอกว่าหลังผ่านไป7เดือน (ม.ค.-ก.ค.2556) ยอดขายยังฉลุย หรือมีอัตราเติบโตถึง 39% ที่สำคัญยังแอบกระซิบว่า จากการตอบรับของตลาดที่ดีเกินคาด ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูต้องมานั่งปรับเป้าหมายการขายใหม่อีกด้วย

อย่าง“ซีรีย์6” ที่ผู้เขียนเพิ่งนำมาลองขับ แม้จะไม่ใช่ตัวทำยอดขายแบบเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนพี่น้องในอนุกรมอื่น แต่รถยนต์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพลักษณ์พร้อมแสดงออกถึงแนวทางและวิถีคิด ของค่ายใบพัดสีฟ้าได้เป็นอย่างดี

สำหรับ“ซีรีย์6”ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับ “ซีรีย์5” และมีถึง 3 ตัวถังในการทำตลาด โดยประเทศไทยนำเข้ามาขายครบ ไล่ตั้งแต่ 640i Convertible เปิดประทุน (F12) ราคา 9.499 ล้านบาท 640i Coupe ตัวถังสองประตู 4 ที่นั่ง (F13) ราคา 8.599 ล้านบาท และคันที่ผู้เขียนนำมาทดสอบ 640i Grand Coupe ซึ่งเป็นตัวถังแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง (F6) ราคา 9.299 ล้านบาท

โดย “640i แกรนด์ คูเป้” เปิดตัวที่หลังสุดในบรรดาสามตัวถัง แต่ถือเป็นตัวเด่นเน้นขายมากกว่า ด้วยความที่มี 4 ประตูเหมาะกับการใช้งานจริง ถ้าจะซื้อขับเองก็หล่อ หรือถ้ามีคนขับแล้วนั่งข้างหลังก็เท่ไปอีกแบบ ซึ่งรูปทรงสปอร์ตปราดเปรียวของรถ สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างแน่นอน

ด้านมิติตัวถังยาว5,007 มม. กว้าง 1,894 มม. สูง1,392 มม. และระยะฐานล้อ 2,968 มม. ถือเป็นรถยาวระดับ 5 เมตรที่ออกแบบได้ลงตัว แม้การเข้าออกอาจจะลำบากนิดหน่อยจากการเป็นรถเตี้ยหลังคาต่ำ แต่ภายในห้องโดยสารต้องบอกว่ากว้างขวางนั่งสบาย ส่วนของผู้โดยสารด้านหลังแบ่งเป็น 2 ที่นั่งชัดเจน โดยมีคอนโซลพร้อมช่องแอร์กั้นกลาง

อย่างที่บอกครับถ้าเป็นรถสำหรับผู้บริหาร พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถือมีความจำเป็นกับการวางถุงกอล์ฟ ซึ่ง “640i แกรนด์ คูเป้” คันนี้ ใต้ฝากระโปรงหลังมีปริมาตรความจุ 460 ลิตร และสามารถเพิ่มได้ถึง 1,265 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง (เชื่อมต่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร) ดังนั้นจะมีถุงกอล์ฟกี่ใบ หัวไม้กี่อันก็ไม่เป็นปัญหาครับ

ในตำแหน่งผู้ขับ พอมุดหัวเข้าไปนั่งแล้วปรับเบาะให้ถนัดถนี่ พบว่าทัศนวิสัยด้านหน้าค่อนข้างจำกัด จากการออกแบบเสาเอพิลลาร์ที่ลาดเอียง พื้นที่มองผ่านกระจกบานหน้าบีบแคบ ขณะที่ปุ่มสั่งงานต่างๆจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทั้งฝังบนพวงมาลัยและปุ่มไอ-ไดร์ฟข้างๆคันเกียร์

สำหรับออปชันเด่นๆที่เห็นแล้วโดนใจ ไล่ตั้งแต่ซันรูฟบานโต ระบบ Head up Display แสดงความเร็วและข้อมูลการขับขี่แบบย่อๆ ขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้าของรถ รวมถึงระบบความคุมการถอยจอด ซึ่งมีลูกเล่นน่ารักด้วยการซ้อนกล้องมองหลังไว้ที่โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูตรงฝากระโปรงท้าย กรณีที่เราเข้าเกียร์ R โลโก้ที่ว่าจะเปิดแย้มให้กล้องได้ทำงานและส่งภาพกลับมาที่หน้าจอแสดงผลด้านหน้า

อย่างไรก็ตามระบบ Head up Display กับระบบกล้องมองหลังเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท ซึ่งจะมาเป็นแพกเกจพร้อมกับระบบไฟหน้า LED ปรับลำแสงตามความโค้งของถนน (Adaptive LED Headlight) และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ รวมถึงออปชันเพื่อความบันเทิงในห้องโดยสารอีก 2-3 รายการ

ด้านขุมพลังเบนซิน บล็อก 6สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข่าสู่ห้องเผาไหม้ (Direct Injection) รีดกำลังด้วยเทอร์โบแบบ twin-scrollพร้อมระบบ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด



เรื่องพละกำลังนั้นหายห่วง เรียกเป็นมา กดเป็นหาย หรือเร่งแรงระดับหลังติดเบาะเลยทีเดียว อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ทำได้เพียง5.4 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้ 250 กม./ชม.

ขณะเดียวกันยังถือเป็นมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก ซึ่งระบบจะสั่งงานเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ให้ตอบสนองกับบุคลิกที่เราอยากได้ ทั้งขับแบบประหยัด ECO PRO ขับแบบติ๋มๆ NORMAL ไล่ไปถึงSPORT และSPORT + ที่จะตัดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวออกไป

ดังนั้นหากพูดถึงสมรรถนะในภาพรวม “640i แกรนด์ คูเป้”แรงดีไม่มีที่ติ ช่วงล่างหนึบแน่น ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า(ใช้ไฟที่เก็บไว้จากระบบBrake Energy Regeneration) น้ำหนักกำลังดี ช่วยผ่อนแรงในการขับความเร็วต่ำ และหนักหน่วงขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง การสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ แต่กระนั้นด้วยความยาวเทอะทะของรถ และโอเวอร์แฮงหลังที่ยื่นมาพอสมควร ย่อมส่งผลให้ช่วงสาดใส่ในโค้งแรงๆ จะรู้สึกถึงอาการหน่วงดึงในด้านท้ายอยู่นิดๆ

ส่วนช่วงล่างหนึบจริง เกาะถนนมั่นใจ แต่ความนุ่มนวลก็อาจจะด้วยกว่า “ซีรีย์5” หรือ “ซีรีย์7” ส่วนหนึ่งเพราะล้ออัลลอยด์วงโต ประกบยางรันแฟลตแก้มเตี้ย สะท้านแรงจากพื้นถนนเข้ามาให้รับรู้ ซึ่งจริงๆก็แบบนี้ละครับถ้าเลือกเท่ก็ต้องสูญเสียความสบายด้านอื่นไปบ้าง

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับในสภาพจราจรหนาแน่นในเมือง ได้ตัวเลขประมาณ7-8 กม./ลิตร แต่ถ้าขับนอกเมืองใช้ความเร็วระดับ 120-130 กม./ชม. มี 11 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขของบีเอ็มดับเบิลยูเอง เคลมเฉลี่ยไว้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร

รวบรัดตัดความ...เป็นความสง่างาม พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมที่ต้องแลกด้วยเงินเกือบ 10 ล้านบาท (ถ้าไม่ซื้อออปชันเพิ่ม) ซึ่งหากมองคู่แข่งอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 250CDI แม้ไม่แรงเท่า แต่ราคาขายก็อยู่แถวๆ 5 ล้านบาท เมื่อมองประเด็นนี้อาจจะทำใจซื้อ “640i แกรนด์ คูเป้” ลำบาก เว้นว่าคุณจะเป็นสาวกบีเอ็มดับเบิลยูตัวจริงเท่านั้น













//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000118307




 

Create Date : 21 กันยายน 2556   
Last Update : 21 กันยายน 2556 20:28:01 น.   
Counter : 2625 Pageviews.  

ฮอนด้าเผยโฉม"บริโอ้ MPV"ราคาไม่ถึง5แสนบาท

วันนี้(19 ก.ย.) ที่งานอินโดนีเซีย มอเตอร์โชว์ 2013 กรุงจาการ์ต้า ค่าย “ฮอนด้า” จัดการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์แบบ MPV รุ่นใหม่ “โมบิลิโอ้” (Mobilio) ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ บริโอ้ (แฮทช์แบ็ก) และ บริโอ้ อเมซ (ซีดาน) รถตระกูลอีโคคาร์ของเมืองไทย



สำหรับ “โมบิลิโอ้” หรือ บริโอ้ MPV คันนี้ยังเป็นรุ่นโปรโตไทป์ ที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นขายจริงมากที่สุด ด้านตัวถังยาว 4.4 เมตร ระยะฐานล้อ 2.65 เมตร ส่วนระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 185 มิลลิเมตร รองรับผู้โดยสารด้วยการวางเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นบล็อกใหญ่กว่าบริโอ้ ตัวถังอื่นๆ ซึ่งฮอนด้าเตรียมวางบล็อก 1.5 ลิตร i-VTEC เพื่อให้มีเรี่ยวแรงเพียงพอต่อการใช้งาน

สนนราคาขายที่อินโดนีเซีย 150 -180 ล้านรูเปียห์ หรือ ประมาณ 413,000 - 496,000 บาท ส่วนเมืองไทยจะนำเข้ามาขายในปีหน้าแน่นอน






//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000118376




 

Create Date : 20 กันยายน 2556   
Last Update : 20 กันยายน 2556 17:00:01 น.   
Counter : 2329 Pageviews.  

แบรนด์ยุโรปขนมาเต็มเวที ( IAA ตอน 2)

แม้จะไม่ใช่งานมอตอร์โชว์ที่จัดขึ้นในบ้านตัวเอง แต่แบรนด์ระดับชั้นแนวหน้าของโลกจากประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส, อังกฤษ หรืออิตาลี ต่างก็นำของใหม่ของตัวเองมาอวดและประชันโฉมกับแบรนด์รถยนต์เยอรมันกันอย่างมากมาย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ หรือ IAA ถือเป็นเวทีมอเตอร์โชว์ซึ่งเป็นที่สุดทั้งในแง่ของชื่อชั้น และความกว้างขวางของพื้นที่จัดแสดง ซึ่งใครที่เคยมีโอกาสไปคงทราบกันดีถึง ‘ขนาด’ ของ IAA

และตอนที่ 2 ของ IAA ครั้งที่ 65 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 12-22 กันยายนนี้ มาดูกันว่าแบรนด์รถยนต์ยุโรปชั้นนำของโลก มีอะไรมาโชว์กันบ้าง

ต้นแบบจากซีตรองกับ C4 Cactus มาในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ 4 ประตูที่พัฒนาบนพื้นตัวถังรุ่น EPM2 สำหรับใช้กับแบรนด์ในกลุ่ม PSA อย่างเปอโยต์และซีตรอง


เรโนลต์เดินหน้ารุกตลาดรถยนต์แบบอสยูวีอีกครั้งกับทางเลือกที่เหนือขึ้น ด้วยต้นแบบรุ่น Initiale ที่ว่ากันว่าจะใช้พื้นฐานเดียวกับมินิแวนรุ่น Espace ใหม่


อัพเกลความเร้าใจด้วยเวอร์ชัน R ของรถสปอร์ต RCZ จากค่ายเปอโยต์ที่มีกำลังสูงถึง 270 แรงม้าจากเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี เทอร์โบ


รหัส R ของเปอโยต์ไม่ได้มีแค่รถสปอร์ตแต่ยังระบาดมายังพวกรถบ้านๆ อย่าง 308 อีกด้วย


เอาจริงแน่ๆ สำหรับจากัวร์ในการลุยตลาดครอสโอเวอร์ ด้วยการจับเอาสปอร์ตซีดานรุ่น XF มาพัฒนาต่อเนื่องจนเป็นเอสยูวีขนาดกลางรุ่น C-X17 เพื่อเป็นคู่ปรับของปอร์เช่ คาเยนน์




วอลโว่เตรียมคืนชีพในตลาดรถสปอร์ตอีกครั้ง ด้วยต้นแบบรุ่น Coupe Concept เพื่อเรียกยุคแห่งความรุ่งเรืองของ P1800 กลับคืนมา


ดูเหมือนใครๆ ก็จะไปแข่ง WTCC ทางซีตรองเองก็เผยโฉมรถแข่งรุ่น C-Elysee ออกมาเข้าร่วมในปี 2014 และมีนักแข่งลูกหม้ออย่างเซบาสเตียน โล๊บนั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย


เฟอร์รารี่เผยโฉมรุ่นพิเศษของ 458โดยมีคำว่า Speciale ต่อท้ายพร้อมเครื่องยนต์วี8 4,500 ซีซีที่มีกำลังสูงสุด 570 แรงม้า และมีน้ำหนักตัวหย่อน 1,300 กิโลกรัมไปแค่ 10 กิโลกรัมเท่านั้น


เซียท ลีออง กับโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับรหัสแห่งความประหยัดอย่าง TGI ซึ่งเป็นรุ่น Bi-Fuel ใช้ได้ทั้งน้ำมันและ CNG ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.400 ซีซี 110 แรงม้า


เฟียตฉลอง 50 ปีของตัวแรง 595 ของแบรนด์อาบาร์ธด้วยรุ่นพิเศษแต่งเข้มและดุของ 500


สโกดาเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในงานนี้ กับตัวถังใหม่ของราปิด ในชื่อสปีดแบ็ค หรือตัวถังแวกอนมาดสปอร์ต


แอสตัน มาร์ตินมากับความพิเศษที่ตกแต่งตามใจลูกค้า หรือที่เรียกว่า Q by Aston Martin อยากแต่งแบบไหน หรืออยากได้แบบไหน แค่บอกแอสตัน มาร์ตินมาก็พอ เดี๋ยวจัดให้


มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้มากับความพิเศษของการตกแต่งภายในผ่านทางไอเดียของนักออกแบบชื่อดังอย่าง Ermenegildo Zegna


Bugatti เผยโฉมเวอร์ชันที่ 2 ของ Bugatti Legends คราวนี้มากับชื่อ Jean Bugatti ตัวถังสีดำสนิท ส่วนราคาตั้งเอาไว้ 3 ล้านเหรียญ หรือ 90 ล้านบาท


ลัมบอร์กินีเปิดตัวเวอร์ชัน Squadra Corse ของ Gallardo LP570-4 แรงและเร้าใจด้วยน้ำหนักตัวที่ลดลง


//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000114908




 

Create Date : 19 กันยายน 2556   
Last Update : 19 กันยายน 2556 7:29:02 น.   
Counter : 1976 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]