“ทะเลเดือดร้อนฉ่า” ซู่ซ่า จี๊ดใจ ทะเลเดือดร้อนฉ่า        พอถึงหน้าร้อนก็นึกถึงบรรยากาศทะเลสบายๆ แต่ถ้ายังไม่มีวันหยุดออกไปพักผ่อน “ครัววันหยุด” ก็ขอแนะนำเมนูที่จะทำให้ได้บรรยากาศทะเลเช่นกัน นั่นก็คือเมนู “ทะเลเดือดร้อนฉ่า” ที่ใช้ซีฟู้ดหลากหลายชนิดตามแต่จะหาได้ มาผัดกับพริกและกระเทียม ปรุงรสเล็กน้อย แถมด้วยเม็ดพริกไทยอ่อนเพิ่มความซู่ซ่าถึงใจ ส่วนผสม กุ้งสด + ปลาหมึกสด 400 กรัม กระเทียม + พริก ตำหยาบๆ 3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่กินเผ็ดสามารถลดปริมาณลงได้) เม็ดพริกไทยอ่อน ¼ ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช (สำหรับผัด) 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมต่างๆ        วิธีทำ ล้างทำความสะอาดกุ้งสดและปลาหมึกสดให้เรียบร้อย กุ้งแกะเปลือก ผ่าหลัง ส่วนปลาหมึกหั่นตามขวางเป็นวงกลมชิ้นหนาประมาณ 1.5 เซ็นติเมตร (ถ้าสามารถหาซีฟู้ดอย่างอื่นได้ก็สามารถใส่ผสมลงไปได้ด้วย เช่น หอยแมลงภู่ เนื้อปู เป็นต้น) จากนั้นตั้งกระทะบนเตา ใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่พริกและกระเทียมที่ตำแล้วลงไปผัดให้เหลืองหอม จากนั้นเร่งไฟ ใส่ปลาหมึกและกุ้ง ผัดเร็วๆ พอเริ่มสุกใส่น้ำตาลทรายและน้ำปลา ชิมรสตามชอบ แล้วใส่เม็ดพริกไทยอ่อน ผัดต่ออีกเล็กน้อย เสร็จแล้วยกลงจากเตา ตักใส่จาน กินคู่ข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046763   Create Date : 19 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 19 เมษายน 2556 20:39:04 น.     Counter : 1820 Pageviews.   Share Tweet

หรรษาหน้าร้อน กับเมนูมะม่วงหวานมัน        หน้าร้อนอย่างนี้ ผลไม้ประจำฤดูกาลอย่าง “มะม่วง” ออกผลมากมาย ซึ่งบ้านเรามีมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้เลือกกินอย่างเอร็ดอร่อย หากว่ามิตรรักนักกินคนไหนที่ชื่นชอบกินมะม่วง อยากจะชวนไปลิ้มรสเมนูมะม่วงมากมายที่ล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้น        โดยโรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ศรีนครินทร์ จัดเทศกาลต้อนรับเข้าสู่หน้าร้อน ด้วย “เทศกาลมะม่วง” ชวนมาพบกับมะม่วงนานาพันธุ์ หลากหลายเมนูที่พร้อมเสิร์ฟทุกห้องอาหารของโรงแรมฯ ซึ่งมีห้องอาหารที่ร่วมเทศกาลมะม่วงมีดังนี้ 1. Grand Café-ห้องอาหารนานาชาติ 2. Ah Keng Abalone - ห้องอาหารจีน 3. Tancho Sushi Bar - ห้องญี่ปุ่น 4. Terrace Bar - บาร์ 5. Biz Lounge - เลาจน์ 6. Pool Bar - สระว่ายน้ำ 7. Bakery Shop - ร้านขนมเค้ก        สำหรับมะม่วงที่ทางโรงแรมฯ เลือกนำมาใช้ใน เทศกาลมะม่วง (Fourwings Go Mango)1. มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เป็นมะม่วงประเภททานผลสุก มีรสชาติหวาน มีกลิ่นหอม ผลใหญ่สีเหลืองทอง น่าทาน เนื้อไม่เละจนเกินไป เนื้อละเอียดมีเสี้ยนน้อยเหมาะกับรับประทานคู่กับข้าวเหนียว และกะทิรสเข้มข้น นำมาทำเป็นเมนูของหวานต่างๆ อาทิ เค้กมะม่วง, ข้าวเหนียวมะม่วง, ไอศกรีมมะม่วง, มะม่วงทาร์ต,มูสมะม่วง เป็นต้น และเป็นมะม่วงประเภททานผลดิบ มีรสชาติเปรี้ยวมาก นำมาทำเป็นเมนูแซลมอนฟูกับยำมะม่วงน้ำปลา        2. มะม่วงเขียวเสวย เนื้อภายในมีสีขาวละเอียด กรอบ มีเนื้อมาก เสี้ยนค่อนข้างน้อย มีรสชาติหวานมัน นำมาทำเป็นเมนูทานคู่กับน้ำปลาหวานที่มีรสชาติกลมกล่อมเข้มข้น ซึ่งประกอบไปด้วย กุ้งแห้งตัวโต, พริกซอย, หอมแดงซอย        ทั้งนี้ทางโรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ศรีนครินทร์ ชวนมาเติมความสดชื่นไปกับมะม่วงคลายร้อน ที่เชฟของทางโรงแรมฯ ได้คัดสรรมะม่วงสุกผลโตสีเหลืองทองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายซึ่งมีมะม่วงเป็นนางเอก อาทิ เค้กมะม่วง ที่อบใหม่ทุกวัน, ข้าวเหนียวมะม่วง รสนุ่มละมุนลิ้น, มะม่วงน้ำปลาหวาน รสจี๊ดจ๊าด, พุดดิ้งมะม่วง หวานเย็นฉ่ำ และดับกระหายคลายร้อนไปกับ ค๊อกเทลมะม่วง ชุ่มฉ่ำชื่นใจ ราคาเริ่มต้น 200 บาท++ ตลอดเดือนเม.ย. นี้ โทร. 0-2378-8000 ต่อ 4137        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040321   Create Date : 18 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 18 เมษายน 2556 21:36:33 น.     Counter : 2360 Pageviews.   Share Tweet

“The Front Page” เข้มข้นจัดจ้าน อร่อยหลากเมนู บรรยากาศด้านในร้าน        อากาศร้อนๆ แบบนี้ จะให้นั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านก็แสนจะเบื่อหน่าย เรื่องแรกก็คือร้อนเหลือจะทน อีกเรื่องก็คือไม่รู้จะทำอะไรกินดี ว่าแล้ว “ตระเวนกิน” ก็เลยออกมาหาของอร่อยถูกปากกินกันนอกบ้านดีกว่า        พอดิบพอดีกับที่ได้นักเจอเพื่อนแถวๆ ศาลาแดง ก็เลยชักชวนกันมาหาอาหารไทยกินกันเสียหน่อย ตรงมาที่ร้าน “The Front Page” ที่ตั้งอยู่ในซอยศาลาแดง 1 ซึ่งร้านนี้เขารับประกันความอร่อยเนื่องจากเปิดขายมาได้ 20 กว่าปีแล้ว โดยเน้นขายอาหารไทยรสชาติจัดจ้าน ประกอบกับอาหารชาติอื่นๆ ที่มีให้เลือกชิมด้วย ที่นั่งบนชั้นลอย        บรรยากาศร้านตกแต่งแบบสบายๆ มีที่นั่งให้เลือกได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นชั้นล่างที่มีทั้งแบบรับลมธรรมชาติด้านนอก และแบบในห้องแอร์ รวมถึงมีบริเวณชั้นลอยให้เลือกด้วย และใครที่มานั่งกินข้าวในช่วงเย็น ทางร้านก็จะมีดนตรีสดเล่นทุกๆ วัน (ยกเว้นวันเสาร์) เริ่มตั้งแต่เวลา 19.30-21.00 น. เป็นดนตรีสไตล์โฟล์คซอง หมูย่างสับปะรด        มาถึงเรื่องอาหาร อย่างที่เกริ่นแล้วว่าร้านนี้เน้นที่อาหารไทย เมนูแรกที่ลองชิมก็เลยเป็น หมูย่างสับปะรด (120 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อหมูสันในหมักกับเครื่องเทศไทยต่างๆ ก่อนจะนำมาย่างพร้อมกับสับปะรด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสลัดที่แยกใส่ถ้วยมาให้ ลองชิมหมูย่างเนื้อนุ่มรสดี มีรสอมเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรดเล็กน้อย กลิ่นหอมสับปะรดอ่อนๆ ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ        ตามมาด้วย ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ (180 บาท) เมนูไทยๆ ที่น่าลิ้มลอง ใช้กุ้งแม่น้ำขนาดกำลังพอเหมาะมาทอดในน้ำมันร้อนๆ แต่ไม่ต้องสุกมาก ทอดแค่ให้กุ้งมีสีส้มสวย จากนั้นมาทำน้ำฉู่ฉี่ โดยใช้เครื่องแกงฉู่ฉี่ผสมกับน้ำกะทิสดคั้นใหม่ๆ เข้มข้น ราดลงไปบนตัวกุ้ง โรยหน้าด้วยใบมะกรูดซอยเพิ่มความหอม เพียงแค่ยกมาเสิร์ฟก็ได้กลิ่นความหอมของเครื่องแกงฉู่ฉี่ขึ้นจมูก รสชาตินั้นยังเข้มข้นหอมมัน ส่วนเนื้อกุ้งยังเด้งสดหวานอร่อย สลัดเนื้อสัน        สลับมากินเมนูสีสวย สลัดเนื้อสัน (135 บาท)ที่จะใช้เนื้อวัวส่วนสันในมาหมักกับเครื่องเทศไทยๆ แล้วนำไปย่างลงในกระทะไม่ให้สุกมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดผักไฮโดรโปนิกส์และน้ำสลัดเทาซันไอซ์แลนด์ ชิมเนื้อนุ่มหนึบ รสชาติดี เข้ากับผักที่สดหวานกรอบ และน้ำสลัดที่ไม่เลี่ยนมากเกินไป ส้มตำปลาดุกฟู        แล้วมาลองชิม ส้มตำปลาดุกฟู (135 บาท) ที่ด้านล่างเป็นส้มตำไทยแบบครบเครื่อง ตำมาแบบรสจัดจ้าน โรยหน้าด้วยเนื้อปลาดุกฟูทอดกรอบ ชิมส้มตำที่อร่อยโดนใจ คู่กับปลาดุกฟูกรอบๆ เคี้ยวมันอร่อยเข้ากันอย่างดิบดี ฟิชฟิงเกอร์        คั่นกลางด้วย ฟิชฟิงเกอร์ (150 บาท) เมนูกินเล่นๆ ใช้เนื้อปลาดอรี่นำมาชุบแป้งทอดกรอบ แล้วคลุกกับเกล็ดขนมปัง ก่อนจะนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ เสิร์ฟมาคู่กับซอสมายองเนสและผักสด ชิมเนื้อปลาที่ทอดมาร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน เนื้อหวานดี ตำถั่วกุ้งสดไข่เค็ม        ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วย ตำถั่วกุ้งสดไข่เค็ม (120 บาท) ที่ใช้ถั่วฝักยาวมาตำแทนมะละกอ ตำจนถั่วแหลกดี ปรุงรสจัดจ้าน ใส่กุ้งสดตำให้เข้ากัน และกินคู่กับไข่เค็ม ได้ตำถั่วที่รสแซ่บถูกปาก แต่ไม่เหม็นเขียว เข้าคู่กับไข่เค็มที่ไม่เค็มมากไป เป็นอีกเมนูที่น่ามาลิ้มลอง โต๊ะนั่งสบายๆ        ใครที่ชวนเพื่อนฝูงมาหลายคน อยากจะสั่งของอร่อยมาลองชิมอีกหลายๆ เมนู ก็ขอแนะนำ กะพงทอดน้ำปลา (300 บาท) ยำผักบุ้งทอดกรอบ (110 บาท) ลาบหมูทอด (110 บาท) แกงส้มกุ้งชะอม (120 บาท) เป็นต้น        และหากว่าเคยมาลองชิมที่ร้านแรกนี้แล้ว ก็ขอบอกว่าที่นี่เขามีสาขาที่สองแล้วด้วย และตั้งอยู่ห่างจากร้านเดิมเพียง 50 เมตร ใครที่ผ่านไปผ่านมาก็มาชิมอาหารไทยอร่อยๆ กันได้ที่ “The Front Page” ทั้งสองสาขาเลย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ร้าน “The Front Page” ตั้งอยู่ที่ 1/3 ซอยศาลาแดง 1 ถนนพระราม 4 แขวง-เขตบางรัก กทม. การเดินทางจากถนนสีลม เลี้ยวเข้าซอยศาลาแดง 1 ร้านอยู่ตรงข้ามตึกฮ่องกงแบงค์ หากใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีสีลม เดินทางไปอาคารอื้อจื่อเหลียง จะเห็นร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ด้านข้างร้าน ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. วันเสาร์ เวลา 17.00-24.00 น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทร. 0-2633-8207 ส่วนสาขาที่ 2 ตั้งอยู่ห่างจากสาขาแรกประมาณ 50 เมตร โทร. 08-2878-7416, 08-1432-2663 //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000042880   Create Date : 17 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 17 เมษายน 2556 20:46:26 น.     Counter : 3046 Pageviews.   Share Tweet

“สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู” อร่อยแรงถึงใจ ลูกค้ายืนต่อแถวรอชิมของอร่อย        แดดร่มลมตก แสงตะวันยามบ่ายคล้อยค่อยลดความแรงลงหน่อย “ผ่านมาแวะกิน” ก็เลยชักชัวนเพื่อนสนิทไปเดินเล่นริมทางรถไฟ ออกกำลังกายขากันเสียหน่อย แต่ว่าไม่ได้มาเดินแถวสถานีรถไฟบางกอกน้อย คอยตามหาพ่อดอกมะลิของแม่อังศุมาลินหรอกนะ ครั้งนี้จะไปเดินริมทางรถไฟแถวๆ สถานีรถไฟตลาดพลู เดินดูในตลาดหาของกินอร่อยๆ ต่างหาก        นอกจากกุยช่ายตลาดพลูที่ชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ที่ตลาดพลูก็ยังมีของอร่อยอีกหลากหลายเมนูให้เลือกกันตามชอบ อย่างเช่นร้านนี้ที่อยากจะแนะนำ เขาชื่อว่า “สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าขายข้าวหมูแดง แต่ว่าทีเด็ดของร้านนี้อยู่ตรงไหน ต้องมาลองชิมถึงจะรู้ คุณสุณี เจ้าของร้าน คุณสุณี ลิมปเฉลิม เจ้าของร้าน บอกว่า ร้านนี้เปิดมาได้ประมาณ 55 ปีแล้ว และตั้งอยู่ที่ตลาดพลูแห่งนี้มาตั้งแต่ต้น โดยข้าวหมูแดงของร้านเป็นสูตรเหมยโจ (ตำบลหนึ่งในประเทศจีน) และจะเลือกสรรวัตถุดิบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน เพื่อมาทำเป็นเมนูแสนอร่อย        ถ้าใครจะมาที่ร้าน วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ร้านจะอยู่ริมทางรถไฟ ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟตลาดพลู เป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเพิง ซึ่งแม้ว่าจะมีที่นั่งไม่กี่โต๊ะ แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาชิมความอร่อยกันตลอดเวลา และส่วนหนึ่งก็จะยืนต่อแถวซื้อใส่ถุงกลับไปอร่อยที่บ้าน        ทีเด็ดของร้านนี้ก็จะอยู่ที่หมูแดง หมูกรอบ และน้ำราด โดยอย่างแรก คือ หมูแดง จะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันนอกมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ จนเข้าเนื้อ แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกหอม สังเกตดูว่าหมูแดงของที่นี่จะไม่มีมัน แต่ถ้าลองชิมแล้วก็ยังได้ความนุ่มหอม มีรสหวานๆ เค็มๆ เล็กน้อย มีทั้งหมูกรอบ หมูแดง และกุนเชียงให้ลองชิม        ส่วน หมูกรอบ ก็จะเลือกใช้หมูสามชั้นที่เน้นชั้นของเนื้อมากกว่ามัน นำมาย่างให้สุกตามวิธีเฉพาะของทางร้าน ได้หมูกรอบที่หนังกรอบ เนื้อนุ่มหอม ได้รสชาติ ส่วนกุนเชียง ก็จะเลือกและคัดสรรมาเป็นพิเศษจากร้านเจ้าประจำ โดยเน้นที่กุนเชียงไม่มันมาก        สุดท้ายก็คือ น้ำราด ที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จะใช้กระดูกหมูมาเคี่ยวเป็นน้ำซุป จากนั้นผสมเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศต่างๆ เคี่ยวรวมกันจนได้ที่ และจะใส่งาขาวเยอะเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่หอมละมุน ลองชิมน้ำราดแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี มีรสหวานเค็มได้ที่ หรือหากจะเพิ่มความจัดจ้านอีกนิด ทางร้านก็ยังมีน้ำจิ้มซีอิ้วผสมน้ำส้มให้ด้วย ข้าวหมูแดง        เวลาจะสั่งมากิน สามารถเลือกได้ทั้ง ข้าวหมูแดง (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ที่จะใช้ข้าวขาวมาหุงสุกร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูแดง หมูกรอบ และกุนเชียง ราดน้ำมาให้ และมีแตงกวาให้กินแกล้ม แต่ถ้าอยากได้เฉพาะเนื้ออย่างเดียว ก็สามารถเลือกได้เช่นกัน ทั้ง หมูแดง (ขีดละ 35 บาท) หมูกรอบ (ขีดละ 35 บาท) และ กุนเชียง (ขีดละ 35 บาท)        ถึงร้านนี้จะมีแต่ข้าวหมูแดงให้ลองชิม แต่ต้องบอกว่าความอร่อยนั้นติดอกติดใจลูกค้าหลายๆ คนจนต้องแวะมากินกันบ่อยๆ หรือถ้าอิ่มจากร้าน “สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู” แล้ว จะไปเดินเล่นต่อที่ตลาดพลู หาของกินเล่นติดไม้ติดมือกลับไปกินต่อที่บ้านก็ยังได้ หมูแดง หมูกรอบ และกุนเชียง พร้อมน้ำราด        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ร้าน “สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู” ตั้งอยู่ที่ ซอยเทอดไท 25 ตลาดริมทางรถไฟตลาดพลู ถนนเทอดไท แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. การเดินทางให้ใช้ถนนเทอดไท มุ่งหน้ามาที่สถานีรถไฟตลาดพลู จะเห็นร้านสุณีตั้งเป็นแผงอยู่บริเวณริมทางรถไฟ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-20.30 น. โทร. 0-2466-3137, 08-1700-5226 //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000043898   Create Date : 16 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 16 เมษายน 2556 20:47:56 น.     Counter : 3576 Pageviews.   Share Tweet

"ไก่ผัดตะไคร้" เนื้อนุ่มแน่น รสเผ็ดร้อน/กุ๊กเล็ก ไก่ผัดตะไคร้        นานทีปีหนเพื่อนฝูงจะเฮโลมาเยี่ยมเยือนที่บ้านสักที จนต้องมีงานเลี้ยงฉลองเล็กๆในโอกาสพบปะกันสักหน่อย เจ้าภาพอย่าง "กุ๊กเล็ก" จึงต้องอยู่ก้นครัวคอยทำหน้าที่เป็นเชฟจำเป็นให้แก่เพื่อนๆที่เรียกขอกับแกล้มกันไม่หยุดปาก หนึ่งในเมนูที่ภูมิใจนำเสนอแก่เพื่อนๆคือ "ไก่ผัดตะไคร้" ที่ให้เนื้อนุ่มแน่นหอมพร้อมเครื่องสมุนไพรและเผ็ดร้อนในคราวเดียว ใครสนใจจะทำก็ตามเข้าครัวกันมาเลย ส่วนผสม เครื่องแกง กระเทียม 1 หัว หอมแดง 3 หัว ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนู 8-10 เม็ด เครื่องผัดไก่ เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 2 เม็ด หน่อไม้หั่นทางยาว 2 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดฉีดหรือซอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชพอประมาณ วิธีทำ        ขั้นตอนแรกเริ่มจากทำเครื่องแกง ด้วยการนำกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ซอย พริกขี้หนู ไปโขลกจนละเอียดแล้วพักไว้ ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง นำใบมะกรูดลงทอดพอกรอบ แล้วจึงนำเครื่องแกงที่โขลกเตรียมไว้ลงไปผัดจนหอม จากนั้นจึงใส่เนื้อไก่ตามลงไป        ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ตะไคร้ซอย พริกชี้ฟ้า หน่อไม้ ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันทั่ว จึงปิดไฟ ตักใส่จาน นำใบมะกรูดที่ทอดไว้มาโรย เสิร์ฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นกับแกล้มก็เข้าท่า //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000100070   Create Date : 13 เมษายน 2556     0 comment Last Update : 13 เมษายน 2556 19:14:47 น.     Counter : 2787 Pageviews.   Share Tweet