ไข่ออนเซ็น ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณประสานไมตรี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เวลา ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน หรือออนเซ็น เชื่อว่า ทุกคนคงเคยหยิบไข่ใส่ชะลอมหย่อนลงไปต้มในน้ำพุร้อนแน่ ๆ ก็เพราะไข่ต้มน้ำพุร้อนนั้นน่ะให้รสสัมผัสที่นุ่มลิ้นเป็นที่สุด ยิ่งได้ทานกับซอสโชยุหน่อยล่ะก็ แหม ช่างเป็นไข่ต้มที่อร่อยเลิศอย่าบอกใคร นึกแล้วก็เปรี้ยวปากชักอยากทานอีกจัง แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดีล่ะ จะให้เดินทางไปเที่ยวถึงบ่อน้ำพุร้อนก็คงไม่ไหวสินะ อิอิ ถ้าอยากทาน “ไข่ออนเซ็น” มากล่ะก็ งั้นวันนี้มาทำทานกันเองดีกว่า ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ คุณประสานไมตรี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม นำมารีวิวไว้อย่างน่าชิม แค่เห็นภาพไข่แดงเยิ้ม ๆ เป็นยางมะตูมในไข่ขาววุ้นนุ่ม ๆ ดูน่าละมุนลิ้น เหยาะซอสสักนิด เหยาะพริกไทยสักหน่อย ก็ชวนให้น้ำลายสอซะแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าอยากชิมไข่ออนเซ็นฝีมือตัวเองแบบทันใจ ก็อย่าช้า มาลองทำกันดูนะคะ “ไข่ออนเซ็นรสละมุน หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ” ..ความสุข ความอร่อยที่หาได้ใกล้ ๆ ตัว!! โดย คุณประสานไมตรี ก่อนอื่นมาทำความรู้จักอุปกรณ์ที่จะใช้ก่อนนะครับ 1. ที่วัดอุณหภูมิ หาซื้อได้ตามห้างใหญ่ ๆ ตัวนี้ผมซื้อจากสยามพารากอน ไม่แพง ครับ 100 กว่าบาท 2. น้ำเย็น เพื่อใช้ควบคุมอุณหภูมิ วิธีทำ 1. เติมน้ำใส่หม้อ กะปริมาณน้ำให้ท่วมไข่ (อย่าเพิ่งใส่ไข่) จากนั้นต้มจนน้ำเริ่มเดือด ใช้ที่วัดอุณหภูมิวัดอุณหภูมิให้อยู่ในช่วง 65-70 องศาเซลเซียส หรือ 150-160 องศาฟาเรนไฮต์ ถ้าอุณหภูมิเกินให้ค่อย ๆ เติมน้ำเย็นลงไปจนกระทั่งได้อุณหภูมิที่ต้องการ 2. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ค่อย ๆ หย่อนไข่ลงไป (ใช้ไข่อุณหภูมิห้อง ไม่ใช้ไข่แช่ตู้เย็น) คอยเช็คอุณหภูมิเป็นระยะ ถ้าเกินค่อย ๆ เติมน้ำเย็นลงไป พอครบเวลานำไปแช่น้ำธรรมดา 2 นาที 3. เวลาที่ใช้มี 3 ระดับ ถ้าชอบไข่แดงเหลวใช้ 16 นาที ไข่แดงเหลวแบบยืด ๆ ใช้ 18 นาที ถ้าให้อร่อยสุดยอดใช้ 20 นาที โดยเวลานี้ไข่แดงจะเป็นยางมะตูม และตรงกลางไข่แดงจะเยิ้มนิด ๆ ส่วนไข่ขาวจะเป็นวุ้นหุ้มไข่แดง .แบบนี้อร่อยสุด ๆ แล้วก็ถึงเวลาแห่งการรอคอย ดูแล้วคุ้มค่าจริง ๆ น่าทานมาก ดูไข่แดงสิครับ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ใครห้ามใจได้บ้างครับ ไข่ขาวเป็นวุ้นเนื้อนุ่มนวลหุ้มไข่แดงไว้ ทำเองเห็นแล้วยังประทับใจมาก ปรุงรสด้วยพริกไทย โชยุ หอมซอย รสชาติอร่อยมาก ลักษณะไข่แดงจะเป็นยางมะตูม ตรงกลางจะเยิ้มนิด ๆ ไข่ขาวเป็นวุ้น นี่คือสุดยอดของไข่ออนเซ็น ไข่ออนเซ็นรสละมุน หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ ความสุข ความอร่อยที่ลงทุนเพียง 15 บาท (ไข่ไก่ 2 ฟอง ๆ ละ 4 บาท กาแฟสำเร็จรูป 5 บาท อื่น ๆ 2 บาท = 15 บาท) วิธีนี้ผมเพิ่งได้เทคนิคจากคุณพล เนื่องจากผมเป็นส่วนหนึ่งของพลพรรคนักปรุงครับ ส่วนวิธีอื่น ๆ ดูได้จากข้างล่างนี้นะครับ วิธีที่ 1 ไป สถานที่ที่มีน้ำพุร้อน เช่น  ญี่ปุ่น เชียงใหม่ (น้ำพุร้อนสันกำแพง) ลำปาง (น้ำพุร้อนเเจ้ซ้อน) ที่นั่นจะมีบริการขายไข่พร้อมกระเช้าสำหรับต้มไข่ออนเซ็น เคล็ดลับคือ ที่นั่นมีอุณหภูมิที่พอเหมาะสำหรับทำไข่ออนเซ็น วิธีที่ 2 1. ต้มน้ำ 4 ถ้วยตวงให้เดือด จากนั้นปิดไฟ ใส่ไข่ลงไป 2 ฟอง เบอร์ 1 2. ใช้แป้งมัน 1.5 ช้อนชา ละลายน้ำ 0.5 ถ้วยตวงใส่ลงไป ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นเอาขึ้นมาแช่น้ำ 3 นาที 3. เคาะเบา ๆ ยิ้มหวาน ๆ ก็จะได้ไข่ออนเซ็นแล้วจ้า หมายเหตุ :  วิธีนี้ได้ความรู้มาจากคุณเหลือง (นายเหลือง) ครับ วิธีที่ 3 1. ต้มน้ำให้เดือดที่ 70 องศาเซลเซียส (ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัด) โดยกะให้ปริมาณน้ำท่วมไข่ (อย่าเพิ่งใส่ไข่ลงไป) 2. เทน้ำลงไปในหม้อหุงข้าวที่มีไข่ 2 ฟอง เบอร์ 1 กดปุ่ม WARM ทิ้งไว้ 65-70 นาที 3. เอาขึ้นมาแช่น้ำ 3 นาที 4. เคาะเบา ๆ ยิ้มหวาน ๆ ก็จะได้ไข่ออนเซ็นแล้วจ้า หมายเหตุ : 1. ถ้าทำครั้งแรกไม่ได้อย่าท้อ ผมเองหมดไข่ไป 2 แผงถึงจะทำได้ 2. ไข่ไก่ยิ่งใหม่ยิ่งดี 3. ห้ามใช้ไข่ของตัวเองทำโดยเด็ดขาด หาก บ้านไหนเบื่อเมนู ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ตุ๋น และอีกสารพัดเมนูไข่แล้วล่ะก็ ลองทำ “ไข่ออนเซ็น” ทานดูได้นะจ๊ะ มั่นใจว่า คุณจะได้อร่อยกับเมนูไข่ในอีกสไตล์ชัวร์ ๆ //www.jaowka.com/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99/   Create Date : 03 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 3 มีนาคม 2556 21:15:26 น.     Counter : 2482 Pageviews.   Share Tweet

ไก่ผัดใบกะเพรา ส่วนผสม เนื้อไก่ไม่มีกระดูกหั่นเป็นชิ้น 1 1/2 ถ้วย ใบกะเพรา 1/4 ถ้วย พริกชี้ฟ้า 1 - 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมปอกเปลือก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 - 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. สับพริกชี้ฟ้ากับกระเทียมเข้าด้วยกัน 2. ตั้งน้ำมันในกระทะก้นกลม หรือกระทะสำหรับทอด ให้ร้อนจนเกือบควันขึ้น 3. ใส่พริกและกระเทียมสับลงไป ผัดจนกระเทียมเป็นสีน้ำตาลอ่อน 4. เติมเนื้อไก่และผัดไปเรื่อยๆจนไก่สุก 5. เติมน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอยและผัดต่ออีกสักครู่ เพื่อให้เครื่องปรุงรสเข้ากันดีกับเนื้อไก่ 6. เติมใบกะเพราแล้วคลุกแบบเร็วๆในกระทะ นำกระทะออกจากไฟแล้วตักเสิร์ฟทันที หมายเหตุ ใบกะเพราะมีชื่อภาษาอังกฤษชื่อหนึ่งว่า Holy basil leaves เพราะถือเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งในศาสนาฮินดู //www.horapa.com/   Create Date : 02 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 2 มีนาคม 2556 22:28:16 น.     Counter : 1779 Pageviews.   Share Tweet

เกาะขอบกระทะชิม ปูผัดผงกะหรี่ รสแซ่บ เด็ดไม่แพ้ภัตตาคาร เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณประสานไมตรี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใครที่ชอบทานอาหารทะเล (และชอบทำด้วย) มาฟังทางนี้เลยจ้า เพราะวันนี้ กระปุกดอทคอม นำเมนู "ปูผัดผงกะหรี่" อาหารทะเลจานเด็ดระดับภัตตาคารมาฝากพ่อครัวแม่ครัวทั้งหลายให้ไปลองทำทานกันดู ก็แหม...บางทีนึก ๆ เปรี้ยวปากอยากทาน "ปูผัดผงกะหรี่" ขึ้นมา แต่ถ้าให้ไปสั่งทานในร้านอาหารบ่อย ๆ กระเป๋าก็คงแฟบพอดี เพราะฉะนั้น ถ้าใครพอมีเวลาสักหน่อย มาลองทำเองดูน่าจะสบายกระเป๋ากว่าเยอะนะ             ว่าแต่...ให้ลองทำน่ะก็ทำได้อยู่หรอก แต่จะทำอย่างไรให้อร่อยล่ะ สงสัยต้องขอเคล็ดลับดี ๆ ที่ คุณประสานไมตรี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม รีวิวไว้ในห้องก้นครัวซะแล้ว นี่ขนาดเห็นแค่ภาพนะ กลิ่นหอม ๆ ของผงกะหรี่ก็ลอยมาเตะจมูกแล้ว ใครอดใจไม่ไหว ตามมาจดสูตรเด็ดกันได้เลยค่ะ 556677......"ปูผัดผงกะหรี่" ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงร้านดัง ขอโม้ เอ๊ย!!! ขอบอก โดย คุณประสานไมตรี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เมนูนี้เป็นเมนูโปรดผม และเชื่อว่าเป็นเมนูโปรดของหลาย ๆ คน ปัญหาคือ ทำยังไงให้อร่อยเหมือนร้านดัง ๆ ผมใช้เวลาแกะสูตรอยู่เกือบ 10 ปี (อย่างงครับว่าทำไมมันนาน สาเหตุเป็นเพราะปีนึงทดลองทำแค่ 2-3 ครั้ง) จริง ๆ แล้วปีแรกก็อร่อยใช้ได้แล้ว แต่มันยังไม่เหมือน พอปีที่ 2 ทำได้จนใกล้เคียง แต่ตอนย้ายบ้านทำสูตรหายแทบจะเป็นลม ต้องมาเริ่มใหม่ จนกระทั่งวันนี้มั่นใจแล้วว่าอร่อยไม่อายใคร ถ้าเอาใส่จานโดยบอกว่าซื้อมาจากร้านดังรับรองคงมีคนหลงเชื่อบ้าง วัตถุดิบ 1. ปูดำสด ๆ แน่น ๆ ถ้าไม่มีสามารถเลือกใช้เป็นปูม้า เนื้อปูก้อน เนื้อปูกรรเชียง รวมถึงกุ้ง หมึก ก็ได้ นอกเหนือจากนี้ไม่แนะนำครับ เมนูนี้ถ้าได้ปูสด ๆ ตัวใหญ่ ๆ เนื้อแน่น ๆ ถือว่ามีชัยไปกว่า 59% 2. ไข่ไก่ 3 ฟอง 3. หอมใหญ่หั่นเสี้ยว 1/2 ลูกกลาง 4. ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น 5. พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น 1 เม็ดใหญ่ 6. ขึ้นฉ่าย ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้ตามชอบ 7. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ สูตรน้ำปรุง 1. ผงกะหรี่ 2 ช้อนชา 2. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ 3. ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ 4. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 5. น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา 7. พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา 8. นมสดจืด 1/2 ถ้วย 9. น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ 10. น้ำมันพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ หมายเหตุ :              1. ให้ใช้ช้อนตวงมาตรฐานเท่านั้น แบบพลาสติกราคา 10 กว่าบาท อย่าใช้ช้อนทานข้าวเด็ดขาด             2. ท่านใดอยากได้ความอร่อยแบบสูงสุด สามารถหลังไมค์มาถามยี่ห้อเครื่องปรุงแต่ละชนิดได้ครับ ไม่สามารถระบุในรีวิวได้ด้วยจรรยาบรรณของนักปรุงอาหารอิสระ อิอิ             3. ท่านใดทำแล้วยังติดปัญหาว่าไม่อร่อยดังใจ หลังไมค์มาถามได้ เพราะพื้นฐานเบื้องต้นในการทำอาหารแต่ละท่านไม่เท่ากัน โดยเฉพาะผมห่วงเรื่องการใช้ขนาดและเวลาของไฟ             4. อย่าเพิ่มหรือลดปริมาณใด ๆ ทั้งสิ้น บางครั้งท่านอาจอยากให้อร่อยขึ้น แต่ในความเป็นจริงการเพิ่มหรือลดอะไรไป รสชาติจะเพี้ยนไปหมดเลยครับ วิธีทำ 1. ลวกปูให้สุกในน้ำมันเดือด 2. ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้ 3. เจียวกระเทียมให้หอม 4. เอาปูที่พักไว้ลงไปผัด 5. ตามด้วยหอมใหญ่ 6. ผัดจนหอมใหญ่สุกแล้วโยนต้นหอมลงไป 7. ผัดให้เข้ากัน 8. เทน้ำปรุงลงไปจนหยดสุดท้าย 9. คนให้เข้ากันเบา ๆ แล้วเทไข่ลงไป 10. คนทุกส่วนให้คลุกเคล้าเข้ากัน ให้เนื้อปูถูกเคลือบผิวไปด้วยน้ำปรุงสุดล้ำเลิศ 11. ใส่พริกชี้ฟ้าและน้ำมันพริกเผาลงไป 12. คลุกเคล้าให้เข้ากันเร็ว ๆ ปิดไฟ             ขั้นตอนนี้สำคัญนะครับ ต้องคุมไฟ คุมเวลาให้ดี ถ้าไฟแรงไปหรือเบาไป หรือใช้เวลานานไป แทนที่เราจะได้น้ำปูผัดผงกะหรี่แบบเป็นวุ้นอร่อย ๆ เราก็จะได้แบบแข็งกระด้างไปแทนซึ่งทำให้ความอร่อยลดลงไป 68 % 13. เรียบร้อยแล้วครับ "ปูผัดผงกะหรี่" เชิญชิมทุกท่านนะครับ   Create Date : 01 มีนาคม 2556     0 comment Last Update : 1 มีนาคม 2556 22:18:01 น.     Counter : 7154 Pageviews.   Share Tweet

บาบีคิวทะเลเดือด ส่วนผสม เห็ดออรินจิ หั่นชิ้นขนาด 2 ซม.  300  กรัม  กุ้งขาวแกะเปลือก  500  กรัม  ปลาหมึกกล้วยหั่นแว่นขนาดพอคำ  200  กรัม  ส่วนผสมน้ำซุป      มะเขือเทศสีดา  500  กรัม  ตะไคร้ซอย  1  ถ้วยตวง  ข่าหั่นเป็นแว่น  1/2  ถ้วยตวง  พริกขี้หนูแดง  20  เม็ด  ใบแมงลักสับละเอียด  1/2  ถ้วยตวง  ใบมะกรูดฉีก  5  ใบ  น้ำเปล่า  8  ถ้วยตวง  ซอสหอยนางรมตราแม็กกี้  8  ช้อนโต๊ะ  ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้  5  ช้อนโต๊ะ  วิธีทำ 1. นำมะเขือเทศสีดา ตะไคร้ซอย ข่าหั่นเป็นแว่น พริกขี้หนูแดงและน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด 2. เติมน้ำเปล่า 6 ถ้วยตวงลงหม้อต้ม พอเดือด นำส่วนผสมเครื่องที่ปั่นไว้ ใส่ลงไป ตามด้วยใบมะกรูดฉีก 3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรมตราแม็กกี้และซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ พอเดือดใส่ใบแมงลักลงไป นำบาบีคิวที่เสียบไม้จุ่มลงหม้อไฟพอเนื้อสุก พร้อมรับประทานขณะร้อน  www.goodfoodgoodlife.in.th   Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2556     0 comment Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2556 22:26:51 น.     Counter : 1900 Pageviews.   Share Tweet

แปลงโฉมเต้าฮวยน้ำขิง ให้กลายเป็นไอศกรีมเชอร์เบท เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ shiku สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม           ใครที่ชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำขิง หรือติดใจรสชาติของน้ำสมุนไพรชนิดนี้... เรามีเมนูของหวานสุดครีเอทจากคุณ shiku สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝากกัน ด้วยการแปลงโฉมให้ "เต้าฮวยน้ำขิง" กลายเป็นไอศกรีมที่หอมหวานชื่นใจ... เชื่อเลยว่าหากได้รับประทานเจ้าไอศกรีมรสชาตินี้ตอนอากาศร้อนอบอ้าว คงจะช่วยให้คลายร้อนไปได้เยอะเลยทีเดียว อิอิ           ถึงจะเป็นเมนูของหวานอย่างไอศกรีม แต่ไม่อ้วนนะขอบอก เพราะสูตรนี้เป็นไอศกรีมเชอร์เบท ไม่มีส่วนผสมของนม และไขมัน...ว่าแล้วเราก็ไปเตรียมของพร้อมลงมือทำกันเลยดีกว่าจ้าาาา... ส่วนผสม           น้ำตาลทรายแดง          80 กรัม           สารให้ความคงตัว (seg)   2 กรัม           น้ำตาลเด็กโตรส          40 กรัม           มอลโตเด็กซ์ตริน         40 กรัม           เกลือ                          1 กรัม           น้ำร้อน (ทุบขิง1ชิ้นลงไปต้มด้วย)      750 กรัม           ขิงผงสำเร็จรูป              2 ซอง           เต้าหู้นิ่ม                     1 ถ้วย  วิธีทำ           1. นำน้ำตาลทรายแดง, seg, เด็กโตรส, มอลโตเด็กซ์ตริน และเกลือ ใส่อ่างผสมใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน           2. เทน้ำร้อนลงไป คนให้เข้ากัน นำขึ้นไปตั้งไฟอ่อน ๆ ให้พอควันขึ้นก็ยกลง เพื่อให้สารคงตัวละลาย           3. นำเอาเต้าฮวยใส่โถปั่น ตามด้วยน้ำขิง           4. ปั่นด้วยความเร็วสูงสุด 1 นาที           5. จากนั้นกรองใส่ถุง แล้วนำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา 4 ชั่วโมง           6. เมื่อครบ 4 ชั่วโมงแล้ว ให้นำไปปั่นในเครื่องปั่นไอศกรีม           7. ใช้ระยะเวลาปั่นประมาณ 30 นาที           8. เสร็จแล้วเราก็นำส่วนผสมทั้งหมด ตักใส่ภาชนะสเตนเลส เข้าช่องฟรีซ แช่จนแข็งก็นำมาตกแต่งตามชอบ และรับประทานได้เลยจ้า..   Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2556     0 comment Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2556 22:57:12 น.     Counter : 1796 Pageviews.   Share Tweet