bloggang.com mainmenu search
คิดถึงเรื่องนี้ที่ไรอดขำดังๆไม่ได้…. อาจจะเป็นเรท 18+ ไปบ้าง ผู้ปกครองควรให้วิจารณญาณในการรับฟังด้วยนะครับ

ประมาณปีสุดท้ายที่ผมได้ไปเรียนปริญญาโทกฎหมายที่เมืองเมลเบิร์น ผมได้ไปทำงานที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเพื่อนอีกทีเป็นคนแนะนำให้ไปทำ ตอนแรกๆไม่อยากไปทำครับ เพราะว่าเรียนเป็นเทอมสุดท้าย อยากจะใช้ชีวิตสบายๆ ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง แต่เพื่อนของเพื่อนคนนั้นขอร้องให้ไปช่วยเค้าหน่อย เจ้าของร้านเค้ากำลังขาดคน ผมก็เลยคิดว่าเอาก็เอาวะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ยังได้เงินใช้อาทิตย์ละ 200 เหรียญ

พอได้เข้าไปทำงานที่ร้านนี้ถึงได้รู้จากเด็กในร้านว่า ที่ร้านขาดคนเยอะก็เพราะว่า สามี – ภรรยาที่เป็นเจ้าของร้านเค้าทะเลาะกัน ทะเลาะกันถึงขั้นที่ฝ่ายหญิงหนีกลับเมืองไทยไปเลย เด็กในร้านที่อยู่ข้างฝ่ายหญิงก็พาลลาออกกันไปหมด ผมไม่ได้ถามลึกๆว่าเค้าทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะไม่อยากเผือกเรื่องปั๋วๆ เมียๆ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานรับตังไปวันๆหนึ่ง

หน้าที่ของผมในร้านนี้คือ Kitchen hand ครับ แล้วก็ประจำอยู่ที่ station ทำ Entrée เช่นทอดปดเปี๊ยะ อุ่นทอดมัน ทอดเกี๊ยว ปิ้งสะเต๊ะ ทำยำ ตักข้าว ทำๆไปซักเดือนนึงพี่เค้าก็ให้ไปฝึกผัด จริงๆผมก็เคยเป็น Cook มาแล้วครับ แต่ที่ต้องฝึกใหม่เพราะสูตรของร้านใหม่ก็ต่างจากที่ร้านเก่า

ตอนนั้นผมมาเช่าบ้านอยู่คนเดียวแถวๆ Murrumbeena ร้านอาหารที่ไปทำอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ Hampton อยู่สาย Sandringham ก็ค่อนข้างห่างจากบ้านเหมือนกันครับ ถ้านั่งรถไฟกลับบ้านต้องมาเปลี่ยนสายรถไฟที่ Flinder Street Station แล้วนั่งสาย Pekenham หรือ Cranbourne มาลงที่สถานี Murrumbeena มันเลยดูยุ่งยากลำบาก หลังๆนี่พี่เจ้าของร้านรู้เข้าว่ากลับบ้านลำบากก็เลยอาสามาส่งที่บ้านให้ ทั้งๆที่บ้านผมเลยบ้านพี่เค้ามาตั้งเยอะ แต่ว่าที่เมืองนอกรถมันไม่ติดไงครับ ถ้าขับรถจากร้านนี่ 15 นาทีก็ถึงบ้านผมแล้วครับ ก็ดีครับจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น จากที่ต้องกลับหลังเที่ยงคืนก็เป็นห้าทุ่มนิดๆก็ถึงบ้นแล้ว

พอพี่เค้ามาส่งที่บ้านหลายๆครั้งก็เริ่มสนิทกัน พี่เค้าเล่าเรื่องหลายเรื่องเกี่ยวกับอดีตภรรยาเค้าให้ฟัง ผมก็รับฟังไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้มีคอมเม้นท์อะไร ต่อมามันเริ่มแปลกๆ เพราะพี่เค้าเริ่มชวนไปไหนต่อไหนด้วยตอนกลางวัน เช่นไปซื้อของเข้าร้าน ไปกินข้าว ไปเดินเล่น ไอ้ผมน่ะไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าพี่เค้าคงเหงาแหละ แล้วดูเหมือนว่าผมจะเป็นเด็กในร้านที่ว่างที่สุดแล้ว เพราะว่าเหลือเรียนวิชาเดียว อาทิตย์นึงมีเรียนวันเดียวเองก็ออกไปกับพี่เค้าบ้างถ้าไม่ติดธุระอะไร ต่อๆมาเริ่มมาแปลกขึ้นๆ ครับ ชวนไปกินเหล้าบ้าง ไปขับรถเล่นตอนกลางคืนบ้าง เล่นเอาเหวอไปเหมือนกันครับ คนทำงานมาเหนื่อยๆก็อยากนอนนะคราบบ ไม่มีอารมณ์ไปนั่งรถเล่นหรอก ฮ่ะๆๆ แต่เรื่องนี้ผมได้คุยกับเพื่อนรุ่นน้อง 2-3 คนตลอด ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันขำๆว่า “พี่มีแววได้เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นว่ะ” ฮ่าๆๆๆ

เรื่องมาจบลงตรงที่ จู่ๆ อีนังชะนีศรีภรรยาของพี่เค้ากลับมาขอคืนดีกัน แล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน ที่ร้ายที่สุดคือ .... มานจัดการโยกย้ายตำแหน่งของเด็กในร้านเสร็จสรรพ โดยให้เด็กที่เป็นพวกตัวเองได้ตำแหน่งดีๆ ไปทั้งหมด ส่วนเด็กที่รับมาในระหว่างตัวเองกลับเมืองไทยให้ไปทำตำแหน่งที่ได้เงินน้อยกว่าเก่า

อย่างผมจากที่เป็น Kitchen Hand มานก็ย้ายให้ไปเป็น เด็กล้างจาน โห...... เลว..... มากกกกกก .... ตอนที่พี่ผู้ชายโทรมาบอกก่อนออกไปทำงานผมโกรธควันออกหู ...... บอกพี่เค้าไปทันทีว่า “ ถ้าไม่ได้เป็น Kitchen Hand เหมือนเดิม ผมก็ไม่ไปทำงาน” เล่นเอาพี่ผู้ชายสะอึกไปเลย ....

เรื่องนี้มีหรือที่จะไม่รู้ถึงเหล่าเพื่อนรุ่นน้องของผม .... ทุกคนต่างหัวเราะกันงอหาย ..... พอหายจากอาหารขำกันสุดริดก็หันมาปลอบผมว่า

“ทำใจเหอะพี่ .... เค้ามันนอนคุยกัน ... ไม่ได้นั่งคุยกันเหมือนเรา ..... เค้าถึงคุยกันรู้เรื่องมากกว่า” กร๊ากกกกกกกกกกก

ผมขำซะจนหายโศกที่ตกงาน.... แต่ก็แอบที่จะตอบกลับไปไม่ได้ว่า

“เออ ..... ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างงี้ไปนอนคุยกะพี่เค้าตั้งนานแร๊วววว ...... ชั้นมั่นใจว่า ถ้าชั้นได้นอนคุยกะพี่เค้า ... คงได้คุยกันทั้งคืนแน่ ๆ” กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



เมนูวันนี้คิดขึ้นมาใหม่เพราะไปได้ radish ลูกกำลังสวยของโครงการหลวงมาสดๆร้อนๆ เลยเอามาต้มกับกระดูกหมู หัวไชเท้า กับ แครอท ได้สีสวยงามน่าทานมากๆครับ



ต้มจืดสามสี







ส่วนประกอบ



กระดูกหมูอ่อน ล้างน้ำให้สะอาด สับเป็นท่อนๆ
หัวแรดิช ตัดขั้วเขียวๆออก แล้วผ่าครึ่ง หรือผ่า 4 ส่วน ตามขนาด กะว่าให้พอดีๆคำครับ
แครอทหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
หัวไชเท้า ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
กระเทียมทั้งหัว ตัดด้านบนออกซะหน่อย
พริกไทยเม็ด
รากผักชีทุบเบาๆ


เครื่องปรุง


ซอสปรุงรส



วิธีทำ



เอากระดูกหมูอ่อนใส่หม้อ ตามด้วย กระเทียม รากผักชี พริกไทยเม็ด แล้วตั้งไฟอ่อนที่สุด

ถ้าใครไม่มั่นใจว่าจะได้น้ำซุปที่ใสๆ ก็ให้เอากระดูกหมูไปต้มในน้ำเดือดๆซะทีนึงก่อน เพื่อนให้สิ่งสกปรกทั้งหลายออกไปให้หมด แล้วเอากระดูกหมูไปล้างน้ำเย็น แล้วค่อยเอามาต้มตามวิธีก็ได้ครับ วิธีนี้จะได้น้ำซุปที่ใสน่าทานเหมือนกันครับ วิธีนี้ผมเอามาจากตำราฝรั่งครับ เค้าให้ต้มทุกอย่างในน้ำอุณหภุมิห้องด้วยไฟอ่อนที่สุดครับ พักเดียวจะมีฟองลอยขึ้นมามากมาย ไม่ต้องรีบช้อนครับ ปล่อยไว้สักพักให้ฟองมันเริ่มงวดจะตักง่ายกว่าครับ ช้อนฟองออกให้หมดครับ

แต่ถ้าเอากระดูกหมูไปลวกก่อน แล้วค่อยเอามาต้มฟองจะน้อยมากๆครับ แทบจะไม่ต้องช้อนทิ้งเลยครับ



Photobucket

Photobucket

Photobucket


พอช้อนฟองออกหมดแล้ว ถึงตอนนี้น้ำซุปจะยังไม่ใสมากครับ ต้องต้มต่ออีกครับ แต่เห็นเค้ารางว่าเดี๋ยวจะใส อิอิอิ


Photobucket

Photobucket


ใส่หัวไชเท้า แครอท หัวแรดิช ต้มไฟอ่อนจนกว่ากระดูกหมูจะเปื่อยนิ่ม และผักทุกอย่างจะสุกดี ลองเอาทัพพีตัดดูก็ได้ครับ มันจะตัดได้ง่ายครับ

อ้อ.... อย่าต้มให้สุกนิ่มจนเกินไปครับ ต้มให้สุก ผักเริ่มจะนิ่มก็พอครับ พอปิดไฟแล้วยังจะมีความร้อนอยูมากๆ ผักจะเปื่อยได้อีกพักใหญ่ๆเลยครับ


Photobucket

Photobucket

Photobucket


ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส รอให้เดือดดีๆอีกพักนึงก็เสร็จแร๊วครับ


Photobucket

Photobucket


ตักใส่ถ้วย ยกไปเสิร์ฟ พร้อมกับข้าวสวยชามโตๆ


Photobucket

Photobucket



งานนี้วิดน้ำกันแห้งชามแน่ๆครับ

ผมชอบเอาน้ำมาราดบนข้าวให้ชุ่มๆ คล้ายๆกับทำเป็นข้าวต้ม แล้วตักกระดูกหมูเปล่าๆใส่ถ้วยมาแทะ แทะกระดูกหมูไป กินข้าวราดน้ำซุปชุ่มๆไปด้วย ส่วนผักเอาไว้กินทีหลังครับ อย่างนี้กินข้าวได้เยอะทีเดียวคราบ


Photobucket

Photobucket



หัวแรดิชพอต้มสุกแล้วก็จะไม่มีรสเหมือนหัวไชเท้าครับ สีก็จะซีดลงมานิดหน่อย น่ากินดครับ


Photobucket

Photobucket




ครัวทนายอ้วน ............... Home ......... for food lovers.



Create Date :24 พฤษภาคม 2555 Last Update :24 พฤษภาคม 2555 7:14:55 น. Counter : Pageviews. Comments :12