bloggang.com mainmenu search









เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการกินอยู่...คือ โพสต์โดยคุณ LadyBimbettes สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

     อาหารดี อาหารอร่อย มีอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้น ว่าน ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง ผู้ทำหน้าที่พิธีกร จะพาทุกท่านไปเรียนรู้วิถีชีวิต แนวคิด และการกิน ในรายการ กินอยู่...คือ (19 สิงหาคม) โดยครั้งนี้เป็นการเยือนนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งนครโฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต และวิถีการกินของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเรื่องวิถีการกิน ที่ชาวเวียดนามให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก จนมีการเปรียบเปรยว่า ตามอง ปากเคี้ยว หูฟัง ซึ่งทางรายการก็จะพาไปดูวิถีการกินของชาวเวียดนาม ว่าเป็นอย่างไร

    โดยในตอนต้นของรายการ ว่าน ภูวฤทธิ์ ได้พาไปที่เมืองเปียงยาง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวขนาดใหญ่ของเวียดนาม และมีความอุดมสมบูรณ์สูง เพราะตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขง จึงทำให้พื้นดินบริเวณนี้ อุดมด้วยแร่ธาตุที่พัดมากับสายน้ำ โดยพบว่าแรงงานชาวเวียดนามกว่า 70 % ยังประกอบอาชีพเกษตรกรรม และได้ใช้วิถีชีวิตแบบดังเดิมคือ การใช้แรงงานคน และแรงงานสัตว์ ในการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวผลผลิต 





        จากนั้น ว่าน ภูวฤทธิ์ ได้พาไปที่เมืองเกิ่นเธอ บริเวณดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง หรือ แม่โขงเดลต้า ซึ่งชาวเวียดนาม เรียกว่า เกาลอง หมายถึง เก้ามังกร ที่เกิดจากแม่น้ำโขงได้แยกออกเป็นเก้าสาย ซึ่งที่นี่มีความอุมสมบูรณ์ และได้กลายเป็นแหล่งปลูกพืช ผัก ผลไม้ ข้าว ที่ใหญ่ และดีที่สุดของเวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นตลาดกลางน้ำที่มีเรือโบราณต่าง ๆ มากกว่าร้อยลำ ที่มีพ่อค้าจากทั่วประเทศแล่นเรือมาเพื่อค้าขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้ากันตั้งแต่เช้ามืด



ต่อมา Nguyen Bich Ngoc หรือ ป้างา ซึ่งเป็นชาวเวียดนามใต้ ได้มาทำหน้าที่เป็นไกด์พา ว่าน ภูวฤทธิ์ ไปรู้จักกับวิถีการกินของชาวเวียดนามตลอดทั้งวัน โดยในมื้อเช้านั้น ป้างา บอกว่า ชาวเวียดนามนิยมรับประทานมือเช้าแบบเบา ๆ โดยเมนูที่แนะนำคือ ขนมจีนปูนา หรือที่เรียกเป็นภาษาเวียดนามว่า บุ๋นเจียวกัว ซึ่งเมนูนี้มีส่วนผสม คือ ปูนา หอย เต้าหู้ เลือด ส่วนวิธีรับประทานคือ นำกะปิใส่ลงไปในขนมจีน แล้วเติมมะนาว เพื่อให้รสชาติดีขึ้น และมีกลิ่นหอมขึ้น







        ถัดจากนั้น ก็เป็นขนมจีนปลาร้า หรือที่เรียกเป็นภาษาเวียดนามว่า บุ๋นมั๋ม โดยเมนูนี้ใช้น้ำปลาร้าเป็นน้ำซุป ส่วนผสม  จะมีกุ้ง ปลาหมึก และผักต่าง ๆ เวลารับประทาน จะมีน้ำจิ้มให้ 2 ชนิด คือ น้ำจิ้มกุ้ง น้ำจิ้มปลาหมึก โดยรสชาติของขนมจีนจะออกหวาน เปรี้ยว แต่มีกลิ่นปลาร้าหอมฉุยเลยทีเดียว ต่อจากเมนูขนมจีนก็ตบท้ายมือเช้าด้วย แหนมเนือง กับกุ้งพันอ้อย ซึ่งชาวเวียดนิยมนิยมรับประทานกันในช่วงเช้า และช่วงเที่ยง ส่วนรสชาติของน้ำจิ้มนั้น อาจแตกต่างจากรสชาติน้ำจิ้มในเมืองไทยเล็กน้อย

ต่อมา ป้างาได้พาไปชิมอาหารมื้อเที่ยง ซึ่งมื้อนี้จะเป็นมื้อหนัก เนื่องจากเมื่อรับประทานเสร็จแล้ว จะต้องไปทำงานต่อ ดังนั้นคนเวียดนามจึงนิยมรับประทานข้าวร้อน ๆ โดยมีกับข้าวหลากหลายชนิด ซึ่งเมนูที่ป้างาแนะนำ ได้แก่ ก๋าลกคอโตะ หรือปลาช่อนต้มเค็ม, ถิบเทียน หรือหมูทอด ซึ่งรสชาติจะออกหวานเล็กน้อย, ถิบคอเต่า เป็นหมูต้มกับไข่ แต่รสชาติจะต่างจากหมูพะโล้, เต่าหูโยวถิบ หรือเต้าหู้ทรงเครื่อง และแก่งโหววาโหยวถิบ หรือต้มจืดมะระยัดไส้ ซึ่งในมือนี้อาหารส่วนใหญ่จะหนักเค็ม ดังนั้นจึงมีผักมากับแกล้ม เพื่อตัดรสเค็ม








        และปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วย เฝอ ซึ่งป้างาเล่าว่า ในอดีต เฝอ เป็นอาหารที่รับประทานแค่ทางภาคเหนือของเวียดนาม แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ก็มีการแผยแพร่เมนูเฝอมายังภาคใต้จนเป็นที่นิยมไปทั้งเวียดนาม ซึ่งเฝอได้รับอิทธิพลมาจากอาหารจีนที่เน้นรสชาติของน้ำซุบ ที่เกิดจากการเคี่ยวเป็นเวลานาน และเฝอ ก็ถือเป็นอาหารหลัก ที่ชาวเวียดนามนิยมรับประทานกันตลอดทั้งวันด้วย

        จากนั้น ป้างาก็พาไปรับประทานของว่างบ้าง โดยเมนูนี้มีชื่อว่า บั๋นหมี่ หรือขนมปังฝรั่งเศสไส้หมู ซึ่งเป็นอาหารว่างที่ได้รับอทธิพลจากฝรั่งเศส หลังเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาเกือบหนึ่งร้อยปี ซึ่งอาหารชนิดนี้จะมีขายอยู่ตามสองข้างทาง โดยมีส่วนประกอบเป็นไส้ต่าง ๆ อาทิ ตับ เนย หมูยอ หมูแดง ไก่ฝอย หมูกรอบ แครอท ผักชี แตงกวา ซึ่งเวลารับประะทาน สามารถใส่พริก หรือซีอิ๊ว เพื่อเพิ่มรสชาติได้







และในที่สุด ก็มาถึงมื้อสุดท้ายของวัน นั่นก็คือมื้อค่ำ ซึ่งมื้อนี้เป็นมื้อที่ป้างาตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นอาหารทางใต้แท้ ๆ และมีส่วนประกอบหลักเป็นหอยนานาชนิดนั่นเอง สาเหตุที่หอยเป็นอาหารหลักของทางภาคใต้ เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่สมบูรณ์ และตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทปากแม่น้ำ ทำให้มีสัตว์น้ำ โดยเฉพาะหอยเยอะเป็นพิเศษ ทั้งหอยน้ำจืด และหอยน้ำเค็ม นอกจากนี้ ชาวใต้ยังมีความเชื่อว่า การกินหอยจะช่วยทำให้เส้นเอ็นต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรงขึ้น ซึ่งเมนูแนะนำ ได้แก่ หอยแรงผัดน้ำกะทิ, หอยม้าผัดเนย, หอยมันผัดน้ำมะขาม นอกจากนี้ยังมีหอยปิ้ง จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด ที่นำมารับประทานคู่กับผักด้วย




        เรียกได้ว่าการเดินทางไปนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามในครั้งนี้ มีเมนูที่น่าสนใจมากระตุ้นต่อมน้ำลายให้อยากลองลิ้มชิมรสกันมากมาย ซึ่งเมนูอันหลากหลายนี้ เกิดจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการกินของชาวอาเซียน รวมถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของแต่ละภาคภายในประเทศเวียดนามเอง ดังนั้น หากมีโอกาสได้ไปเยือนประเทศเวียดนาม อย่าลืมแวะเวียนไปลองลิ้มชิมรสเมนูเหล่านี้กันดูนะคะ




Create Date :22 สิงหาคม 2555 Last Update :22 สิงหาคม 2555 13:52:28 น. Counter : 3599 Pageviews. Comments :0