จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 13)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 13

ย้อนอดีตนักเรียนนายร้อย

ตอนนั้นท่านยังไปนั่งทำงานที่ตึกกรมตำรวจ ซึ่งเพิ่งจะสร้างขึ้นได้ไม่กี่เดือน ยังไม่มีรูปปั้นตำรวจที่หน้าตึก และตัวตึกยังดูไม่สง่าสวยงามอย่างเดี๋ยวนี้ ห้องทำงานของท่านก็เป็นห้องไม่กว้างนัก ไม่มีคณะเจ้าหน้าที่หน้าห้อง นอกจากนายตำรวจติดตามคนเดียวที่นั่งหน้าห้อง และมีตำรวจประจำรถอีกคนเดียวเป็นตำรวจชั้นจ่า

ตกเที่ยงก็ออกจากที่นั่น ไปหาอาหารกลางวัน เร่ร่อนไปแล้วแต่จะสั่ง แถว ๆ ราชวงศ์เป็นที่โปรดปรานมาก ก็ไม่รู้ไปติดใจอาหารอะไร กินอะไรผมก็กินด้วย ผมเป็นคนกินง่ายอยู่แล้วตามวิสัยของนักเรียนทหารจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ที่นั่นไม่มีการเลือกอาหาร เขาเอาอะไรมากิน ก็ต้องก้มหน้ากิน ๆ เข้าไปแต่ละมื้อ ถึงแม้ว่าในระยะหลัง ๆ ทางโรงเรียนให้นักเรียนแต่ละกองร้อยเลือกอาหารได้โดยให้แต่ละกองร้อยผลัดเปลี่ยนกันแต่ละอาทิตย์ เขียนรายการอาหารส่งขึ้นไปก็ตาม แต่ว่าอาหารที่ได้กินนั้นก็ไม่ใช่อาหารที่เลือกขึ้นไป ก็ไม่รู้ว่าให้เขียนเลือกไปทำไม

ก็จะให้เขาทำตามสั่งได้ยังไง เพราะบางคนมันเลือกจะกินหูฉลามยังงี้ เป็ดย่างยังงี้ ไก่ตอนยังงี้ จะไม่ให้เขาหมั่นไส้ยังไง ไอ้คนเลือกก็คงตั้งใจยวนเขาเล่น ก็เลยต้องกินไอ้ที่เขาจัดส่ง ๆ มาให้ ไม่กินก็ไม่รู้จะทำยังไง ขืนทำเก่งก็อดตาย จะออกไปหากินข้าวข้างนอกก็โดน แล้วมันออกได้ง่าย ๆ ที่ไหน

อาหารที่ตั้งโต๊ะยาวที่นักเรียนมานั่งกินกันสามมื้อนั้น ตอนเช้าก็จะมีข้าวเป็นกะละมัง แล้วก็ผัดผักมีหมูสองสามชิ้นพอเป็นเครื่องประดับ มีแกงจืดที่มีแต่น้ำแกงมากกว่าเนื้อและผัก ของหวานนั้นไม่ต้องพูดถึง ใช้น้ำเปล่าล้างปากเอา

แต่ที่นี่เขามีอาหารก่อนนอน เรียกว่าอาหารมื้อสี่ หลังจากเข้าห้องฝึกฝนตอนค่ำแล้ว สองทุ่มก็จะเดินแถวเข้าโรงเลี้ยง มีอาหารมื้อสี่ให้กินก่อนขึ้นสวดมนต์นอน อาหารมื้อนี้ก็จะเป็นของหวาน และที่ตั้งเป็นประจำคือ ลูกแปะก๊วยต้มน้ำตาล จะเลือกอะไรก็ได้ไอ้แปะก๊วยนี่ทุกวัน มีหลายวันที่พวกนักเรียนเอาไอ้แปะก๊วยหรืออาหารจำเจนั้นไปโยนลงบ่อน้ำให้ปลากิน

เรื่องกินอาหารของนักเรียนนี้ก็มีเรื่องขำขันประจำแต่ละปี ที่มีนักเรียนรุ่นใหม่เข้ามาตอนต้นปี พอถึงเวลาอาหาร นักเรียนก็จะเข้าแถวเป็นระเบียบมาที่โรงเลี้ยง เขาเรียกโรงอาหารว่าโรงเลี้ยง มีโต๊ะยาวเรียงรายกันเป็นแถวในห้อง ที่นั่งเป็นม้ายาวสองข้างโต๊ะ นั่งกันเป็นกองร้อย กองร้อยละแถว พวกที่เข้าใหม่ก็จะได้โต๊ะริมประตูทางเข้า พอนักเรียนนั่งโต๊ะเรียบร้อย ก็จะต้องนั่งกอดอกตัวตรง ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดที่ควบคุมนักเรียนแต่ละหมวด ก็จะเข้าไปรายงานจำนวนนักเรียนแต่ละหมวดให้นายร้อยเวรที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงกลาง อยู่ตรงทางเข้า เมื่อทุกหมวดรายงานจำนวนนักเรียนครบทุกหมวดแล้ว นายทหารเวรก็จะอนุญาตให้ผู้ช่วยผู้บังคับหมวดอาวุโส ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดนักเรียนรุ่นใหญ่ คือปีสุดท้ายที่จะออกรับราชการ ตะโกนเสียงดัง ๆ ว่า

“ กินได้ ”

สิ้นเสียงสั่งนี้ในทันที ความเงียบที่ครอบคลุมอยู่เมื่อครู่ ก็จะสลายไปด้วยเสียงกระทบกันของจานและช้อนดังเกรียวกราวกลบรูหู นั่นเป็นเสียงของนักเรียนต่างแย่งกันตักข้าวใส่จาน ตักกับข้าวสุมลงจานของตัวเอง ดังสนั่นไปทั่วห้อง

นักเรียนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ ยังไม่ถนัดนักกับการกิน ยังละเมียดละไมกับการตักข้าว ตักอาหารอย่างมีมารยาท พอตักข้าวใส่จานพอกิน ตักกับใส่ลงไป ยกขึ้นใส่ปากยังไม่กี่คำ ก็จะได้ยินเสียงลั่นโรงเลี้ยง

“ ไปได้ ”

พวกนักเรียนเก่าก็จะลุกกันพึ่บพั่บ ออกจากโรงเลี้ยงไป พวกรุ่นใหม่ก็จะถือช้อนค้าง ยังกินได้ไม่ทันกี่ช้อน เป็นยังงี้ทุกรุ่น กินกันไม่ทันเขา พวกเก่านั้นเขากินกันประเดี๋ยวเดียวไม่กี่นาทีก็อิ่มแล้ว แอบไปรายงานนายทหารเวรเมื่อไหร่ไม่รู้ นายทหารเวรก็สั่งไปได้เสียแล้ว

ในโรงเลี้ยงก็จะเหลือแต่พวกนักเรียนรุ่นใหม่นั่งเลิ่กลั่กเรียงอยู่ตามโต๊ะของพวกตน ช้อนซ้อมยังคาอยู่ในมือ ไม่รู้จะทำยังไง เพิ่งจะตักข้าวเข้าปากได้สองสามช้อน พวกพนักงานโรงเลี้ยงก็จะออกมาเก็บจานชาม จะนั่งอยู่อีกก็ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นเดินออกไปจากโรงเลี้ยงอย่างอ่อนใจ

ยังดีที่โรงเรียนมีสโมสรนายทหารตั้งอยู่ทางออกทางด้านหลัง ก็พอได้อาศัยไปหาซื้ออะไรกินต่อได้ที่นั่น อาหารมื้อแรกของนักเรียนรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ทุกรุ่น พออยู่ต่อ ๆ มาก็เคยกับวิธีกินอย่างเร่งรัดของรุ่นเก่า ๆ แล้วก็ประพฤติวิธีกินอบ่างรวดเร็วได้เหมือนรุ่นพี่

พออยู่ครบปี รุ่นใหม่เข้ามาก็คอยดูพวกรุ่นใหม่กว่า ตอนกินข้าวมื้อแรก พอบอก “ ไปได้ ” พวกนั้นก็นั่งเลิ่กลั่ก ถือช้อนค้างเหมือนกัน

การตักข้าวเขาก็ไม่ได้ใช้ทัพพีที่มีไว้ให้นั้นตัก เขาใช้จานนี่แหละ ทิ่มลงไปในอ่างข้าวตักเอาเลยทีเดียวไม่ต้องเสียเวลา แล้วทุกคนก็ทำแบบเดียวกันเมื่อมีความชำนาญแล้ว กับข้าวที่วางไว้ให้เป็นวงละแปดคน ที่นั่งตรงข้ามกันแถวละสี่ ก็ต้องใช้วิธีโกยเข้าไว้ในจานของใครของมันก่อน มามัวใช้ช้อนตักใส่จานทีละคำไม่ทันกิน เดี๋ยวกับก็หมด วิธีกินอาหารของพวกเรานี้เป็นต้นฉบับที่ไม่ต้องมีใครสอน มันเป็นไปเองตามรุ่นพี่เขาทำให้ดูเป็นแบบฉบับไล่มาแต่ละรุ่น

ฉะนั้น เรื่องการกินของพวกที่ก้าวออกมาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกนั้น เป็นการกินที่ง่าย ไม่เลือกอาหาร มีอะไรก็กินไอ้นั่น ไอ้คนที่กินได้เป็นกินไม่เลือก อิ่มท้องแล้วเป็นอันใช้ได้

เรื่องการกินของท่านผู้ช่วย ฯ เผ่า ก็เป็นอย่างนั้น หิวเมื่อไหร่ก็เข้าร้านอาหารใกล้ ๆ เขามีอะไรขายก็กินได้ แต่ที่ชอบราชวงศ์มากก็เพราะ ที่นั่นสั่งอาหารได้เร็ว ไม่ต้องรอช้า สั่งปุ๊ปเดียวก็ยกมาปั๊ป ทันอกทันใจดี ไปนั่งจนเจ้าของร้านรู้จัก เจ้าของร้านสองสามร้านที่นั่น กินกันจนรู้จักมา จนถึงร้านหนึ่งตั้งชื่อก๋วยเตี๋ยวที่มีรายการปรุงพิสดารที่เราเอาไปแนะนำไว้ว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวอัศวิน’

ก๋วยเตี๋ยวที่มีการปรุงโดยเราคิดเอาเองนี้ มันไม่เหมือนที่ร้านเขาทำปกติของเขา ถ้าสั่งก๋วยเตี๋ยวหมู ก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหรือเส้นใหญ่ใส่เนื้อหมูมีเครื่องปรุงตามปกติถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นก็จะมีแต่ลูกชิ้น แต่ของเราก๋วยเตี๋ยวที่สั่งจะต้องใส่ทั้งเนื้อวัว ลูกชิ้น รวมทั้งอะไรต่ออะไรทุกอย่างที่เป็นพวกเนื้อสัตว์ก็มี ใส่รวมลงไปทุกชนิด

ก๋วยเตี๋ยวแบบนี้จึงได้ชื่อว่า “ ก๋วยเตี๋ยวอัศวิน ” เพราะคนที่เห็นเรากินอย่างเอร็ดอร่อยก็อยากกินมั่ง จะสั่งก็สั่งไม่ถูก เลยตั้งชื่อ “ ก๋วยเตี๋ยวอัศวิน ” เสียเลย สั่งชื่อนี้ก็รู้กัน คนทำก็ทำถูก

เขาว่ากันว่า ก๋วยเตี๋ยวชื่อนี้กินอร่อย มีหลายประเภทเนื้อสัตว์ กินทีเดียวได้หลายรส ชื่อนี้ก็ยังดังมาจนถึงบัดนี้ เขาตั้งชื่อก๋วยเตี๋ยวอัศวินนี้หลังจากที่คำว่า “ อัศวิน ” ดังขึ้นมา

คำนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันมีที่มาอย่างไร อยู่ ๆ เจ้านายท่านก็ตั้งของท่านขึ้นมาเอง พร้อมทั้งมีแหวนตราแผ่นดินซึ่งกรมตำรวจนำเอามาใช้เป็นตราหน้าหมวกมาเป็นหัวแหวน และผมก็ไม่ทราบอีกว่า ทำไมตราแผ่นดินจึงมาอยู่ที่หน้าหมวกตำรวจได้ มาแทนที่ตรา “ พิทักษ์สันติราษฎร์ ” ที่หน้าหมวกตำรวจได้อย่างไร

เรื่องอัศวินนี้ จะค่อย ๆ เขียนให้อ่านกันต่อไป โปรดใจเย็น ๆ

เขียนถึงเรื่องเข้าเวรติดตามอยู่ดี ๆ ทำไมถึงเข้ามาหาเรื่องนี้ได้ก็ไม่รู้

นายตำรวจติดตามของท่านผู้ช่วย ฯ เผ่า นั้น ภายหลังท่านเรียกตัวนายตำรวจรุ่นที่เป็นรุ่นเดียวกับน้องชายคุณหญิงของท่าน มาช่วยผลัดเปลี่ยนผมอีกสองคน คือร้อยตำรวจเอกอรรณพ พุกประยูร กับ ร้อยตำรวจเอกวิชิต รัตนภานุ

ผมก็ได้มีวันพักผ่อนงวดละสองวัน วันพักผ่อนก็ไปนั่งที่สันติบาล ให้ท่านผู้กำกับ ฯ ประจวบ ฯ เห็นหน้าบ้าง แม้จะไม่มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว ท่านผู้กำกับ ฯ ท่านก็ไม่รู้จะใช้ผมเรื่องอะไร เพราะถ้าจะใช้ก็ไม่รู้ว่าผมจะทำได้หรือเปล่า เดี๋ยวก็ต้องไปเข้าเวรวันเว้นสองวันอย่างนี้ หน้าที่ที่แท้จริงของผมก็เลยไม่ต้องมี




 

Create Date : 28 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 28 มกราคม 2553 2:34:55 น.
Counter : 1176 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.