เงื่อนไขการปฎิวัติ (ตอนที่ 14)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 14
บทที่ ๖ เงื่อนไขผิดจังหวะ
ข้อเขียนของผมในตอนที่ ๕ จบลงด้วยคำทิ้งท้ายถึงท่านผู้หนึ่งซึ่งเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในคณะรัฐประหารเมื่อ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ผู้มีชื่อว่า พันเอก เผ่า ศรียานนท์ นายทหารนอกราชการ เคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมเชื้อเพลิง และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ท่านผู้นี้ถูกปรามาสจากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น ข้อเขียนของผมตอนที่แล้วเขียนผิดพลาดไปว่า ท่านผู้นี้โดนปรามาสจากท่านนายก ฯ ควง ขอให้เข้าใจเสียใหม่ครับ ท่านได้รับคำปรามาสจากท่านรัฐมนตรีมหาดไทย ไม่ใช่จากท่านนายก ฯ ควง
ท่านรัฐมนตรีมหาดไทยสมัยนั้นคือ คุณหลวงสินาดโยธารักษ์ เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่นอกราชการ ยศอะไรผมจำไม่ได้ ที่นายก ฯ ควง เชิญมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจเป็นชั้นพลโทหรือพลตรี จะเป็นยศชั้นอะไรก็คงไม่สำคัญ ท่านก็ได้ตอกหน้าพันเอก เผ่า ศรียานนท์ เข้าให้ เมื่อเข้าไปขอมีตำแหน่งใหญ่ในกรมตำรวจโดยพูดใส่หน้าว่า คนอย่างคุณนะหรือ เป็นแค่พลตำรวจก็ยังไม่ได้ แล้วคนที่เป็นพลตำรวจก็ยังไม่ได้ก็เลยพาพรรคพวกเดินเข้าไปจี้นายก ฯ ควง ให้ลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเสียเอง คุณหลวงเจ้ากระทรวงมหาดไทยก็เลยตกเก้าอี้ไป แล้วพันเอก เผ่า ก็เข้ามาในกรมตำรวจในตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดี ท่านผู้ช่วยอธิบดี เผ่า อยู่ในตำแหน่งนี้ด้วยยศพันเอกลุ่น ๆ ไม่มียศตำรวจ ผมยังคงเป็นประจำกอง ๒ ตำรวจสันติบาลอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครมาตอแยกับผม มีงานทำมั่ง ไม่มีงานทำมั่งไปวัน ๆ ได้มีเวลาไปสรวลเสเฮฮากับเพื่อนฝูงเก่า ๆ ที่เคยร่วมงานมาด้วยกันสมัยกองตรวจ ฯ ได้บ่อยขึ้น สถานที่พบปะกันก็คือที่สโมสรสหมิตร ซึ่งขณะนั้นอยู่แถว ๆ ถนนมหาพฤฒธาราม พี่เชื้อของผมแวะเวียนไปพบพวกที่นั่นบ่อยเหมือนกันเคยแอบกระซิบผมว่า ให้เกาะกลุ่มกันอย่างนี้แหละดีแล้ว คอยฟังข่าวจากพี่เชื้อก็แล้วกัน ผมก็รับทราบไว้ยังงั้น ๆ ถึงอย่างไรผมก็ทำอะไรกับพี่เชื้อไม่ลง ถึงแม้จะเป็นสันติบาลที่มีหน้าที่คอยสลับตรับฟังเรื่องทางการเมือง ผมก็เก็บความนี้เอาไว้กับตัวคนเดียว ไม่เอาไปพูดกับใคร ผมโดนส่งไปเป็นกรรมการสอบสวนตำรวจทุจริตต่อหน้าที่รายหนึ่ง ที่เมืองแปดริ้วหรือฉะเชิงเทรา เพราะในกลุ่มตำรวจที่ต้องหานั้น มีตำรวจสันติบาลชั้นประทวนร่วมอยู่ด้วยคนหนึ่ง ผู้บังคับการสันติบาลจึงส่งผมไปร่วมเป็นกรรมการกับทางท้องที่ ผู้บังคับการของผมตอนนั้นชื่อ พันตำรวจเอก หลวงสัมฤทธิ์สุขุมวาท ระหว่างที่ผมไปอยู่ที่แปดริ้ว ทางกรุงเทพ ฯ ก็มีการจับกุมพวกกบฏกัน เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๑
ผมได้ข่าวนี้ขณะที่ยังไม่เสร็จเรื่องทางแปดริ้ว ทางกรุงเทพ ฯ ส่งกำลังไปจับกุมพวกกบฏมาได้หลายคน เป็นนายทหารหัวกะทิของฝ่ายเสนาธิการของกองทัพบก ผมเสร็จเรื่องทางแปดริ้วก็กลับกรุงเทพ ฯ เข้าบ้านอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปกองของผม ไปดูว่าจะมีอะไรที่จะช่วยเขาได้บ้าง ผมไปถึงกองสอบสวนเรื่องกบฏรายนี้เอาเกือบเที่ยง หน่วยสอบสวนตั้งอยู่ที่บ้านพักมุมถนนอังรีดูนังต์ ตัดกับถนนพระราม ๑ เดิมเป็นบ้านพักของผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ท่านผู้บังคับการไม่ใช้ ก็เลยเป๋นบ้านว่าง ทางคณะกรรมการสอบสวนคดีกบฏ ๑ ตุลา ก็เลยใช้บ้านนี้เป็นที่ตั้งหน่วยสอบสวน ผมมาถึงหน่วยก็เดินอาด ๆ เข้าไป ตรงไปที่ห้องสอบสวนชั้นใน เพราะผมรู้ว่าท่านผู้บังคับการของผมอยู่ที่ห้องนั้น ผมเดินเข้าไปโดยไม่ได้มองซ้ายมองขวา ตรงรี่เข้าไปยังประคูห้องสอบสวน เ .. ด แม่ ไปไหนมา เสียงฟ้าผ่าคำรามดังก้องมาจากโต๊ะตัวหนึ่งที่มุมห้อง ผมหันขวับไปดูคนที่อวยพรแม่ผม คนส่งเสียงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะตัวนั้น นัยน์ตาวาวมองผมอยู่ ไปไหนมา ไอ้ห่ .. เสียงอวยพรตัวผมมาจากเจ้าของตาถลนท่านนั้น ผมไปสอบสวนตำรวจทุจริตที่แปดริ้วเพิ่งเสร็จมาครับ ผมโค้งตัวงอตอบ พอดีท่านผู้บังคับการของผมท่านออกมาดู คงจะเพราะเสียงฟ้าผ่าดังเข้าไปข้างใน ท่านเห็นผมยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ก็ถามว่า เสร็จแล้วหรือ พุฒ เรียบร้อยแล้วครับ ผมตอบท่าน ตำรวจของเรามาผิด จริงหรือคุณหลวง เจ้าของตาถลนยังไม่หายสงสัย หันไปถามผู้การ ฯ ของผม ครับ ผู้การ ฯ ตอบ พุฒ เขาไปสอบสวนเรื่องตำรวจทุจริตที่แปดริ้วครับ นัยน์ตาวาวหันกลับมาอยู่ที่ผม เข้าไปช่วยเขาสอบสวนซี เสียงตวาดลั่น ผมมานี่ก็เพื่อมาช่วยเขาครับ ผมอดตอแยไม่ได้ก่อนที่จะเดินเข้าห้องสอบสวนไป คดีกบฏรายนั้นมีคนที่ผมรู้จักหลายคน บางคนเป็นลูกศิษย์ผมสมัยอยู่โรงเรียนนายร้อยก็มี ผมเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดอยู่ตอนนั้น เขาอยู่ปีหนึ่ง ผมอยู่ปีสาม คนสำคัญเป็นนักเรียนในปกครองของผมโดยตรง เขาชื่อ ร้อยโท สุรพล จุลลพราหมณ์ คนนี้มีวิชาโหรที่แม่นยำ เป็นคนหาฤกษ์ให้คณะปฏิวัติคณะนั้น และเคยเป็นคนหาฤกษ์ให้คณะรัฐประหาร ๘ พ.ย. ๒๔๙๐ มาแล้ว ฤกษ์ต้องดีจึงทำงานสำเร็จ แต่มาคราวนี้มาโดนจับเสียก่อนเพราะต้องปรึกษาหารือกันบ่อยนัก จนเข้าหูฝ่ายรัฐบาล เลยผิดฤกษ์ ว่ากันที่จริงแล้วคณะนี้เป็นเพียงคณะทหารฝ่ายเสธ ฯ จะไปเอากำลังมาจากไหน ก็ไม่รู้ทำไมถึงคิดกัน หรือจะลองซ้อม ๆ ดูก็ไม่ทราบ ความสำคัญของคณะปฏิวัติคณะนี้ไม่มีอะไรที่ผมเอามาเขียนก็เพราะ คณะปฏิวัติคณะนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับท่านพันเอก เผ่า ศรียานนท์ โดยไม่ได้คิดมาก่อน เจอหน้ากันครั้งแรกก็โดนอวยพรถึงแม่ผมแล้ว ผมไม่ถือ เพราะแม่ท่านเสียไปนานแล้ว การคิดปฏิวัติครั้งนั้น ผู้ที่ร่วมคิดการเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีฝ่ายคุมกำลังอยู่เลย มีพลตรี หลวงศรานุชิต เป็นหัวหน้า ผู้ที่เป็นมันสมองของคณะก็คือ พลตรี เนตร เขมะโยธิน และมีสมองอีกหลายท่านจากนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ไม่ทราบว่ามีฝ่ายกำลังแอบแฝงอยู่ที่ไหนอีก อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ต้องพึงพาฝ่ายโหราศาสตร์ช่วยหาฤกษ์ในการลงมือให้ โหรคนสำคัญก็คือ ร้อยโท สุรพล จุลลพราหมณ์ คนที่เคยหาฤกษ์ให้กับคณะรัฐประหาร ๘ พ.ย. ๙๐ จนทำการได้สำเร็จมาแล้วคนนั้น
โหรจะคำนวณผิดพลาดไปยังไงก็ไม่ทราบ มาคราวนี้จึงโดนจับเรียบ วันนั้นเป็นวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ มีคนหลบหนีไปได้เพียงคนเดียวคือ พลตรี เนตร เขมะโยธิน พวกที่ถูกจับมานั้นมีนายทหารร่วมรุ่นผมหลายคน ล้วนแต่พวกสมองเสธ ฯ ทั้งนั้น ผมเลี่ยงที่จะไม่ไปยุ่งกับพวกนั้น เพราะเดี๋ยวมันจะเจริญพรเอา ปล่อยให้คนอื่นเขาสอบกันไป ผมเร่ไปสอบพวกที่ไม่รู้จักดีกว่า เงื่อนไขในการปฏิวัติคราวนั้นก็ไม่แจ้งชัด เพราะคณะรัฐประหารเพิ่งจะปกครองประเทศได้ยังไม่ทันชนขวบปี รัฐประหารเมื่อวันที่ ๙ พ.ย. ๒๔๙๐ แล้วยกให้นายควงปกครองประเทศเสียสองสามเดือน จึงมากระซิบให้ลงจากเก้าอี้ แล้วเอาท่านจอมพล ป. มานั่งแทนได้ไม่กี่เดือน ก็มามีคนจะปฏิวัติ
เหตุการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่ได้ทำอะไรมาก การปกครองในด้านต่าง ๆ ก็ยังไม่เข้าที่ พันเอก เผ่า ศรียานนท์ ก็เพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยอธิบดี ก้นยังไม่ทันร้อน ยังไม่มียศทางตำรวจด้วยซ้ำ ฝ่ายคบคิดอาจจะเห็นว่าอะไร ๆ ยังไม่เข้าที่ น่าจะลงมือเสียตอนนั้นก็เป็นได้
เรียกว่ารีบฉวยโอกาสในขณะที่ยังสับสนกันอยู่ ผมไม่มีส่วนในการจับกุมสืบสวนกับเขา ที่เข้ามาในหน่วยสอบสวนก็เพราะสำนึกในหน้าที่ในฐานะที่ประจำอยู่กอง ๒ ตำรวจสันติบาล อันเป็นหน้าที่เกี่ยวกับการเมืองโดยเฉพาะ ก็ต้องมาให้พรรคพวกกับนายเห็นหน้าเสียหน่อย ช่วยเขาทำงานบ้างตามหน้าที่
มาเจอเอาพรรคพวกรุ่นเดียวกันคบคิดกับเขาด้วยหลายคน ก็ชักจะกระอักกระอ่วนเอา ต้องเลี่ยงไม่ไปยุ่งสอบสวนพวกมัน และโดยเฉพาะ ร้อยโท สุรพล ผู้ให้ฤกษ์นั้นก็ยังเคยเป็นนักเรียนนายร้อยในหมวดที่ผมเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดเข้าให้อีก ผมก็เลยมอง ๆ ทักทายเขาเฉย ๆ ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ วันนั้นแหละที่ผมพบกับความเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตจนได้
Create Date : 08 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 4:28:58 น. |
|
1 comments
|
Counter : 677 Pageviews. |
|
|
|