พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 5)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 5
บทที่ 3
คุณพี่กลับมาสำนักงานตอนบ่ายโมงครึ่งกว่า ๆ มาถึงก็สั่งงานอีกสอง-สามอย่างให้ผมทำ เป็นงานที่ต้องออกไปติดต่อข้างนอกทั้งนั้น ผมต้องเกาหัวแกรก นึกถึงค่าพาหนะที่ต้องจ่ายล่วงหน้าตามธรรมเนียมของสำนักงาน อย่างที่คุณพี่บอก ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจธรรมเนียมอันนี้ของสำนักงานนี้นัก เงินก็หมดแล้ว เห็นจะต้องใช้กำลังขากันละทีนี้ พอคุณพี่เข้าไปในห้อง กัณหาก็วางลูกกุญแจรถไว้ที่มุมโต๊ะ แล้วมองผม ผมเห็นจะต้องทนเดินเอาเสียแล้วทีนี้ ออกจะมากไปสักหน่อยที่ต้องใช้รถของคุณบ่อย ๆ ผมพูดยิ้ม ๆ มองดูหล่อน ผมขยับจะเดินลงบันได หล่อนก็พูดว่า ทั้งหมดที่คุณต้องทำนั่นน่ะ ถ้าเดินเอาก็คงจะเสร็จไม่ทันสี่โมงวันนี้แน่ อาจจะเสียงาน ผมหยุดก้าว หันมามอง ผมนึกว่า คุณสงสารว่าผมจะเดินเมื่อยเสียอีก ผมคว้าพวงกุญแจรถแล้วควงเล่น พูดว่า ขอบคุณอีกครั้ง หล่อนมองดูผม คราวนี้ ผมแปลไม่ออกว่า สายตาของหล่อนพูดว่าอะไร ผมกลับมาถึงสำนักงานบ่ายสามโมงเศษ ขนาดใช้รถยังต้องเสียเวลาถึงขนาดนั้น ถ้าได้เดินก็ยังคงงุ่มง่ามอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ผมส่งกุญแจให้กัณหา พร้อมกับกล่าวคำขอบใจ หล่อนไม่พูด ไม่มอง พอผมเข้าไปในห้องเพื่อที่จะรายงานผลการติดต่อให้คุณพี่ทราบ เสียงห้าว ๆ ของอีตาผู้การคนนั้นก็ระเบิดออกมา มาแล้วหรือ ไอ้ลูกกรอก ผมไม่ได้ทันนึกว่าจะเจอแกเร็วยังงั้น เพราะก่อนที่จะเข้าห้องก็ไม่ได้ยินเสียงของแกอย่างเคย พร้อม ๆ กับเสียง ร่างของแกก็พุ่งปราดจากเก้าอี้ตรงมาหาผม มือข้างซ้ายของแกคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อผม รวบแน่น ผมรู้สึกเหมือนตัวถูกดึงลอยขึ้นจากพื้น และก่อนที่ผมหรือคุณพี่หรือใครจะทันได้พูดอะไร กำปั้นของแกก็ยัดโครมเข้าที่ปากครึ่งจมูกครึ่ง ผมรู้สึกมึนตื้อเหมือนเดินไปชนเอากำแพงเข้า พอแกปล่อยมือ ขาก็หมดกำลัง หล่นฮวบลงไปกองอยู่บนพื้น ผมได้ยินเสียงคุณพี่ร้องออกมาเหมือนเสียงดังมาแต่ไกล ๆ ว่า อะไรกัน คุณพิทักษ์ ผมค่อย ๆ โงเงลุกขึ้น ปาดเลือดที่ไหลริน ๆ ออกมาจากริมฝีปาก ไอ้ลูกกรอกนี่ไปบอกให้คนรถของผมกลับกอง หน็อย.. ผู้การให้กลับไปได้ ไม่ต้องรอ ท่านจะกินข้าวที่นี่ ... มันไปหลอกไอ้เทียมของผมเสียเชื่อสนิท เสียงผู้การแผดออกมาลั่นห้อง พร้อมกับชี้หน้าผม ค่อย ๆ พูดกันก็ได้นี่นะ คุณพิทักษ์ ทำไมไปทำเด็กยังงั้น เสียงคุณพี่พูด ค่อย ๆ พูดได้ยังไง มันทำเอาผมต้องเดินหาแท็กซี่ตั้งไกล ไอ้นี่ร้ายนัก ทำไมคุณไม่บอกฉันเมื่อกี้ว่า มันเรื่องอะไร คนของฉัน ฉันจัดการเองได้ คุณถืออำนาจอะไรมาชกต่อยคนของฉันบนที่ทำงาน คุณพี่เสียงแข็ง คุณลินจงเห็นว่าทันดึกว่าผมยังงั้นหรือ เสียงผู้การชักจะอ่อนลง ฉันไม่เห็นใครดีกว่าใครทั้งนั้น และคุณแน่ใจอย่างไรว่า พ่อดนัยเป็นคนทำ ผมถามไอ้เทียมของผมแล้ว มันบอกรูปร่างลักษณะไม่ผิดไอ้ลูกกรอกนี่ จะมีใครเสียอีก มันโกรธที่ผมไปล้อมัน ยังงั้นก็เถอะ เสียงคุณพี่พูดปนเสียงหัวเราะที่กลั้นไว้ไม่อยู่ เขาผิดยังไงก็ควรจะพูดกันให้รู้เรื่องเสียก่อน นี่ ชกต่อยเอาเฉย ๆ ถูกที่ไหน คุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมควักผ้าเช็ดหน้า ออกมาเช็ดเลือด แล้วหันกลับจะเดินออกจากห้อง จะไปไหนล่ะ พ่อดนัย คุณพี่พูดไล่หลังมา มาดูซิ เจ็บแค่ไหน ผมจะไปให้หมอเขาดู ผมหันมาพูด ถึงกับต้องไปหาหมอทีเดียวรึ คุณพี่พูด มาให้ฉันดูหน่อยซิ มันหนักหนาแค่ไหน ผมจะไปให้หมอเขาลงความเห็นด้วยว่า บาดแผลรักษากี่วันหาย อ้าว ! ทำไมล่ะ คุณพี่อุทาน ถ้าไม่รู้ว่าบาดแผลรักษากี่วันหาย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นบาดแผลสาหัสหรือเปล่า เฮ้ย ! นั่นมันฟ้องกันนี่หว่า เสียงผู้การร้องออกมา ผมหันไปมองหน้าเขาและพูดว่า แล้วผู้การคิดว่า ผมจะทำอะไรไม่ทราบ ถึงกับจะฟ้องร้องกับทีเดียวหรือ คุณพี่พูด ผมจะฟ้องให้เป็นตัวอย่าง ตำรวจรังแกราษฎร มีที่ไหน แล้วราษฎรรังแกตำรวจได้ยังงั้นหรือ ไอ้หนูหริ่ง ผู้การพูด หัวหมอเสียด้วยมัน เขาเป็นธรรมศาสตร์บัณฑิต คุณพี่พูดเป็นเชิงเตือนผู้การ เคยเป็นทนายความมาแล้วด้วย ผู้การมองคุณพี่อย่างไม่เชื่อหู ผมหันไปมองหน้าผู้การ สายตาของเขาบอกถึงแววกังวล ผมหันไปพูดกับคุณพี่ ผมจะต้องเอาคุณพี่เป็นพยานด้วย แล้วผมก็ก้าวออกเดิน เดี๋ยวก่อน พ่อดนัย ค่อยพูดค่อยจากันก่อนก็ได้ อย่าหุนหันไปเลยน่ะ คุณพี่เข้ามาฉุดแขนผม คนที่หุนหัน ไม่ใช่ผม ผมหยุด หันไปพูด นั่น อยู่นั่น ผมชี้ไปที่ผู้การ คุณพิทักษ์ก้อ ขอโทษเด็กเสียหน่อยก็แล้วกัน คุณพี่พยายามจะไกล่เกลี่ย เอาวะ อั๊วขอโทษ ผู้การพูดออกมา เสียงห้วน ๆ ผมไม่ใช่คนที่ใครจะต่อยเอาได้เปล่า ๆ แล้วหาทางออกไปได้ด้วยการขอโทษ ผมพูด จ้องหน้าเขา ลื๊อจะเอายังไงกับอั๊ววะ ผู้การพูด เท้าเอว ฟ้อง ผมพูดสั้น ๆ ทำท่าจะก้าวเดินไปอีก ขอให้พี่เสียเถอะน่ะ คุณพี่เข้ามายึดแขนผมไว้อีก ผมเจ็บ คุณพี่ ผมพูดกับคุณพี่ แล้วผมก็ไม่เคยถูกใครต่อยฟรี ๆ คุณพี่ยึดแขนผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดว่า ออกไปคอยพี่ข้างนอกสักครู่หนึ่งก่อน อย่าเพิ่งไปไหนนะ พ่อดนัย พี่จะจัดการให้เอง ผมออกไปข้างนอก นั่งคอยบนเก้าอี้ กัณหามองบาดแผลที่ริมฝีปากของผม สายตาของหล่อนบอกถึงความสงสาร หล่อนพูดเบา ๆ ว่า ฉันบอกคุณแล้วยังไง ทีนี้คุณรู้แล้วละซีว่า แกยังไง ขนาดไหน ผมไม่พูด ครู่ใหญ่ ๆ เสียงคุณพี่ก็เรียกผมดีงออกมาจากข้างใน ผมลุกขึ้นเดิน ผลักบังตาเข้าไป คุณพี่เข้ามาจับแขนผม แล้วพูดเสียงนุ่มนวลว่า ผู้การเขาจะให้ค่าทำขวัญร้อยบาท ไม่เจ็บเปล่าหรอก พ่อดนัย ผมหันไปมองผู้การ ที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ โต๊ะ แล้วหันมามองคุณพี่ ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของคุณพี่ แล้วก็หันกลับออกเดินจะออกไปนอกห้อง สองร้อย เอา เสียงผู้การพูดไล่หลังมา ผมไม่หันไปมอง เดินเรื่อยออกมาเหมือนไม่ได้ยิน มือผลักบังตา
สามร้อย เสียงผู้การเลื่อนเก้าอี้ก่อนพูด
ผมก้าวออกมาพ้นนอกห้อง
สี่ เขาเข้ามายึดแขน ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงบันได
ผมแหงนขึ้นมองหน้าเขา ไม่พูด ดึงแขนออก จะเดินต่อไปที่บันได
ลื้อจะเอาเท่าไหร่วะ พูดกันให้มันชัด ๆ ลงไปถี เขาพูด ยังไม่ยอมปล่อยแขนผม
ผมหยุด มองหน้า พูดว่า พันนึง
มือที่ยึดแขนผมอยู่หลุดตกไปข้างตัว เขามองผม นัยน์ตาค้าง
นี่มันขู่เข็ญกันนี่หว่า เขาพูดออกมา
ไม่ใช่ขู่เข็ญ นี่เป็นค่าทำขวัญที่ถูกที่สุดแล้ว ผมพูด ยกมือป้ายเลือดที่ปาก
จะไปฟ้องที่ไหนก็ไปเถอะวะ เขาพูด เสียงมีโมโห ไม่มีให้โว้ย
อย่าลืมว่า ตำแหน่งของผู้การมีราคามากกว่าพันบาท เรื่องนี้ถึงกับถูกออกเคยมีมาแล้ว กรมตำรวจสมัยนี้เอาจริงนัก เรื่องตำรวจรังแกราษฎรนี่ และผมรู้จักวิธีทำให้คนออกจากราชการได้ ผมพูด เมื่อผมฟ้องลงไปแล้ว จะมาขอเลิกความไม่ได้ ผมไม่มีหยุดอยู่แค่นั้น หากผมเดินลงบันไดนี่ไปแล้ว ค่าทำขวัญมันจะแพงขึ้นอีกกว่าพันบาท ถ้าจะให้ผมยอม
ผมเดินไปจวนถึงบันได จะก้าวลง เสียงผู้การก็ตะโกนขึ้นข้างหลังว่า
เดี๋ยว ไอ้หนู
ผมชื่อ ดนัย ผมหันมาพูด
เออ ดนัย หยุดก่อน เอาละ คราวนี้เป็นทีของลื้อ อั๊วยอม เขาพูด แต่อั๊วมีเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงพันบาท เขาล้วงกระเป๋าธนบัตรออกมา ดึงเอาธนบัตรที่บรรจุอยู่ในนั้นออกมายับ มันมีอยู่ห้าใบ เป็นใบละร้อย อั๊วมีอยู่เท่านี้เอง
ทำใบกู้ให้ผม ไอ้ที่เหลืออีกห้าร้อย ผมพูด
ไม่มีลดราวาศอกเลยทีเดียวนะ ไอ้หนู
ลดราวาศอกได้ยังไงกัน ห้าร้อย
อ้าว ! พูดกันดี ๆ โว้ย หน็อย ไอ้นี่ เดี๋ยวพ่อยอมเสียอีกพันหนึ่ง
ผมพูดไม่ดียังไง ผู้การฟังไม่ดีเอง ผมว่า ลดได้ยังไงกัน อีกตั้งห้าร้อย
ก้อทำไมไม่พูดออกมาให้มันชัด ๆ ยังงั้นล่ะ ลื้อเว้นวรรคห้าร้อยทิ้งท้าย มันฟังไม่เข้าหู
ทำหูให้มันเหมือนคนธรรมดาเขาเสียบ้างซี ผู้การ ถึงคราวที่จะใช้หูตำรวจ ถึงค่อยใช้ คราวนี้หัดใช้หูราษฎรธรรมดาสามัญเสียบ้าง
เอ้า เอาไป เขายื่นใบละร้อยทั้งห้าใบนั้นให้ แล้วไปให้พ้น ๆ อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ
ผมหยิบห้าร้อยบาทนั้นเข้ากระเป๋า พูดว่า
ผมทำงานอยู่ที่นี่ ผู้การมาหาผมเองต่างหาก ผมเองก็ไม่ได้เชิญ
อั๊วมาเตะลื้อนะซิ ผู้การพูด ก้าวเข้ามาหา
ระวัง เดี๋ยวอีกพันหนึ่ง ผมพูดเบา ๆ เน้นถ้อยคำ จะมาเตะ จะมาต่อยยังไง แล้วก็ใบกู้นั่นอีกด้วย ผู้การยังไม่ได้ทำให้ผม ห้าร้อย เอ๊ย อีกห้าร้อย
เขามองหน้าผม แล้วพูดเม้มริมฝีปากว่า
วันหนึ่ง อั๊วคงฆ่าลื้อเข้าให้จนได้
นี่มันเป็นคำกล่าวพยาบาทมาดหมาย ผู้การควรจะรู้ว่า มันเข้ากฎหมายอาญามาตราไหน
ผู้การมองตาผม พลางยกมือขึ้นลูบไล้ที่ใต้คาง
ไหนล่ะครับ ใบกู้อีกห้าร้อยบาท ผมพูด แบมือ
ลื้อทำมา อั๊วจะเซ็น เขาพูดเสียงห้วน ๆ
ผมดึงเอากระดาษเปล่าบนโต๊ะทำงานของกัณหามาแผ่นหนึ่ง ดึงปากกาออกมาเขียนข้อความวงไปบนกระดาษแผ่นนั้นว่า
ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก พิทักษ์ ... หยุดชะงักอยู่แค่นั้น เงยหน้าขึ้นมองเขา พูดว่า ผู้การนามสกุลอะไรไม่ทราบ
เขาดึงกระดาษแผ่นนั้นออกไปจากผม แล้วพูดว่า อั๊วเขียนเอง
เขาขีดฆ่าตัวอักษรที่ผมเขียนไว้เดิม แล้วเขียนข้อความใหม่ลงไป เซ็นชื่อแล้วส่งให้ผม ในนั้นเขียนไว้สั้น ๆ ว่า
ข้าพเจ้าเป็นหนี้ผู้ถือหนังสือนี้อยู่ห้าร้อยบาท ที่ข้างท้ายข้อความนั้น มีลายเซ็นอ่านยากปรากฏอยู่ ผมแหงนหน้าขึ้นมองเขา แล้วพูดว่า นี่ลายเซ็นผู้การแน่หรือครับ อย่าโยกโย้นักเลยวะ เขาพูดเสียงรำคาญ ๆ นี่มันก็มากพอดูอยู่แล้วนะโว้ย ทีนี้ทีลื้อที่ต้องทำหนังสือยอมความไม่ฟ้องร้องอั๊วบ้างละ ทำมาเสียดี ๆ มันจะมีประโยชน์อะไร ผู้การ ผมพูด ถ้าจะให้เกิดผลจริง ๆ มันก็ต้องไปทำกันที่สถานีตำรวจ ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน มันไม่เหมือนใบกู้ที่จะที่ไหนก็ได้ ถึงผมทำให้ผู้การที่นี่ มันก็ไม่มีผลบังคับที่จะไม่ให้ผมฟ้องร้องได้ มันเป็นความอาญา ยอมความกันได้ที่ไหน พอบาดแผลหายมันก็หายไปเอง ผมจะเอาบาดแผลที่ไหนมาอ้างอิงได้ตอนนั้น พยานบุคคลก็มีแต่คุณพี่คนเดียว ถึงมันจะเป็นบาดแผลผิวหนังฉีกขาด มันก็ไม่ใช่บาดแผลสาหัสอะไร หรือผู้การจะไปทำหนังสือยินยอมความกันที่สถานีตำรวจ เขาครางอะไรออกมาเบา ๆ ในลำคอ มองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นลูบคาง แล้วครางเสียงเบา ๆ ออกมาอีกสอง-สามครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงานคุณพี่ ผมหันไปหลิ่วตากับกัณหาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องคุณพี่ เสียงคุณพี่พูดพอจับเสียงได้ ตอนที่ผมก้าวเข้าไปว่า ... ยังค้างอยู่อีกสี่วัน จะไล่ไปยังไง แล้วอีกอย่าง... เสียงคุณพี่ขาดตอนสะดุดลงเมื่อผมก้าวเข้าไปถึงโต๊ะ ผมทำเป็นไม่ได้ยินถ้อยคำนั้น พูดว่า คุณพี่มีงานอะไรอีกไหมครับ คุณพี่ยิ้มกลบเกลื่อน พูดว่า เลยเวลาทำงานแล้ว คุณกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้ก็มาอย่างวันนี้
ผมออกมาจากห้อง กัณหากำลังเก็บของบนโต๊ะ ผมพูดกับหล่อนว่า คุณจะกลับเหมือนกันหรือ หล่อนชี้ให้ดูนาฬิกาข้อมือ และพูดว่า ห้าโมงเป็นเวลาเลิกงาน ผมดูนาฬิกาของผม มันบอกเวลาห้าโมงสิบนาที พูดว่า ให้ผมไปส่งคุณได้ไหม หล่อนมองหน้าผม พูดว่า ฉันขับรถเป็น สายตาของหล่อนอ่านได้ว่า อย่าให้มันมากนักนะ เปล่า ผมไม่ได้คิดจะทะลึ่งอะไรกับคุณ ให้ผมขับรถไปส่งคุณ แล้วผมจะบอกอะไรให้ ผมพูด ถ้าคุณอยากจะรู้จักบ้านฉัน ก็เอาไว้ให้เรารู้จักกันดีกว่านี้อักสักหน่อย หล่อนพูด ผมไม่อยากจะรู้จักบ้านคุณเอาไปทำอะไรหรอก ที่อยากจะขับรถไปส่งคุณนี้ ให้ผมขับแล้วคุณจะรู้ว่า ผมขอขับรถไปส่งทำไม หล่อนมองผมนั่ง นัยน์ตาค้นหาคำตอบบนใบหน้าของผม แล้วหล่อนก็เดินไปที่บันไดทางลงโดยไม่ได้พูดอะไร ผมเดินตามลงไป หล่อนเดินใสถึงที่จอดรถก็หยุด ผมเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ข้างหล่อน หล่อนส่งกุญแจรถให้ผม แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกด้านหนึ่ง ขึ้นนั่ง โดยไม่พูดอะไรอีกเช่นเดิม ผมเปิดประตูด้านคนขับ ก้าวขึ้นไปนั่ง สตาร์ทเครื่องเข้าเกียร์ พารถพุ่งออกไป ผมขับรถมาตามถนนสายต่าง ๆ มองด้วยหางตา เห็นหล่อนหันมามองผมเป็นพัก ๆ แต่ไม่พูด คงจะสงสัยว่าทำไมผมจึงไม่ถามทางไปบ้าน และคงอยากจะพูดเหมือนกันว่า ผมจะพาไปไหน เมื่อมองเห็นปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งอยู้ตรงหน้า ผมก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไป พารถไปจอดสนิทอยู่ตรงปั๊มน้ำมัน คนประจำปั๊มออกมาหาที่ข้างรถ ผมถอดกุญแจรถออกส่งให้ พูดว่า เติมให้เต็มถัง กัณหาหันมามองผม สายตาของหล่อนบอกว่า ชักจะเข้าใจอะไร ๆ บ้างแล้ว ผมเปิดประตูรถลงไป เมื่อคนขายเติมน้ำมันเสร็จ แล้วนำกุญแจมาส่งคืน จัดการจ่ายค่าน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินมาที่รถด้านที่กัณหานั่งอยู่ ส่งกุณแจให้หล่อน แล้วพูดว่า ทีนี้คุณก็ขับไปเองได้แล้ว ผมไม่ขึ้นไปกับคุณอีกละ ขอบคุณอีกครั้ง คุณกัณหา หล่อนมองที่มือผมที่ยังมีกุญแจรถคาอยู่ที่นิ้ว แล้วเงยหน้ามองผม พูดว่า ทำไมคุณต้องทำยังงี้ มันถูกต้องที่สุดในโลก ผมพูด ยิ้มให้ ผมใช้รถของคุณตั้งหลายเที่ยววันนี้ ไม่รู้ว่ากินน้ำมันเข้าไปเท่าไร ถ้าผมไม่ได้ชดใช้คุณ มันก็ออกจะเป็นการเห็นแต่ตัวมากไปสักหน่อย ผมได้เงินมาวันนี้ห้าร้อยบาทเปล่า ๆ ยังมีใบกู้อยู่อีกห้าร้อยบาทในกระเป๋า ผมไม่เดือดร้อนอะไร ถ้าคุณจะคิดละเอียดถี่ถ้วนยังงั้นจริง ๆ มันก็ไม่ถูกนัก เพราะเดิม น้ำมันรถคันนี้มันไม่เต็ม ไอ้ส่วนที่เกินมาจนเต็มถังนี่ คุณจะให้ฉันคิดยังไงกับคุณ ฉันมิต้องคิดเงินคืนให้คุณหรือ หล่อนพูด ก็ได้ ถ้าคุณรู้ว่าเดิมมันมีอยู่เท่าไร คิดกันเป็นลิตรให้ถี่ลงไปก็ยังได้ จะคิดยังไงก็ขยับรถเสียหน่อยเป็นไงคุณ เสียงนี้เป็นเสียงของคนขายน้ำมันที่เข้ามาข้าง ๆ เมื่อไรไม่รู้ตัว มีคนเขามาเติมน้ำมัน ผมจึงถอยห่างออกมาจากรถ หลีกทางให้หล่อนขยับรถออกไปจากที่นั่น หล่อนไปหยุดรถอยู่ห่างจากที่เดิมเล็กน้อย หันมามองผมคล้ายกับอยากจะพูดอะไรอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเห็นผมยืนนิ่งอยู่กับที่ หล่อนก็หันหน้ากลับ รถคันนั้นพุ่งปราดออกไป ผมเรียกสามล้อเครื่องคันหนึ่งที่ผ่านมา ขึ้นนั่ง ให้ไปส่งบ้าน
Create Date : 24 พฤษภาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 4:33:28 น. |
Counter : 775 Pageviews. |
|
|
|
กำลังสนุก..จะติดตามอ่านตลอดไป..ขอบคุณมากๆ...