เหล็กละลาย (ตอนที่ 32)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 32
ดนตรีห้าชิ้นซึ่งเล่นอยู่บนเวทีแคบ ๆ ส่งเสียงดัง เพราะสถานที่ค่อนข้างจะปิด ไม่มีทางให้เสียงออกไปทางไหน ฟลอร์เล็ก ๆ จึงดูแคบด้วยคู่เต้นรำที่ออกไปวาดลวดลายกันจนเต็มฟลอร์ เรานั่งอยู่วิสกี้ยังไม่ทันหมดถ้วย เพลงก็หยุด ไฟเปิดสว่าง แล้วมีประกาศว่า ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงบนเวที รายการแสดงที่นี่ ส่วนมากเป็นการแสดงระบำเปลื้องผ้า มีกายกรรม สลับเพียงสองสามรายการ นอกนั้นพวกระบำเปลื้องผ้าก็ออกมาแสดงกันด้วยลีลาต่าง ๆ กัน ไม่ซ้ำแบบ แต่ละคนล้วนแต่พันธุ์เนื้อนมไข่ทั้งนั้น ของเขาไม่แน่จริงก็คงไม่เอาออกมาอวดคนดู ผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพร้อมกับหม้อเล็ก ๆ ใส่กำยานจุดไฟหอมกรุ่น ดนตรีทำเพลงทำนองเพลงจีนกลาย ๆ หล่อนเยื้องย่างตามจังหวะเพลงอยู่กลางฟลอร์ แล้ววางหม้อกำยานนั้นลงบนฟลอร์ แล้วก็ร่ายรำไปในทำนองบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อไรสักอย่าง ซึ่งสมมุติเอาว่าอยู่ตรงหน้าหม้อกำยานนั้น ลีลาของหล่อนอ่อนช้อนแบบตะวันออก ผิดกับพวกเต้นระบำคนอื่น ๆ แล้วหล่อนก็ค่อย ๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นตามลีลาและจังหวะเพลงอย่างมีศิลปะจนสุดท้าย เหลือแค่ผ้าสามเหลี่ยมผืนเล็ก ๆ ผืนเดียวปิดอยู่ตรงส่วนสำคัญส่วนล่างของร่างกาย แล้วหล่อนก็ยืนแอ่นกายอยู่ตรงหน้าหม้อกำยานนั้น ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า แขนทั้งสองข้างอ้ากางออก แสงไปสลับสีส่องวูบวาบไปที่ร่างของหล่อน เสียงเพลงหยุดลงอย่างกระแทกกระทั้น แล้วหล่อนก็ก้มศีรษะลงมาคารวะคนดู เป็นอันหมดรายการของหล่อน อีนี่เข้าที ของมันน่าดูดี ไอ้อ้วนปรารภออกมา
กูจ้องอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวกูจะถามบ๋อยดูว่า เรียกมาคุยได้ไหม ผมว่า พลางส่ายตาหาบ๋อยที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วกระดกนิ้วเรียกเขาให้เข้ามาหา
ต้องการอะไร เมอร์สิเออร์ บ๋อยเข้ามาโค้งถาม
ผู้หญิงที่เต้นรำเมื่อกี้นี้ จะเชิญมาคุยด้วยได้ไหม ผมถาม
คนไหน เมอร์สิเออร์
คนที่เต้นระบำกำยาน เพิ่งจะออกไปเดี๋ยวนี้
อ๋อ ได้สิ เมอร์สิเออร์ เดี๋ยวผมจะไปบอกหล่อนให้
เขาหายไปสักครู่ก็กลับมาบอกว่า เดี๋ยวหล่อนจะออกมานั่งด้วย ขอเวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวหน่อยสักห้านาที การแสดงดำเนินออกไปอีกสองสามรายการ แม่คนนั้นก็เดินมาที่โต๊ะของเรา
ในเครื่องแบบนอกเวที หล่อนสวยกว่าเมื่ออยู่บนเวทีเยอะ ส่วนโค้งส่วนเว้าเหมือนกับเอากาวมาทาทาบไว้กับร่าง ตั้งแต่ส่วนหน้าอกลงมาจนถึงสะโพก ทีท่าที่ย่างกายเข้ามาเหมือนออกมาจากหนังสือแฟชั่น
ผมเกือบลืมเชิญหล่อนนั่ง ปล่อยให้ยืนยิ้มอยู่ตั้งนาน ถึงได้สติเชิญ
หล่อนชื่อลิลลี่ ชื่อของเราก็ปองปอง ปู๊ดปู๊ด ไปตามเรื่อง หล่อนพยายามที่จะออกเสียงเรียกชื่อของเราให้ถูกเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ก็เลยต้องเรียก ปองปอง ส่วนผมนั้น หล่อนว่า ปู๊ดปู๊ด มันไม่น่าเรียกเลย ตั้งชื่อผมเสียใหม่ว่า ปิแอร์
ทำไมมันมาตรงกับชื่อที่ผมตั้งให้ตัวเองกับแม่เวโรนิคเข้าให้ได้ก็ไม่ทราบ บุพเพสันนิวาสเสียก็ไม่รู้
หล่อนไม่สั่งแชมเปญอย่างที่ควรจะสั่ง กลับถามว่าเราดื่มอะไร ของเรามันวิสกี้ออกเดอะร็อคเสียแล้วตอนนั้น หล่อนจึงออกเดอะร็อคไปด้วย
คนเป็นคนญี่ปุ่นหรือคะ หล่อนเริ่มสนทนา
เป็นยังงั้นไปเสียทุกที ไม่ว่าบ้านไหนเมืองไหนในเมืองฝรั่ง มันรู้จักกันแต่ญี่ปุ่นถ้าเห็นผิวเหลือง ๆ
ผมสั่นหน้า
พม่า อินโดนีเซีย ยังงั้น หล่อนเดาสุ่มออกมา หรือว่าคนจีน
ผมสั่นหน้าอีก มองหล่อนเฉยอยู่
บอกหน่อยซีว่า พวกคุณมาจากไหน หล่อนพูดยิ้ม ๆ
ยังไม่อยากบอก คุยกันไปนาน ๆ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ผมว่า เต้นรำกันดีกว่า ตอนนั้นการแสดงจบแล้ว ไปบนเวทีเริ่มหรี่ เห็นแต่แสงสลัว ๆ หล่อนเต้นรำเก่งไม่มีที่ติ ก้าวเปะปะยังไง หล่อนก็ตามได้ทุกก้าว บางทีหล่อนอาจจะคิดว่าเป็นสเต็ปที่ผมคิดค้นขึ้นมาใหม่ ๆ ก็ได้ ที่ผมออกไปเต้นก็เพราะอยากเต้นให้เป็นเรื่องเท่านั้น คือว่าเหมือนกับการอ่านเอาเรื่อง เมื่อครั้งยังเรียนหนังสืออยู่
เต้นไปคุยไปนั่นแหละครับ ผมก็เลยได้รู้ว่า หล่อนเป็นชาวปารีเซียนแท้ ๆ เกิดที่ใจกลางกรุงปารีส มีแม่เป็นคนจีน พ่อเป็นฝรั่งเศส หล่อนจึงได้ชอบแสดงระบำแบบชาวตะวันออก อย่างที่แสดงบนเวทีเมื่อกี้นี้ แม่เป็นคนสอนให้
เมื่อกลับมาที่นั่ง หล่อนหันไปคุยกับไอ้ปองปองว่า
คุณสองคนเป็นคนชาติไหนกันแน่ ปิแอร์เขาไม่ยอมบอกฉัน
ปองปองนั่งนิ่ง ก็มันจะไม่นิ่งยังไง เพราะมันฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาฝรั่งเศสมันกระดิกหูเสียที่ไหน
ลิลลี่ค้อนขวับ แล้วหันมามองผม
ฉันบอกแล้วว่า เดี๋ยวจะบอก ผมพูดกับหล่อน อยากรู้เร็ว ๆ ทำไม
เฮ้ย มันว่าอะไรวะ ไอ้ปองปองถามผม กูเห็นมันหันมาพูดกับกูเมื่อกี้นี้
มันถามว่า มึงกับกู เป็นคนชาติอะไร
ทำไมมันไม่ถามมึง มาส่งภาษาอะไรกับกู กูจะฟังออกได้อย่างไร
มันถามกูแล้ว กุยังไม่บอก
พูดอะไรกันน่ะ ทีนี้แม่ลิลลี่ถามขึ้นมาบ้าง
เขาชมว่าเธอสวย รูปร่างน่ากิน ผมว่าไปนั่น
แม่ลิลลี่ยิ้มแก้มปริ เอามือแตะแก้มไอ้ปองปองเบา ๆ แมร์ซี ปองปอง แล้วหล่อนก็ชวนมันออกไปเต้นรำ ทั้งคู่ก็พากันออกไปกลางฟลอร์
ผมชักสงสัยว่า ไอ้ปองปองมันจะเต้นรำยังไง ตั้งแต่คบกันมา ผมยังไม่เคยเห็นมันเต้นรำ เวลาออกเที่ยวด้วยกันเมื่อยังอยู่เมืองไทย ก็เห้นแต่มันนั่งกินเหล้า จะเต้นก็ต่อเมื่อออกแขกออกเหรื่อในงาน
ประเดี๋ยวเดียว ทั้งคู่ก็จูงกันออกมาจากฟลอร์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แล้วแม่ลิลลี่ก็จูงมือผมเข้าไปในฟลอร์ คงจะอยากเต้นรำถึงขนาด พอดีเพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะสโลว์ เพลงทำคะแนนเสียด้วย
บนฟลอร์ที่มีไฟสลัวยังงั้น ถ้าตั้งหน้าตั้งตาจะวาดลวดลายอย่างเดียว มันก็น่าจะไปเดินเล่นตามชายหาดดีกว่า
เต้นไปคุยไป ภาษาฝรั่งเศสของผมก็ชักจะแตกฉาน ถึงขั้นชวนไปนอนเอาดื้อ ๆ ถ้าเป็นหญิงไทย ไม่โดนด่าก็โดนตบ แต่ผู้หญิงฝรั่งไม่ยังงั้น เขาถือว่าเป็นการให้เกียรติ ยกย่องว่าเขาเป็นคนน่าอภิรมย์ด้วย แต่ว่าจะเออออห่อหมกด้วยหรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง
ผมพาหล่อนออกมาจากฟลอร์ เพราะเบื่อเต้น พอมาถึงโต๊ะ ผมก็เรียกบ๋อยมาคิดสตังค์
ลิลลี่ถามว่า ทำไมรีบกลับ ไม่อยู่ดูหล่อนเต้นระบำในรอบสองอีกหรือ อีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาโชว์รอบสองแล้ว หล่อนจะแสดงชุดใหม่ ไม่ซ้ำ
ผมบอกว่า ผมขี้เกียจอยู่ เวลามีน้อย จะได้ไปหาผู้หญิงที่อื่นคุยต่อ วันหลังจะมาหาใหม่
หล่อนหัวเราะเบา ๆ อยู่ถึงตอนเลิกซิ แล้วฉันจะให้คำตอบ
ผมสั่นหน้า ไม่เอา ฉันเคยถูกหลอกยังงี้มามากแล้ว
ผมจ่ายเงินสด ทิปบ๋อยเรียบร้อยแล้ว ขยับจะเดินออกไป หล่อนก็แตะที่แขนผม แล้วว่า
รอเดี๋ยว ถ้ายังงั้น
ผมก็นั่งลง ไอ้ปองปองลงนั่งใหม่อย่างงง ๆ มึงเล่นอะไรกันวะ มันว่า
แม่ลิลลี่กลับออกมาอีกที คราวนี้หล่อนยัดอะไรก็ไม่รู้ใส่มือผม ผมแบออกดู มันเป็นลูกกุญแจดอกหนึ่ง และมีเศษกระดาษอีกแผ่นหนึ่งแผ่นเล็ก ๆ
บ้านฉันอยู่ที่เขียนไว้ในกระดาษนั้น หล่อนกระซิบผมเบา ๆ กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจห้องของฉัน คุณต้องไปถึงที่นั่นก่อนตีสาม ไม่งั้นฉันเข้าบ้านไม่ได้ ปองปองให้เขาไปนอนที่อื่น พูดแล้วหล่อนก็ผละไป ไม่รอให้ผมพูดอะไรต่อ
ผมมองดูกุญแจในมือ แล้วอ่านอักษรที่เขียนไว้ในเศษกระดาษนั้นอย่างงง ๆ อีก
เสร็จมึงละซีทีนี้ ไอ้ปองปองว่า มึงไม่ต้องแปล กูก็รู้
ผมยัดกระดาษและกุญแจลงกระเป๋า ดึงไอ้ปองปองออกมาข้างนอก รับเสื้อโอเวอร์โคท์จากพนักงานที่เก็บรักษาไว้ แล้วก็ชวนมันออกมาคอยหาแท็กซี่
Create Date : 15 กันยายน 2553 |
Last Update : 15 กันยายน 2553 0:33:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 696 Pageviews. |
|
|
|
| |