13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 14)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 14
ด้านหลังวังปารุสก์นั้น เป็นนิวาสถานของท่านนายพลตาดุ คุณหลวงอดุลเดชจรัส ท่านอยู่ที่นั่นมานานแล้ว ทางเข้าออกก็ใช้ประตูเดียวกันกับทางเข้าออกตึกใหญ่ที่ท่านผู้ช่วย อ.ตร. เผ่า ฯ พักอยู่ คืนวันหนึ่ง เวลาประมาณสามทุ่มเศษ ๆ เห็นจะได้ ผมกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ คุยอยู่กับพรรคพวกที่เตรียมพร้อมอยู่ที่สวนอัมพร ร้อยตำรวจโท บุญสม ประไพ รองสารวัตรของผมก็เลิกลั่กเข้ามาหาผม บอกผมว่า คุณหลวงอดุล ฯ ให้ผมไปพบด่วน คุณหลวงอดุล ฯ ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับผม ผมจึงถามไปว่าเรื่องอะไร บุญสมก็เล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นผู้บังคับกองรักษาการณ์อยู่ มีรถจี๊ปคันหนึ่งแล่นจะผ่านเข้าเครื่องกีดขวางที่กองรักษาการณ์ เขาก็ให้หยุดถามว่ารถคันนั้นจะไปไหน คนขับรถคันนั้นบอกว่า จะเข้าไปบ้านคุณหลวงอดุล ฯ ในวังปารุสก์ บุญสมจึงถามสัญญาณผ่าน คนรถตอบไม่ได้ เขาก็ไม่ให้ผ่าน คนขับรถบอกว่าเขาซื้ออาหารมาให้คุณหลวงอดุล ฯ ถ้าเข้าไม่ได้จะให้เขาทำยังไง คุณหลวงอดุล ฯ มิอดอาหารหรือ แล้วก็พาไปดูปิ่นโตอาหารในรถบุญสมก็บอกว่า ถ้ายังงั้นเขาจะให้ตำรวจไปกับคนขับรถ เอาปิ่นโตอาหารไปให้คุณหลวงอดุล ฯ แต่ต้องเดินเข้าไป รถเอาเข้าไปไม่ได้ ถ้าปรากฏว่ารถคันนั้นเป็นของคุณหลวงอดุล ฯ จริง ก็จะให้เอารถเข้าไปทีหลัง แล้วเขาก็จัดตำรวจคุมคนขับรถพร้อมทั้งปิ่นโต เข้าไปในบ้านคุณหลวงอดุล ฯ คุณหลวงอดุล ฯ โกรธมากในเรื่องนี้ เรียกตัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนไปพบ เรียกหาเจ้านาย แต่ท่านไม่อยู่ แล้วถามบุญสมว่า ใครเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา บุญสมจึงบอกว่า ผมเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา ไปเรียกมันมาเดี๋ยวนี้ เป็นประกาศิตของคุณหลวงอดุล ฯ จึงทำให้บุญสมต้องเลิ่กลั่กมาหาผม ผมต้องแต่งเครื่องแบบไปพบคุณหลวงอดุล ฯ อย่างไม่เต็มใจนัก เพราะโดยหน้าที่แล้ว ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่คุณหลวงอดุล ฯ จะเรียกตัวผมไปพบได้ แต่บุญสมบอกว่า
ถ้าสารวัตรไม่ไป ผมตายแน่ คุณหลวงอดุล ฯ จะเล่นงานผมให้ได้
ผมจึงต้องไปทั้ง ๆ ที่ยังมองไม่เห็นว่า คุณหลวงอดุล ฯ จะเอาอะไรมาเล่นงานบุญสม ผมไปถึงบ้านพักคุณหลวงอดุล ฯ ก็เห็นมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สองสามคนอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว จำได้ว่ามีท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คุณหลวงสัมฤทธิ์สุขุมวาท และพันตำรวจเอก เนื่อง อาชุบุตร ตอนนั้นมีตำแหน่งเป็นอะไรจำไม่ได้ ผมชิดเท้าทำวันทยาหัตถ์ คุณหลวงอดุล ฯ ก็พูดออกมาตามไรฟันที่ขบนูน ชื่ออะไร ร้อยตำรวจเอก พุฒ บูรณสมภพ สารวัตรกองตรวจนครบาลใต้ ครับผม ผมรายงาน อ้อ คุณหลวงลากเสียงแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เคยได้เห็นชื่อ เราน่ะเคยปิดวังหลวงตอนเป็นผู้บังคับหมวดโรงเรียนตำรวจใช่ไหม ใช่ครับ ผมตอบ เรื่องเก่าของผมมันมีตอนที่อยู่โรงเรียนตำรวจนครบาล ผมเป็นผู้บังคับกองรักษาการณ์ในวังหลวง แล้วเกิดมีเรื่องกับตำรวจวัง เคยปิดวังหลวงไม่ให้ตำรวจวังเข้าทำงาน
เรื่องนี้มันยาว และผมปิดได้โดยไม่มีความผิด เพราะผมทำตามข้อบังคับถูกต้อง แต่หลังจากนั้น ผมก็ถูกย้ายไปอยู่เมืองชล ฯ
ผมเคยเล่าไว้ในหนังสือที่ผมเขียนมาแล้ว จะไม่เล่าในที่นี้ ตอนนั้นคุณหลวงอดุล ฯ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ เรื่องนี้ท่านรู้เรื่องดี และท่านเป็นผู้สั่งย้ายผม ผมต้องชมท่านว่าท่านจำอะไรได้แม่นยำ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ของนายตำรวจเล็ก ๆ อย่างผมขณะนั้น แต่เรื่องนี้ก็ดังมากในวงการตำรวจสมัยนั้น
ร้อยตำรวจตรีหมาด ๆ จากโรงเรียนใช้อำนาจปิดวังหลวง ถ้าผมไม่มีหลักการดีก็เสร็จไปแล้ว แต่ก็ต้องถูกย้ายออกไปบ้านนอกไปสงบสติอารมณ์เสียนาน อ้อ... เก่ง ท่านคำราม คราวนี้เลยปิดประตูวังปารุสก์ ไม่ให้คนรถของหลวงอดุล ฯ เข้าบ้านเสียเลย เก่งนักเรอะ ว่าแล้วท่านก็ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แขนสองข้างขยับไปมา ผมยืนนิ่งระวังตัว ในชั่วขณะนั้น ผมนึกว่าผมคงจะโดนอะไรเข้าสักอย่าง แต่ไม่โดน หลวงอดุล ฯ หยุดตรงหน้าผมแล้วยืนนั่ง จ้องตาผมเขม็ง ผมว่าคนรถของท่านทำไม่ถูกครับผม ผมพูดออกไป ไม่ถูกยังไง เสียงตวาดออกมา คราวนี้ผมได้กลิ่นเหล้าฉุย เพราะใกล้มาก เขาจำสัญญาณผ่านไม่ได้ ผมตอบ สัญญาณผ่านบ้าบออะไรของคุณ สัญญาณผ่านเป็นมาตรการอันหนึ่งในการระวังรักษาความปลอดภัยที่สำคัญในสถานการณ์ขณะนี้ เพราะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน สถานที่บริเวณนี้เป็นเขตที่กองรักษาการณ์ของผมต้องรับผิดชอบในความปลอดภัย เป็นเรื่องที่ผู้บังคับกองรักษาการณ์ของผมทำถูก ไม่ใช่เรื่องบ้าบอครับผม
ผมชักฉุนเสียแล้วในตอนนั้น
นัยน์ตาลุกวาวของหลวงอดุล ฯ ที่มองดูจะให้ทะลุนัยน์ตาผมนั้น ผมก็มองประสานนัยน์ตาคู่นั้น ไม่หลบ หลวงอดุล ฯ ยังหาคำพูดไม่เจอ ผมจึงพูดต่อ ผู้บังคับการณ์กองรักษาการณ์ของผมจะรู้ได้อย่างไงว่า คนคนนั้นเป็นคนขับรถของท่าน และสัญญาณผ่านนี้ก็ได้มีมาก่อนหน้านี้หลายวันมาแล้ว ทุกวันก็ผ่านเข้าออกได้ ทำไมวันนี้เขาจึงไม่เอาใจใส่ กองรักษาการณ์นี้ระวังความปลอดภัยให้ทุกท่านในเขตนี้ รวมทั้งท่านด้วย ท่านควรจะลงโทษคนขับรถของท่าน ผมว่ายังดีที่เขาปล่อยให้คนของท่านผ่านเข้ามาได้ เขาไม่ยิงเอา คราวนี้ คุณหลวงอดุล ฯ ขยับเข้ามาจนชิดตัวผมแล้วแอ่นอก คำราม เอ้ายิงซิ ยิงผมซี ผมมองไปที่ทางนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนทำหน้าไม่ดีอยู่เบื้องหลวงหลวงอดุล ฯ ต่างคนต่างก็ทำปากบุ้ยใบ้ ขยิบหูขยิบตาเป็นทำนองปรามผม ผมไม่หยุด บอกตรง ๆ ขณะนั้นยัวะเสียแล้ว เมื่อมาเจอผู้ใหญ่ที่ไม่มีเหตุผลรวนเอา ผมไม่ยิงท่านหรอกครับ ผมพูด นัยน์ตาของเราทะลวงเข้าหากัน ท่านไม่ได้ทำผิดอะไร คนรถผมมันผิด คุณเล่นงานผมซิ ท่านยังรวนผมอยู่ ผมไม่พาลยังงั้นหรอกครับ ผมหลุดคำนี้ออกไป นายตำรวจผู้ใหญ่เหล่านั้นหน้าเสีย ห-น-อ-ย หลวงอดุล ฯ คำรามเสียงยาว แล้วขยับแขนขวา ยกมือขึ้น มือข้างนั้นแผ่หงายฝ่ามือ ยกขึ้นเงื้อ ผมนึกว่าผมคงจะโดนฝ่ามือนั้นแน่ ผมเกร็งตัวพร้อมที่จะเผชิญกับมัน แต่แขนนั้นกลับลดลงทิ้งลงข้างตัว แล้วเจ้าของมือก็หันกลับ โบกมือไล่ผม ทั้ง ๆ ที่หันหลังให้ ไป ไปให้พ้น ผมโค้งทำความเคารพ เมื่อท่านหันหลังกลับมา นัยน์ตายังลุกวาว แล้วผมก็ออกมาจากที่นั่น ถ้าผมถูกตบตอนนั้น บอกตรง ๆ ผมกะชกตอบอยู่แล้ว ผมไม่ยอมที่จะถูกตบจากบุคคลซึ่งไม่มีหน้าที่บังคับบัญชาผม และในขณะนั้นผมไม่มีความผิดอย่างนั้น ในสภาพจิตใจของผมขณะนั้น รู้สึกว่ากำลังถูกย่ำยี ผมต้องขอกราบขออภัยต่อดวงวิญญาณของคุณหลวงอดุล ฯ เมื่อเขียนถึงตอนนี้ มันออกจะล่วงเกินท่านไปหน่อย แต่มันเป็นความรู้สึกของผมเช่นนั้นจริง ๆ ขณะนั้น และผมตั้งใจเช่นนั้นจริง ๆ เคราะห์ของผมยังดีที่ท่านยั้งมือไว้ หากท่านตบผลัวะลงมา ผมก็คงกร้วมออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิด ผมก็คงต้องกราบลาชีวิตตำรวจแน่นอนเจ้านายที่ไหนเขาจะเลี้ยงผม มันเป็นความผิดอย่างมหันต์ที่อภัยกันไม่ได้ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น
ไอ้ลูกตบที่ง้างค้างไว้กับผมลูกนั้น ดันมาฟาดลงที่ใบหน้าเจ้านายของผม ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น คุณหลวงอดุล ฯ มาอาละวาดเจ้านายผมแต่เช้ามืด ปลุกขึ้นมาจากที่นอน โวยวายเรื่องเมื่อคืนนี้กับเจ้านาย แล้วเลยระบายอารมณ์เอากับเจ้านายแทนตัวผมด้วย
ลูกตบที่เงื้อค้างไว้กับผมลูกนั้น ท่านคงเห็นว่าเป็นลูกศิษย์ของเพื่อนของท่าน --ท่านจอมพล ป. เจ้านายเรียกตัวผมไปแต่เช้าเหมือนกัน หลังจากที่คุณหลวงอดุล ฯ อาละวาดไป สด ๆ ร้อน ๆ มึงมีเรื่องอะไรกับคุณหลวงอดุล ฯ วะ เมื่อคืนนี้ ท่านตั้งคำถามเอากับผมทันที ผมรู้เรื่องที่คุณหลวงอดุล ฯ มาอาละวาดแต่เช้าจากตำรวจข้างล่างแล้ว ใจผมไม่ดีเหมือนกัน กลัวเจ้านายจะมาออกตัวเอากับผม ถ้าเจ็บตัวด้วยฝีมือท่านก็ต้องทนเอา ต้องยอม ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนนี้ให้ท่านฟังโดยละเอียดทุกถ้อยคำที่โต้ตอบกัน ท่านฟังเรื่องจบ สีหน้าก็ดีขึ้น เจ้านายถอนหายใจเฮือกเหมือนกับระงับอารมณ์ ถ้ามึงถูกตบ มึงจะทำยังไง ท่านถาม ผมคงถูกออกจากราชการแหละครับ ผมตอบท่านไปตรง ๆ ผมไม่ผิด ผมยอมไม่ได้ และคุณหลวงอดุล ฯ ไม่ใช่นายผม กูทำอย่างมึงไม่ได้ ท่านพูดออกมาช้า ๆ แล้วยิ้ม
ผมเห็นความคับแค้นในรอยยิ้มนั้น ในชั่วขณะนั้นผมมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เพราะจับเอาความรู้สึกของท่านเข้ามาเป็นความรู้สึกของผม อย่างที่ผมเชื่อว่าไม่ผิด ผมเห็นใจและสงสาร เคารพในความรู้สึกอันนั้น กินข้าวหรือยังวะ ท่านเปลี่ยนเรื่อง พอดีขณะนั้นตำรวจรับใช้เข้ามาจัดอาหารเช้า ยังครับ
งั้นกินกะกู
ผมขออนุญาตครับ ขออนุญาตไปรับประทานกับพวกเด็ก ๆ เขาจะเปลี่ยนกองรักษาการณ์พอดีเช้านี้ และผมนัดประชุมเขาไว้ตอนอาหารเช้า
ผมโกหกส่งเดชออกไป เพราะคิดว่า ถ้าอยู่ก็กินไม่ลง
เออ ตามใจมึง ลืมเรื่องนี้ซะ และมึงอย่าไปตอแยกับหลวงอดุล ฯ ต่ออีกนะ ท่านพูดอย่างรู้ใจผม เพราะความตั้งใจของผมนั้นต้องการจะไปตอแยกับหลวงอดุล ฯ จริง ๆ ผมได้ลุกขึ้นโค้งทำความเคารพ แล้วลุกขึ้นพาตัวเองลงมา
คุณคงรู้จักคุณเผ่า ฯ ดีขึ้นอีกหน่อยใช่ไหม ?
Create Date : 26 เมษายน 2553 |
Last Update : 26 เมษายน 2553 20:49:29 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2633 Pageviews. |
|
|
|
อาจจะดูว่าเนื้อหาเหมือนกันกับเรื่องก่อน..แต่จริงๆแล้วยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่างที่เพิ่มมา ซึ่งก็ต้องอ่านทั้งหมดนั่นแหละไม่งั้นจะปะติดปะต่อไม่ถูก
ดีแล้วหล่ะที่นำมาให้อ่านทั้งหมด ไม่มีการตัดทอน...ไม่เบื่อหรอก...ยังไงก็ไม่เบื่อ....
รออ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ......ขอบคุณมากๆ.....