จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 10)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 10

กัณหายังคงก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่

“ ผมจะไปบ้านนายห้าง ฯ ละ ” ผมพูดกับหล่อน

หล่อนเลื่อนกุญแจรถออกมาตรงหน้าโดยไม่พูด

“ ผมไม่ใช้รถคุณหรอก ผมจะเดินเอา ” ผมว่า

หล่อนเหลือบตาขึ้นมองผม แล้วก้มหน้า

“ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลับมาถึงสำนักงานกันหรอก ” หล่อนพูดเหมือนพูดคนเดียว

“ ยังไม่หิวข้าวอีกหรือคุณ ” ผมถามหล่อน พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ มันบอกเวลาบ่ายโมงเข้าไปแล้ว

“ คุณพี่ยังไม่ออกไป จะไปยังไง ” หล่อนพูด

“ ถ้ายังงั้น ผมรอ ” ผมหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ

หล่อนสองดูผมอีกแวบหนึ่ง ขยับจะพูดอะไรออกมาแล้วกลับนิ่ง ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

สักครู่ คุณพี่ก็ออกมาจากห้อง
“ อ้าว ! ยังไม่ไปอีกหรือ พ่อดนัย ” คุณพี่พูดเมื่อเห็นผม

“ ผมจะทานข้าวก่อนครับ แล้วจะไป ” ผมว่า

คุณพี่ไม่ว่าอะไร เดินลงบันไดไป

“ คุณพี่ไปแล้ว เราไปกันหรือยังครับ ” ผมพูดกับกัณหา

“ ไปไหน ” ทีนี้หล่อนเงยหน้า มองผมตาขึง

“ ไปทานข้าวด้วยกัน ผมรวยวันนี้ ขออนุญาตเลี้ยงสักวัน ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยไม่ให้ผมต้องอดข้าวเมื่อวันก่อน ”

“ เมื่อไหร่ ” หล่อนขมวดคิ้วนึก

“ วันที่ผมใช้เงินยี่สิบบาทสุดท้าย ไล่คนรถผู้การกลับไปนั่นไง แล้วผมขึ้นมานั่งหิวอยู่บนนี้ คุณเป็นคนออกความคิดให้ผมได้ทานก๋วยเตี๋ยวเซ็นชื่อไว้ก่อนได้ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงท้องกิ่ววันนั้น ”

หล่อนพยายามจะกลั้นยิ้มจนต้องเม้มปาก เมื่อนึกออก

“ ขอให้ผมได้ตอบแทนบุญคุณนั้นหน่อยวันนี้ ” ผมพูดต่อ “ ถ้าคุณปฏิเสธ ผมจะเสียใจ ”

“ ฉันยังโกรธคุณอยู่นะ จะบอกให้ ” หล่อนทำตาขึงเอากับผมอีก

“ หายเสียเถอะ คุณก็รู้อยู่แล้วว่า ผมทำอะไรไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร ”

“ นี่คุณจะทำไปเพื่อทดแทนบุญคุณอีก ฉันว่าคุณอาจจะเป็นคนคิดมากไปสักหน่อย ” หล่อนว่า

“ เรื่องที่จะทดแทนบุญคุณนั่นน่ะ มันเป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบเท่านั้น ความจริง ผมอยากจะให้คุณหายโกรธผมด้วย อยากเอาใจน่ะ พูดง่าย ๆ ”

“ เอาใจฉันไปเพื่อนอะไร ” หล่อนยังตั้งปัญหา

“ คุณซักผมยังงี้ ก็ตอบไม่ถูกแล้ว ไปกันเถอะ ” ผมลุกขึ้นยืน
“ ประเดี๋ยวคุณก็จะต้องกลับมาทำรายงาน แล้วผมก็ต้องไปพบนายห้าง ฯ นั่นอีก เวลายิ่งมีน้อยอยู่ ”

หล่อนมองผมด้วยสายตาพิกล ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอย่างลังเลใจ

ผมขอกุญแจรถจากหล่อน เมื่อลงมาถึงที่จอดรถ แล้วทำหน้าที่คนขับ
ผมพาหล่อนมายังร้านอาหารที่มีห้องเย็น และมีดนตรี

“ ทำไมต้องมาที่แพง ๆ ยังงี้ด้วย ” หล่อนบ่นเมื่อมานั่งที่โต๊ะในร้านนั้นเรียบร้อยแล้ว

“ นานแล้วผมไม่ได้มาที่อย่างนี้ ” ผมพูด แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบ๋อย

กัณหาต้องการน้ำส้ม ผมสั่งเบียร์เย็น ๆ ไป

“ เปลืองเงินเปล่า ๆ ” หล่อนยังไม่หยุดบ่น มองดูผมอย่างตำหนิ

“ เงินผมเมื่อไร เงินผู้การเขา ที่ทำให้ผมเจ็บตัววันนั้น ผมได้มาเปล่า ๆ ก็ใช้มันหาความสุขไป เราตั้งใจจะหาความสุขก็ไม่ควรเสียดายเงิน ”

“ ความจริง ฉันไม่ควรตำหนิคุณหรอก ” หล่อนพูดเสียงน้อยใจ “ มันเป็นเงินของคุณ แต่เมื่อฉันมีส่วนทำให้คุณเสียเงินด้วย ก็อดที่จะคิดไม่ได้ ”

ผู้หญิงคนนี้ลงบทที่จะพูด ก็พูดจนเดาไม่ออกว่า ในใจคิดอย่างไร
ผมคิดว่าผมชักจะชอบหล่อน

เพียงแต่ชอบ นายดนัย บริการ ยังไม่มีอนาคตอะไร

“ ขอบคุณที่รู้สึกเป็นห่วง ” ผมพูด “ คุณมีสิทธิที่จะตำหนิผมอย่างเพื่อนที่ดี ผมยอมรับคำตำหนิของคุณ และถือว่ามันเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง ผมรับปากว่า ผมจะไม่ใช้เงินเล่นอย่างนี้อีก ”

หล่อนมองดูนัยน์ตาผม แล้วยิ้ม

“ นั่น ยังงั้น ” ผมยิ้มตอบ “ อาหารมื้อนี้จะได้อร่อยขึ้นอีกเยอะ ”

“ เพื่อมิตรภาพและความเข้าใจอันดีของเรา ” ผมยกถ้วยเบียร์ขึ้นชวนหล่อนดื่ม

หล่อนไม่พูดอะไร ยกถ้วยน้ำส้มขึ้นดื่ม นัยน์ตามองดูผม

ผมช่วยเลือกอาหารให้หล่อน เพราะกัณหาบอกว่าเลือกไม่ถูก เรานั่งรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้คุยอะไรกัน มีเสียงเพลงช่วยทำให้อาหารมีรสชาติขึ้นอีกนิด

“ คุณชอบสถานที่อย่างนี้ไหม ” ผมชวนคุย

“ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้ามาในที่อย่างนี้ ” หล่อนตอบ “ คุณคงจะชอบ และคงจะไปมาแล้วหลายแห่ง ”

“ ผมเคยไปมาแล้วหลายแห่งเมื่อก่อนนี้ ตอนที่กำลังหาเงินได้คล่องๆ ”

“ มันไม่เหมือน ๆ กันหรอกหรือคะ แต่ละแห่ง ” ทีนี้หล่อนถามทั้งคำพูดและนัยน์ตา

“ บรรยากาศของแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งประกอบคล้าย ๆ กัน อย่างที่นี่ คุณจะเห็นว่าดนตรีไม่ค่อยจะส่งเสียงดัง และอาหารรับประทานได้ดี พนักงานรับใช้สุภาพเรียบร้อย บางแห่ง ดนตรีเสียงดังเสียจนอาหารจะไม่ย่อย บางแห่งดนตรีดี แต่อาหารไม่ได้ความ พนักงานรับใช้ไม่เอาไหนเลย แต่บางแห่งก็มีอาหารแปลก ๆ ที่หารับประทานไม่ได้ที่อื่น แต่ละแห่งจึงไม่เหมือนกัน นักแสวงหาของกินจึงตระเวนไปหาที่ใช้เงินกันทั่ว ๆ ไป ”

“ ที่นี่ คงเป็นที่ที่คุณชอบมากที่สุด ”

“ ผมมาที่นี่บ่อยกว่าที่อื่น ” ผมตอบเสียงเบา ๆ เสียงที่พูดมันสะดุด ไม่ราบเรียบ

กัณหามองดูผม อย่างจับสังเกตในน้ำเสียงได้ แล้วพูดว่า

“ คุณคงมีอะไรที่ถูกใจที่นี่ ”

ผมมองหน้าหล่อนนิ่งอยู่ ชั่งใจว่าควรจะเล่าอะไร ๆ ให้หล่อนฟังดีหรือไม่ แล้วจึงพูดว่า

“ ที่นี่ บรรยากาศมันเหมาะที่จะพาคนที่เราสนิทชิดชอบมาหย่อนอารมณ์ ”

หล่อนไม่พูด ก้มหน้าตักอาหาร

“ แต่เดี๋ยวนี้ มันเป็นความหลังไปเสียแล้ว ” ผมพูดต่อ “ ผมอยากมาดูว่า มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปกว่าที่ผมเคยเห็นเมื่อเกือบสิบปีมาแล้วนี่หรือเปล่า ”

“ ความหลัง ? ” คราวนี้หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผม “ สถานที่อย่างนี้ก็มีความหลังด้วยหรือคะ ”

“ มันมีสำหรับผม แต่มันเป็นเรื่องที่คุณไม่น่าจะรับฟังหรอก ” ผมยิ้มขณะพูด แต่น้ำเสียงของผมมันไม่ยิ้มด้วย

หล่อนมองดูผมก่อนที่จะพูดว่า

“ แล้วมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหมคะ ”

“ สถานที่ยังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของผมเปลี่ยนแปลงไป ”

“ ได้เพื่อนรับประทานที่ไม่ได้ความเลย ไม่เหมือนก่อน ๆ ใช่ไหมคะ ” หล่อนยิ้ม แล้วก้มหน้าลงทำธุระกับจานอาหารตรงหน้า

“ ตรงข้าม ผมเพื่อนที่ถูกใจที่สุดขณะนี้ ผมลืมความหลังเรื่องที่เกี่ยวกับบุคคลไปหมดแล้วละ คุณกัณหา มันยังคงอยู่แต่เรื่องสถานที่เท่านั้น ผมเกิดความรู้สึกอยากจะมาเยี่ยมสถานที่นี้ เมื่อตอนที่ผมออกมาจากห้องคุณพี่ พร้อมกับเงินที่ผมขอแลกกับกระดาษกู้ที่ผู้การเขาเขียนไว้ให้ผมวันที่เขาต่อยปากผมวันนั้น แล้วก็อยากชวนคุณมาด้วยเป็นประการสำคัญ ส่วนไอ้ที่ว่าเพื่อจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยให้ผมหายท้องกิ่วในวันนั้น มันเป็นเหตุผลประกอบเท่านั้น อย่างนี้ผมจะเห็นคุณเป็นเพื่อนรับประทานที่ไม่ได้ความได้อย่างไร ”

หล่อนนิ่งไปอีก ผมจึงพูดต่อ

“ คราวนี้ก็คงจะอีกนานวันหรอก จึงจะได้มีโอกาสเข้ามาอีก ”

ผมไม่อยากเล่าเรื่องความหลังของผมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเคยพามาที่นี่บ่อย ๆ ให้หล่อนฟัง ผู้หญิงคนนั้นหล่อนผละจากผมไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อหล่อนรู้ว่าผมหมดตัว ตอนนั้นผมนึกว่าหล่อนรักผม

กัณหาไม่ได้ชวนผมพูดต่อถึงเรื่องความหลัง หล่อนจะอยากให้ผมพูเดขึ้นมาเอง หรือไม่อยากจะฟังก็เดาไม่ออก ผู้หญิงคนนี้เก็บความรู้สึกเก่ง

เรารับประทานอาหารกันเสร็จเกือบบ่ายสองโมง ผมชำระค่าอาหารแล้วก็ชวนออกมาจากที่นั่น ผมขับรถไปส่งหล่อนที่สำนักงานก่อน แล้วจึงบึ่งไปที่บ้านนายห้างสากลพานิช ซึ่งอยู่ถึงฝั่งธน ฯ ถ้าผมจะเดินไปจริง ๆ ก็คงจะมาถึงสำนักงานพรุ่งนี้อย่างที่กัณหาว่า

ผมเสร็จธุระกับนายห้างคนนั้น และกลับถึงสำนักงานเอาเกือบบ่ายสี่โมง คุณพี่ยังไม่กลับสำนักงาน คงจะวุ่นติดตามเรื่องแม่ยุพดีอยู่

ผมเขียนรายการที่นายห้างคนนั้นต้องการเกี่ยวกับการจัดงาน แล้วส่งไว้ให้กับกัณหาตามที่คุณพี่สั่ง แล้วผมก็บอกหล่อนว่า ผมจะออกจากสำนักงานก่อนเวลาสักหน่อย ถ้าคุณพี่ถามหา ก็ให้หล่อนบอกว่า ผมไปสืบเรื่องแม่ยุพดีให้คุณพี่ ดีกว่าที่จะอยู่เฉย ๆ ที่สำนักงาน

ผมรู้จักพ่อค้าคนสำคัญซึ่งมีนามสกุลเหมือนกับเด็กคนที่ถูกรถชนตายในคดีที่แม่ยุพดีเป็นจำเลย เขาชื่อ สันติ สันติศักดิ์ เราเคยพบกันบ่อยตามสโมสรต่าง ๆ เมื่อตอนที่ผมยังมีอาชีพเป็นทนายอยู่ และผมเคยเป็นทนายความเรื่องเกี่ยวกับหนี้สินของเขา

ผมออกจากสำนักงานก็จับแท็กซี่ตรงไปที่บ้านเขา

นายสันติอยู่บ้านพอดี พ่อค้าใหญ่อย่างเขาไม่ต้องนั่งออฟฟิศนานเท่าใด และผมรู้ว่า นายสันติชอบทำงาน และสั่งงานอยู่ที่บ้าน เขามีห้องทำงานของเขาอยู่ที่บ้านเขาจะไม่อยู่ก็ต่อเมื่อไปหาผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อกิจการงานของเขา หรือไม่ก็หย่อนใจที่สโมสรแห่งใดแห่งหนึ่ง

ผมนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขกอันโอ่โถงของเขาไม่นาน เขาก็เข้ามา
เขายกมือรับไหว้ผม แล้วว่า

“ โอ ไม่ได้พบกันเสียนาน คุณดนัย สบายดีหรือครับ ”

“ สบายดีครับ ขอบคุณ ”
“ มีธุระอะไรหรือครับ เป็นไงบ้าง ความของคุณคงจะมากละซีตอนนี้ ไม่ค่อยได้พบกันอย่างแต่ก่อน ”

“ ผมถูกยึดใบอนุญาตว่าความนานแล้วละครับ ที่หายหน้าไปก็เพราะหมดตัว ”

เขามองดูผมอย่างไม่เชื่อ แล้วก็สำรวจเครื่องแต่งตัวของผม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากที่เขาเห็นผมทีแรก คงจะชักจะเชื่อจากการดูเครื่องแต่งกายของผม

เขานิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ ท่าทางของเขาระมัดระวังขึ้น

“ แต่ผมได้งานใหม่แล้ว ไม่มารบกวนอะไรคุณสันติหรอกครับ ” ผมพูดอย่างรู้ใจเขา

เขารีบโบกไม้โบกมือ
“ ผมไม่ได้คิดยังงั้น ที่นิ่งมองดูคุณอยู่ เพราะมันเป็นข่าวที่ทำให้ผมตกใจ ผมเพิ่งนึกออกเดี๋ยวนี้เอง ว่าเคยได้ยินเรื่องของคุณ มีอะไรจะให้ผมช่วยก็บอกมาเถอะ ”

“ ขอบคุณละครับ ผมจะมาสอบสวนอะไรคุณสันติสักหน่อยเท่านั้น ”

“ เรื่องอะไร ว่ามาเลย ” เขาชักจะแน่ใจว่าผมมาดี

“ คุณสันติเป็นอะไรกับเด็กหญิงพัชนีที่ถูกรถชนตาย ”

“ ผมเป็นลุง เขาเป็นของลูกน้องชายผม ”

“ เรื่องไปถึงไหนแล้วครับ ”

“ ก็ยังอยู่ระหว่างสืบพยานที่ศาล ตอนนี้จำเลยเขาได้ประกันตัวไปแล้วนี่ คุณเป็นทนายจำเลยร่วมกับเขาด้วยหรือ ผมได้ยินมาว่าคุณธรรมนูญเป็นทนาย ”

“ ผมไม่ได้เป็นทนายให้ใครหรอกครับคดีนี้ ไม่เกี่ยวกับผม คุณสันติทราบหรือเปล่าว่า พยานปากสำคัญในคดีนี้ถูกฆ่าตาย ”

“ ใครล่ะครับ ” ท่าทีเขาสนใจขึ้น

“ คนขับรถสามล้อเครื่องที่เห็นเหตุการณ์ ”

“ เมื่อไรครับ ”

“ เมื่อคืนวานนี้เอง หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว คุณไม่ได้อ่านหรอกหรือ ”

“ ผมไม่ได้อ่าน ยังงี้คดีก็อ่อนลงไปซิ ”

“ ก็คงจะกระทบกระเทือนกับหลักฐานทางคดีอยู่มาก เพราะดูเหมือนจะเป็นพยานปากสำคัญปากเดียวที่เห็นเหตุการณ์แต่แรก ”

นายสันตินั่งนิ่งอยู่สักครู่ จึงพูดว่า

“ ใครฆ่าเขาครับ คนสามล้อคนนั้น ”

“ ตำรวจกำลังสืบสวนกันอยู่ ยังไม่ได้ตัวคนร้าย ”

“ เขาถูกฆ่าด้วยอะไร ”

“ ถูกยิงด้วยปืน อ่านรายละเอียดดูในหนังสือพิมพ์ ไม่ดีกว่าหรือครับ ผมก็รู้มาเท่านั้นจากหนังสือพิมพ์ ”

เขาลุกขึ้นเดินไปกดกริ่งข้างห้อง แล้วสั่งเด็กคนใช้ให้ไปหยิบหนังสือพิมพ์มา

เขาเดินกลับมานั่งที่เดิม พร้อมกับหนังสือพิมพ์ที่เด็กคนใช้เอามาให้ แล้วนั่งลงอ่านข้อความที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรรมคนสามล้อรายนั้น ซึ่งเป็นข่าวพาดหัวใหญ่

ผมปล่อยให้เขาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบ ๆ

“ เอ อย่างนี้มันก็ยุ่ง ” เขาพึมพำออกมา พับหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้ววางบนโต๊ะ “ คุณมาหาผมด้วยเรื่องนี้งั้นหรือ ”

“ ครับ ” แล้วผมก็นิ่ง

เขารอฟังผมพูดต่อ เมื่อเห็นผมนิ่ง เขาจึงพูดว่า

“ คุณไม่ได้เป็นทนายให้ใครในเรื่องนี้ แล้วคุณมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง ”

“ ผมอยากจะขอทราบข้อเท็จจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่าคุณควรจะทราบ ”

“ อะไรล่ะครับ ”

“ นายคนขับสามล้อคนนั้นเป็นพยานปากเดียวจริงหรือเปล่า ”

เขานิ่งไปอีก มองหน้าผมนิ่งอยู่ แล้วว่า

“ คุณบอกฐานะของคุณที่เกี่ยวกับคดีนี้ให้ผมทราบก่อนดีกว่า พูดตรง ๆ ผมยังไม่แน่ใจว่า คุณมาหาผมด้วยฐานะอะไร คุณคงจะต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้อยู่ทางใดทางหนึ่ง ก่อนที่ผมจะคุยกับคุณ ผมก็ควรจะได้แน่ใจสักหน่อยว่าผมจะไม่เสียประโยชน์ เพราะคดีนี้ ผมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยถึงสองแสน ผมรับเป็นธุระให้พ่อของเด็ก เพราะผมหมั่นไส้คน ”

“ สองแสนเชียวหรือครับ แล้วใครล่ะที่คุณหมั่นไส้ ” ผมถามขึ้นมาเรื่อย

“ ไอ้นายเชิด ”

“ เชิดไหนครับ ”

“ ก็ไอ้นายเชิด ดุรงค์นพคุณ ”

“ ทำไมละครับ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ”

“ เมียน้อยมันน่ะซีที่เป็นจำเลย มันไปที่โรงพัก ทำเจ้ากี้เจ้าการจะล้ม
คดี น้องชายผมเขารีบมาบอกผม ผมจึงต้องยื่นมือเข้าช่วย นายเชิดเขาสนิทกับนายตำรวจใหญ่ ๆ หลายคน ผมอยากรู้นักว่า เขากับผมใครจะใหญ่กว่ากัน ผมก็ไม่ทราบว่า เขาวิ่งเต้นประกันตัวออกมาได้อย่างไรที่ศาล ตอนประกันตัวที่ตำรวจนั่น ผมรู้แล้วว่าเขาต้องประกันตัวได้ ผมชักสงสัยเสียแล้วละว่า ที่สามล้อถูกฆ่านี่จะมีอะไร ๆ อยู่เบื้องหลัง นายเชิดคนนี้เขามีลูกน้องมากอยู่ แล้วนี่ตำรวจเขาจะสืบสวนเรื่องฆ่ากันตายนี่ไปยังไงก็ไม่รู้ เขารู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่า คนตายเป็นพยานสำคัญในคดีรถชนเด็ก ”

“ เขารู้ หนังสือพิมพ์ก็ว่ายังงั้น ” ผมชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ตรงหน้า

“ ถ้ายังงั้น เขาก็น่าจะเอาตัวแม่ยุพดีนั่นมาสอบสวนด้วย ”

“ เขาไปตามตัวแม่ยุพดีแล้ว ”

“ เขาไม่ได้ตัวแม่ยุพดี ”

นายสันติมองหน้าผม ตาค้าง
“ หนีงั้นหรือ ”

“ ยังไม่ทราบ หล่อนเดินทางไปหัวหินแล้วก็เลยล่องใต้ไป ไม่รู้ว่าหนี หรือไปโดยไม่รู้ ”

“ เอ๊ะ! ถ้ายังงั้นก็ยิ่งชัด ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนสามล้อนี่แน่ ”

“ เขายังลงความเห็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะยุพดีอาจจะไปตากอากาศเรื่อยเปื่อย ไปโดยไม่รู้ก็ได้ เพราะตามกำหนดนัดศาลยังอยู่อีกสองเดือน ”

“ ถ้ารอถึงสองเดือนก็ไม่ไหวละ ”

“ ตำรวจเขาคงไม่รอถึงขนาดนั้น แต่เขาจะต้องใช้มาตรการของเขาให้ได้ตัวแม่ยุพดีมาสอบสวน จนเขาหมดหนทาง แล้วเขาก็คงจะร้องต่อศาล ขอให้เรียกตัวตามสัญญาประกัน ”

“ คงจะหลายวัน ”

“ ก็คงจะหลายวัน แต่มีวิธีที่จะให้รู้ได้เร็วกว่านั้นว่า หลบหนีประกันหรือเปล่า ”

“ วิธียังไง ”

ผมนิ่ง ยิ้มมองดูเขา

เขาเข้าใจ มองดูผมแล้วยิ้ม พูดว่า

“ คุณเป็นทนายชั้นดี ผมลืมไป ความคิดของคุณมีราคา รอเดี๋ยว ”





Create Date : 01 มิถุนายน 2553
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 1:17:01 น. 3 comments
Counter : 666 Pageviews.

 
เรื่องสนุกชวนให้ติดตามจริงๆ...

รออ่านต่อ....ขอบคุณมากๆ...


โดย: ก้นกะลา วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:3:11:06 น.  

 
ยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากขี้นเยี่ยมมากตรับสำหรับเรื่องนี้


โดย: ศรชัย IP: 114.128.11.177 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:8:36:02 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:8:46:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.