|
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 10)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 10
กัณหายังคงก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
ผมจะไปบ้านนายห้าง ฯ ละ ผมพูดกับหล่อน
หล่อนเลื่อนกุญแจรถออกมาตรงหน้าโดยไม่พูด
ผมไม่ใช้รถคุณหรอก ผมจะเดินเอา ผมว่า
หล่อนเหลือบตาขึ้นมองผม แล้วก้มหน้า
พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลับมาถึงสำนักงานกันหรอก หล่อนพูดเหมือนพูดคนเดียว
ยังไม่หิวข้าวอีกหรือคุณ ผมถามหล่อน พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ มันบอกเวลาบ่ายโมงเข้าไปแล้ว
คุณพี่ยังไม่ออกไป จะไปยังไง หล่อนพูด
ถ้ายังงั้น ผมรอ ผมหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ
หล่อนสองดูผมอีกแวบหนึ่ง ขยับจะพูดอะไรออกมาแล้วกลับนิ่ง ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
สักครู่ คุณพี่ก็ออกมาจากห้อง อ้าว ! ยังไม่ไปอีกหรือ พ่อดนัย คุณพี่พูดเมื่อเห็นผม
ผมจะทานข้าวก่อนครับ แล้วจะไป ผมว่า
คุณพี่ไม่ว่าอะไร เดินลงบันไดไป
คุณพี่ไปแล้ว เราไปกันหรือยังครับ ผมพูดกับกัณหา
ไปไหน ทีนี้หล่อนเงยหน้า มองผมตาขึง
ไปทานข้าวด้วยกัน ผมรวยวันนี้ ขออนุญาตเลี้ยงสักวัน ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยไม่ให้ผมต้องอดข้าวเมื่อวันก่อน
เมื่อไหร่ หล่อนขมวดคิ้วนึก
วันที่ผมใช้เงินยี่สิบบาทสุดท้าย ไล่คนรถผู้การกลับไปนั่นไง แล้วผมขึ้นมานั่งหิวอยู่บนนี้ คุณเป็นคนออกความคิดให้ผมได้ทานก๋วยเตี๋ยวเซ็นชื่อไว้ก่อนได้ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงท้องกิ่ววันนั้น
หล่อนพยายามจะกลั้นยิ้มจนต้องเม้มปาก เมื่อนึกออก
ขอให้ผมได้ตอบแทนบุญคุณนั้นหน่อยวันนี้ ผมพูดต่อ ถ้าคุณปฏิเสธ ผมจะเสียใจ
ฉันยังโกรธคุณอยู่นะ จะบอกให้ หล่อนทำตาขึงเอากับผมอีก
หายเสียเถอะ คุณก็รู้อยู่แล้วว่า ผมทำอะไรไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร
นี่คุณจะทำไปเพื่อทดแทนบุญคุณอีก ฉันว่าคุณอาจจะเป็นคนคิดมากไปสักหน่อย หล่อนว่า
เรื่องที่จะทดแทนบุญคุณนั่นน่ะ มันเป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบเท่านั้น ความจริง ผมอยากจะให้คุณหายโกรธผมด้วย อยากเอาใจน่ะ พูดง่าย ๆ
เอาใจฉันไปเพื่อนอะไร หล่อนยังตั้งปัญหา
คุณซักผมยังงี้ ก็ตอบไม่ถูกแล้ว ไปกันเถอะ ผมลุกขึ้นยืน ประเดี๋ยวคุณก็จะต้องกลับมาทำรายงาน แล้วผมก็ต้องไปพบนายห้าง ฯ นั่นอีก เวลายิ่งมีน้อยอยู่
หล่อนมองผมด้วยสายตาพิกล ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอย่างลังเลใจ
ผมขอกุญแจรถจากหล่อน เมื่อลงมาถึงที่จอดรถ แล้วทำหน้าที่คนขับ ผมพาหล่อนมายังร้านอาหารที่มีห้องเย็น และมีดนตรี
ทำไมต้องมาที่แพง ๆ ยังงี้ด้วย หล่อนบ่นเมื่อมานั่งที่โต๊ะในร้านนั้นเรียบร้อยแล้ว
นานแล้วผมไม่ได้มาที่อย่างนี้ ผมพูด แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบ๋อย
กัณหาต้องการน้ำส้ม ผมสั่งเบียร์เย็น ๆ ไป
เปลืองเงินเปล่า ๆ หล่อนยังไม่หยุดบ่น มองดูผมอย่างตำหนิ
เงินผมเมื่อไร เงินผู้การเขา ที่ทำให้ผมเจ็บตัววันนั้น ผมได้มาเปล่า ๆ ก็ใช้มันหาความสุขไป เราตั้งใจจะหาความสุขก็ไม่ควรเสียดายเงิน
ความจริง ฉันไม่ควรตำหนิคุณหรอก หล่อนพูดเสียงน้อยใจ มันเป็นเงินของคุณ แต่เมื่อฉันมีส่วนทำให้คุณเสียเงินด้วย ก็อดที่จะคิดไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ลงบทที่จะพูด ก็พูดจนเดาไม่ออกว่า ในใจคิดอย่างไร ผมคิดว่าผมชักจะชอบหล่อน
เพียงแต่ชอบ นายดนัย บริการ ยังไม่มีอนาคตอะไร
ขอบคุณที่รู้สึกเป็นห่วง ผมพูด คุณมีสิทธิที่จะตำหนิผมอย่างเพื่อนที่ดี ผมยอมรับคำตำหนิของคุณ และถือว่ามันเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง ผมรับปากว่า ผมจะไม่ใช้เงินเล่นอย่างนี้อีก
หล่อนมองดูนัยน์ตาผม แล้วยิ้ม
นั่น ยังงั้น ผมยิ้มตอบ อาหารมื้อนี้จะได้อร่อยขึ้นอีกเยอะ
เพื่อมิตรภาพและความเข้าใจอันดีของเรา ผมยกถ้วยเบียร์ขึ้นชวนหล่อนดื่ม
หล่อนไม่พูดอะไร ยกถ้วยน้ำส้มขึ้นดื่ม นัยน์ตามองดูผม
ผมช่วยเลือกอาหารให้หล่อน เพราะกัณหาบอกว่าเลือกไม่ถูก เรานั่งรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้คุยอะไรกัน มีเสียงเพลงช่วยทำให้อาหารมีรสชาติขึ้นอีกนิด
คุณชอบสถานที่อย่างนี้ไหม ผมชวนคุย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้ามาในที่อย่างนี้ หล่อนตอบ คุณคงจะชอบ และคงจะไปมาแล้วหลายแห่ง
ผมเคยไปมาแล้วหลายแห่งเมื่อก่อนนี้ ตอนที่กำลังหาเงินได้คล่องๆ
มันไม่เหมือน ๆ กันหรอกหรือคะ แต่ละแห่ง ทีนี้หล่อนถามทั้งคำพูดและนัยน์ตา
บรรยากาศของแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งประกอบคล้าย ๆ กัน อย่างที่นี่ คุณจะเห็นว่าดนตรีไม่ค่อยจะส่งเสียงดัง และอาหารรับประทานได้ดี พนักงานรับใช้สุภาพเรียบร้อย บางแห่ง ดนตรีเสียงดังเสียจนอาหารจะไม่ย่อย บางแห่งดนตรีดี แต่อาหารไม่ได้ความ พนักงานรับใช้ไม่เอาไหนเลย แต่บางแห่งก็มีอาหารแปลก ๆ ที่หารับประทานไม่ได้ที่อื่น แต่ละแห่งจึงไม่เหมือนกัน นักแสวงหาของกินจึงตระเวนไปหาที่ใช้เงินกันทั่ว ๆ ไป
ที่นี่ คงเป็นที่ที่คุณชอบมากที่สุด
ผมมาที่นี่บ่อยกว่าที่อื่น ผมตอบเสียงเบา ๆ เสียงที่พูดมันสะดุด ไม่ราบเรียบ
กัณหามองดูผม อย่างจับสังเกตในน้ำเสียงได้ แล้วพูดว่า
คุณคงมีอะไรที่ถูกใจที่นี่
ผมมองหน้าหล่อนนิ่งอยู่ ชั่งใจว่าควรจะเล่าอะไร ๆ ให้หล่อนฟังดีหรือไม่ แล้วจึงพูดว่า
ที่นี่ บรรยากาศมันเหมาะที่จะพาคนที่เราสนิทชิดชอบมาหย่อนอารมณ์
หล่อนไม่พูด ก้มหน้าตักอาหาร
แต่เดี๋ยวนี้ มันเป็นความหลังไปเสียแล้ว ผมพูดต่อ ผมอยากมาดูว่า มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปกว่าที่ผมเคยเห็นเมื่อเกือบสิบปีมาแล้วนี่หรือเปล่า
ความหลัง ? คราวนี้หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผม สถานที่อย่างนี้ก็มีความหลังด้วยหรือคะ
มันมีสำหรับผม แต่มันเป็นเรื่องที่คุณไม่น่าจะรับฟังหรอก ผมยิ้มขณะพูด แต่น้ำเสียงของผมมันไม่ยิ้มด้วย
หล่อนมองดูผมก่อนที่จะพูดว่า
แล้วมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหมคะ
สถานที่ยังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของผมเปลี่ยนแปลงไป
ได้เพื่อนรับประทานที่ไม่ได้ความเลย ไม่เหมือนก่อน ๆ ใช่ไหมคะ หล่อนยิ้ม แล้วก้มหน้าลงทำธุระกับจานอาหารตรงหน้า
ตรงข้าม ผมเพื่อนที่ถูกใจที่สุดขณะนี้ ผมลืมความหลังเรื่องที่เกี่ยวกับบุคคลไปหมดแล้วละ คุณกัณหา มันยังคงอยู่แต่เรื่องสถานที่เท่านั้น ผมเกิดความรู้สึกอยากจะมาเยี่ยมสถานที่นี้ เมื่อตอนที่ผมออกมาจากห้องคุณพี่ พร้อมกับเงินที่ผมขอแลกกับกระดาษกู้ที่ผู้การเขาเขียนไว้ให้ผมวันที่เขาต่อยปากผมวันนั้น แล้วก็อยากชวนคุณมาด้วยเป็นประการสำคัญ ส่วนไอ้ที่ว่าเพื่อจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยให้ผมหายท้องกิ่วในวันนั้น มันเป็นเหตุผลประกอบเท่านั้น อย่างนี้ผมจะเห็นคุณเป็นเพื่อนรับประทานที่ไม่ได้ความได้อย่างไร
หล่อนนิ่งไปอีก ผมจึงพูดต่อ
คราวนี้ก็คงจะอีกนานวันหรอก จึงจะได้มีโอกาสเข้ามาอีก
ผมไม่อยากเล่าเรื่องความหลังของผมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเคยพามาที่นี่บ่อย ๆ ให้หล่อนฟัง ผู้หญิงคนนั้นหล่อนผละจากผมไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อหล่อนรู้ว่าผมหมดตัว ตอนนั้นผมนึกว่าหล่อนรักผม
กัณหาไม่ได้ชวนผมพูดต่อถึงเรื่องความหลัง หล่อนจะอยากให้ผมพูเดขึ้นมาเอง หรือไม่อยากจะฟังก็เดาไม่ออก ผู้หญิงคนนี้เก็บความรู้สึกเก่ง
เรารับประทานอาหารกันเสร็จเกือบบ่ายสองโมง ผมชำระค่าอาหารแล้วก็ชวนออกมาจากที่นั่น ผมขับรถไปส่งหล่อนที่สำนักงานก่อน แล้วจึงบึ่งไปที่บ้านนายห้างสากลพานิช ซึ่งอยู่ถึงฝั่งธน ฯ ถ้าผมจะเดินไปจริง ๆ ก็คงจะมาถึงสำนักงานพรุ่งนี้อย่างที่กัณหาว่า
ผมเสร็จธุระกับนายห้างคนนั้น และกลับถึงสำนักงานเอาเกือบบ่ายสี่โมง คุณพี่ยังไม่กลับสำนักงาน คงจะวุ่นติดตามเรื่องแม่ยุพดีอยู่
ผมเขียนรายการที่นายห้างคนนั้นต้องการเกี่ยวกับการจัดงาน แล้วส่งไว้ให้กับกัณหาตามที่คุณพี่สั่ง แล้วผมก็บอกหล่อนว่า ผมจะออกจากสำนักงานก่อนเวลาสักหน่อย ถ้าคุณพี่ถามหา ก็ให้หล่อนบอกว่า ผมไปสืบเรื่องแม่ยุพดีให้คุณพี่ ดีกว่าที่จะอยู่เฉย ๆ ที่สำนักงาน
ผมรู้จักพ่อค้าคนสำคัญซึ่งมีนามสกุลเหมือนกับเด็กคนที่ถูกรถชนตายในคดีที่แม่ยุพดีเป็นจำเลย เขาชื่อ สันติ สันติศักดิ์ เราเคยพบกันบ่อยตามสโมสรต่าง ๆ เมื่อตอนที่ผมยังมีอาชีพเป็นทนายอยู่ และผมเคยเป็นทนายความเรื่องเกี่ยวกับหนี้สินของเขา
ผมออกจากสำนักงานก็จับแท็กซี่ตรงไปที่บ้านเขา
นายสันติอยู่บ้านพอดี พ่อค้าใหญ่อย่างเขาไม่ต้องนั่งออฟฟิศนานเท่าใด และผมรู้ว่า นายสันติชอบทำงาน และสั่งงานอยู่ที่บ้าน เขามีห้องทำงานของเขาอยู่ที่บ้านเขาจะไม่อยู่ก็ต่อเมื่อไปหาผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อกิจการงานของเขา หรือไม่ก็หย่อนใจที่สโมสรแห่งใดแห่งหนึ่ง
ผมนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขกอันโอ่โถงของเขาไม่นาน เขาก็เข้ามา เขายกมือรับไหว้ผม แล้วว่า
โอ ไม่ได้พบกันเสียนาน คุณดนัย สบายดีหรือครับ
สบายดีครับ ขอบคุณ มีธุระอะไรหรือครับ เป็นไงบ้าง ความของคุณคงจะมากละซีตอนนี้ ไม่ค่อยได้พบกันอย่างแต่ก่อน
ผมถูกยึดใบอนุญาตว่าความนานแล้วละครับ ที่หายหน้าไปก็เพราะหมดตัว
เขามองดูผมอย่างไม่เชื่อ แล้วก็สำรวจเครื่องแต่งตัวของผม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากที่เขาเห็นผมทีแรก คงจะชักจะเชื่อจากการดูเครื่องแต่งกายของผม
เขานิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ ท่าทางของเขาระมัดระวังขึ้น
แต่ผมได้งานใหม่แล้ว ไม่มารบกวนอะไรคุณสันติหรอกครับ ผมพูดอย่างรู้ใจเขา
เขารีบโบกไม้โบกมือ ผมไม่ได้คิดยังงั้น ที่นิ่งมองดูคุณอยู่ เพราะมันเป็นข่าวที่ทำให้ผมตกใจ ผมเพิ่งนึกออกเดี๋ยวนี้เอง ว่าเคยได้ยินเรื่องของคุณ มีอะไรจะให้ผมช่วยก็บอกมาเถอะ
ขอบคุณละครับ ผมจะมาสอบสวนอะไรคุณสันติสักหน่อยเท่านั้น
เรื่องอะไร ว่ามาเลย เขาชักจะแน่ใจว่าผมมาดี
คุณสันติเป็นอะไรกับเด็กหญิงพัชนีที่ถูกรถชนตาย
ผมเป็นลุง เขาเป็นของลูกน้องชายผม
เรื่องไปถึงไหนแล้วครับ
ก็ยังอยู่ระหว่างสืบพยานที่ศาล ตอนนี้จำเลยเขาได้ประกันตัวไปแล้วนี่ คุณเป็นทนายจำเลยร่วมกับเขาด้วยหรือ ผมได้ยินมาว่าคุณธรรมนูญเป็นทนาย
ผมไม่ได้เป็นทนายให้ใครหรอกครับคดีนี้ ไม่เกี่ยวกับผม คุณสันติทราบหรือเปล่าว่า พยานปากสำคัญในคดีนี้ถูกฆ่าตาย
ใครล่ะครับ ท่าทีเขาสนใจขึ้น
คนขับรถสามล้อเครื่องที่เห็นเหตุการณ์
เมื่อไรครับ
เมื่อคืนวานนี้เอง หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว คุณไม่ได้อ่านหรอกหรือ
ผมไม่ได้อ่าน ยังงี้คดีก็อ่อนลงไปซิ
ก็คงจะกระทบกระเทือนกับหลักฐานทางคดีอยู่มาก เพราะดูเหมือนจะเป็นพยานปากสำคัญปากเดียวที่เห็นเหตุการณ์แต่แรก
นายสันตินั่งนิ่งอยู่สักครู่ จึงพูดว่า
ใครฆ่าเขาครับ คนสามล้อคนนั้น
ตำรวจกำลังสืบสวนกันอยู่ ยังไม่ได้ตัวคนร้าย
เขาถูกฆ่าด้วยอะไร
ถูกยิงด้วยปืน อ่านรายละเอียดดูในหนังสือพิมพ์ ไม่ดีกว่าหรือครับ ผมก็รู้มาเท่านั้นจากหนังสือพิมพ์
เขาลุกขึ้นเดินไปกดกริ่งข้างห้อง แล้วสั่งเด็กคนใช้ให้ไปหยิบหนังสือพิมพ์มา
เขาเดินกลับมานั่งที่เดิม พร้อมกับหนังสือพิมพ์ที่เด็กคนใช้เอามาให้ แล้วนั่งลงอ่านข้อความที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรรมคนสามล้อรายนั้น ซึ่งเป็นข่าวพาดหัวใหญ่
ผมปล่อยให้เขาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงียบ ๆ
เอ อย่างนี้มันก็ยุ่ง เขาพึมพำออกมา พับหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้ววางบนโต๊ะ คุณมาหาผมด้วยเรื่องนี้งั้นหรือ
ครับ แล้วผมก็นิ่ง
เขารอฟังผมพูดต่อ เมื่อเห็นผมนิ่ง เขาจึงพูดว่า
คุณไม่ได้เป็นทนายให้ใครในเรื่องนี้ แล้วคุณมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง
ผมอยากจะขอทราบข้อเท็จจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่าคุณควรจะทราบ
อะไรล่ะครับ
นายคนขับสามล้อคนนั้นเป็นพยานปากเดียวจริงหรือเปล่า
เขานิ่งไปอีก มองหน้าผมนิ่งอยู่ แล้วว่า
คุณบอกฐานะของคุณที่เกี่ยวกับคดีนี้ให้ผมทราบก่อนดีกว่า พูดตรง ๆ ผมยังไม่แน่ใจว่า คุณมาหาผมด้วยฐานะอะไร คุณคงจะต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้อยู่ทางใดทางหนึ่ง ก่อนที่ผมจะคุยกับคุณ ผมก็ควรจะได้แน่ใจสักหน่อยว่าผมจะไม่เสียประโยชน์ เพราะคดีนี้ ผมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยถึงสองแสน ผมรับเป็นธุระให้พ่อของเด็ก เพราะผมหมั่นไส้คน
สองแสนเชียวหรือครับ แล้วใครล่ะที่คุณหมั่นไส้ ผมถามขึ้นมาเรื่อย
ไอ้นายเชิด
เชิดไหนครับ
ก็ไอ้นายเชิด ดุรงค์นพคุณ
ทำไมละครับ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
เมียน้อยมันน่ะซีที่เป็นจำเลย มันไปที่โรงพัก ทำเจ้ากี้เจ้าการจะล้ม คดี น้องชายผมเขารีบมาบอกผม ผมจึงต้องยื่นมือเข้าช่วย นายเชิดเขาสนิทกับนายตำรวจใหญ่ ๆ หลายคน ผมอยากรู้นักว่า เขากับผมใครจะใหญ่กว่ากัน ผมก็ไม่ทราบว่า เขาวิ่งเต้นประกันตัวออกมาได้อย่างไรที่ศาล ตอนประกันตัวที่ตำรวจนั่น ผมรู้แล้วว่าเขาต้องประกันตัวได้ ผมชักสงสัยเสียแล้วละว่า ที่สามล้อถูกฆ่านี่จะมีอะไร ๆ อยู่เบื้องหลัง นายเชิดคนนี้เขามีลูกน้องมากอยู่ แล้วนี่ตำรวจเขาจะสืบสวนเรื่องฆ่ากันตายนี่ไปยังไงก็ไม่รู้ เขารู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่า คนตายเป็นพยานสำคัญในคดีรถชนเด็ก
เขารู้ หนังสือพิมพ์ก็ว่ายังงั้น ผมชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ตรงหน้า
ถ้ายังงั้น เขาก็น่าจะเอาตัวแม่ยุพดีนั่นมาสอบสวนด้วย
เขาไปตามตัวแม่ยุพดีแล้ว
เขาไม่ได้ตัวแม่ยุพดี
นายสันติมองหน้าผม ตาค้าง หนีงั้นหรือ
ยังไม่ทราบ หล่อนเดินทางไปหัวหินแล้วก็เลยล่องใต้ไป ไม่รู้ว่าหนี หรือไปโดยไม่รู้
เอ๊ะ! ถ้ายังงั้นก็ยิ่งชัด ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนสามล้อนี่แน่
เขายังลงความเห็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะยุพดีอาจจะไปตากอากาศเรื่อยเปื่อย ไปโดยไม่รู้ก็ได้ เพราะตามกำหนดนัดศาลยังอยู่อีกสองเดือน
ถ้ารอถึงสองเดือนก็ไม่ไหวละ
ตำรวจเขาคงไม่รอถึงขนาดนั้น แต่เขาจะต้องใช้มาตรการของเขาให้ได้ตัวแม่ยุพดีมาสอบสวน จนเขาหมดหนทาง แล้วเขาก็คงจะร้องต่อศาล ขอให้เรียกตัวตามสัญญาประกัน
คงจะหลายวัน
ก็คงจะหลายวัน แต่มีวิธีที่จะให้รู้ได้เร็วกว่านั้นว่า หลบหนีประกันหรือเปล่า
วิธียังไง
ผมนิ่ง ยิ้มมองดูเขา
เขาเข้าใจ มองดูผมแล้วยิ้ม พูดว่า
คุณเป็นทนายชั้นดี ผมลืมไป ความคิดของคุณมีราคา รอเดี๋ยว
Create Date : 01 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 1:17:01 น. |
|
3 comments
|
Counter : 666 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ก้นกะลา วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:3:11:06 น. |
|
|
|
โดย: ศรชัย IP: 114.128.11.177 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:8:36:02 น. |
|
|
|
| |
|
|
รออ่านต่อ....ขอบคุณมากๆ...