จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
อัศวินคือใคร ... ตอนที่ 1

อัศวินคือใคร – สำคัญอย่างไร ?

ประพันธ์ โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
เมื่อปี พ.ศ. 2531
จาก ‘ต่วยตูน เล่มที่ 12 ปีที่ 17
โดยใช้นามปากกา “ อัศวินเก่า ”

ตอนที่ 1

ความจริง คำว่า “ อัศวิน ” นี้มีมาแต่โบราณ ดูเหมือนจะถือกำเนิดมาจากอังกฤษ สมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย ภาษาอังกฤษเขียนว่า KNIGHT เป็นทหารหาญที่ได้รับเกียรติจากพระราชินีพระองค์นั้นทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งขึ้นให้เป็น นายทหารราชองครักษ์ใกล้ชิด ในฐานะที่มีผลการรบดีเยี่ยม

ความพิสดารของอัศวินยังมีมากกว่านี้ ทั้งเกียรติและพฤติกรรม เขียนไปยืดเยื้อ จะไม่ใช่เรื่องที่จะเขียนให้ท่าน ๆ อ่านกัน

คำถามที่ตั้งไว้เป็นหัวเรื่องนั้น เป็นคำถามที่ตั้งขึ้นเพื่อผู้เขียนจะตอบเอง เพราะบังเอิญในสมัยหนึ่ง ผู้เขียนบังเอิญอีกนั่นแหละ ที่ได้ถูกเรียกว่า
“ อัศวิน ” โดยผู้คนหลายคน รวมทั้งหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วย แม้กระทั่งมาถึงบัดนี้ ก็ยังมีคนเรียกอย่างนั้น

ผู้เขียนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่า ผู้ที่แต่งตั้งให้ผู้เขียนเป็น “ อัศวิน ” นั้น ไปคิดเอาคำ ๆ นี้มาจากไหน และจะให้มีความหมายแค่ไหน เพราะอยู่ดี ๆ วันดีคืนดี ผู้เขียนพร้อมทั้งเพื่อนอีกสามคน รวมเป็นสี่ด้วยกัน ก็ถูกเจ้านายใหญ่แห่งกรมตำรวจ สมัยปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ให้ไปพบที่กรมตำรวจ แล้วก็ยื่นแหวนให้คนละวง เป็นแหวนลงยา ที่หัวแหวนเป็นตราแผ่นดิน ซึ่งกรมตำรวจสมัยนั้นใช้เป็นตราหน้าหมวกเครื่องแบบ

หัวแหวนที่ลงยาตราแผ่นดินนั้น มีสีแดงเป็นพื้นเด่นดูสวยงามดี และได้รับคำสั่งให้สรวมไว้ที่นิ้วนางข้างขวาเป็นประจำ จะถอดออกเสียมิได้ ถ้าเมื่อใดได้พบท่านผู้ให้แหวนนั้น แล้วท่านไม่เห็นแหวนวงนั้นอยู่ที่นิ้วนางข้างขวา ผู้นั้นก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเรียกแหวนวงนั้นคืน ตัดออกจากบัญชีไปเลย

ผู้เขียนและเพื่อนอีกสามคนก็ต้องสรวมแหวนวงนั้นไว้ตามคำสั่ง ถอดไม่ได้ ไม่ว่าจะนอนหรือทำอะไร ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

เพื่อนอีกสามคนมีชื่อว่าอะไรนั้น เห็นจะไม่ต้องบอก ท่านผู้อ่านคงจะทราบดีอยู่แล้ว เพราะมีอยู่เพียงสี่คนเท่านั้นในตอนแรก บางคนยังใส่แหวนนั้นอยู่จนบัดนี้ ส่วนผมนั้น ถอดออกนานมาแล้ว เหตุผลที่ถอดออก จะเขียนให้ทราบ ถ้าท่านทนอ่านต่อไปโดยไม่เบื่อเสียก่อน ก็จะได้ทราบ

ผม (เอากันสั้น ๆ อย่างนี้ดีกว่าใช้คำว่า ผู้เขียน) ได้รับเกียรตินั้นโดยไม่รู้ตัว

ความจริงผมกับท่านอธิบดีกรมตำรวจ สมัยปี ๒๕๙๕ นั้น ไม่ได้เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันมาก่อน เรียกง่ายๆ ว่า ไม่เคยรู้จักใกล้ชิดกันมาก่อนเลย ตอนที่ท่านเข้ามาเป็นใหญ่อยู่ในกรมตำรวจนั้น ผมยังเร่ร่อน ไม่มีตำแหน่งอยู่ในกองตำรวจสันติบาล เป็นประจำกองกำกับการ ๒ เฉย ๆ ในยศร้อยตำรวจเอก

ผมถูกเรียกตัวให้ไปรับใช้ใกล้ชิด โดยวิธีการอันประหลาดอย่างที่ไม่มีใครเคยโดนมาก่อน คือว่า ถูกด่าแม่ในทันทีที่เห็นหน้า เป็นคำทักทายที่แหวกแนว ซึ่งคงจะไม่มีใครได้รับเกียรติอย่างผม แล้วก็ถูกเรียกให้ขึ้นนั่งรถติดตามไป สามวันสามคืน ไม่ได้กลับบ้านหรือไปไหน นอกจากจะติดตัวท่านผู้ด่าแม่นั้นไปยังงั้น สามวันสามคืน นอนไหนนอนด้วยกัน กินไหนกินด้วยกัน

รายละเอียดของพฤติกรรมอันนี้ ผมได้เขียนไว้แล้วในหนังสือที่ชื่อเรื่องว่า
“ ๑๓ ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย ” โปรดไปหาอ่านเอาเอง (มีอยู่ใน Blog แห่งนี้แล้ว) จะไม่เขียนอีกให้เยิ่นเย้อ

ก็อย่างว่า นายตำรวจยศชั้นเดียวกับผมอีกสามคนก็โดนเช่นเดียวกับผม หลังจากที่ผมได้ติดตัวไปสามวันสามคืนแล้วนั้น เพื่อนอีกสามคนจึงได้ถูกเรียกตัวให้เข้าไปติดตัวอย่างผม หมุนเวียนเปลี่ยนเวรกันไปแค่สี่คนเท่านั้นในตอนแรก ผลัดเปลี่ยนกับผม ซึ่งเจ้านายผู้เรียกตัวเข้าไป เห็นหน้าผมถึงสามวันสามคืนติดต่อกันอย่างนั้น คงจะเบื่อขี้หน้า จึงให้กลับบ้านเสียที แล้วก็เรียกอีกสามคนนั่นให้มาเปลี่ยนกันกับผม ติดตัวกันคนละยี่สิบสี่ชั่วโมง

นายตำรวจสามคนนั้นชื่อ พันศักดิ์-อรรณพ-วิชิต นามสกุลอะไร คงไม่จำเป็นต้องบอก

ก็คงจะเป็นเพราะท่านเห็นว่า พวกผมสี่คนนี่ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ เพราะต้องมาติดตัว ผลัดเปลี่ยนกันยังงั้น ท่านจึงได้คิดหาอะไรมาปลอบใจไอ้สี่คนนี้เสียหน่อย จึงได้ทำแหวนอย่างว่านี้ขึ้น ให้มันสรวมใส่นิ้วซึ่งเห็นยังลุ่น ๆ อยู่ เป็นรางวัลเสียหน่อย ไม่ให้ถอดออกยี่สิบสี่ชั่วโมง เรียกว่า แหวนวงนี้ต้องอยู่กับคนให้แหวนยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างเจ้าของนิ้วเหมือนกัน

หน้าที่ของเจ้าของแหวนอัศวินก็คือ จะต้องเป็นผู้อารักขาท่านผู้ให้แหวนนี้ด้วยความจงรักภักดี ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด

ที่ตั้งชื่อแหวนนี้ว่า “ แหวนอัศวิน ” ก็เพื่อให้รำลึกว่า เอ็งจะต้องทำหน้าที่เช่นเดียวกับอัศวินอังกฤษ หรือว่า KNIGHT กระทำต่อพระนางเจ้าวิคตอเรีย ท่านผู้คิดค้นแหวนนี้ขึ้นมา คงจะไม่ได้อาจเอื้อมถึงกับวางตัวเทียบเท่าพระนางเจ้าพระองค์นั้นหรอก เพียงแต่ให้ผู้สรวมแหวนนั้นได้กระทำหน้าที่เยี่ยงท่านอัศวินเหล่านั้นเท่านั้น อัศวินของไทยยังไม่มีฐานะเทียบเท่า KNIGHT ของพระนางวิคตอเรีย

ทีนี้ เมื่อได้สรวมแหวน อัศวินก็ต้องวางตัวเป็น “ อัศวิน ” แต่เป็นอัศวินเฉพาะของกรมตำรวจเท่านั้น จะไปวางตัวเป็นอัศวินของกรมอื่น ๆ เขาไม่ได้ แล้วก็จะไปเบ่งทับเขาก็ไม่ได้

ลืมกล่าวถึงไปหน่อยว่า ก่อนที่จะได้รับแหวนอัศวินนั้น ผู้ที่ได้รับก็ได้ทำงานปราบปรามมาอย่างโชกโชนแล้ว ตอนกรมตำรวจต้องตั้งหน่วยตำรวจกองตรวจเป็นหน่วยเฉพาะกิจเพื่อการปราบปรามโจรในกรุง ที่ระบาดเกิดขึ้นชุกชุม หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จบไปใหม่ ๆ

สมัยนั้น ทั้งในกรุงและต่างจังหวัด มีขบวนการโจรชุกชุมไปทั่ว หน่วยปราบปรามเฉพาะกิจที่ถูกตั้งขึ้น เพื่อส่งออกไปปราบโจร ต่างจังหวัดก็มีหลายหน่วยเหมือนกัน ฝ่ายตำรวจได้เปรียบ เพราะเป็นฝ่ายถือกฎหมาย ซึ่งจะเป็นฝ่ายที่จะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าตำรวจแพ้โจร บ้านเมืองก็วุ่นวาย ไม่เป็นอันทำมาหากินกัน

ฉะนั้น ตำรวจจึงต้องชนะ จะชนะด้วยวิธีใดก็เอาทั้งนั้น บรรดาโจรจึงโดนพิฆาตไปหลายโจร ตายในการต่อสู้บ้าง ตายไปโดยไม่ทันต่อสู้บ้างก็ย่อมต้องมี ขบวนการโจรจึงลดลงอย่างเห็นผล ไอ้ที่โดนพิฆาตเพราะความซวยก็ต้องมีบ้าง โจรมันมาก คนปราบน้อยกว่า จะมามัวเลือกพิฆาตด้วยการคัดเลือกอยู่ก็คงไม่ทันการณ์ บ้านเมืองก็สงบลงเป็นที่เรียบร้อย

ชื่อพวกผมสี่คนที่ได้ร่วมกันอยู่ในหน่วยปราบปรามสมัยนั้นจึงเป็นที่รู้จักไปทั่ว
จะไม่เป็นที่รู้จักไปทั่วได้อย่างไร ก็มีข่าวออกไปไล่ยิงกับโจรแทบทุกวัน แถมยังมีรูปถ่ายหราอยู่บนหน้าปกหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดถูกผู้ร้ายท้ายิงโดยหาว่าดีแต่จับเอามายิงอย่างเดียว เก่งจริงก็มายิงกันตัวต่อตัวซิวะ

เมื่อถูกท้าอย่างนั้นก็ต้องรับคำท้า ส่งรูปให้หนังสือพิมพ์ลงรูปถ่ายหราอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง ทั้งสี่คน ให้โจรผู้ท้า เลือกเอาว่า จะยิงกับคนไหนก็เชิญ ขอให้บอกมาว่าจะเอาเมื่อไร ที่ไหนเท่านั้น

คราวนั้นผู้คนฮือฮากันมาก แถมยังถูกนายเรียกไปด่าเสียจมทั้งสี่คน

นี่แหละครับ พฤติการณ์ของอัศวิน ที่ได้รับแหวนอัศวินตอนนั้น ยังไม่ฝังเพชรเสียด้วยซ้ำ

ต่อ ๆ มาเมื่อชักจะดังเข้า เจ้านายจึงได้เลื่อนชั้นให้ โดยให้มีเพชรฝังที่หัวแหวนแถม ไม่รู้จะรางวัลไอ้พวกนี้ยังไง พอได้รับเพชรฝังที่หัวแหวน ก็ได้รับฉายาว่า “ อัศวินแหวนเพชร ”

กว่าจะได้มาอย่างว่า ต้องไล่ยิงผู้ร้ายกันนัว เขียนไปก็ถูกหาว่าโม้ นอกเหนือจากอาชีพไล่ยิงโจรแล้ว ก็ยังมีหน้าที่ปราบนักเลงประจำถิ่นอีกด้วย ไม่ว่าจะถิ่นใด ซอกไหน ตรอกไหน ที่เขาว่ามีนักเลงชุมก่อกวนผู้คนไม่เป็นสุข แถมยังรีดค่าคุ้มครองอีก ก็ต้องไปยุ่งกับเขาตามที่นั้น ๆ

ก็ไม่รู้ไปยุ่งกับเขาทำไม มันนึกสนุกก็ไป




Create Date : 07 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2554 19:10:32 น. 0 comments
Counter : 2431 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.