จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
12 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 22)

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย"
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 22

นักเรียนนายร้อยรุ่นผมสำเร็จออกมาได้เพียงปีเศษ ๆ สงครามมหาเอเชียบูรพาก็ระเบิดขึ้น เมื่อญี่ปุ่นนำกำลังทัพอันมหาศาล ยกพลขึ้นบกทั่วภาคพื้นเอเชียพร้อม ๆ กันหลายจุด ตั้งแต่ฮาวายของอเมริกา เรื่อย ๆ มาทางด้านตะวันออก ขึ้นเวียตนาม-เขมร-ลาว มลายูและสิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทย

ท่านพันเอก หลวงพิบูล ฯ ท่านทราบว่า ญี่ปุ่นมาแผนการเช่นนั้นมานานก่อนหน้าแล้ว จากการข่าวของรัฐบาล ท่านได้ใช้วิทยุออกอากาศด้วยตัวท่านเอง ปลุกใจมวลชนให้ต่อสู้ศัตรูทุกรูปแบบถ้าประเทศไทยถูกบุก มีการแต่งเพลงปลุกใจให้ประชาชนได้ยินได้ฟังทุกเช้าเย็น เพลงต้นตระกูลไทยเกิดขึ้นมาในสมัยนั้น ผู้แต่งเพลงนี้ก็คือ คุณหลวงวิจิตรวาทการ เป็นอธิบดีกรมที่สำคัญ ๆ กรมหนึ่งคือ กรมศิลปากร ผมจำได้ว่าสมัยที่ผมยังเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่นั้น พวกนักเรียนถูกเกณฑ์ให้ไปนั่งดูละครปลุกใจที่โรงละครศิลปากรทุกครั้งที่เปลี่ยนโปรแกรมใหม่ ละครส่วนมากจะเป็นละครปลุกใจให้รักชาติ

เรื่องแรกที่ได้ดูก็คือ เรื่อง “ เลือดสุพรรณ ” มีนางเอกชื่อ สุวรรณา สุวรรณศร ผมจำได้แต่ชื่อนางเอก ชื่อพระเอกจำไม่ได้เสียแล้ว ใช้ผู้หญิงเล่น สมัยนั้นเพลง "ดวงจันทร์" ดังทั่วกรุง นางเอกชื่อ ดวงจันทร์ แล้วเกิดไปมีความรักกับนายทหารพม่าที่มายึดครองเมืองไทย นายทหารพม่าคนนั้นเป็นคนมีศีลธรรม มีชื่อในเรื่องว่า มังราย ความรักระหว่างพระเอกกับนางเอกจึงไม่สมหวัง ตอนจบพระเอกถูกพม่าประหาร เพราะจับได้ว่าเอาใจออกห่างมารักนางเอกที่เป็นผู้หญิงไทย เรื่องนี้จบลงด้วยความเศร้า

นักเรียนนายร้อยสมัยนั้นต้องเข้าแถวไปดูละครศิลปากรทุกเรื่องไม่ขาด ถึงเวลาเปลี่ยนเรื่องใหม่ต้องถูกจับบรรทุกรถไปนั่งดูกันเต็มโรง ดูไปนาน ๆ เข้า นักเรียนนายร้อยไปมีแฟนเป็นนักเรียนหญิงของโรงเรียนศิลปากรก็มี ไม่รู้ไปแอบนัดกันได้ตอนไหน เพราะตอนนั่งดูก็ถูกควบคุมให้อยู่ในระเบียบวินัย จะแวบไปหลังโรงนั้นไม่มีทาง เป็นความสามารถของนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งที่ทำได้อย่างไม่เปิดเผย

ทั้งคู่ได้แต่งงานอยู่กินเป็นผัวเมียกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อต่างก็สำเร็จออกมาแล้วทั้งคู่ จนกระทั่งตายจากกันไป

เรื่องการมีเมียนี้ กฎข้อบังคับของโรงเรียนนายร้อยห้ามเด็ดขาด นักเรียนจะมีเมียในขณะที่นักเรียนอยู่ในโรงเรียนไม่ได้เป็นอันขาด ถูกจับได้ก็มีโทษสถานเดียวคือ ไล่ออก กฎข้อบังคับนี้ทำเอานักเรียนหลายคนต้องปกปิดเรื่องนี้ เพราะบางคนดันชิงสุกก่อนห่ามไปมีเมียเอาไว้ลับ ๆ ก็ต้องปกปิดกันให้มิดชิด บางคนถูกผู้หญิงที่เป็นเมียขู่เอาว่า จะเปิดเผยถ้าไม่จ่ายเงินค่าปิดปาก ก็ต้องยอมจ่ายไปก็มี แล้วมาแก้แค้นเอาตอนสำเร็จออกมาด้วยการทิ้งขว้างเมียคนนั้นไปเลย ถือว่าไม่สร้างความเจริญให้ผัว เห็นแก่ได้

นักเรียนทุกคนจะมีคะแนนความประพฤติประจำตัวแต่ละคน คนละ 100 คะแนน คะแนนความประพฤตินี้จะต้องรักษาไว้ให้ดี ถ้าไปกระทำความผิดไว้ครั้งหนึ่ง ทางโรงเรียนก็จะตัดคะแนนความประพฤติครั้งละมากน้อยเท่าใด แล้วแต่ความผิด ถ้าใครถูกตัดคะแนนเกินกว่า 20 คะแนน นักเรียนคนนั้นจะหมดสิทธิ์สอบไล่ ก็เป็นอันต้องเรียนซ้ำชั้น และถ้าโดนตัดคะแนนเกินกว่านั้นขึ้นไปอีก ก็จะต้องโทษถึงไล่ออก

พิธีการไล่ออกนี้ เป็นพิธีการที่ทารุณต่อจิตใจมาก ผู้ที่ถูกไล่ออกจะต้องถูกควบคุมตัวไว้ในที่คุมขัง ห้องที่ใช้ขังนักเรียนที่กระทำความผิดร้ายแรงนั้นเป็นห้องที่จัดไว้พิเศษ เป็นห้องขังเดี่ยว ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของโรงเรียน เป็นห้องแคบ ๆ มีลูกกรง นักเรียนที่ถูกขังในนั้น จะออกมาเรียนได้ ออกมาฝึกได้ และออกมากินข้าวได้พร้อมกับเพื่อน ๆ แต่ถึงเวลานอนก็ต้องหอบที่นอนไปนอนในห้องนั้น ได้รับการตั้งชื่อว่า กองร้อยที่ 18

กองร้อยนี้ ไม่มีใครอยากเข้าไปอยู่

พิธีการปลดนักเรียนนั้น จะมีการประชุมนักเรียนที่ศาลาวงกลม ศาลานี้เป็นศาลาที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของในหลวงรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ผู้ทรงก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารบก ศาลานี้ถือว่าเป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพสักการะของนักเรียนนายร้อย ทุก ๆ ปีก่อนที่จะถึงเวลาสอบไล่ประจำปี พวกนักเรียนจะไปประชุมกันรอบพระบรมรูปของท่านที่ตั้งอยู่อย่างสง่างามที่ศาลานี้ แล้วนำเอาพานดอกไม้ของแต่ละรุ่นไปวางบูชา พร้อมทั้งขอพรต่อพระบรมรูปให้สอบไล่ได้

พิธีการนี้ พวกนายทหารที่ปกครองอยู่จะไม่เกี่ยวข้องด้วย เป็นหน้าที่ของนักเรียนที่อยู่ปีสุดท้ายจะเรียกประชุมนักเรียนทุกชั้นกันเอง กระทำพิธีกันเอง โดยมีนักเรียนชั้นสูงปีสุดท้ายเป็นผู้จัดการ ทางโรงเรียนจะปล่อยให้นักเรียนทำพิธีกันเอง

เพื่อนรุ่นผมคนหนึ่งมันขี้เกียจดูหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นวิชาที่ยากมาก ในปีการสอบปีสุดท้ายของพวกรุ่นผม เมื่อถึงเวลาทำพิธีนี้ที่ศาลาวงกลม มันก็เอาหนังสือกฎหมายอาญานี้วางไว้ที่แท่งตรงหน้าพระบรมรูป แล้วกราบอธิษฐานให้เสด็จพ่อบอกข้อสอบให้มัน พวกเราเรียกพระบรมรูปว่าเสด็จพ่อทุกคน ถือว่าเป็นองค์ผู้ให้กำเนิดสถานที่เรียน กินอยู่ หลับนอน ให้พวกเรา

คืนนั้น เมื่อเข้านอนกันหมดแล้ว ผมก็ย่องลงมาที่ศาลาวงกลม จะมาล้อไอ้เพื่อนคนนั้น ผมก็แอบไปเปิดหนังสือกฎหมายอาญานั้นออกหน้าหนึ่ง แล้วเอาหินทับไว้ แล้วก็ขึ้นนอน รุ่งเช้า ไอ้เสือนั้นลงมาที่ศาลาวงกลม มันเห็นหนังสือเปิดอยู่ มีก้อนหินทับ มันก็ดีใจใหญ่ นึกว่าเสด็จพ่อบอกข้อสอบให้มัน มันก็ดูแต่ข้อความในหน้านั้น ท่องจำจนขึ้นใจอยู่หน้าเดียว

พวกเพื่อนฝูงต่างหัวเราะชอบใจถึงความเชื่อของมัน ผมแอบบอกเพื่อน ๆ ว่า ผมเองเป็นคนแอบไปเปิดหน้านั้นให้มัน

ผลปรากฏว่า ข้อสอบวิชากฎหมายอาญาในปีนั้น ออกมาเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าหนังสือกฎหมายอาญาที่ผมแอบไปเปิดนั้นจริง ๆ และเป็นข้อสอบที่ผู้ออกข้อสอบออกมายืดยาวข้อเดียว แต่ต้องตอบทั้งกันทั้งหน้าหนังสือกฎหมายที่ผมแอบไปเปิดให้นั้น

ไอ้เสือนั่นตอบได้ถูกต้องทั้งหมด ตกค่ำมันไปกราบไหว้พระบรมรูปเสด็จพ่อ ขอบคุณยกใหญ่ที่บอกข้อสอบให้มัน

เสด็จพ่ออาจจะดลใจให้ผมลุกขึ้นมาเปิดให้มันก็ไม่รู้

เล่าถึงเรื่องพิธีการปลดนักเรียนอยู่ ทำไม่ถึงเรื่อยเปื่อยมาถึงเรื่องนี้เข้าให้ได้



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 0:15:31 น. 0 comments
Counter : 1246 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.