จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 9 ตอนที่ 3)


ผมค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างเลือนราง เรี่ยวแรงที่จะขยับแขนขาไม่มี รู้แต่ว่ามีผ้าเย็น ๆ แปะอยู่ที่จมูก ที่ผ้าผืนนั้นมีกลิ่นหอมจาง ๆ ผมพยายามที่จะลืมตาแต่มันลืมไม่ขึ้น หนังตามันไม่มีแรงจะเปิด เสียงใครคนหนึ่งพูดได้ยินแว่ว ๆ เหมือนดังมาแตรไกล ๆ ว่า

“ ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว ” แล้วก็มีมือมาจับที่แขน

“ อย่าเพิ่งไปแตะต้องอะไร ” เสียงอีกเสียงหนึ่งพูด พร้อมกับมือนั้นถูกดึงออกไป “ อย่าเขย่าปลุก ปล่อยให้ค่อย ๆ รู้สึกตัวเอง ”

แล้วทุกสิ่งก็เงียบ มีไอเย็น ๆ ผ่านมาให้ผมรู้สึกแผ่ว ๆ ผมค่อย ๆ เรียกความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาทีละน้อย แต่เรี่ยวแรงที่จะขยับแขนขาก็ยังไม่มี มันอ่อนเปลี้ยไปหมดทั้งร่างกาย แม้แต่จะขยับตัวก็ยังไม่ได้ ผมนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าไรกำหนดไม่ถูก ลองขยับกระดิกนิ้วมือดู มันกระดิกได้ ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความลำบาก หนังตามันหนักเหมือนเอาเหล็กมาทับไว้ ผมหรี่เปลือกตาได้นิดเดียว แต่สายตาก็ยังกำหนดรูปร่างอะไรไม่ได้ เห็นแต่ร่างคนราง ๆ อยู่ที่ปลายเท้าในชุดสีขาว

ผมพยายามลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่สมองมันยังไม่ทำงาน ผมรู้แต่เพียงว่าผมกำลังนอนอยู่บนที่นอนที่อ่อนนุ่มที่ใดที่หนึ่ง ทั้งเนื้อทั้งตัวผมได้แค่เพียงขยับศีรษะพลิกไปมาอย่างช้า ๆ รอบ ๆ ข้างผมรู้สึกว่ามีคนมากกว่าหนึ่งคน คนเหล่านั้นกำลังพูดอะไรกันอยู่ ได้ยินเสียงแว่ว ๆ จับความไม่ได้ ผ้าเย็นหอม ๆ ผืนนั้นยังปิดจมูกผมอยู่ กลิ่นของมันทำให้ผมค่อย ๆ หายใจสะดวกขึ้น และรู้สึกว่ามันจะเป็นผ้าผืนใหญ่ เพราะมันไม่หลุดออกไปจากที่ตอนที่ผมพลิกหน้าไปมาช้า ๆ นั้น

ไม่มีเสียงอะไรรบกวนประสาทของผมอีก ครู่ใหญ่ ๆ ความหนักอึ้งที่หนังตาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย ผมเปิดเปลือกตาขึ้นได้เกือบจะเต็มที่ แต่ความสลัว ๆ ของภาพที่เห็นยังมีอยู่ มันไม่ชัดอย่างปกติ มองเห็นเหมือนภาพที่อยู่ในความฝันราง ๆ

“ ได้แล้วกระมัง หมอ ” เสียงใครคนหนึ่งที่ล้อมรอบผมอยู่นั้นพูดขึ้น ได้ยินแว่ว ๆ เหมือนพูดมาแค่ไกล ๆ

“ หมวดครับ หมวด ” ผมได้ยินเสียงนี้ที่ริมหู จำได้ว่าเป็นเสียงใครคนหนึ่งที่คุ้น ๆ แต่นึกไม่ออกว่าคนคนนั้นเป็นใคร

“ นอนนิ่ง ๆ นะครับ ” เสียงอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นเบา ๆ “ อย่าขยับเขยื้อน จะฉีดยาให้อีกเข็ม ”

ผมนอนนิ่งตามที่เขาสั่ง มีมือมาจับที่แขนของผมแน่นสองมือ ที่ข้อมือแห่งหนึ่งและที่ต้นแขนอีกแห่งหนึ่ง แล้วผมก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มแทงที่ตรงข้อพับ ผมไม่สะดุ้งแต่ต้องกัดฟันเมื่อมันเจ็บแปลบตอนที่เข็มแทงลงไปนั่น ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว สมองที่หมุนติ้ว ๆ นั้นค่อย ๆ หายไป รู้สึกเหมือนมีใครค่อย ๆ มาดึงความหนัก ๆ ที่สมองออกไปช้า ๆ สักครู่เข็มนั้นก็ถูกถอนออกค่อย ๆ แล้วเขาก็จับผมพับแขนตรงข้อศอก กดนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมรู้ว่าผมอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแน่แล้ว และคนที่ล้อมรอบผมอยู่นี้ต้องเป็นคนที่ไม่เป็นอันตรายกับผมแน่

ความรู้สึกของผมค่อย ๆ กลับเข้าที่อย่างช้า ๆ เมื่อฤทธิ์ยาฉีดเข้าไปทำงานในร่างของผม ครู่เดียวผมก็ลืมตาได้ทั้งสองข้างเต็มที่ แล้วผมก็ขอน้ำ คอมันแห้งผาก

“ อดใจไว้อีกสักครู่ครับ ” ใครคนหนึ่งข้าง ๆ ที่ผมนอนอยู่พูดขึ้น “ เดี๋ยวจะได้น้ำ ตอนนี้ทนเอาก่อน ”

“ หัวใจของแกแข็งแรงดีเหลือเกิน ” ใครอีกคนหนึ่งพูด “ ไม่น่าเชื่อว่าจะทนได้ เป็นคนธรรมดาก็ไปแล้ว ตอนที่เอามาถึงใหม่ ๆ เต้นริบหรี่จนแทบจะฟังไม่ได้ยิน แล้วตอนนั้นเราก็ยังฉีดยาให้ไม่ได้ ดีไม่ดีอาจหยุดเอาเฉย ๆ พอให้ยาดมช่วย กำลังหัวใจก็ค่อย ๆ ฟื้น เต้นดีขึ้นเป็นลำดับ แล้วก็เป็นปกติเร็วมาก ผมยังวินิจฉัยไม่ได้ว่ามันเป็นแก๊สชนิดใด รุนแรงเหลือขนาด เลือดเกือบจะแข็งตัวแล้วตอนนั้น ความแข็งแรงของหัวใจเท่านั้นที่ช่วยเอาไว้ได้ เคราะห์ดีเหลือเกิน ตอนนี้ให้นอนนิ่ง ๆ สักพักใหญ่ ๆ เดี๋ยวพูดคุยได้ พ้นอันตรายแล้วครับ ”

ผมรู้สึกมีมือมาจับที่แขนผมเบา ๆ เสียงพูดนั้นผมก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใคร

“ คุณยอดทวน นอนนิ่ง ๆ สักครู่ตามหมอสั่ง ทุกคนเป็นห่วงคุณ ”

ผมลืมตามองดูใบหน้าของเจ้าของเสียงที่พูด ความรู้สึกบอกว่าผมรู้จักคนคนนี้ดี ผมจ้องมองดูอยู่อย่างนั้น ค่อย ๆ เรียกความจำเท่าที่จะทำได้ แล้วผมก็นึกออก ผู้การของผมนั่นเอง

ผมขยับจะยกมือขึ้นทำความเคารพ แต่ถูกกดไว้ด้วยมือของผู้การของผมที่ยังกดอยู่ที่ท่อนแขน

“ ไม่ต้อง คุณยอดทวน นอนนิ่ง ๆ ผู้กำกับและสารวัตรของคุณก็อยู่ที่นี่ เดี๋ยวค่อยรู้ว่าไปยังไงมายังไงกัน หมู่ทองของคุณก็อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนสำคัญที่ช่วยคุณออกมาได้ ”

ผมลืมตา กวาดสายตาไปทั่วเท่าที่จะกวาดได้ มันยืนยิ้มแต้อยู่ที่ปลายเท้าผมนั่นเอง แล้วมันก็บีบที่ปลายเท้าเบา ๆ - ไอ้หมู่ทอง - ไอ้ยอดตำรวจของผม

ทุก ๆ คนยังคงยืนนิ่งดูอาการของผมอยู่ ผมรู้สึกตัวของผมเองว่าผมกำลังจะสบายขึ้น การหายใจสะดวกกว่าเมื่อฟื้นขึ้นมาใหม่ ๆ สายตาค่อย ๆ มองเห็นชัดขึ้นว่าใครเป็นใคร ความรู้สึกที่สมองเท่านั้นที่ยังตื้อ ๆ อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายผมค่อย ๆ กลับคืนสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว จะเป็นเพราะยาฉีดเข็มนั้นก็เป็นได้ ครู่เดียวเท่านั้นผมก็มีกำลัง แต่คอนี่ซิที่มันแห้งผากเหมือนกระดาษทราย ผมชี้ไปที่แก้วน้ำที่มองเห็นวางคู่กับขวดน้ำที่โต๊ะข้างเตียงนอน

คนในเสื้อคลุมสีขาวก้าวเข้ามาข้างเตียง เขาเปิดเสื้อของผมออก แล้วเอาหูฟังเสียบเข้าที่กดแป้นเครื่องตรวจลงทั่ว ๆ บนอก เป็นแห่ง ๆ มือข้างหนึ่งจับชีพจรที่ข้อมือ เขาวางแป้นหูฟังนั้นไปตามที่ต่าง ๆ แถวหน้าอกอยู่ครู่ใหญ่ ก็ถอนเครื่องฟังออก พยักหน้ายิ้ม แล้วพูดกับผู้การของผมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า

“ ได้แล้วครับ หัวใจเต้นเป็นปกติ ทุกอย่างกำลังเข้าที่ ” แล้วเขาก็หันมามองหน้าผม ยิ้มขณะพูด “ ผมไม่เคยเห็นคนมีหัวใจแข็งแกร่งอย่างนี้ ทนทาน แล้วก็ฟื้นได้เร็วมาก ให้น้ำได้แล้วครับ แต่ต้องค่อย ๆ ดื่ม ใช้หลอดดูดดีกว่า อย่าดูดฮวบฮาบ ประคองไว้ก่อน ยังไม่รู้ว่าร่างกายจะยอมรับอะไรอย่างเดิมหรือไม่ ”

เขาหันไปพยักหน้ากับพยาบาลที่ยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่มที่ล้อมรอบผม

พยาบาลคนนั้นเข้ามาพยุงศีรษะผม ประคองให้ยกขึ้น เมื่อเอาแก้วน้ำที่มีหลอดดูดทิ่มอยู่ในแก้วจ่อเข้าที่ปากผม ผมค่อย ๆ ดูดน้ำจากหลอดฟางนั้นตามที่หมอสั่ง ดูดไปได้พอคอค่อยหายแห้ง เสียงของหมอก็พูดว่า

“ พอก่อน อีกสักพักค่อยดูดใหม่ ”

พยาบาลก็ดึงหลอดออกจากปากผมทันที ยังไม่ทันหายอยาก ผมไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันจะไปทำอะไรข้างในผมได้ กำลังอร่อยน้ำดีอยู่ทีเดียว ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยน้ำหลายอึกนั้น ความหิวกลับขึ้นมาแทนที่

“ หิวครับ ” ผมบอกหมอ

“ เดี๋ยวผมจะให้น้ำข้าวต้มเบา ๆ ก่อน ” หมอบอก แล้วหันไปสั่งพยาบาลให้เอาของที่ต้องการมาให้

ผมได้ยินเสียงไอ้ทองหัวเราะกิ๊กเบา ๆ ที่ปลายเตียง ผมมองดูมันแล้วก็นึกถึงวันที่ผมให้มันกินน้ำข้าวที่ซิลเวอร์สตาร์ขึ้นมาได้ ไอ้นี่มันหัวเราะเยาะผม มันยังยืนยิ้มอยู่ที่เดิม มันรู้ว่าผมยังไม่มีกำลังพอที่จะลุกขึ้นเตะมันได้ เป็นธรรมดามันก็เผ่นไปพ้นรัศมีเท้าไกลแล้ว

ผมต้องกินน้ำข้าวที่พยาบาลเอามาให้ ท้องมันหิว ผมมองดูไอ้ทองยิ้มอยู่ตอนที่พยาบาลป้อนน้ำข้าวต้มให้ผมบนเตียงที่เขาไขส่วนหัวเตียงขึ้นมาในท่าเอนหลังสบาย ๆ สายตาของผมบอกมันว่า

“ เออ กูฝากมึงไว้ก่อน ”

หลังจากที่ได้น้ำข้าวเข้าไปจนเกือบหมดชามแล้ว ผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้น ความรู้สึกต่าง ๆ เข้าที่เป็นปกติ ผมยกมือขึ้นทำความเคารพบุคคลคนที่ยังยืนล้อมรอบผมอยู่ เมื่อพยาบาลที่ป้อนน้ำข้าวให้ผมถอยออกไป

“ ขอบคุณครับ ” ผมพูดขณะยกมือไหว้ “ ขอบคุณทุก ๆ คนที่เป็นห่วงผม ”

“ ให้หมู่ทองเขาเล่าดีกว่าว่าเขาไปช่วยคุณมาได้อย่างไร ” ผู้การของผมเป็นคนพูด

ไอ้ทองที่ยังยืนอยู่ปลายเท้าผมขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้วมันก็จับขาข้างที่อยู่ติดกับมันไว้ ก่อนที่จะพูด

“ เห็นไหม หนูมันช่วยราชสีห์ได้ยังไง หมวดทิ้งผมไว้ที่บ้านหมู่เทียมลืมไปเลย ปล่อยให้หิวแทบตาย เงินก็ไม่มี ดีแต่หมู่เทียมมีตังค์พอซื้อข้าวราดแกงได้คนละชาม ไม่งั้นก็อดตายกันไปแล้ว ”

ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมทิ้งมันจริง ๆ ก็อะไร ๆ มันกำลังติดพันอยู่อย่างนั้น ผมไม่มีเวลาคิดถึงมัน

“ ผมออกจากบ้านก็ตรงไปที่สโมสรก่อน คิดว่ายังไง ๆ ก็ต้องพบที่นั่น ” มันพูดต่อ “ ผมไม่พบหมวด ได้ความจากพวกนายตำรวจที่เป็นเพื่อนของหมวดว่า ออกไปแล้วกับเสี่ยตั้ง ทิ้งรถไว้ที่สโมสร ผมไม่ค่อยชอบใจที่ไปกันเพียงสองคน ได้ความจากนายตำรวจที่นั่นว่า จะไปหาผู้หญิงกัน เพราะกินข้าวไปจากสโมสรเรียบร้อยแล้ว ผมไปดูที่รถเห็นกุญแจรถยังเสียบอยู่ที่รูกุญแจ ผมก็ต้องใช้รถคันนั้นออกติดตาม ผมขับรถไปที่ซิลเวอตาก่อน คิดว่าคงต้องไปที่นั่นแน่ ”

“ ซิลเวอร์ สตาร์โว้ย ” ผมแก้ให้มัน “ ไอ้ซิลเวอตาของมึงนะ ไม่มี ”

“ เอาเหอะน่า เรียกผิดเรียกถูกมั่ง เป็นไรไป ” มันทำเสียง แล้วก็จับขาข้างที่มันยึดไว้นั้นแน่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่ผมยังขยับขาข้างนั้นไม่ได้ ผมได้แต่เม้มปาก กระดิกปลายเท้าฟังมันพูดต่อ

“ คนที่นั่นบอกว่า เข้าไปด้วยกันพักเดียวก็ออกมาด้วยกัน ผมก็ขับรถตามที่ไปต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าจะไป ใจผมน่ะหวั่น ๆ อยู่ว่าจะต้องมีเรื่อง เพราะหมวดเขาชอบลองของ หมวดเคยเอ่ยชื่อคนสองคนให้ผมฟัง เสี่ยตั้งกับเสี่ยอุทิศ ผมคิดอยู่แล้วว่า หมวดจะต้องมีอะไรที่จะเล่นกับเสี่ยสองคนนี่แน่ ไปที่ไหน ๆ ก็ไม่พบ ไม่มีใครรู้เห็น แล้วหมวดก็ไม่ยอมบอกผมว่ามีอะไรกับเขา คงจะไม่ใช้แม่อะไรที่เป็นดารานักร้องอยู่ที่บาร์คนนั้น เพราะเรื่องแค่นี้ หมวดไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น เห็นไหม ไอ้ทองเดาอะไรผิดเสียเมื่อไหร่ ”

มันพยักหน้ากับผม ดูความทะลึ่งของมันเอาเองก็แล้วกัน มันกล้าพูดเพราะมันรู้ว่าผมยังไม่มีแรงพอที่จะเตะมันได้ และมันก็ยึดขาข้างที่ใกล้ตัวมันไว้แน่น ไม่ไว้ใจเหมือนกัน พวกที่ล้อมรอบเตียงหัวเราะชอบใจ รวมทั้งผู้การ ผู้กำกับและสารวัตรของผมด้วย แล้วมันก็พูดต่อ

“ ผมรู้จักบ้านเสี่ยตั้งที่ทางฝั่งธน ฯ ตอนที่ผมอยู่กับเสี่ยอุทิศ เขาไปที่นั่น เอาผมติดรถไปด้วยในฐานะคนอารักขาที่ทางกรมส่งไป ผมก็ขับรถไปที่นั่น บ้านปิดเงียบ ผมจะกลับออกมาอยู่แล้ว แต่มันมีความรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติ ตามธรรมดาจะต้องมีคนอยู่ที่บ้านหลังนั้น เพราะเขามีคนรับใช้อยู่สอง –สามคน มันหายไปไหนกันหมด ผมกดแตรเรียกก็เงียบ ไม่มีใครมาเปิดประตู ผมก็ปีนข้ามไปเปิดประตูเอง ไอ้ประตูนี่ก็เปิดยาก มันไม่มีกลอนข้างในเสียด้วย ไม่รู้มันปิด – เปิดกันยังไง ผมดันเข้าดันออกอยู่ตั้งนานมันก็ไม่ขยับเขยื้อน ผมต้องปีนกลับออกมา เห็นจะต้องใช้รถดันเอา ไอ้บ้านข้างในก็ไม่มีแสงไฟ มันมืดสนิท เงียบพิลึก ๆ ผมไม่กล้าเข้าไปในบ้านหลังนั้น ”




Create Date : 28 สิงหาคม 2552
Last Update : 28 สิงหาคม 2552 3:28:22 น. 0 comments
Counter : 649 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.