เงื่อนไขการปฎิวัติ (ตอนที่ 16)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 16
หลังจากเหตุการณ์ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ แล้ว บ้านเมืองก็สงบอยู่ได้อีกไม่ถึงสี่เดือน ก็เกิดมีชาวคณะใหม่นำกำลังมาลองดีรัฐบาลคณะรัฐประหารอีกรอบหนึ่ง ชาวคณะใหม่นี้ก็เป็นคณะที่ถูกรัฐประหารล้มคว่ำไปเมื่อ ๘ พ.ย. ๙๐ นั่นเอง วันนั้นเป็นวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมก็รู้ล่วงหน้ามาก่อนเหมือนกัน เพราะพี่เชื้อของผมนั่นแหละ หลังจากที่เหตุการณ์ ๑ ตุลา ๙๑ ล้มเหลวไปคราวนั้น ทางคณะรัฐประหารก็คิดว่าคงจะได้อยู่อย่างสงบอีกนาน แต่ไม่ยังงั้น
ตอนนั้นพวกผมชาวคณะตำรวจกองตรวจหนุ่ม ๆ ใช้เวลาว่างงานไปมั่วสุมกันอยู่ที่สโมสร สหมิตร ซึ่งตั้งอยู่ที่แถวมหาพฤฒาราม ข้ามสะพานหัวลำโพงไปหน่อยเดียว กินเหล้าเฮฮาเล่นบิลเลียดกันอยู่ที่นั่นด้วยกันทั้งคณะ
ตอนนั้นท่านผู้ช่วยอธิบดี ฯ เผ่า ท่านวางกำลังนายตำรวจที่สำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกไว้ให้เป็นสารวัตรท้องที่ต่าง ๆ ในนครบาลครบถ้วนทั่วทุกสถานีชั้นใน บรรดาสารวัตรท้องที่เหล่านั้น ล้วนแต่เลือดเนื้อเชื้อไขนายร้อยทหารบกทั้งนั้น
นอกจากนั้น ท่านยังตั้งหน่วยกองตรวจตำรวจนครบาลขึ้นมาอีก เพื่อช่วยเหลือทางท้องที่ในการปราบปรามอาชญากรรม พวกเพื่อน ๆ ของผมที่ถูกแยกย้ายกันไปอยู่ภูธรเมื่อคราวรัฐประหาร ต่างก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ในหน่วยนี้กันเป็นแถว ๆ ผมนั้นกินตำแหน่งสารวัตรกองตรวจตำรวจนครบาลใต้ ในยศร้อยตำรวจเอก วิชิต รัตนพาณุ เป็นสารวัตรกองตรวจ ฯ เหนือ
พันศักดิ์เข้ามาจากสมุทรสาคร มากินตำแหน่งสารวัตรกองตรวจ ฯ ธนบุรี เพื่อนผมคนนี้ก่อนที่จะเข้ามาในกรุง ผมต้องเอาหัวเป็นประกันว่า มันจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับท่านผู้ช่วย ฯ เพราะพ่อมันเป็นเพื่อนกับคุณหลวงสังวรณ์ ฯ มันเรียกคุณหลวงสังวรณ์ ฯ ว่า คุณอา เจ้านายเขากลัวว่าจะไว้ใจไม่ได้ แต่ก็ต้องการใช้ฝีมือมัน เพราะพวกผมทั้งกลุ่มนี้ได้เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่ครั้งเสรีไทย แล้วมาอยู่ร่วมผจญอาชญากรรมในกองตรวจนครบาลรุ่นแรก เมื่อสงครามสงบใหม่ ๆ อีก เรียกว่าร่วมตายกันมาอย่างสนิทชิดเชื้อ และเอาอกชนกระสุนมาด้วยกันทุกคน เจ้านายเรียกผมขึ้นมาตอนดึกวันหนึ่ง เพื่อที่จะสอบถามเรื่องนี้ ท่านต้องการจะเรียกตัวพวกนี้เข้ามาใช้ในการปราบผู้ร้าย โดยตั้งกองตรวจขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ท่านได้ส่งมันออกไปภูธรทั่วทิศ ทั้งใต้และชายฝั่ง เมื่อคราวรัฐประหารคราวนั้น คราวนี้ทุกคนได้กลับมากันถ้วนหน้า ผมเอาหัวเป็นประกันว่า จะไม่มีใครคิดทรยศต่อท่านแน่นอน ตอนนั้นผมยังทำหน้าที่ติดตามไม่ห่างอยู่ ทั้งหมดจึงได้เข้ามารวมกันในกองตรวจนครบาลรอบที่สอง ท่านผู้กำกับ ฯ เยื้อน ก็ได้กลับมาเป็นผู้กำกับ ฯ อีกรอบหนึ่ง พบหน้ากันครบถ้วน มีตำรวจใหม่ ๆ ที่เพิ่งจะจบจากสถาบันโรงเรียนนายร้อยทหารบกมาเป็นรองสารวัตรอีกหลายนาย ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อจะมาทวงบุญทวงคุณจากพรรคพวก คนเราเมื่อมีโอกาสที่จะช่วยเพื่อนได้แล้วไม่ทำมันก็ไม่ใช่เพื่อน ผมอาจจะสนุกสบายของผมอยู่กับความใกล้ชิดกับเจ้านายแต่ลำพังก็ได้ และถ้าจะดึงคนเข้ามาใช้ตามความต้องการของเจ้านาย ผมจะดึงใครเข้ามาก็ได้ ไอ้ที่ไม่ใช่เพื่อน ความอันนี้ภายหลังผมไม่ทราบว่าเจ้านายท่านคิดยังไง ในเมื่อเพื่อนรักผมคนหนึ่ง เมื่อมันได้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนาย จนท่านรักมันมากว่าผมแล้ว มันเกิดสงสัยขึ้นมา มันบอกผมว่า มันถามเจ้านายแล้วว่าทำไมท่านถึงเรียกมันเข้ามาใกล้ชิด มันมอกว่า มันถามว่า
ไอ้พุฒเป็นคนให้ท่านเรียกเข้ามาใช่ไหม ท่านกลับตอบมันว่า กูเรียกมึงเข้ามาเอง ผมก็ไม่ทราบว่าท่านพูดอย่างนั้นทำไม ผมมารู้ทีหลังเมื่อท่านเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ยังงั้นก็คงต้องถามกันดูว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น ที่ผมบอกมันก็เพราะ มันสงสัย มันมาถามผม ผมก็ตอบให้ฟัง ถ้ามันไม่ถามผมก็คงไม่บอกมัน ผมไม่ต้องการบุญคุณจากใครโดยเฉพาะจากเพื่อนฝูง กลับเข้าหาเรื่องพี่เชื้อกันดีกว่า ร้ อยตำรวจเอก เชื้อ สุวรรณศร รุ่นพี่ของผมคนนั้น ! ในช่วงเวลาที่พวกผมไปมั่วสุมกันอยู่ที่สโมสร สหมิตร ตอนเย็น ๆ นั้น วันหนึ่งพี่เชื้อก็มาปรากฏตัวที่สโมสรอย่างนึกไม่ถึง เพราะปกติพี่เชื้อไม่ใคร่ชอบชีวิตตามสโมสร หลังจากที่โดนรัฐประหารไปแล้ว พี่เชื้อก็เก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน ไม่มีใครได้พบเห็นและไม่ได้เยี่ยมกรายมาสังคมกับพวกผมเลย วันนั้น พี่เชื้อเดินขึ้นมาสโมสรอย่างเงียบ ๆ ตามแบบฉบับสันติบาลเก่า ผมกำลังสาวคิวบิลเลียดอยู่กับพรรคพวก พี่เชื้อก็แอบมายืนอยู่ข้างหลัง เงยหน้าขึ้นมาจากสาวคิวก็เห็นพี่เชื้อ มาคุยกันหน่อยซิ พี่เชื้อยิ้มเขี้ยวกาง สะกิดแขนผม ผมวางคิวส่งต่อให้เพื่อนคนหนึ่งรับไป เดินตามพี่เชื้อออกไปที่ระเบียงสโมสร พี่เชื้อหัวเราะเสียงใสตามระบบ เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ใครเป็นคนวางตัวสารวัตรท้องที่นครบาลน่ะ พี่เชื้อพูดทันที คุณหรือเปล่า ไม่ใช่ผมหรอกครับ ผมตอบมองหน้าพี่เชื้อ ไม่เข้าใจว่าพี่เชื้อเอาคำถามนี้มาตั้งกับผมทำไม ผมนึกว่าคุณเป็นคนให้คำแนะนำกับคุณเผ่าเสียอีก พี่เชื้อพูดปนเสียงหัวเราะ เพราะวางตัวได้เข้าที พวกเราคุมท้องที่ไว้ได้ทั้งหมด รวมทั้งกองตรวจด้วย พูดจบก็หัวเราะกั้ก ๆ ตามแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพี่เชื้อจะมาไม้ไหน ดีแล้วล่ะ พี่เชื้อพูดต่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเราก็อยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน ไม่ต้องกรดุกกระดิกแล้วดีเอง ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย
ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นั่งมองหน้าพี่เชื้ออยู่ยังงั้น ไม่รู้จะว่ายังไง เอาล่ะ พี่เชื้อตบไหล่ผม ผมจะไม่พูดกับพวกนั้นหรอก พี่เชื้อพยักหน้าไปทางไอ้เพื่อน ๆ ที่ล้อมวงดื่มกันอยู่ที่โต๊ะบิลเลียด คุณพูดกับเขาให้ด้วยก็แล้วกัน ผมไปล่ะ ว่าแล้วพี่เชื้อก็ลุกขึ้น เดินลงบันไดสโมสรไป ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ไอ้เทียน เพื่อนรุ่นเดียวกับผม เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะ เฮ้ย พี่เชื้อพูดอะไรกับมึงวะ มันถามหัวเราะ ๆ ผมไม่ตอบมัน ไอ้เทียนไม่ว่าอะไร มันเดินหัวเราะกลับไปที่โต๊ะบิลเลียด ทำเหมือนไม่เอาใจใส่ ถึงผมจะไม่ตอบคำถามมัน ผมมองตามมันไป มันสาวคิวบิลเลียดเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ผมว่ามันรู้ว่าพี่เชื้อพูดอะไรกับผม เพราะถ้าไม่งั้นมันต้องซักผมให้ได้เรื่อง ผมรู้นิสัยมันดี ไอ้นี่ไม่ยอมให้ความสงสัยไม่ได้รับการอธิบาย และข้อสำคัญ มันเป็นน้องเขยพี่เนตร เมียมันเป็นน้องแท้ ๆ ของพี่เนตร เขมะโยธิน ผมไม่ได้บอกความนี้กับใคร ไม่อยากให้ใครยุ่งด้วย ผมเก็บความนี้ไว้คนเดียว ผมยังเคารพพี่เชื้ออยู่ พี่เชื้อเคยมีบุญคุณกับผมในระหว่างที่ยังอยู่ในราชการ พี่เชื้อเป็นพี่เลี้ยงผมในตอนมี่ผมติดดาวออกมาอยู่ที่โรงพักปทุมวันใหม่ ๆ ผมเป็นงานเพราะพี่เชื้อ พี่เชื้อไม่อยู่นิ่งเสียแล้ว ผมต้องยิ่งระวังเจ้านายของผมให้มากขึ้นกว่าเก่า
Create Date : 08 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 23:02:25 น. |
|
2 comments
|
Counter : 713 Pageviews. |
|
|
|