ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 72)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 72
วิกฤติการณ์ทางการเมือง
วุฒิฝ่ายทหารชักจะมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติไปในทางขัดกันกับวุฒิฝ่ายรัฐบาล
สมัยนั้น วุฒิสมาชิกทั้งหมดก็เป็นบุคคลที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นมา ความจริงก็ควรนับได้ว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลทั้งนั้น แต่เมื่อเหคุการณ์ทางการเมืองผันแปรไปในทางลบ การเคลื่อนไหวของวุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งที่เป็นฝ่ายทหาร ก็เริ่มผันแปร มีการขัดขวางนโยบายรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น เรียกว่าเป็นการทำหน้าที่ของวุฒิสมาชิกให้สมหน้าที่ เมื่อความเห็นและการเคลื่อนไหวของวุฒิสมาชิกฝ่ายทหารกลุ่มนั้น ถูกขัดขวางจากวุฒิสมาชิกกลุ่มอื่นที่เป็นรัฐบาลด้วยกัน และต้องพ่ายแพ้ในการลงมติในสภา วุฒิสมาชิกฝ่ายทหารกลุ่มนั้นก็ลาออกจากตำแหน่งพร้อมกัน 52 ท่านต่อสภา
ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ความจริงเมื่อมีการลาออก ทางรัฐบาลก็อาจตั้งวุฒิสมาชิกขึ้นมาใหม่ก็ได้ แต่ว่าเหตุผลในการลาออกของวุฒิสมาชิกทั้ง 52 ท่านนั้น เป็นการลาออกเพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลลาออกไม่สำเร็จ เมื่อมีการออกเสียงในสภา ปรากฏว่าเสียงข้างมากของรัฐบาลฝ่ายวุฒิสมาชิกออกเสียงให้รัฐบาลชนะไปอย่างขาดลอย สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 52 ท่านนั้นก็ยื่นใบลาออกทันที
เรื่องไม่หยุดอยู่แค่นั้น มีสมาชิกผู้แทนราษฎรอีกกลุ่มหนึ่ง เข้าชื่อกันให้จับกุมสมาชิกวุฒิ ฯ กลุ่มนั้น ในข้อหากบฏ ฐานบีบบังคับให้รัฐบาลลาออกด้วยกำลัง
ก่อนหน้าที่เหตุการณ์วุ่นวายนี้จะเกิดขึ้นเพียงไม่ถึงเดือนนั้น ก็มีสิ่งส่อแนวโน้มอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในวงการทหารบก นั่นก็คือ ท่านจอมพล ผิน ชุณหะวัณ ผบ. สูงสุดและ ผบ.ทบ. ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อย่างไม่มีใครคาดคิดหรือมีวี่แววมาก่อน คงตำแหน่ง ผบ. สูงสุด ไว้ตำแหน่งเดียว
ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกจึงตกอยู่กับ พลเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รองผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นโดยอัตโนมัติ เพราะเป็นตำแหน่งรองที่ใกล้ชิดอยู่แล้ว
ท่านนายก ฯ จอมพล ป. เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่อย่างเต็มใจ โดยหน้าที่แล้วก็ต้องเป็นผู้ที่เสนอกราบบังคมทูลขึ้นไปเอง
ผมนั้น เมื่อได้รับทราบถึงความเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องเตรียมการรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นติดตามมา ซึ่งพอจะเดาออกได้ไม่ยาก ผมเข้าพบกับเจ้านายชี้แจงให้ทราบ
ท่านควรจะพบกับท่านผู้บัญชาการ ฯ คนใหม่นี้บ่อยขึ้นนะครับ
ทำไมวะ เป็นคำถามที่ผมไม่แน่ใจว่า จะถามด้วยความไม่รู้จริง หรือแกล้งถาม
ผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองได้ ก็ผู้บัญชาการทหารบกนี่แหละครับ
เออ มึงหาข่าวมาให้กูก็แล้วกัน
เมื่อท่านพลเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นครองตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้รับพระราชทานยศเป็น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตามตำแหน่ง ในเวลาต่อมา
ขณะที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกนำคณะวุฒิสมาชิกฝ่ายทหาร 52 คน ลาออกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิกนั้น ท่านดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในยศจอมพลอย่างเต็มภาคภูมิแล้วไม่กี่วัน จึงได้มีวุฒิสมาชิกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในระดับคุมกำลังอีก 52 ท่าน ลาออกตามผู้บัญชาการไปด้วย
ผมรายงานเรื่องนี้ให้ท่าน อ.ตร. ทราบ ท่านก็รับทราบเฉย ๆ ไม่ได้สั่งการอะไรต่อ
ในวันเปิดประชุมรัฐสภาในวันต่อมา ผมก็ไปที่รัฐสภา ไปดูเหตุการณ์ในวันเปิดประชุมที่ไม่มีวุฒิสมาชิกที่ลาออกทั้ง 52 ท่านเข้าร่วมประชุม และจะไปดูเหตุการณ์ที่รัฐสภาด้วยว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นที่น่าติดตามบ้าง
ผมไปถึงรัฐสภาก็ขึ้นไปบนห้องประชุม ที่มีสมาชิกทยอยกันมาประชุมเมื่อถึงเวลา ที่นั่น ผมพบกับ พลจัตวา กฤษณ์ สีวรา วุฒิสมาชิกสายทหารท่านหนึ่ง ที่ไม่ได้ยื่นใบลาออกตามท่านผู้บัญชาการ ฯ ผมเรียกท่านว่า พี่ชุบ เพราะมีความสนิทสนมกันพอควร ในฐานะรุ่นพี่จากโรงเรียนนายร้อยทหารบก
พี่ชุบถามผมว่า
เฮ้ย สันติบาลใหญ่ มาสภาทำไมวะ
ผมมาดูว่า ที่ว่างของท่านที่ลาออกอยู่ตรงไหน เผื่อผมจะได้รับแต่งตั้งแทน จะได้นั่งถูกที่
พี่ชุบเข้ามาตบไหล่แล้วว่า
เฮ้ย เขาล้อกันเล่นเท่านั้นวะ ไม่มีอะไรหรอก
ผมเดินดูทั่ว ๆ สภา พบผู้แทนหลายคนเดินกันขวักไขว่ เตรียมเข้าประชุมสภาในวันนั้น ซึ่งเป็นการประชุมร่วมของสภาสมาชิกทั้งสองประเภท
ผมเดินไปทั่ว ๆ ก็เจอเข้ากับเพื่อนทหารร่วมรุ่นผมคนหนึ่ง เขาเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี ชื่อ พันโท วิเชียร สีมันตร มันลาออกจากราชการก่อนที่จะไปสมัครผู้แทน แล้วก็ได้รับเลือกเข้ามาตามตั้งใจ
ไอ้เพื่อนผมคนนั้นกำลังเดินล่าลายเซ็นพวกสมาชิกสภาอยู่ และมันได้ลายเซ็นมาแล้วหลายคน ลายเซ็นนั้นเป็นลายเซ็นในแผ่นกระดาษคำร้องต่อสภา ให้จับนายทหารทั้ง 52 ท่านที่ยื่นหนังสือต่อรัฐสภาให้รัฐบาลลาออกในวันนั้น ในข้อหาว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสกปรก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ไอ้เพื่อนคนนี้มันเป็นนักกฎหมาย เมื่อตอนที่มันลาออกจากราชการในยศพันโท มันก็ไปเรียนกฎหมาย จนสำเร็จได้ธรรมศาสตร์บัณฑิต มีความรู้ทางกฎหมายพอตัว มันตั้งข้อหานายทหารทั้ง 52 นั้น เป็นกบฏภายใน ฐานบีบบังคับให้รัฐบาลลาออกโดยผิดกฎหมาย เป็นความผิดทางอาญาข้อหาฉกรรจ์
ผมเดินตามดูมันเร่หาลายเซ็น มีคนร่วมเซ็นกับมีหลายคนอยู่ แทบครึ่งสภาเข้าให้แล้ว ผมถามมันว่า
เฮ้ย เอ็งจะเอาจริงหรือวะ
กูเอาจริง เรื่องอย่างนี้ทำเล่น ๆ ไม่ได้ มันตอบผมเสียงขึงขัง กูให้สภาสั่งการวันนี้ แล้วส่งให้ตำรวจจับเลย
มันเล่นกับของแข็งอย่างเอาจริงเอาจังเสียด้วย ไอ้คนนี้
ผมกลับออกมาจากที่นั่น ตรงเข้าวังปารุสก์ มารายงานท่านถึงเรื่องนี้ แล้วว่า
มีเรื่องแน่ครับ ไม่วันนี้ก็คืนนี้ ท่านจะเอายังไง
เจ้านายนิ่งไปครู่ใหญ่ กลับหันมาถามผม
แล้วมึงจะทำยังไง
ผมมีอำนาจก็จริง แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้ระดับผู้ใหญ่สั่ง
ก็ต้องจับ ถ้าสภาสั่ง
สภาสั่งแน่ครับ เรื่องนี้ เพราะมีสมาชิกลงชื่อกันมากกว่าครึ่ง เท่าที่ผมเห็น
สั่งเตรียมพร้อมเต็มกำลัง ฟังคำสั่งกู มึงกลับไปเตรียมตัวได้
ผมกลับออกมาจากที่นั่น ตรงไปที่กอง สั่งการกองกำลังของผมทุกหน่วยให้เตรียมพร้อม สั่งจ่ายอาวุธเต็มอัตราศึก แล้วเร่ร่อนไปตามหน่วยทางทหารที่ผมติดต่อเอาไว้ทุกหน่วย เป็นที่รับทราบกันเรื่องเตรียมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ทุกขณะต่อไปนี้
สั่งเสร็จผมก็กลับบ้าน สั่งทางบ้านให้เตรียมอาหารข้าวปลาให้พร้อมที่จะใช้ได้เจ็ดวัน และไม่ให้คนในบ้านออกไปไหน เมื่อเตรียมอะไรเรียบร้อยแล้ว สั่งเสร็จก็ตกเย็น
ผมอาบน้ำแต่งตัวออกมาที่กอง วิทยุเข้าโค้ดไปที่หน่วยนเรศวรที่หัวหิน ผู้บังคับหน่วยขณะนั้นคือ พันตำรวจโท ประเนตร ฤทธิ์ฤาชัย คนนี้ไว้ใจได้ในเรื่องต่อสู้ทุกรูปแบบ วิทยุสั่งการแล้วก็โทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ และนายตำรวจของผมทุกคนให้มาที่กองเดี๋ยวนี้
ผมนั่งอยู่กับ พันตำรวจเอก พจน์ เภกะนันท์ รองผู้บังคับการอีกท่านหนึ่ง มีนายตำรวจที่คุมงานต่าง ๆ นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย พร้อมที่จะออกปฏิบัติการเมื่อมีเหตุการณ์ อีกสี่-ห้าคนในกลุ่มนั้น มีพันศักดิ์ เพื่อนร่วมตายของผมนั่งอยู่ด้วย
กลุ่มพรรคพวกหก-เจ็ดคน เพื่อนร่วมงานและร่วมตาย นั่งคุยกันเรื่องจิปาถะ เพื่อรอรับเหตุการณ์ที่ผมคาดการณ์เอาไว้ เมื่อได้รับข่าวจากสายงานที่วางไว้
การดักฟังโทรศัพท์จากห้องปฏิบัติการ ผมได้รับทราบการติดต่อของฝ่ายทหารมาโดยตลอด หลังจากเพื่อนผู้แทนของผมยื่นเรื่องขออนุมัติจับกุมวุฒิสมาชิกฝ่ายทหารทั้ง 52 ท่าน ที่บังคับให้รัฐบาลลาออกนั้น ในข้อหากบฏภายใน และรัฐบาลได้สั่งการให้ดำเนินการในวันรุ่งขึ้น ผมก็เชื่อว่า ในคืนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เราถกกันเรื่องทางการเมือง และรอเหตุการณ์อยู่อย่างพร้อมทำงาน
ผมโทรศัพท์เช็คหน่วยกำลังของผมอีกครั้ง ทุกหน่วยพร้อมเต็มอัตราศึก ได้รับอาวุธพร้อมรบทุกหน่วย รอฟังคำสั่งจากผมอยู่ ณ ที่ตั้ง ขณะที่เรากำลังคุยกัน โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของคุณพี่พจน์ ก็ดังขึ้น ผู้ที่พูดมาคือ พี่ดม หรือคุณหญิงอุดมลักษณ์ ของท่านอธิบดี พี่ดมพูดมาว่า
พวกคุณแยกย้ายกันไปเสียเหอะ ทางทหารเขาหาว่า พวกคุณประชุมกันจะจับเขา อย่าให้มีอะไรตอนนี้เลย
พวกผมก็พร้อมใจกันลุกออกจากที่นั่น ลงมาขึ้นรถ ผมออกความเห็น ให้พากันไปกินเหล้ากันดีกว่า ที่บาร์ของคุณพี่พจน์ ที่สี่แยกราชประสงค์ คุณพี่เขามีบาร์ ชื่อ ลิโด้ อยู่ที่สี่แยกนั่น ไปล้มทับคุณพี่ดีกว่า
ทุกคนก็เห็นด้วย ลงมาขึ้นรถออกไปที่นั่น ผมขึ้นรถพันศักดิ์ไปด้วยกัน ทิ้งรถกับคนขับของผมเอาไว้ที่กอง ก็ยังสงสัยไม่หายว่า พี่ดมรู้ได้ยังไงว่า เรามาชุมนุมกันที่สันติบาล ที่ห้องพี่พจน์ แต่ก็เดา ๆ เอาพอจะเดาออกว่า คงจะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กว่าผมคนหนึ่ง ที่ขับรถเข้ามาตอนที่พวกผมมาถึงที่ชุมนุมใหม่ ๆ แล้วเขาก็ขับรถออกไปทันทีที่เห็นรถพวกผมจอดอยู่หลายคันที่หน้าตึกของคุณพี่พจน์ ข่าวการชุมนุมของพวกผมคงจะออกไปจากนายตำรวจคนนั้น
ผมจะไม่ออกชื่อเขา ถ้าออกชื่อมา ก็รู้จักกันดีในวงการตำรวจ
Create Date : 16 เมษายน 2553 |
Last Update : 16 เมษายน 2553 2:03:06 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1132 Pageviews. |
|
|
|