ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 35)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 35
ดูงาน สก๊อตแลนด์ยาร์ต
ผมไปนั่งอยู่บนโรงพักบางรักได้เพียงสามเดือน ก็ถูกเรียกตัวไปพบอีก ทีนี้เรียกไปบอกให้รู้ว่า มึงต้องไปอังกฤษ ไปเรียนรู้ศึกษาวิชาการตำรวจที่นั่น โดยเฉพาะเรื่องการสืบสวนทางการเมือง เขาว่าที่ สก๊อตแลนด์ยาร์ต เก่งนักเรื่องนี้ มึงไปศึกษาหาความรู้เรื่องนี้มา ผมก็ต้องบินไปอังกฤษตามคำสั่ง และไปได้ยศพันตำรวจโทที่นั่น ผมไปอยู่อังกฤษประมาณหกเจ็ดเดือนก็ดูงานที่นั่นจบ ทางสก๊อดแลนด์ยาร์ตนั้น เขาหวงวิชาของเขามาก เรื่องการสืบสวนทางการเมืองนี้ ไม่เคยมีใครได้เข้าไปเหยียบย่างในหน่วยของเขาได้
ผมต้องใช้วิธีการของผมเอง โดยเรียกตัวเพื่อนชาวอังกฤษของผมคนหนึ่งจากเมืองไทยให้ไปพบผมที่กรุงลอนดอนด่วน เขาเป็นเลขานุการในสถานทูตอังกฤษในประเทศไทย และเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟของผมเป็นประจำที่สโมสรกอล์ฟดุสิต นายคนนี้ก็คือสปายตัวยงของอังกฤษที่มาแหมะเอาไว้ในสถานทูต ตามวิธีการของสถานทูตทั่ว ๆ ไป ในนั้นต้องมีสปายอยู่อย่างน้อยก็หนึ่งคน หรือไม่ก็เป็นหน่วยทั้งหน่วยเลยทีเดียว เพื่อนคนนั้นรีบบินไปพบผมที่ลอนดอนทันที อยากรู้ว่าเรื่องด่วนของผมคืออะไร ผมบอกเขาว่า ผมอยากเข้าไปดูงานในหน่วยสก๊อตแลนด์ ยาร์ตที่นี่ เห็นว่าเข้าไปลำบากก็ต้องเรียกยูมาช่วย นายคนนั้นเกาหัวยิก เขาว่า นึกว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร เรื่องแค่นี้โทร. ทางไกลพูดกับเขาก็ได้ ถ้ากลัวจะเสียเงินก็ให้เก็บทางเขาก็ได้ ทำไมต้องเรียกตัวมาด้วย ผมก็ว่า ยูมาแล้วก็จัดการเสียเลยก็แล้วกัน นั่นแหละ ผมจึงได้เข้าไปเรียนงานในหน่วยสำคัญหน่วยนี้ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในทุกที่ที่อยากไป เขาเพียงแต่จัดให้ดูได้เฉพาะที่ไม่เป็นสถานที่ลับสุดยอดของเขา และได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวปฏิบัติการของเขาชั้นหัวหน้า สองสามคน ก็ต้องคุยกันในห้องลับที่จัดพิเศษสองต่อสอง ทุกคราวที่ต้องการ ขนาดพวกเดียวกันเขาก็ยังไม่ให้รับรู้เรื่องที่แต่ละคนละคุยกับผม ห้องนั้นเป็นห้องแคบ ๆ ขนาดกว้างยาวสี่เมตร มีโต๊ะตัวหนึ่ง เก้าอี้สี่ตัว ข้างบนมีพัดลมเพดานขนาดใหญ่อยู่ตัวเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไร ห้องนั้นปิดไม่มีหน้าต่าง มีประตูทางเข้าออกประตูเดียว
ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเขาที่จัดมาให้สามคน วันละคนในห้องนั้น แล้วก็จดบันทึกสิ่งที่ได้คุยกับเขาลงในสมุดบันทึกของผมเองเมื่อกลับมาถึงที่พักแล้ว จะไปจดต่อหน้าไม่ได้ ต้องจำเอามาบันทึกในภายหลัง
ถึงคนที่สาม เมื่อคุยกันจบแล้ว ผมก็ลาเขาเพราะจบเรื่องที่เขาได้จัดให้แล้ว ผมก็บอกลาและขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ก่อนที่จะออกจากห้อง ผมก็แหงนขึ้นไปพูดกับพัดลมเพดานอันใหญ่นั้นเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ว่า
ลาละ แล้วจะมาขอบันทึกข้อความจากเทปของคุณวันหลัง
แน่นอนที่จะต้องมีการดักฟังเรื่องที่เราคุยกันอยู่สามวันนั้น ไอ้พัดลมเพดานอันนั้นมันเหมาะที่จะสอดเครื่องไมโครโฟนได้อย่างสบาย ๆ จะต่อสายไปที่เครื่องบันทึกที่ไหนก็ได้ ลักษณะของห้องมันเป็นอย่างนั้น เขาต้องเก็บเอาไว้ใช้คุยกับผู้ที่เขาต้องการให้พูดอะไร ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเขา แล้วแอบบันทึกเอาไว้โดยแขกของเขาไม่รู้ตัว ไอ้พัดลมเพดานตัวนั้นมันจะทำหน้าที่ของมันเอง
ผมก็ต้องบอกให้เขารู้ว่า เราพอจะรู้ทันเขา อีกประการหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่าเรารู้ เขาก็ต้องสงสัยต่อไปว่า เรื่องที่เราปล่อยออกมาให้บันทึกนั้น อาจเป็นเรื่องไม่จริงก็ได้ เพราะถ้าเรารู้ตัวแล้ว เราก็คงจะไม่คุยเรื่องที่เราไม่อยากคุยออกมา ระหว่างที่คุยกันนั้น ทางเขาก็ตั้งคำถามกับถึงเรื่องการเมืองในเมืองไทยเหมือนกัน ผมไม่ปฏิเสธที่จะพูด แต่เรื่องที่ผมพูดออกไปมันเป็นจริงหรือเท็จ ใครจะรู้ดีกว่าผม และยิ่งผมตะโกนบอกลาเขาอย่างนั้น ก็คงจะทำให้เขาต้องคิดมากกับข้อความที่บันทึกเอาไว้นั้น หรือถ้ามันไม่มีไมโครโฟนแอบไว้ โดยผมสงสัยไปเอง มันก็ไม่เสียหายอะไร พูดกับพัดลมเล่นเฉย ๆ จะเป็นไรไป
จากอังกฤษ ผมก็ต้องเร่ร่อนไปแถวสะแกนดิเนเวียอีก เจ้านายสั่งไปทางสถานทูตให้ผมไปดูงานตระเวนชายแดนที่เยอรมัน เดนมาร์ก ฮอลแลนต์ นอร์เว สวีเดน ให้ครบ เพื่อเอามาใช้งานทางเมืองไทย
ผมก็ต้องไปตามคำสั่งทางอากาศ แต่ก่อนที่จะไป ผมก็เบิกเงินจากทางสถานทูตล่วงหน้าไปเป็นค่าใช้สอยของผม เบิกจนพอใจ ทางสถานทูตเขาก็เชื่อผม เขาให้มา ผมบอกว่าให้โทรเลขหรือวิทยุไปเบิกตรงกับท่านอธิบดีเผ่า ฯ ก็ต้องได้ เขาคงเห็นว่าเรื่องนี้เป็นคำสั่งของตัวอธิบดีเอง ก็คงจะไม่มีปัญหา ความจริงผมพูดไปยังงั้นเอง เพราะเงินที่ผมได้เบิกมาตั้งแต่ออกจากเมืองไทยนั้นมันเกินกว่าที่ควรจะเบิกได้อยู่แล้ว แต่ผมเอาไปใช้หมด ไม่คิดว่าจะต้องระเห็จต่อไปอีกหลายเมืองอย่างนี้ ถ้าผมขอมาเองก็คงถูกด่าทางอากาศมาแน่ ๆ ให้ทางสถานทูตเขาขอมาดีกว่า คงไม่รู้ว่าจะด่ายังไง
ผมตระเวนดูงานทั้งเรื่องตระเวนชายแดน และเรื่องสืบสวนทางการเมืองจนทั่วทั้งสี่ห้าประเทศตามสั่งแล้ว ก็กลับเมืองไทยทันที จากบ้านไปเกือบปี มันคิดถึงบ้าน กินสเต็กแทบทุกวัน ไม่ไหว
พอมาถึงเมืองไทย เข้าไปรายงานตัวก็ถูกด่าเรื่องการใช้เงินทันที ไม่เป็นไร ยอมให้ด่าก็ได้ แต่คำสั่งต่อมานี่ฃีที่ผมต้องคัดค้าน
ท่านอธิบดีบอกว่า จะให้ผมลงไปอยู่นครบาลใต้ เพราะทางนั้นขาดรองผู้บังคับการอยู่ คนเก่าจะต้องย้ายไปภูธร ให้ผมไปลงตำแหน่งรองผู้บังคับการนครบาลใต้
ทีนี้ ผมก็ต้องคัดค้าน ให้ผมไปดูงานการสืบสวนทางการเมืองและตระเวนชายแดนมาจนถี่ถ้วนยังกับจะเอาความรู้มาจัดตั้งหน่วยราชการลับได้อย่างถูกหลักวิธี แล้วอยู่ ๆ จะให้ผมไปลงท้องที่ มันก็ไม่ถูกเรื่อง
งานสันติบาลกับนครบาลมันผิดกันคนละแบบ ผมไม่ได้ไปดูงานทางนครบาลมาเลย สั่งให้ไปดูงานทางการเมืองมา กลับจะให้ผมไปอยู่นครบาลได้ยังไง ผมก็เถียงเอาอย่างไม่กลัวถูกด่า
เหตุผลของผมหนักแน่นกว่า จนเจ้านายต้องไล่ออกจากห้อง คงจะเพื่อให้มีเวลาคิดเรื่องนี้ ในที่สุดก็มีคำสั่งออกมา ให้ผมไปดำรงตำแหน่ง รองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล
ผมพอใจกับตำแหน่งนี้ เพราะมันตรงกับที่ผมไปศึกษางานมาจากหลาย ๆ ประเทศตามที่ทางกรม ฯ กำหนดให้ไปดูและศึกษา
สมัยนั้น รองผู้กำกับการสันติบาลมีเพียงสองตำแหน่ง รองผู้กำกับการฝ่ายในประเทศ และรองผู้กำกับการฝ่ายต่างประเทศ ผมอยู่ในตำแหน่งหลังนี่ ถูกใจผม
ผู้กำกับการตำรวจสันติบาลในขณะนั้นคือ พลตำรวจจัตวา รัตน์ วัฒนมหาตม์ จบจากโรงเรียยนายร้อยก่อนผมสามรุ่น ท่านเป็นตำรวจรุ่นแรกจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ผมไปรายงานตัวกับท่าน ก็พูดกันรู้เรื่อง เพราะท่านเป็นนักเรียนอังกฤษเหมือนกัน เพิ่งกลับมาจากอังกฤษหมาด ๆ ก่อนผมปีเดียว มานั่งสันติบาล ทีผมทำไมจะให้ไปอยู่นครบาลก็ไม่รู้ นี่แหละเจ้านายของผม คุณ ๆ พอที่จะอ่านนิสัยใจคอได้หรือยัง
ผมอยู่สันติบาล ผมก็เอาความรู้ของผมออกมาใช้ วิชาการสืบสวนทางการเมืองมีเท่าไหร่ ผมเอาออกมาใช้หมด ตลอดจนการสอบสวนชนิดถึงไส้ถึงพุง ขนาดเรียกว่า ล้วงตับกันเลยทีเดียว คนของผมผ่านการฝึกมาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ผมฝึกของผมเองทุกคน งานนี้สนุกถ้าเราชอบ แล้วผมก็ชอบเสียด้วย
Create Date : 05 มีนาคม 2553 |
Last Update : 5 มีนาคม 2553 2:27:37 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1301 Pageviews. |
|
|
|
เริ่มลดความอ้วนหรือยังเอ่ย!!
แวะมาส่งเข้านอน
ฝันหวานๆนะจ๊ะ