จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 3)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 3

บทที่ ๒

ผมรู้จักลู่ทางดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการคนนำทาง ผมเข้าไปในห้องนั้น และหยิบหูโทรศัพท์ที่วางอยู่นอกเครื่องขึ้นแนบหู ร้อง ‘ฮัลโล’ ลงไป เสียงคุณนายดังขึ้นมาทันที

“ ดนัยเรอะ ”

“ ครับ ผมเอง ”

“ หน้าที่ของคุณเพียงแต่ยื่นคำร้องที่ฉันเซ็นชื่อไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น เข้าใจไหม ไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีก ”

“ แต่คุณพี่สั่งให้ผมรอคำสั่งของศาลด้วยไม่ใช่หรือครับ ”

“ ไม่ต้องรอฟังแล้ว ฉันให้คุณธรรมนูญเขารอฟังแทน ยื่นแล้วคุณก็กลับสำนักงานได้ ฉันมีงานให้คุณทำอีก ”

“ คุณพี่แน่ใจแล้วหรือว่า จะไม่มีอะไรเสียหายเกิดขึ้นภายหลัง ” ผมพูด

“ ไม่มีอะไรหรอกน่ะ คุณคิดว่ามันจะมีอะไร เราเป็นแต่เพียงคนประกันเท่านั้น ”

“ ถ้าจำเลยหลบหนี คุณพี่จะต้องเสียเงินแสนบาท ” ผมพูด

“ เอาเถอะน่ะ คนที่จะเสียเงินไม่ใช่ฉันหรอก ”

“ คุณพี่หมายความว่า มีคนที่จะยอมเสียเงินแทนอยู่แล้ว ยังงั้นหรือครับ ”

“ เรื่องนั้น คุณวางใจได้ ”

“ คุณพี่ให้ผมทราบได้ไหมครับว่า ใครเป็นคนคนนั้น ”

“ คุณจะรู้ไปทำไม ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ ”

“ หมายความว่า คุณพี่ไม่ต้องการฟังคำแนะนำของผมในเรื่องนี้ ”

“ ฉันเคยปฏิบัติอย่างนี้มามากแล้ว โดยไม่ต้องการคำแนะนำจากใคร คุณยื่นคำร้องแล้วก็กลับสำนักงาน ฉันยังมีงานอื่นที่จะให้คุณทำอีก เท่านั้นแหละ ”

คุณนายวางหูค่อนข้างแรง ผมจึงต้องวางหู แล้วออกจากห้องนั้นมา
ผมเข้าไปยื่นคำร้องขอประกัน และเอาโฉนดที่อยู่ในซองออกมายื่นให้พนักงานศาล เรียบร้อยแล้วก็ออกมา

ขณะที่เดินผ่านธรรมนูญ ทนายผู้นั้น เขาหัวเราะเบา ๆ พูดกับผมว่า
“ ยื่นเรียบร้อยแล้วหรือ คุณดนัย ”

ผมบอกเขาว่าเรียบร้อยแล้ว หันไปมองคนสวยที่ชื่อ ยุพดี นั้น หล่อนมองผมด้วยสายตาเย้ยหยัน ผมหันหลังเดินลงมาที่รถ

ผมจอดรถที่ว่างหน้าสำนักงาน แล้วก็ขึ้นมาบนสำนักงาน ส่งกุญแจรถคืนให้กัณหา ได้ยินเสียงหัวเราะห้าว ๆ ของใครคนหนึ่งในห้องคุณนายนายจ้างของผม ผมจึงชะงักเท้าอยู่ตรงหน้าห้องนั้น ไม่ก้าวเข้าไป

กัณหาพูดกับผมว่า “ คุณพี่ให้คุณเข้าไปหาได้ เมื่อมาถึง ”

ผมชี้นิ้วเข้าไปในห้อง แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม หล่อนจึงพูดว่า

“ ผู้บังคับการ เพื่อนคุณพี่ ไม่เป็นไหรอก เข้าไปเถอะ ”

ผมเคาะบังตาประตูเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงคุณนายร้องเชิญ จึงเปิดเข้าไป

คุณนายพูดขึ้น เมื่อเห็นว่า ผู้ที่เข้ามาคือผม

“ ยื่นแล้วเรียบร้อย ? ”

“ ครับ ” ผมรับคำ “ คุณพี่มีอะไรที่จะให้ผมทำอีก ”

ก่อนที่คุณนายจะทันได้พูดอะไร ชายร่างใหญ่ที่นั่งครึ่งเอนอย่างสบายอยู่บนเก้าอี้นวมข้าง ๆ โต๊ะทำงาน ก็พูดขึ้นว่า

“ ลูกน้องใหม่ของคุณหรือนี่ ”

คุณนายพยักหน้า แล้วพูดกับผมว่า

“ รู้จักพระภูมิเจ้าที่ไว้เสียหน่อยซิ คุณดนัย พันตำรวจเอก พิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจท้องที่ของเรานี่ ” แล้วคุณนายก็หันไปพูดกับผู้บังคับการคนนั้น “ พ่อนี่เขาชื่อ ดนัย นามสกุล บริการ เพิ่งมาสมัครงานเมื่อวานนี้ ธรรมศาสตร์บัณฑิต ทนายความชั้นดีทีเดียวนะ เขาน่ะ ”

ผมหันไปยกมือไหว้พันตำรวจเอกพิทักษ์ เขาก้มหัวแทนการยกมือรับไหว้ แล้วส่งเสียงหัวเราะห้าว ๆ ออกมา พร้อมกับพูดกลั้วหัวเราะออกมาด้วยว่า

“ หน้าตาเข้าทีดีนี่ หน่วยก้านก็ดูจะดี แต่เสียทีกะหร่องไปหน่อย ตัวเล็กนิดเดียวเท่าลูกแมวเท่านี้ จะทนงานคุณไหวเรอะ ”

ผมยืนมองเขาเต็มนัยน์ตาตอนนี้ เขาเป็นคนรูปร่างใหญ่โต แม้ว่ากำลังนั่งในท่าสบายอย่างนั้น ขาของเขาก็ยื่นออกมายาวเหยียด แสดงให้เห็นว่า ความสูงของร่างกายเขาคงไม่ต่ำกว่าหกฟุต ไหล่กว้าง ใบหน้าสี่เหลี่ยม ผมที่ดำสนิทและหวีไว้เรียบร้อยนั้น ต้องเป็นผมที่ถูกย้อมไว้อย่างดี เพราะว่ามันมีสีดำเกินกว่าที่จะเป็นไปโดยธรรมชาติ และอายุของเขา ผมกะเอาว่าคงจะต้องอยู่ในปลายของปีสี่สิบ ใบหน้าแสดงว่าเป็นคนอารมณ์ดี แต่เสียงที่พูดออกจะดังกร้าวตามแบบฉบับของตำรวจที่เคยชินอยู่กับการพูดจากับผู้ต้องหาทั่ว ๆ ไป เขาแต่งกายนอกเครื่องแบบด้วยเครื่องแบบสากลที่เรียบร้อย แต่ท่าทางนี้แต่งตัวอย่างไรก็ดูออกว่าเป็นตำรวจ

คุณนายพูดขึ้นว่า “ คุณพิทักษ์ละก้อ พูดจาเกรงใจเด็กบ้าง อย่าไปถือเลย ดนัย ” ประโยคหลังนี่ คุณนายพูดกับผม “ แกชอบหลอกเย้าคนเล่นอย่างนี้ ไม่ได้หมายความอะไรจริงจังหรอก ”

“ ตาเขียวเชียว ไอ้หนู ” ผู้บังคับการคนนั้นพูดขึ้นอีก “ ล้อเล่นหน่อย ไม่ได้หรือวะ ”

ผมไม่พูดตอบ หันไปทางคุณนาย พูดว่า “ คุณพี่มีอะไรให้ผมทำอีกไม่ทราบ ”

“ ที่บ้านตามนามบัตรนี้ ” คุณนายพูด พร้อมกับส่งนามบัตรแผ่นหนึ่งให้ “ เขาติดต่อมาให้เราจัดการในเรื่องการเลี้ยงงานแต่งงาน คุณไปจัดการเรื่องสั่งอาหารที่เหลาสำหรับแขกสองร้อยคน และติดต่อขอเช่าเต๊นท์ที่กองทัพเรือ และสอบถามความต้องการของเจ้าของงานในร้องอื่น ๆ แล้วมาบอกพี่ว่า เขาต้องการอะไรพิเศษนอกเหนือไปจากนี้ ”

ผมรับนามบัตรนั้นมาอ่าน มันมีชื่อของใครคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่สถานที่ที่ปรากฏในนามบัตรนั้น ผมรู้จัก ผมถามว่า “ คุณพี่จะให้ผมไปยังไง แล้วค่าพาหนะเท่าไหร่ ”

“ เมื่อวานนี้ ฉันให้เงินล่วงหน้าคุณไปแล้วถึงห้าวันยังไงล่ะ ออกไปก่อนซิ ที่นี่เขาเบิกค่าพาหนะกันอาทิตย์ละครั้ง ”

“ ผมมีเงินเหลืออยู่อีกยี่สิบบาทเท่านั้นเอง ”

“ อะไรกัน ใช้เงินเปลืองนัก ”

“ ผมต้องใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นหลายอย่าง และใช้หนี้เขาไปบ้างด้วย ”

“ แล้วคุณจะอยู่ได้ยังไงอีกสี่วันด้วยเงินยี่สิบบาทนั่น คุณจะคิดขอยืมอีกน่ะ ไม่สำเร็จแน่ละ ”

“ ผมอยู่ได้ และไม่ได้ตั้งใจที่ขอยืมอะไรล่วงหน้าอีก ” เสียงของผมห้วน

“ ฉันก็จ่ายค่าพาหนะก่อนจบอาทิตย์ไม่ได้ เพราะบัญชีมันจะยุ่ง ”

“ถ้ายังงั้น ผมจะเดินไป อาจจะช้าหน่อย คุณพี่จะรอผมได้หรือ ”

“ ถ้าคุณมาหลังเที่ยงก็คอยพบฉันตอนบ่าย หลังเวลาอาหาร แต่นี่ก็เพิ่งสามโมงครึ่งเท่านั้น คงจะทันน่ะ ”

ผมกลับออกมา ทีนี้ก็พอจะรู้แล้วว่า ทำไมกัณหาจึงให้ยืมรถไปเมื่อเช้านี้

ผมเดินผ่านโต๊ะที่กัณหานั่งอยู่ หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผม พูดว่า
“ ขอบคุณมาก สำหรับรถเมื่อเช้านี้ ผมเพิ่งเข้าใจ ”

ผมเดินผ่านหล่อนไป หล่อนเรียกไล่หลังมา “ คุณดนัยคะ ”

ผมหยุดชะงักหันกลับมา หล่อนส่งกุญแจรถที่ผมเพิ่งจะคืนให้เมื่อกี้นี้มาตรงหน้า

ผมยิ้ม และสั่นหน้า พูดว่า “ ขอบคุณมาก แต่มันออกจะรบกวนคุณมากไป ”

“ เอาไปเถอะค่ะ ” หล่อนพูด “ ฉันยังไม่ต้องการใช้มัน จนถึงเที่ยง ”

ผมยิ้ม แล้วหันหลัง จะเดินลงบันไดไป

“ คุณดนัย ” เสียงหล่อนเรียกมาอีก คราวนี้น้ำเสียงหนักแน่น

ผมหันไปดู หล่อนยังคงชูกุญแจอยู่อย่างนั้น สายตาที่มองผมมีแววเห็นใจ หล่อนพูดว่า

“ คุณจะเดินไป กว่าจะเสร็จเรื่องก็เกินบ่ายแน่ ๆ ”

ผมมองดูสายตาหล่อน หล่อนยิ้ม
ผมค่อย ๆ ก้าวเข้ามารับกุญแจรถไปจากมือหล่อน พร้อมกับพูดขอบใจ

ผมเสียเวลาไปร่วมสองชั่วโมงครึ่ง กว่าจะขับรถตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ ตามที่คุณนายสั่ง และกว่าจะติดต่อจัดการเรื่องราวต่าง ๆ และพบกับเจ้าของงาน ไต่ถามอะไรต่ออะไรให้เรียบร้อย

ผมกลับมาถึงสำนักงานเกือบเที่ยง หากเดินไปจริง ๆ ก็น่ากลัวจะถึงสี่โมงเย็น กว่าจะได้กลับถึงที่ทำงาน

ผมส่งกุญแจรถคืนให้กัณหา เสียงหัวเราะห้าว ๆ ของผู้บังคับการตำรวจคนนั้นยังดังอยู่ในห้องคุณนาย

ผมเข้าไปรายงานผลของการติดต่อให้คุณนายทราบ

“ เร็วดีนี่ ดนัย เหนื่อยไหม ” คุณนายพูด

ผมเกือบบอกไปแล้วว่า ผมไปยังไง แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเรื่องดี จึงเงียบไว้ และเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรายงาน

“ ไอ้หนูคล่องแคล่วดีนี่ คุณลินจง ” พ.ต.อ. พิทักษ์ พูดขึ้น “ ว่าง ๆ ขอยืมไปเป็นคนเดินรายงานให้ผมหน่อยซี ได้ไหม ยังงี้เป็นตำรวจภารโรงดีนัก ” พูดจบก็หัวเราะ ฮ่า ฮ่า ออกมาลั่นห้อง

“ ผู้การไม่มีงานทำหรือครับที่กองบังคับการ ” ผมหันไปพูดกับเขา
“ เห็นจมอยู่ที่นี่ตั้งแต่สามโมงจนเดี๋ยวนี้ ”

“ อ้าว ! ไอ้หนู เสือกแล้วไง ” ผู้การพูด หัวเราะ ฮ่า ฮ่า “ แล้วมันหนักกบาลอะไรลื้อวะ ”

“ กบาลผมน่ะ ไม่หนักหรอกครับ ผู้การ ” ผมพูด “ อย่าลืมว่าผมเป็นราษฎรเสียภาษี และภาษีที่ผมเสียไปนั้น ส่วนหนึ่งเขาเอาไปใช้เป็นเงินเดือนของผู้การ จะว่าผมเป็นนายจ้างผู้การก็ไม่ผิดนัก ”

“ ดนัย ” คุณพี่เรียกออกมา

“ ไอ้หนูพูดจาหลักแหลม ” ผู้การว่า “ อั๊วเป็นลูกจ้างลื้อก็จริง แต่ทว่า... ” เขาพูดลากเสียงช้า ๆ “ เป็นลูกจ้างชนิดที่อาจเตะนายจ้างได้ ยิ่งนายจ้างตัวเท่าลูกหมาอย่างลื้อนี่ ทีเดียวก็ชัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

“ คุณพิทักษ์ ” คุณพี่หันไปเรียกผู้การคนนั้น

“ ลองดูเป็นไงครับ ” ผมพูดยิ้ม ๆ

ผู้การลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้นั่ง เขาทำท่าปรี่เข้ามาหาผม แล้วหยุดอยู่ตรงหน้า ผมต้องแหงนหน้าขึ้นมองเพื่อที่จะสบสายตาเขาถนัด ถ้าเขาเหวี่ยงอะไรมาจริง ๆ ก็คงแย่เหมือนกัน แต่เขาหยุดแล้วหัวเราะ และพูดว่า “ ไอ้หมอนี่ไม่กลัวแข้ง มันแน่ ยืนนิ่งไม่ขยับถอย ไม่ปิดป้องเสียด้วย ไปได้ ไปให้พ้น ” เขาโบกมือไล่

ผมยืนนิ่ง ไม่ขยับ

“ ออกไปได้แล้ว ดนัย ” เสียงคุณพี่พูด “ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ”

ผมหันไปมองดูคุณนาย หันไปมองผู้การคนนั้น แล้วจึงหันหลังเดินออกมา

ผมออกมาข้างนอกห้อง กัณหาไม่ได้สบตาผม หล่อนคงได้ยินเสียงที่พูดกันในห้องเมื่อกี้เหมือนกัน ผมดูนาฬิกาเห็นอีกไม่กี่นาทีจะเที่ยง นึกถึงเวลาอาหาร คิดว่าจะไปหาอาหารกินจะดีกว่า เสียงผู้การคนนั้นยังหัวเราะลั่นอยู่ในห้อง ไม่รู้แกช่างขำอะไรของแกเสียจริง ๆ

นึกถึงอาหารและได้ยินสียงผู้การตำรวจปากเสียคนนั้น ผมก็เดินลงบันไดไป

ลงมาถึงข้างล่าง ผมกวาดสายตาไปทั้งสองฟากถนน ผมไม่ต้องเสียเวลาส่ายตาหามากมายอะไร เพราะรถอย่างนั้นจะต้องจอดในที่จอดที่ไม่มีใครกล้าจอด คนขับอยู่ในเครื่องแบบตำรวจ เขานั่งเอาแขนข้างซ้ายพาดออกมากับขอบกระจกที่เลื่อนลง ผมจึงเห็นบั้งสิบโทของเขาได้ชัดเจน รถคันนั้นเป็นรถเก๋งสีดำขนาดกลาง

ผมเดินเข้าไปที่รถคันนั้น สิบตำรวจโทผู้นั้นกำลังเพลินกับหนังสือพิมพ์ที่เขากางอ่านอยู่ ผมเข้าไปแตะที่แขนเบา ๆ เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองอย่างแปลกใจ

“ รถผู้การพิทักษ์ใช่ไหมครับ ” ผมถาม

“ ใช่ ” เขาตอบห้วนแบบตำรวจ

ผมล้วงเอาใบละยี่สิบที่มีอยู่ใบเดียวออกมาส่งให้เขา และพูดว่า

“ ผู้การให้คุณไปหาอาหารรับประทานได้ และไม่ต้องกลับมารับท่าน ให้เลยไปคอยที่กองเลย ท่านจะรับอาหารกับคุณนาย แล้วจะไปที่กองเอง ”

สิบโทผู้นั้นรับเงินไปจากมือผม แล้วก็ปิดหนังสือพิมพ์ วางไว้บนเบาะข้างตัว สตาร์ทเครื่องยนต์ เผ่นผึงออกไปโดยไม่รั้งรอสอบถามอะไร

ผมยืนดูจนรถคันนั้นเลี้ยวทางแยกไปแล้ว จึงเดินกลับขึ้นมาบนสำนักงาน ทนหิวเอา




Create Date : 21 พฤษภาคม 2553
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 23:56:03 น. 3 comments
Counter : 947 Pageviews.

 
..อ่านรวด 3 ตอนเลย..

มีเรื่องใหม่ให้อ่านแล้ว หลังจากที่รอมาหลายวัน..

ขอบคุณมากๆ..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:44:09 น.  

 
คุณธารน้อย...

พอดีว่าปายก็ไม่ได้ไปร่วมเผานะคะ

ช่วยเก็บความรู้สึกไปบอกคนที่ทำเถอะค่ะ

เพราะไม่อยากรับรู้อะไร ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย

แค่เอามาแปะให้อ่าน...เฉย ๆ

หรืออยากจะรับฟังแต่สื่อรัฐก็ไม่เป็นไร

อยากจะประนามอะไรก็รบกวนประนามที่บล็อกคุณนะคะ

อย่างที่คุณว่า เสื้อแดงไม่มีสิทธิ์ไปเผาบ้านใคร

ไม่ว่าจะมีอุดมการณ์ยังไง

ฉันท์ใดฉันท์นั้น อุดมการ์ความคิดเห็นของคุณ

ก็กรุณาอย่ามาแปะบอกปายเลยค่ะ

ขอบคุณที่ผ่านไปแวะค่ะ


โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:58:00 น.  

 
ได้อ่านเรื่องดีๆอีกเเล้ว เป็นกำลังใจให้คุณธารน้อยเเละอยากจะบอกว่าไม่ต้องไปหวังดีกับคนที่มีความคิดต่างๆอธิบายยังไงก็ไม่ฟังมันเหมือนสมองที่โดนฝั้งไมโคร ชิพเพราะเขาเป้นทาสงั้ยไม่ยอมรับสื่อต่างรับเเต่สื่อที่เขาชอบอย่างเดียวขนาดเเกนนำบอกว่าสื่อ TV รัฐทุกช่องบิดเบือน ดูทางอินเทอร์เน็ตก็หาว่าตัดต่อเขายังเชื่อเเกนนำเรียนราม 12 ปี จบ ป 4 อีกคนมาจากสภาโจ้กเป็นนักโต้วาทีขนาดนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรผิดถูกปล่อยเถอะเขาไม่ฟังหรอกเพราะเขาตกเป็นทาสเสียเเล้วได้เเต่สังเวชใจ


โดย: วันนี้ไม่อยากบอกชื่อ IP: 114.128.43.237 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:42:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.