สู่ลาว ... ตอนที่ 15
สู่ลาว ... ราชอาณาจักรแห่งความไม่แน่นอน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527
เหตุการณ์เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2507 2512
ตอนที่ 15
คนที่ไม่ยุ่งกับใครเลยก็คือ นายพลอ้วน ใครจะทำยังไงกับใครไม่รู้ด้วย ฉันก็อยู่ของฉันสบาย ๆ ไม่เอาเรื่องกับใคร แล้วก็ไม่มีใครไปตอแยแกเสียด้วย คนลาวชอบและนับถือมาก
บางคืน ผมเห็นท่านนายพลอ้วนออกมาหาข้าวต้มหน้าโรงหนังกิน เดินมาคนเดียว ไม่มีใครติดตาม แต่งตัวนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวตัวเดียว เดินส่ายพุงอยู่คนเดียวหน้าโรงหนัง ผมเห็น ผมก็เข้าไปทักว่า มาทำไมคนเดียวอย่างนี้
มาหาข้าวต้มกิน มันฮ้อน นอนบ่หลับ ท่านนายพลตอบ แล้วก็หัวเราะ อั้ก ๆ พุงกระเพื่อม
เมื่อเขายิงกันเสร็จสงบแล้ว ผมกลับมาร้านซึ่งกลับไม่มีอะไรมากระทบกระเทือน
พ่อประชาหัวเราะชอบใจที่ผมอพยพไปเจอะลูกระเบิดเอง คุณสีมาลานั้น พ่อประชาเขาส่งข้ามฟากไปแล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ผมก็ชวนเขาไปกินข้าว มัวแต่ผจญภัยอยู่ ไม่ได้กินข้าวกลางวัน ทางในเมืองก็ไม่มีร้านอาหารที่ไหนเปิดขาย ไม่มีใครยอมเสี่ยง
ผมขับรถคันที่ถูกยิงจนปรุคันนั้น ไปกินข้าวในตลาดกับพ่อประชา อิ่มหมีพีมันดีแล้วก็ขับรถกลับร้าน
ยังไม่ทันถึงร้าน มองไปข้างหน้าที่ร้าน ก็เห็นทหารแต่งเครื่องแบบสี่-ห้าคน กำลังจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าร้าน มีอาวุธปืนครบมือทั้งหมดทุกคน ทหารพวกนั้นกำลังเดินพิจารณาประตูร้านอยู่
ผมจอดรถ ลงจากรถแล้วเราก็เดินเข้าไปหาทหารกลุ่มนั้น ถามเขาว่า มาหาใคร
ไผเป็นเจ้าของบ้านนี่ ทหารคนหนึ่งติดยศนายสิบตรีคนเดียวในกลุ่ม ถามเรา
ประชาก็ชี้ที่ตัวเขา
เปิดประตูบ้านหน่อย จะเข้าไปตรวจเบิ่ง สิบตรีผู้นั้นพูด
ประชาก็เอาลูกกุญแจมาไข เปิดประตูเข้าไป แล้วเชิญนายสิบตรีผู้นั้น สิบตรีผู้นั้นไม่ยอมเข้าร้าน เขาชี้ไปที่ประตูอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่แขวนป้าย สีมาลา อยู่เหนือประตู
ร้านนี้เป็นร้านสองคูหา ถ้าหันหน้าเข้าร้าน ทางซ้ายมือก็เป็นที่จัดไว้สำหรับที่เสริมสวยของร้านสีมาลา ป้ายร้านติดอยู่เหนือประตูนั้น ส่วนทางเข้า-ออกปกติของเรา อยู่ประตูด้านขวา ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้ว จะมีบันไดขึ้นไปชั้นบนได้
ประตูที่เปิดให้ เป็นประตูที่เราเข้า-ออกปกตินั้น
ประชาก็ส่งภาษาลาวบอกว่า เข้าทางนี้ก็ได้
สิบตรีคนนั้นสั่นหัว บอกประชาให้เปิดประตูทางที่มีป้ายสีมาลาแขวนอยู่
ข้อยได้รับคำสั่งให้มาค้นร้าน สีมาลา สายลับส่งข่าวมาว่า ที่ร้านนี้มีการส้องสุมพวกกรมประสานงานหลายคนอยู่ " เขาพูดจาขึงขัง เจ้าต้องเปิดประตูร้านสีมาลา
ประชาจึงต้องเดินเข้าไปที่ร้าน ทางประตูที่เปิด แล้วเข้าไปถอดกลอนทางสีมาลา เปิดออกกว้างให้ ทหารกลุ่มนั้นเข้าไป
สิบตรีผู้นั้นนำขบวนเข้าไปในร้านสีมาลา เดินดูทั่วร้านที่เกะกะไปด้วยเครื่องสำหรับเสริมสวย เขาพาพลพรรคของเขาเดินตรงเข้าไปหลังร้าน ทางด้านที่เป็นครัว ทางด้านขวาก็ไม่แวะ เดินตรงไปทางซีกซ้ายของหลังร้านซีกเดียว เลยไปจนถึงหลังสุด ไม่พบอะไร เขาก็เดินกลับมา ออกมาหน้าร้าน
พ่อประชาก็เชิญให้เข้าไปด้านขวา เพราะมีบันไดขึ้นไปชั้นบน จะไปตรวจค้นเสียให้สิ้นสงสัย
เขาก็สั่นหัวอีก
พอแล้ว ข้อยได้รับคำสั่งให้มาตรวจค้นร้านสีมาลาที่เดียว สุมาเด๊อ อ้าย
ว่าแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นตะเบ๊ะ แล้วก็พาพลพรรคกลับไป เดินกันเป็นแถว
การที่เราเคยอบรมสั่งสอนวิชาการให้พวกตำรวจ อย่างที่เล่ามาข้างต้นนั่นเอง จึงทำให้ฝ่ายทหารสงสัยว่า จะมีกำลังตำรวจแอบซ่อนอยู่ในร้านสีมาลา เขาจึงส่งกำลังมาค้น
แต่อีตอนที่ค้นเฉพาะแต่ส่วนที่เป็นร้านสีมาลาเท่านั้นนี่ซีที่มันแปลก เขาไม่สนใจห้องอีกด้านหนึ่งซึ่งมีบันไดขึ้นไปชั้นบน ส่วนนั้นมันไม่ใช่ร้านสีมาลา เพราะไม่มีป้ายสีมาลาติดไว้
นี่แหละทหารลาว เขาปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ทำนอกเหนือคำสั่ง จะเรียกว่าวินัยเคร่งครัด หรืออะไรก็ตามแต่ ก็ไม่ทราบว่า ถ้าเป็นทหารไทย และได้รับคำสั่งมาอย่างนั้น จะปฏิบัติอย่างทหารลาวนี่หรือเปล่า
ผมกับประชายังงงอยู่กับการปฏิบัติของเขา แต่เราก็ประมาทไม่ได้ เผื่อว่าเขาได้รับคำสั่งให้หวนกลับมาค้นอีกที จะไม่สนุกเอา
ผมบอกให้ประชาไปรายงานเรื่องนี้กับนายพลอ้วนทราบเสียจะดีกว่า เผื่อว่ายังไง ๆ มันไม่ชอบมาพากลขึ้นทีหลัง จะได้ไม่ยุ่ง เอาอะไรแน่ไม่ได้ว่า เขาจะไม่กลับมากันด้วยคำสั่งอันใหม่อีก
ประชาขับรถออกไป สักครู่ก็รับเอาตัว พันโท สุเทพ พี่ชายเขานั่งรถไปด้วย แต่งเครื่องแบบมาครบถ้วน เขาคงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พันโท สุเทพ ฟังแล้ว เพราะพอลงมาจากรถ ผู้พันสุเทพก็พูดว่า
ไอ้พวกนั้นมันมายุ่งกับพี่พุฒเหรอ แม่งมันมาอีก ผมจะเตะมันให้ดู เสียงขึงขัง เปิดประตูร้าน นั่งกินเหล้าตั้งโต๊ะมันที่หน้าร้านนี่แหละครับ ผมจะอยู่ด้วย
ประชาก็ออกรถไปหาเหล้าและกับแกล้มมา แล้วเราก็ตั้งโต๊ะกินเหล้ากันที่หน้าร้านนั่นสามคน
ชาวบ้านแถวนั้นยังปิดประตูเงียบ คงจะอพยพข้ามฟากกันไปหมดแล้ว เพราะทางด้านหลังบ้านผม เดินเข้าไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงริมฝั่งโขง มีถนนเลียบริมโขงขนานไปกับฝั่งแม่น้ำ เดินลงไปทางตลิ่ง เดินข้ามฟากไปก็ยังได้ และที่ตรงนั้น มีเรือคอยรับข้ามฟากไปมาอยู่เสมอ ตรงข้ามเป็นอำเภอศรีเชียงใหม่ของจังหวัดหนองคาย
ที่ศรีเชียงใหม่นี้ ประชามีลูกน้องอยู่คนหนึ่ง เป็นจ่านายสิบตำรวจ ชื่อ จ.ส.ต. มุข นามสกุลอะไร ผมก็ลืมไปเสียแล้ว รูปร่างใหญ่โต มีหนวดครึ้ม เขาข้ามฟากมาเยี่ยมเยียนลูกพี่เขาบ่อย ๆ หลังจากวันนั้นเพียงวันเดียว เขาก็ข้ามฟากมาแต่เช้า มาถามเหตุการณ์
พันโทสุเทพ อยู่กับเราจนค่ำ หมดเหล้าไปหลายขวด เขาชอบแม่โขง เราก็ต้องกินแม่โขงเป็นเพื่อน ได้เวลา เห็นไม่มีอะไรแล้ว เขาก็ลากลับ บอกว่าจะส่งทหารของเขามาอยู่ด้วยเอาไหม เราไม่อยากให้ยุ่งยากถึงขนาดนั้นก็เลยปฏิเสธไป
คืนนั้น ผมปรึกษากับประชาว่า เราควรจะไปสถานทูตดีกว่า ปิดร้านเสีย เพราะไม่มีใครอยู่แล้ว ไปกินเหล้ากินข้าวกับท่านทูตแล้ว เลยถือโอกาสเล่นไพ่กับท่านทูตเสียเลยเห็นจะเหมาะกว่า
เห็นชอบกันดีแล้วก็ปิดร้านแน่นหนา บึ่งรถไปสถานทูต ท่านทูตชอบใจได้เพื่อนเล่นไพ่ คืนนั้น ผมกับประชาเลยได้อาศัยบารมีท่านทูตทั้งคืน นั่งเล่นไพ่กับท่านทูตจนถึงเช้า อาศัยข้าวเช้าเสียอีกมื้อด้วย
Create Date : 03 กันยายน 2554 |
Last Update : 3 กันยายน 2554 3:01:33 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1003 Pageviews. |
|
|
|