|
ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 11)
ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ตอนที่ 11
แถวชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นเดินตามกันไปตามคันนาด้วยความเร่งรีบ ฝ่าแสงทองในยามรุ่งอรุณ ร้อยตำรวจเอกหัวหน้าขบวนเดินดุ่ม ๆ ไปข้างหน้า โดยไม่ได้หันมาดูลูกขบวนที่สะพายเสบียงอาหารตามมาเป็นกลุ่มทั้งสามนั่น ทั้งหมดก้มหน้าก้มตาก้าวไปบนคันนา ไม่มีเสียงพูดจาจากคนกลุ่มนั้น ตะวันเริ่มจะโคจรมาตรงศีรษะ ฝีเท้าของคนในเครื่องแบบกลุ่มนั้นค่อยลดความเร็วลง ความอิดโรยระบายอยู่บนใบหน้า แต่ความทรหดเท่านั้นที่ผลักดันให้เขาทั้งนั้นก้าวเท้าออกไปอย่างแข็งแกร่ง ทิวไม้เริ่มปรากฏให้เห็นลิบ ๆ ใบหน้าของทุกคนในเครื่องแบบทั้งสี่เริ่มฉายแสงแห่งความหวัง เขาพากันเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าเข้าไปยังทิวไม้ที่เห็นลิบ ๆ นั้น หมู่บ้านแห่งนั้นเงียบสงัด เมื่อร้อยตำรวจเอกเผชิญนำหน้าย่างก้าวเข้าไปถึงหมู่ไม้ที่ล้อมรอบตัวหมู่บ้าน เขาเดินนำหน้าเข้าไปยังบ้านหลังแรกที่มองเห็น ชายคนหนึ่งกำลังยกสากอันใหญ่ ตำข้าวในครกไม้อันใหญ่ตรงหน้า หยุดมือ หันมามองนายตำรวจหนุ่ม สายตามองเขาบ่งถึงความแปลกใจ ผู้หญิงในวัยใกล้เคียงกับกำนันฝัดข้าวด้วยตะแกรงกระด้งอันใหญ่ หยุดมือเมื่อได้ยินเสียงคนย่างเข้ามา คนทั้งคู่มองดูผู้กองหนุ่มนิ่ง ใครเป็นผู้ใหญ่หมู่บ้านนี้ นายตำรวจหนุ่มพูด เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น ชายผู้นั้นกวาดสายตาไปยังคนในเครื่องแบบอีกสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังผู้พูด ก่อนที่จะชี้มือไปทางเบื้องขวาของตัว อยู่ถัดไปจากนี่อีกสองหลัง เขาพูดเสียงเหน่อ ๆ แบบคนสุพรรณ ผู้กองหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินดุ่มไปยังบ้านที่ชายคนนั้นชี้ให้ ลูกน้องอีกสามคนก้าวตามไปติด ๆ ที่ใต้ถุนบ้านหลังนั้น ชายในวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนแคร่ มือม้วนยาใบจาก เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เดินเข้ามา สายตาของแกบอกถึงความแปลกใจ ลุงเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่หรือครับ นายตำรวจหนุ่มถามเมื่อมาหยุดอยู่ที่ข้างแคร่ตรงหน้า ชายคนนั้นพยักหน้า พลางพูด เอ็งไม่ใช่คนบ้านนี้ มาจากไหน เป็นตำรวจเรอะ สายตาของแกกวาดสำรวจไปทั่วคนทั้งสี่ ใช่ นายตำรวจหนุ่มพยักหน้า เราอยากจะมาขอความช่วยเหลือหน่อย ใบหน้าของชายคนนั้นว่างเปล่า ไม่มีคำพูดอะไรผ่านริมฝีปากของแกออกมา สายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าผู้กอง เราอยากขอยืมม้าสักสี่ตัว ผู้กองหนุ่มพูด ที่นี่ไม่มีม้าให้ยืม ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงห้วน ๆ นั่นไง ผู้กองชี้ไปที่ลานบ้านที่อยู่ไกลออกไป มีม้าสี่ห้าตัวผูกอยู่กับต้นไม้ ม้าพวกนั้นไม่มีไว้สำหรับให้ยืมเหมือนกัน ผู้ใหญ่บ้านพูด ขยับมีดที่ใช้ตัดใบจากมวนยาในมือ
ผู้หญิงที่ฝัดข้าวอยู่ทิ้งกระด้งลงบนพื้นดิน เดินเข้ามาฟังความข้าง ๆ ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจเขามาจากไหน หล่อนออกปากถาม ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า ข้าจะไปรู้เรอะ ข้าไม่ชอบตำรวจ ผู้ใหญ่เป็นหูเป็นตาของทางราชการนะ นายตำรวจหนุ่มพูด ทำไมถึงพูดยังงั้น ผู้ใหญ่มองหน้านายตำรวจนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดว่า ข้าว่า เอ็งรีบออกไปเสียจากที่นี่จะดีกว่า ไปขอเอาที่อื่น นายตำรวจหนุ่มขบฟัน มองคนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านนิ่ง แล้วกวาดสายตาไปทั่ว ชายฉกรรจ์อีกสามสี่คนกำลังยืนจ้องดูเขาอยู่จากใต้ถุนบ้านถัดไป เขาหันมาพยักหน้ากับตำรวจลูกแถวที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา แล้วออกเดินกลับหลังหันออกไปจากที่นั่น เขาพาพวกอ้อมเลาะไปตามพุ่มไม้ เมื่อออกมาพ้นหมู่บ้านนั้น พาขบวนตัดออกชายทุ่งฝ่าเปลวแดดไป พวกเสือฝ้ายเสียก็ไม่รู้ ผู้กอง ตำรวจของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น แดนของเขา ผู้กองพูด ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ข้างหน้าก็คงยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่เป็นพวกเสือฝ้าย คนหนึ่งพูด เดี๋ยวก็รู้ ผู้กองเน้นเสียงออกมา เราจะแวะทุกหมู่บ้าน ให้มันรู้ไป ไม่มีเสียงโต้ตอบจากใครอีก ทั้งหมดต่างก็พากันก้าวเดินตามหัวหน้าขบวนไปเงียบ ๆ กลุ่มชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นผ่านหมู่บ้านไปอีกหลายหมู่บ้าน เขาได้รับการต้อนรับอย่างชาเย็นจากผู้คนแต่ละหมู่บ้านนั้น เขายังพากันเดินไปตามคันนาอย่างทรหด ที่หมายข้างหน้ายังมืดมน ทั้ง ๆ ที่ท้องฟ้าแผดเปรี้ยงด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดความร้อนลงมาอย่างไม่ปรานี ความเมื่อยล้าเริ่มทวีคูณขึ้น ก้าวที่ย่างไปนั้นเริ่มโผเผซวนเซ ผู้กองครับ ผมชักจะไม่ไหวแล้ว เสียงเครือ ๆ ของตำรวจคนหนึ่งดังขึ้นแผ่ว ๆ ทนอีกหน่อย จัน เราถอยไม่ได้ เป็นเสียงที่บังคับให้เข็มแข็งของผู้กอง ไม่มีทางถอยแล้ว กำลังขาของคนทั้งสี่เริ่มจะหมด ย่ามที่สะพายอยู่บนไหล่กลายเป็นน้ำหนักที่กดดันลงมาให้เพิ่มความเมื่อยล้ายิ่งขึ้นอีก พักสักครู่เถอะครับ ผู้กอง คนหนึ่งพูดด้วยเสียงระโหย นั่งมันตรงนี้แหละ แล้วค่อยไปต่อ เราเห็นทิวไม้อยู่ข้างหน้าโน่นแล้ว ผู้กองหนุ่มชี้ไปข้างหน้า ไปพักเอาที่นั่น มันก็ไอ้พวกเดียวกันอีกนั่นแหละ ผู้กอง เสียงแผ่วเสียงนั้นพูด เราไม่มีทางเลือก ผู้กองหนุ่มกัดฟัน ไปให้ถึงเสียก่อน ค่อยพูด.. ไป เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หยุดหันกลับมามองลูกแถวซึ่งพากันโซเซตามมา
คนหนึ่ง ย่ามที่ไหล่ห้อยลงมาเกือบหลุดจากที่ เขาก้าวเท้าเข้าไปหา คว้าเอาย่ามนั้นออกจากไหล่ คล้องเข้าไปกับไหล่อีกข้างของเขาที่ยังว่าง หันกลับออกเดินต่อไปข้างหน้า เขาลดความยาวของก้าวลง เพื่อให้คนของเขาตามได้ทัน ตำรวจอีกสามคนต้องค่อย ๆ ก้าวเท้าตามไปอย่างระโหย ทิวไม้ที่เห็นลิบ ๆ ค่อยใหญ่ขึ้นจนปรากฏเห็นได้ชัด ความเขียวชอุ่มของใบและพุ่มไม้ใกล้เข้ามาตามก้าวที่ย่างเข้าไปหา กำลังของบุคคลกลุ่มนั้นเพิ่มพูนขึ้น ก้าวเท้าที่สั้นเริ่มยาวขึ้นทุกย่างก้าวที่ใกล้เข้าไป ในที่สุดทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในร่มไม้ที่ล้อมรอบหมู่บ้านนั้น ผู้กองนำขบวนเข้าไปที่บ้านหลังแรกที่เดินมาถึง ชายหญิงหลายคนนั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้านนั้น หันมามองกลุ่มตำรวจ ทุกคนต่างหยุดงานที่กำลังทำกันอยู่ ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ครับ ผู้กองถามเมื่อมาหยุดอยู่ข้างแคร่ ผมเอง ชายในวัยค่อนข้างหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น ใบหน้าของเขาบอกวัยไม่ถึงสามสิบ ผู้กองมองหน้าคนคนนั้นอย่างแปลกใจ คนที่นั่งอยู่ ด้วยกันที่แคร่นั้นมีใบหน้าที่สูงอายุกว่าเขาอีกสองสามคน ซึ่งน่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านมากกว่าคนที่พูด เราเดินทางมาแต่ไกล ผู้กองพูดกับชายหนุ่มคนนั้น เรามาราชการ อยากจะมาขอความช่วยเหลือผู้ใหญ่สักหน่อย สายตาผู้ใหญ่บ้านกวาดไปทั่วร่างนายตำรวจหนุ่ม แล้วเลยมองไปทางเบื้องหลังที่มีบุคคลอีกสามคนกำลังทรุดตัวนั่งอย่างหมดแรงอยู่ จะให้ผมช่วยอะไรบ้างล่ะครับ ผู้กอง เขาพูด อยากได้ม้าสักสี่ตัว เพื่อใช้เดนทางต่อ แล้วเราจะกลับเอามาคืนให้ ผู้กองแผ่วเสียงออกมา จะไปถึงไหน เดิมบาง ฯ พักที่นี่เสียก่อนก็ได้ ผู้กอง ผู้ใหญ่บ้านพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ เรื่องม้า ไม่มีปัญหา ผมจะจัดให้ แต่ผมไม่อยากเห็นผู้กองเดินทางต่อไปด้วยท่าทางอิดโรยอย่างนี้ มันจะไปไม่ได้ไกล ผู้กองยืนนิ่ง เขาแปลกใจในการต้อนรับของที่นี่อย่างนึกไม่ถึง ว่าแต่ผู้กองมาจากไหน ผู้ใหญ่บ้านถาม หนองน้ำแห้ง สายตาผู้กองจับนิ่งอยู่บนใบหน้าของผู้ใหญ่
หนองน้ำแห้ง ผู้ใหญ่ทวนคำ แล้วมาถึงที่นี่ได้ยังไง หมู่บ้านที่ผู้กองผ่านมานั่นน่ะ มันพวกเสือฝ้ายทั้งนั้น ไม่น่าจะมาถึงที่นี่ได้ ผู้กองหัวเราะหึ
แล้วที่นี่ไม่ใช่งั้นเรอะ
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะ ไม่ตอบคำถามนั้น พูดขึ้นว่า
เชิญผู้กองตามสบาย เดี๋ยวผมจะจัดเรื่องที่พักให้สำหรับคืนนี้ เรื่องม้า เอาไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะจัดให้ พร้อมทั้งเสบียงอาหาร... ไอ้จ้อยโว้ย ประโยคหลังเขาหันไปตะโกนทางเบื้องหลัง
ชายฉกรรจ์รูปร่างทะมัดทะแมงคนหนึ่งลุกขึ้นจากงานที่กำลังทำอยู่ วิ่งเข้ามาหา
เอ็งพาผู้กองไปพักที่บ้านน้าแช่ม เขาพูดกับชายผู้นั้น แกอยู่คนเดียว แล้วดูแลเรื่องที่หลับที่นอนให้ด้วย เชิญครับผู้กอง เขาหันมาพูดกับผู้กองหนุ่ม ตามไอ้จ้อยมันไป แล้วเดี๋ยวค่อยมากินอะไรที่นี่ ผมว่าผู้กองกับพวกคงหิว ดูท่าทางไม่ใคร่ดี
ขอบใจ ผู้ใหญ่ ผู้กองพูด นัยน์ตาของเขาจับอยู่ที่นัยน์ตาผู้ใหญ่ ก่อนที่จะหันไปสั่งการลูกน้องให้เดินตามคนของผู้ใหญ่บ้านไปยังเรือนเล็ก ๆ อีกหลังหนึ่งที่อยู่ทางท้ายบ้าน
เจ้าของบ้านหลังนั้นไม่แสดงกิริยายินดียินร้ายอะไร เมื่อรู้จากคนที่พามาว่า จะต้องแบ่งที่ให้คณะตำรวจพัก ออกมารับรู้แล้วก็กลับเข้าห้อง ปิดประตูเงียบ ปล่อยให้แขกผู้มาพักจัดเรื่องที่นอนกันตามลำพัง นายตำรวจหนุ่มเรียกลูกน้องทั้งสามของเขาเข้ามาใกล้ เมื่อจัดการเรื่องที่นอนเรียบร้อยแล้ว
เฮ้ย เขากระซิบเบา ๆ กับพวกที่ล้อมอยู่ใกล้ชิด ระวังเนื้อ ระวังตัว ให้ดีทุกคน อั๊วไม่ค่อยจะแน่ใจว่าที่นี่จะเป็นที่วางใจได้ แต่ยังไงเราก็ต้องพักอยู่ก่อน เบิกหูเบิกตาให้ดี อย่าประมาท ผลัดเวรกันนอน ให้มียามตื่นอยู่คนละสามชั่วโมงต่อผลัด อั๊วจะจัดเองก่อนถึงเวลานอน เอาละ ลงไปหาผู้ใหญ่กัน
อาหารที่ถูกจัดมาวางไว้ที่แคร่ยาวใต้ถุนบ้านผู้ใหญ่นั้น เป็นอาหารหลายอย่างพร้อมทั้งหม้อข้าวใบใหญ่ จัดไว้เป็นสำรับขนาดสี่คนกินได้อย่างเต็มอิ่ม
เชิญเลย ผู้กอง ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มคนนั้นผายมือไปที่สำรับกับข้าว เป็นยังไงครับ ที่พัก พออยู่ได้ไหมครับ ตามมีตามเกิดนะ ผู้กอง ผมเตรียมเรื่องม้าไว้ให้แล้ว ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้ ผู้กองก็เอาไปได้เลย
ขอบใจ ผู้ใหญ่ ผู้กองหนุ่มยิ้มพราย ผมคงจะได้ตอบแทนบุญคุณผู้ใหญ่วันหนึ่ง
ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มหัวเราะร่า
อย่าพูดถึงเรื่องบุญคุณเลยครับ หน้าที่ผมจะต้องทำอยู่แล้ว ผมเป็นคนของราชการเหมือนกัน ผมต้องดูแลข้าราชการที่ผ่านมาพักอยู่แล้ว
ผู้ใหญ่ชื่ออะไรนะครับ ผู้กองถาม ผมชื่อ เผชิญ
ดำเกิง ครับ เป็นเสียงตอบจากผู้ใหญ่บ้าน
นายตำรวจหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ชื่อผู้ใหญ่บ้านคนนี้ทันสมัย เขาไม่คิดว่าจะได้ยินชื่ออย่างนี้ในท้องถิ่นเช่นนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่หนุ่มเกินตำแหน่งแล้ว ยังมีชื่อที่น่าแปลกใจอีกด้วย
เขาไม่พูดอะไรออกมา ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า ร่วมกับคนของเขาอย่างเอร็ดอร่อย เสร็จจากอาหาร เขาก็ให้ตำรวจของเขาช่วยกับยกสำรับไปเก็บ
ไม่ต้องถึงกับช่วยล้างถ้วยชามนะครับ ผู้กอง ผู้ใหญ่บ้านพูดปนเสียงหัวเราะ ไว้ให้ไอ้พวกนั้นมันทำของมัน เขาชี้ไปที่พวกชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเก็บสำรับ
พื้นแคร่ที่นั่งว่างเมื่อถูกปัดกวาดเรียบร้อยแล้ว ผู้กองหนุ่มก็พูดขึ้น
ผมออกจะรบกวนผู้ใหญ่มากไปหน่อย ไหนจะมื้อเย็นนี้อีก แล้วก็เรื่องม้าในวันพรุ่ง ที่พักผ่อนคืนนี้ ผมคงจะได้ตอบแทนผู้ใหญ่วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะกลับมาอีก
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอีกอย่างคนอารมณ์ดี
ผู้กองไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ เรื่องนั้น มีอะไรจะคุยกับผมอีกก็ได้
ผู้กองหนุ่มมองหน้าผู้ใหญ่บ้านนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า
เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับผู้ใหญ่ อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่อยากจะคุยกับผมก็ได้
นั่นก็ต้องรู้เมื่อคุยออกมาละครับ ผู้กอง เสียงพูดปนสียงหัวเราะของผู้ใหญ่บ้านดูเรียบ ๆ แต่ผมว่า ผู้กองอาจจะยังไม่ค่อยจะไว้วางใจผมเสียมากกว่า
นายตำรวจหนุ่มหัวเราะหึแล้วยิ้มพราย
ท่าทางของตำรวจที่แสดงออก แทบทุกคนมักจะมองดูเป็นอย่างนั้น ผมก็คงไม่อยู่ในข้อยกเว้น แต่ด้วยใจจริงแล้ว ผมไม่มีอะไรที่ข้องใจในตัวผู้ใหญ่
ถ้ายังงั้นก็คงคุยกันได้ซีครับ ผู้ใหญ่พูดปนเสียงหัวเราะออกมาอีก
ผมว่า ผู้ใหญ่ไม่ใช่คนดั้งเดิมของที่นี่ นายตำรวจหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันที
คนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านไม่แสดงกิริยาผิดประหลาดอะไรออกมา เขายิ้ม พูดเรียบ ๆ ออกมาว่า
ทำไมผู้กองจึงคิดว่า ผมไม่ใช่คนดั้งเดิมของที่นี่ ผู้ใหญ่หนุ่มเกินไปที่จะเป็นผู้ใหญ่บ้าน และชื่อของผู้ใหญ่ไม่น่าจะเป็นชื่อที่คนในท้องถิ่นนี้ใช้กัน สายตาของผู้กองหนุ่มจับนิ่งอยู่ที่นัยน์ตาของผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอีกด้วยอารมณ์เย็น
คนที่นี่เขาเลือกผมขึ้นมาให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมก็ต้องเป็น และชื่อของผมเดิมนั้นคือ มั่น
แล้วใครมาเปลี่ยนชื่อให้ล่ะ
ผมเปลี่ยนของผมเอง เสียงพูดนั้นปนเสียงหัวเราะ
เป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่มานานแล้วหรือครับ สายตาของผู้กองยังไม่ทิ้งไปจากที่หมายเดิม
เพิ่งเป็นได้สี่ห้าวันมานี่เองแหละครับ สายตาของผู้ตอบจับนิ่งอยู่ที่ผู้ถามเหมือนกัน
ผู้กองหนุ่มผงกหัวน้อย ๆ
ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าอยู่ที่ไหนล่ะครับเดี๋ยวนี้
พ่อถูกยิงตายที่นี่พร้อมกับลูกบ้านอีกห้าคน ผู้ใหญ่บ้านตอบ เมื่อเห็นฝ่ายตั้งคำถามนั่งมองตานิ่งโดยไม่พูดอะไร ก็พูดต่อ เสือฝ้ายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้พวกเรารวมกำลังกันสู้ พ่อผมกับลูกบ้านอีกห้าคนโดนกระสุนฝ่ายเสือฝ้ายตาย เสือฝ้ายพาพวกหลบไปทางตะวันออกเมื่อเข้าปล้นที่นี่ไม่สำเร็จ
นายตำรวจผงกหัวหงึก ๆ อีก หรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วพูดว่า
พ่อของผู้ใหญ่เป็นผู้ใหญ่คนเก่าของที่นี่ ชาวบ้านก็เลยเลือกผู้ใหญ่ขึ้นมาแทน เขาหยุดพูดชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นมองดูคู่สนทนา
แล้วผู้ใหญ่ไม่กลัวเสือฝ้ายจะย้อนกลับมาอีกหรือครับ
ที่นี่ ไม่มีใครกลัวเสือฝ้าย เสียงตอบนั้นหนักแน่น และเราไม่รู้จะหนีไปทางไหน ที่ทำกินของเราอยู่ที่นี่ เสือฝ้ายย้อนกลับมา เราก็ต้องสู้อีก
ทางอำเภอเขาไม่ติดต่ออะไรมาเลยหรือครับ ผู้ใหญ่ และเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไหม
ผมไม่ทราบ และพวกเราไม่มีใครเอาใจใส่ว่า ทางอำเภอจะว่ายังไง เราอยู่ของเราได้ วิญญาณพ่อยังคงอยู่ พวกเราเคารพพ่อทุกคน
เอาละครับ ผู้กองหนุ่มผงกศีรษะน้อย ๆ ผมไม่มีอะไรจะถามอีกแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนหน่อย
แต่ผมยังมีอะไรที่จะถามผู้กองอีก เสียงผู้ใหญ่สวนขึ้นมา
ผู้กองขยับตัวขึ้นมานั่งอย่างเก่า
เอาซิครับ จะถามอะไรผม ว่ามาได้เลย
ผู้กองมาจากไหน เป็นตำรวจกองเมืองหรืออำเภอไหน ผมมาจากกรุงเทพ ฯ กองปราบพิเศษที่ตั้งขึ้นมา เพื่อปราบเสือฝ้ายโดยเฉพาะ
ผมได้ยินว่า เขามาตั้งกองอยู่ที่เดิมบางฯ ผู้กองอยู่ในกองนั้นด้วยหรือเปล่า
ผมอยู่ในกองนั้น ผมถูกส่งให้นำกำลังติดตามเสือฝ้าย เพราะได้ข่าวว่าเสือฝ้ายเข้าปล้นที่บ้านหนองตากลับ ผมไปถึงบ้านหนองตากลับช้าไป เสือฝ้ายเข้าปล้นที่นั่นไปแล้ว พบแต่ลูกบ้านกำลังจับเจ่ากันอยู่ ไม่มีอะไรจะกิน และมีลูกน้องเสือฝ้ายคนหนึ่งถูกกำนันที่นั่นจับตัวไว้ได้ ผมก็ไม่รู้ว่ากำนันไปได้ตัวลูกน้องเสือคนนั้นมาได้ยังไง
ผู้กองพอจะรู้ชื่อมันไหมครับ ไอ้คนนั้น
ได้ยินเขาเรียกกันว่า ทวน
ไอ้ทวน ลูกเสือฝ้ายหรือเปล่า
ผมเห็นเสือฝ้ายเรียกมันว่า ลูก
ผู้กองได้พบตัวเสือฝ้ายด้วยหรือครับ
ผมพบเมื่อออกจากหมู่บ้านนั้นเพื่อติดตามเสือฝ้าย พบกันกลางทางเมื่อเสือฝ่ายย้อนกลับมา ผมโดนซุ่มโจมตี เสียกำลังคนไปหลายคน เหลือเท่าที่อยู่นี่ เสือฝ้ายเอาตัวพวกผมกลับไปที่หมู่บ้านนั้นอีก
เขาคงได้ข่าวลูกชายถูกจับ ถึงได้หวนกลับไป แถวนั้นเป็นแดนของเสือฝ้ายทั้งแดน และมันมีสายแยะ เช่นเดียวกับทางที่ผู้กองผ่านมานั่นเหมือนกัน ผู้กองมาถึงที่นี่ได้ก็บุญแล้วที่ไม่ถูกเก็บเสียก่อนแถวนั้น ผู้กองได้พบเสือฝ้ายตอนนั้นใช่ไหนครับ
ใช่ ผู้กองหนุ่มพยักหน้า เสือฝ้ายยิงกำนันตายที่นั่นต่อหน้าผม และยังจะเล่นงานผมตัวผมกับพวกตำรวจของผมอีกด้วย แต่ลูกชายที่ชื่อทวนนั่นขอเอาไว้ พวกผมจึงรอดมาได้ เขาไล่ให้พวกผมออกมาเสียจากที่นั่น พวกผมจึงต้องฝ่าแดดฝ่าลมกันมานี่แหละ ผู้ใหญ่
ไอ้ทวนขอเอาไว้งั้นหรือครับ ผู้ใหญ่ดำเกิงขมวดคิ้ว ประหลาดมาก ธรรมดาเสือฝ้ายจะไม่ไว้ชีวิตตำรวจ ต้องมีอะไรที่ประหลาด ๆ สำหรับไอ้ทวน แล้วนี่ ผู้กองจะไปทางไหน
ผมจะกลับไปที่เดิมบางฯ ที่ตั้งหน่วยของผม ไปเอากำลังคนและอาวุธเสบียงมาอีก ผู้กองหนุ่มขบฟันเน้นเสียง ผมจะกลับมาทางนี้อีก ผมจะต้องตามเสือฝ้ายให้พบ เสือฝ้ายกับผมจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะออกมาเบา ๆ
ถ้าเสือฝ้ายไม่ย้อนมาที่นี่เสียก่อนที่ผู้กองจะมาถึง ผมจะตามผู้กองไปด้วย กำลังคนของผมก็มีพอ ทั้งเสบียงอาหาร ขาดอยู่แต่อาวุธเท่านั้น
ผมจะเอามาเผื่อผู้ใหญ่ ผู้กองเน้นเสียง ผมมีม้าที่ผู้ใหญ่จะให้ยืม พอที่จะใช้ขนอาวุธมาได้ไม่น้อยทีเดียว คราวนี้ก็เห็นจะสนุก ถ้าเสือฝ้ายไม่หนีเสียก่อน เขาจบคำพูดด้วยเสียงหัวเราะขบขัน เอาละครับ ผู้ใหญ่ดำเกิงตบเข่าผู้กองตำรวจ เชิญผู้กองไปพักผ่อนได้แล้ว เย็น ๆ มาร่วมวงกันใหม่ พรุ่งนี้จะได้มีเรี่ยวแรงเดินทาง ไม่ต้องห่วงเรื่องม้าเรื่องเสบียง ผมจะจัดให้เรียบร้อยทุกอย่าง
ขอบใจ ผู้ใหญ่ ผู้กองหนุ่มพูด พลางลุกขึ้นเดินไปทางบ้านพัก
Create Date : 31 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 1:52:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1036 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|