จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
ทางเสือผ่าน (ตอนที่ 11)

ทางเสือผ่าน โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 11

แถวชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นเดินตามกันไปตามคันนาด้วยความเร่งรีบ ฝ่าแสงทองในยามรุ่งอรุณ ร้อยตำรวจเอกหัวหน้าขบวนเดินดุ่ม ๆ ไปข้างหน้า โดยไม่ได้หันมาดูลูกขบวนที่สะพายเสบียงอาหารตามมาเป็นกลุ่มทั้งสามนั่น ทั้งหมดก้มหน้าก้มตาก้าวไปบนคันนา ไม่มีเสียงพูดจาจากคนกลุ่มนั้น

ตะวันเริ่มจะโคจรมาตรงศีรษะ ฝีเท้าของคนในเครื่องแบบกลุ่มนั้นค่อยลดความเร็วลง ความอิดโรยระบายอยู่บนใบหน้า แต่ความทรหดเท่านั้นที่ผลักดันให้เขาทั้งนั้นก้าวเท้าออกไปอย่างแข็งแกร่ง ทิวไม้เริ่มปรากฏให้เห็นลิบ ๆ ใบหน้าของทุกคนในเครื่องแบบทั้งสี่เริ่มฉายแสงแห่งความหวัง เขาพากันเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าเข้าไปยังทิวไม้ที่เห็นลิบ ๆ นั้น

หมู่บ้านแห่งนั้นเงียบสงัด เมื่อร้อยตำรวจเอกเผชิญนำหน้าย่างก้าวเข้าไปถึงหมู่ไม้ที่ล้อมรอบตัวหมู่บ้าน เขาเดินนำหน้าเข้าไปยังบ้านหลังแรกที่มองเห็น

ชายคนหนึ่งกำลังยกสากอันใหญ่ ตำข้าวในครกไม้อันใหญ่ตรงหน้า หยุดมือ หันมามองนายตำรวจหนุ่ม สายตามองเขาบ่งถึงความแปลกใจ ผู้หญิงในวัยใกล้เคียงกับกำนันฝัดข้าวด้วยตะแกรงกระด้งอันใหญ่ หยุดมือเมื่อได้ยินเสียงคนย่างเข้ามา คนทั้งคู่มองดูผู้กองหนุ่มนิ่ง

“ ใครเป็นผู้ใหญ่หมู่บ้านนี้ ” นายตำรวจหนุ่มพูด เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น

ชายผู้นั้นกวาดสายตาไปยังคนในเครื่องแบบอีกสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังผู้พูด ก่อนที่จะชี้มือไปทางเบื้องขวาของตัว

“ อยู่ถัดไปจากนี่อีกสองหลัง ” เขาพูดเสียงเหน่อ ๆ แบบคนสุพรรณ

ผู้กองหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินดุ่มไปยังบ้านที่ชายคนนั้นชี้ให้ ลูกน้องอีกสามคนก้าวตามไปติด ๆ

ที่ใต้ถุนบ้านหลังนั้น ชายในวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนแคร่ มือม้วนยาใบจาก เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เดินเข้ามา สายตาของแกบอกถึงความแปลกใจ

“ ลุงเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่หรือครับ ” นายตำรวจหนุ่มถามเมื่อมาหยุดอยู่ที่ข้างแคร่ตรงหน้า

ชายคนนั้นพยักหน้า พลางพูด

“ เอ็งไม่ใช่คนบ้านนี้ มาจากไหน เป็นตำรวจเรอะ ”

สายตาของแกกวาดสำรวจไปทั่วคนทั้งสี่

“ ใช่ ” นายตำรวจหนุ่มพยักหน้า “ เราอยากจะมาขอความช่วยเหลือหน่อย ”

ใบหน้าของชายคนนั้นว่างเปล่า ไม่มีคำพูดอะไรผ่านริมฝีปากของแกออกมา สายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าผู้กอง

“ เราอยากขอยืมม้าสักสี่ตัว ” ผู้กองหนุ่มพูด

“ ที่นี่ไม่มีม้าให้ยืม ” ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงห้วน ๆ

“ นั่นไง ” ผู้กองชี้ไปที่ลานบ้านที่อยู่ไกลออกไป มีม้าสี่ห้าตัวผูกอยู่กับต้นไม้

“ ม้าพวกนั้นไม่มีไว้สำหรับให้ยืมเหมือนกัน” ผู้ใหญ่บ้านพูด ขยับมีดที่ใช้ตัดใบจากมวนยาในมือ

ผู้หญิงที่ฝัดข้าวอยู่ทิ้งกระด้งลงบนพื้นดิน เดินเข้ามาฟังความข้าง ๆ ผู้ใหญ่บ้าน

“ ตำรวจเขามาจากไหน ” หล่อนออกปากถาม

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า

“ ข้าจะไปรู้เรอะ ข้าไม่ชอบตำรวจ ”

“ ผู้ใหญ่เป็นหูเป็นตาของทางราชการนะ ” นายตำรวจหนุ่มพูด “ ทำไมถึงพูดยังงั้น ”

ผู้ใหญ่มองหน้านายตำรวจนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดว่า

“ ข้าว่า เอ็งรีบออกไปเสียจากที่นี่จะดีกว่า ไปขอเอาที่อื่น ”

นายตำรวจหนุ่มขบฟัน มองคนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านนิ่ง แล้วกวาดสายตาไปทั่ว ชายฉกรรจ์อีกสามสี่คนกำลังยืนจ้องดูเขาอยู่จากใต้ถุนบ้านถัดไป เขาหันมาพยักหน้ากับตำรวจลูกแถวที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา แล้วออกเดินกลับหลังหันออกไปจากที่นั่น

เขาพาพวกอ้อมเลาะไปตามพุ่มไม้ เมื่อออกมาพ้นหมู่บ้านนั้น พาขบวนตัดออกชายทุ่งฝ่าเปลวแดดไป

“ พวกเสือฝ้ายเสียก็ไม่รู้ ผู้กอง ” ตำรวจของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น

“ แดนของเขา ” ผู้กองพูด “ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ”

“ ข้างหน้าก็คงยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่เป็นพวกเสือฝ้าย ” คนหนึ่งพูด

“ เดี๋ยวก็รู้ ” ผู้กองเน้นเสียงออกมา “ เราจะแวะทุกหมู่บ้าน ให้มันรู้ไป ”

ไม่มีเสียงโต้ตอบจากใครอีก ทั้งหมดต่างก็พากันก้าวเดินตามหัวหน้าขบวนไปเงียบ ๆ

กลุ่มชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบที่ขาดวิ่นผ่านหมู่บ้านไปอีกหลายหมู่บ้าน เขาได้รับการต้อนรับอย่างชาเย็นจากผู้คนแต่ละหมู่บ้านนั้น เขายังพากันเดินไปตามคันนาอย่างทรหด ที่หมายข้างหน้ายังมืดมน ทั้ง ๆ ที่ท้องฟ้าแผดเปรี้ยงด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดความร้อนลงมาอย่างไม่ปรานี ความเมื่อยล้าเริ่มทวีคูณขึ้น ก้าวที่ย่างไปนั้นเริ่มโผเผซวนเซ

“ ผู้กองครับ ผมชักจะไม่ไหวแล้ว ” เสียงเครือ ๆ ของตำรวจคนหนึ่งดังขึ้นแผ่ว ๆ

“ ทนอีกหน่อย จัน เราถอยไม่ได้ ” เป็นเสียงที่บังคับให้เข็มแข็งของผู้กอง “ ไม่มีทางถอยแล้ว ”

กำลังขาของคนทั้งสี่เริ่มจะหมด ย่ามที่สะพายอยู่บนไหล่กลายเป็นน้ำหนักที่กดดันลงมาให้เพิ่มความเมื่อยล้ายิ่งขึ้นอีก

“ พักสักครู่เถอะครับ ผู้กอง ” คนหนึ่งพูดด้วยเสียงระโหย “ นั่งมันตรงนี้แหละ แล้วค่อยไปต่อ ”

“ เราเห็นทิวไม้อยู่ข้างหน้าโน่นแล้ว ” ผู้กองหนุ่มชี้ไปข้างหน้า “ ไปพักเอาที่นั่น ”

“ มันก็ไอ้พวกเดียวกันอีกนั่นแหละ ผู้กอง ” เสียงแผ่วเสียงนั้นพูด

“ เราไม่มีทางเลือก ” ผู้กองหนุ่มกัดฟัน “ ไปให้ถึงเสียก่อน ค่อยพูด.. ไป ”

เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หยุดหันกลับมามองลูกแถวซึ่งพากันโซเซตามมา

คนหนึ่ง ย่ามที่ไหล่ห้อยลงมาเกือบหลุดจากที่ เขาก้าวเท้าเข้าไปหา คว้าเอาย่ามนั้นออกจากไหล่ คล้องเข้าไปกับไหล่อีกข้างของเขาที่ยังว่าง หันกลับออกเดินต่อไปข้างหน้า เขาลดความยาวของก้าวลง เพื่อให้คนของเขาตามได้ทัน ตำรวจอีกสามคนต้องค่อย ๆ ก้าวเท้าตามไปอย่างระโหย

ทิวไม้ที่เห็นลิบ ๆ ค่อยใหญ่ขึ้นจนปรากฏเห็นได้ชัด ความเขียวชอุ่มของใบและพุ่มไม้ใกล้เข้ามาตามก้าวที่ย่างเข้าไปหา กำลังของบุคคลกลุ่มนั้นเพิ่มพูนขึ้น ก้าวเท้าที่สั้นเริ่มยาวขึ้นทุกย่างก้าวที่ใกล้เข้าไป ในที่สุดทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในร่มไม้ที่ล้อมรอบหมู่บ้านนั้น

ผู้กองนำขบวนเข้าไปที่บ้านหลังแรกที่เดินมาถึง ชายหญิงหลายคนนั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้านนั้น หันมามองกลุ่มตำรวจ ทุกคนต่างหยุดงานที่กำลังทำกันอยู่

“ ใครเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ครับ ” ผู้กองถามเมื่อมาหยุดอยู่ข้างแคร่

“ ผมเอง ” ชายในวัยค่อนข้างหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น ใบหน้าของเขาบอกวัยไม่ถึงสามสิบ

ผู้กองมองหน้าคนคนนั้นอย่างแปลกใจ คนที่นั่งอยู่ ด้วยกันที่แคร่นั้นมีใบหน้าที่สูงอายุกว่าเขาอีกสองสามคน ซึ่งน่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านมากกว่าคนที่พูด

“ เราเดินทางมาแต่ไกล ” ผู้กองพูดกับชายหนุ่มคนนั้น “ เรามาราชการ อยากจะมาขอความช่วยเหลือผู้ใหญ่สักหน่อย ”

สายตาผู้ใหญ่บ้านกวาดไปทั่วร่างนายตำรวจหนุ่ม แล้วเลยมองไปทางเบื้องหลังที่มีบุคคลอีกสามคนกำลังทรุดตัวนั่งอย่างหมดแรงอยู่

“ จะให้ผมช่วยอะไรบ้างล่ะครับ ผู้กอง ” เขาพูด

“ อยากได้ม้าสักสี่ตัว เพื่อใช้เดนทางต่อ แล้วเราจะกลับเอามาคืนให้ ” ผู้กองแผ่วเสียงออกมา

“ จะไปถึงไหน ”

“ เดิมบาง ฯ ”

“ พักที่นี่เสียก่อนก็ได้ ผู้กอง ” ผู้ใหญ่บ้านพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ “ เรื่องม้า ไม่มีปัญหา ผมจะจัดให้ แต่ผมไม่อยากเห็นผู้กองเดินทางต่อไปด้วยท่าทางอิดโรยอย่างนี้ มันจะไปไม่ได้ไกล ”

ผู้กองยืนนิ่ง เขาแปลกใจในการต้อนรับของที่นี่อย่างนึกไม่ถึง

“ ว่าแต่ผู้กองมาจากไหน ” ผู้ใหญ่บ้านถาม

“ หนองน้ำแห้ง ” สายตาผู้กองจับนิ่งอยู่บนใบหน้าของผู้ใหญ่

“ หนองน้ำแห้ง ” ผู้ใหญ่ทวนคำ “ แล้วมาถึงที่นี่ได้ยังไง หมู่บ้านที่ผู้กองผ่านมานั่นน่ะ มันพวกเสือฝ้ายทั้งนั้น ไม่น่าจะมาถึงที่นี่ได้ ”
ผู้กองหัวเราะหึ

“ แล้วที่นี่ไม่ใช่งั้นเรอะ ”

ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะ ไม่ตอบคำถามนั้น พูดขึ้นว่า

“ เชิญผู้กองตามสบาย เดี๋ยวผมจะจัดเรื่องที่พักให้สำหรับคืนนี้ เรื่องม้า เอาไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะจัดให้ พร้อมทั้งเสบียงอาหาร... ไอ้จ้อยโว้ย ” ประโยคหลังเขาหันไปตะโกนทางเบื้องหลัง

ชายฉกรรจ์รูปร่างทะมัดทะแมงคนหนึ่งลุกขึ้นจากงานที่กำลังทำอยู่ วิ่งเข้ามาหา

“ เอ็งพาผู้กองไปพักที่บ้านน้าแช่ม ” เขาพูดกับชายผู้นั้น “ แกอยู่คนเดียว แล้วดูแลเรื่องที่หลับที่นอนให้ด้วย เชิญครับผู้กอง ” เขาหันมาพูดกับผู้กองหนุ่ม “ ตามไอ้จ้อยมันไป แล้วเดี๋ยวค่อยมากินอะไรที่นี่ ผมว่าผู้กองกับพวกคงหิว ดูท่าทางไม่ใคร่ดี ”

“ ขอบใจ ผู้ใหญ่ ” ผู้กองพูด นัยน์ตาของเขาจับอยู่ที่นัยน์ตาผู้ใหญ่ ก่อนที่จะหันไปสั่งการลูกน้องให้เดินตามคนของผู้ใหญ่บ้านไปยังเรือนเล็ก ๆ อีกหลังหนึ่งที่อยู่ทางท้ายบ้าน

เจ้าของบ้านหลังนั้นไม่แสดงกิริยายินดียินร้ายอะไร เมื่อรู้จากคนที่พามาว่า จะต้องแบ่งที่ให้คณะตำรวจพัก ออกมารับรู้แล้วก็กลับเข้าห้อง ปิดประตูเงียบ ปล่อยให้แขกผู้มาพักจัดเรื่องที่นอนกันตามลำพัง
นายตำรวจหนุ่มเรียกลูกน้องทั้งสามของเขาเข้ามาใกล้ เมื่อจัดการเรื่องที่นอนเรียบร้อยแล้ว

“ เฮ้ย ” เขากระซิบเบา ๆ กับพวกที่ล้อมอยู่ใกล้ชิด “ ระวังเนื้อ ระวังตัว ให้ดีทุกคน อั๊วไม่ค่อยจะแน่ใจว่าที่นี่จะเป็นที่วางใจได้ แต่ยังไงเราก็ต้องพักอยู่ก่อน เบิกหูเบิกตาให้ดี อย่าประมาท ผลัดเวรกันนอน ให้มียามตื่นอยู่คนละสามชั่วโมงต่อผลัด อั๊วจะจัดเองก่อนถึงเวลานอน เอาละ ลงไปหาผู้ใหญ่กัน ”

อาหารที่ถูกจัดมาวางไว้ที่แคร่ยาวใต้ถุนบ้านผู้ใหญ่นั้น เป็นอาหารหลายอย่างพร้อมทั้งหม้อข้าวใบใหญ่ จัดไว้เป็นสำรับขนาดสี่คนกินได้อย่างเต็มอิ่ม

“ เชิญเลย ผู้กอง ” ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มคนนั้นผายมือไปที่สำรับกับข้าว
“ เป็นยังไงครับ ที่พัก พออยู่ได้ไหมครับ ตามมีตามเกิดนะ ผู้กอง ผมเตรียมเรื่องม้าไว้ให้แล้ว ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้ ผู้กองก็เอาไปได้เลย ”

“ ขอบใจ ผู้ใหญ่ ” ผู้กองหนุ่มยิ้มพราย “ ผมคงจะได้ตอบแทนบุญคุณผู้ใหญ่วันหนึ่ง ”

ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มหัวเราะร่า

“ อย่าพูดถึงเรื่องบุญคุณเลยครับ หน้าที่ผมจะต้องทำอยู่แล้ว ผมเป็นคนของราชการเหมือนกัน ผมต้องดูแลข้าราชการที่ผ่านมาพักอยู่แล้ว ”

“ ผู้ใหญ่ชื่ออะไรนะครับ ” ผู้กองถาม “ ผมชื่อ เผชิญ ”

“ ดำเกิง ครับ ” เป็นเสียงตอบจากผู้ใหญ่บ้าน

นายตำรวจหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ชื่อผู้ใหญ่บ้านคนนี้ทันสมัย เขาไม่คิดว่าจะได้ยินชื่ออย่างนี้ในท้องถิ่นเช่นนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่หนุ่มเกินตำแหน่งแล้ว ยังมีชื่อที่น่าแปลกใจอีกด้วย

เขาไม่พูดอะไรออกมา ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า ร่วมกับคนของเขาอย่างเอร็ดอร่อย เสร็จจากอาหาร เขาก็ให้ตำรวจของเขาช่วยกับยกสำรับไปเก็บ

“ ไม่ต้องถึงกับช่วยล้างถ้วยชามนะครับ ผู้กอง ” ผู้ใหญ่บ้านพูดปนเสียงหัวเราะ “ ไว้ให้ไอ้พวกนั้นมันทำของมัน ” เขาชี้ไปที่พวกชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเก็บสำรับ

พื้นแคร่ที่นั่งว่างเมื่อถูกปัดกวาดเรียบร้อยแล้ว ผู้กองหนุ่มก็พูดขึ้น

“ ผมออกจะรบกวนผู้ใหญ่มากไปหน่อย ไหนจะมื้อเย็นนี้อีก แล้วก็เรื่องม้าในวันพรุ่ง ที่พักผ่อนคืนนี้ ผมคงจะได้ตอบแทนผู้ใหญ่วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะกลับมาอีก ”

ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอีกอย่างคนอารมณ์ดี

“ ผู้กองไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ เรื่องนั้น มีอะไรจะคุยกับผมอีกก็ได้ ”

ผู้กองหนุ่มมองหน้าผู้ใหญ่บ้านนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า

“ เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับผู้ใหญ่ อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่อยากจะคุยกับผมก็ได้ ”

“ นั่นก็ต้องรู้เมื่อคุยออกมาละครับ ผู้กอง ” เสียงพูดปนสียงหัวเราะของผู้ใหญ่บ้านดูเรียบ ๆ “ แต่ผมว่า ผู้กองอาจจะยังไม่ค่อยจะไว้วางใจผมเสียมากกว่า ”

นายตำรวจหนุ่มหัวเราะหึแล้วยิ้มพราย

“ ท่าทางของตำรวจที่แสดงออก แทบทุกคนมักจะมองดูเป็นอย่างนั้น ผมก็คงไม่อยู่ในข้อยกเว้น แต่ด้วยใจจริงแล้ว ผมไม่มีอะไรที่ข้องใจในตัวผู้ใหญ่ ”

“ ถ้ายังงั้นก็คงคุยกันได้ซีครับ ” ผู้ใหญ่พูดปนเสียงหัวเราะออกมาอีก

“ ผมว่า ผู้ใหญ่ไม่ใช่คนดั้งเดิมของที่นี่ ” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันที

คนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านไม่แสดงกิริยาผิดประหลาดอะไรออกมา เขายิ้ม พูดเรียบ ๆ ออกมาว่า

“ ทำไมผู้กองจึงคิดว่า ผมไม่ใช่คนดั้งเดิมของที่นี่ ”

“ ผู้ใหญ่หนุ่มเกินไปที่จะเป็นผู้ใหญ่บ้าน และชื่อของผู้ใหญ่ไม่น่าจะเป็นชื่อที่คนในท้องถิ่นนี้ใช้กัน ” สายตาของผู้กองหนุ่มจับนิ่งอยู่ที่นัยน์ตาของผู้ใหญ่บ้าน

ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอีกด้วยอารมณ์เย็น

“ คนที่นี่เขาเลือกผมขึ้นมาให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมก็ต้องเป็น และชื่อของผมเดิมนั้นคือ มั่น ”

“ แล้วใครมาเปลี่ยนชื่อให้ล่ะ ”

“ ผมเปลี่ยนของผมเอง ” เสียงพูดนั้นปนเสียงหัวเราะ

“ เป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่มานานแล้วหรือครับ ” สายตาของผู้กองยังไม่ทิ้งไปจากที่หมายเดิม

“ เพิ่งเป็นได้สี่ห้าวันมานี่เองแหละครับ ” สายตาของผู้ตอบจับนิ่งอยู่ที่ผู้ถามเหมือนกัน

ผู้กองหนุ่มผงกหัวน้อย ๆ

“ ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าอยู่ที่ไหนล่ะครับเดี๋ยวนี้ ”

“ พ่อถูกยิงตายที่นี่พร้อมกับลูกบ้านอีกห้าคน ” ผู้ใหญ่บ้านตอบ เมื่อเห็นฝ่ายตั้งคำถามนั่งมองตานิ่งโดยไม่พูดอะไร ก็พูดต่อ “ เสือฝ้ายเข้าปล้นหมู่บ้านนี้พวกเรารวมกำลังกันสู้ พ่อผมกับลูกบ้านอีกห้าคนโดนกระสุนฝ่ายเสือฝ้ายตาย เสือฝ้ายพาพวกหลบไปทางตะวันออกเมื่อเข้าปล้นที่นี่ไม่สำเร็จ ”

นายตำรวจผงกหัวหงึก ๆ อีก หรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วพูดว่า

“ พ่อของผู้ใหญ่เป็นผู้ใหญ่คนเก่าของที่นี่ ชาวบ้านก็เลยเลือกผู้ใหญ่ขึ้นมาแทน ” เขาหยุดพูดชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นมองดูคู่สนทนา

“ แล้วผู้ใหญ่ไม่กลัวเสือฝ้ายจะย้อนกลับมาอีกหรือครับ ”

“ ที่นี่ ไม่มีใครกลัวเสือฝ้าย ” เสียงตอบนั้นหนักแน่น “ และเราไม่รู้จะหนีไปทางไหน ที่ทำกินของเราอยู่ที่นี่ เสือฝ้ายย้อนกลับมา เราก็ต้องสู้อีก ”

“ ทางอำเภอเขาไม่ติดต่ออะไรมาเลยหรือครับ ผู้ใหญ่ และเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไหม ”

“ ผมไม่ทราบ และพวกเราไม่มีใครเอาใจใส่ว่า ทางอำเภอจะว่ายังไง เราอยู่ของเราได้ วิญญาณพ่อยังคงอยู่ พวกเราเคารพพ่อทุกคน ”

“ เอาละครับ ” ผู้กองหนุ่มผงกศีรษะน้อย ๆ “ ผมไม่มีอะไรจะถามอีกแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนหน่อย ”

“ แต่ผมยังมีอะไรที่จะถามผู้กองอีก ” เสียงผู้ใหญ่สวนขึ้นมา

ผู้กองขยับตัวขึ้นมานั่งอย่างเก่า

“ เอาซิครับ จะถามอะไรผม ว่ามาได้เลย ”

“ ผู้กองมาจากไหน เป็นตำรวจกองเมืองหรืออำเภอไหน ”

“ ผมมาจากกรุงเทพ ฯ กองปราบพิเศษที่ตั้งขึ้นมา เพื่อปราบเสือฝ้ายโดยเฉพาะ ”

“ ผมได้ยินว่า เขามาตั้งกองอยู่ที่เดิมบางฯ ผู้กองอยู่ในกองนั้นด้วยหรือเปล่า ”

“ ผมอยู่ในกองนั้น ผมถูกส่งให้นำกำลังติดตามเสือฝ้าย เพราะได้ข่าวว่าเสือฝ้ายเข้าปล้นที่บ้านหนองตากลับ ผมไปถึงบ้านหนองตากลับช้าไป เสือฝ้ายเข้าปล้นที่นั่นไปแล้ว พบแต่ลูกบ้านกำลังจับเจ่ากันอยู่ ไม่มีอะไรจะกิน และมีลูกน้องเสือฝ้ายคนหนึ่งถูกกำนันที่นั่นจับตัวไว้ได้ ผมก็ไม่รู้ว่ากำนันไปได้ตัวลูกน้องเสือคนนั้นมาได้ยังไง ”

“ ผู้กองพอจะรู้ชื่อมันไหมครับ ไอ้คนนั้น ”

“ ได้ยินเขาเรียกกันว่า ทวน ”

“ ไอ้ทวน ลูกเสือฝ้ายหรือเปล่า ”

“ ผมเห็นเสือฝ้ายเรียกมันว่า ลูก ”

“ ผู้กองได้พบตัวเสือฝ้ายด้วยหรือครับ ”

“ ผมพบเมื่อออกจากหมู่บ้านนั้นเพื่อติดตามเสือฝ้าย พบกันกลางทางเมื่อเสือฝ่ายย้อนกลับมา ผมโดนซุ่มโจมตี เสียกำลังคนไปหลายคน เหลือเท่าที่อยู่นี่ เสือฝ้ายเอาตัวพวกผมกลับไปที่หมู่บ้านนั้นอีก ”

“ เขาคงได้ข่าวลูกชายถูกจับ ถึงได้หวนกลับไป แถวนั้นเป็นแดนของเสือฝ้ายทั้งแดน และมันมีสายแยะ เช่นเดียวกับทางที่ผู้กองผ่านมานั่นเหมือนกัน ผู้กองมาถึงที่นี่ได้ก็บุญแล้วที่ไม่ถูกเก็บเสียก่อนแถวนั้น ผู้กองได้พบเสือฝ้ายตอนนั้นใช่ไหนครับ ”

“ ใช่ ” ผู้กองหนุ่มพยักหน้า “ เสือฝ้ายยิงกำนันตายที่นั่นต่อหน้าผม และยังจะเล่นงานผมตัวผมกับพวกตำรวจของผมอีกด้วย แต่ลูกชายที่ชื่อทวนนั่นขอเอาไว้ พวกผมจึงรอดมาได้ เขาไล่ให้พวกผมออกมาเสียจากที่นั่น พวกผมจึงต้องฝ่าแดดฝ่าลมกันมานี่แหละ ผู้ใหญ่ ”

“ ไอ้ทวนขอเอาไว้งั้นหรือครับ ” ผู้ใหญ่ดำเกิงขมวดคิ้ว “ ประหลาดมาก ธรรมดาเสือฝ้ายจะไม่ไว้ชีวิตตำรวจ ต้องมีอะไรที่ประหลาด ๆ สำหรับไอ้ทวน แล้วนี่ ผู้กองจะไปทางไหน ”

“ ผมจะกลับไปที่เดิมบางฯ ที่ตั้งหน่วยของผม ไปเอากำลังคนและอาวุธเสบียงมาอีก ” ผู้กองหนุ่มขบฟันเน้นเสียง “ ผมจะกลับมาทางนี้อีก ผมจะต้องตามเสือฝ้ายให้พบ เสือฝ้ายกับผมจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ”

ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ ถ้าเสือฝ้ายไม่ย้อนมาที่นี่เสียก่อนที่ผู้กองจะมาถึง ผมจะตามผู้กองไปด้วย กำลังคนของผมก็มีพอ ทั้งเสบียงอาหาร ขาดอยู่แต่อาวุธเท่านั้น ”

“ ผมจะเอามาเผื่อผู้ใหญ่ ” ผู้กองเน้นเสียง “ ผมมีม้าที่ผู้ใหญ่จะให้ยืม พอที่จะใช้ขนอาวุธมาได้ไม่น้อยทีเดียว คราวนี้ก็เห็นจะสนุก
ถ้าเสือฝ้ายไม่หนีเสียก่อน ” เขาจบคำพูดด้วยเสียงหัวเราะขบขัน

“ เอาละครับ ” ผู้ใหญ่ดำเกิงตบเข่าผู้กองตำรวจ “ เชิญผู้กองไปพักผ่อนได้แล้ว เย็น ๆ มาร่วมวงกันใหม่ พรุ่งนี้จะได้มีเรี่ยวแรงเดินทาง ไม่ต้องห่วงเรื่องม้าเรื่องเสบียง ผมจะจัดให้เรียบร้อยทุกอย่าง ”

“ ขอบใจ ผู้ใหญ่ ” ผู้กองหนุ่มพูด พลางลุกขึ้นเดินไปทางบ้านพัก



Create Date : 31 ตุลาคม 2552
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 1:52:45 น. 0 comments
Counter : 1036 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.