จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 2)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 2

เวลาผ่านไปอีก พรรคพวกของผมยังรวมตัวกันอยู่ที่กองตรวจนครบาล ส่วนผมนั้นแยกออกมากินตำแหน่งสารวัตร แล้วก็ย้ายเร่ร่อนเข้าไปอยู่ในสันติบาลแต่ผู้เดียว การติดต่อกับพรรคพวกชักจะห่าง ๆ กันไป ต่างคนต่างก็มีงานของตัว นาน ๆ ครั้งจึงจะป่าวร้องกันไปกินเหล้ากินข้าวด้วยกันเสียที กันลืม ตอนนั้นผมเป็นร้อยตำรวจเอกแล้ว ดาวกำลังหนักบ่า

แล้ววันสำคัญก็มาถึง ๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๐

ผมจำได้ว่าวันนั้นดูเหมือนจะเป็นวันเสาร์ และเป็นวันที่มีลีลาศที่สวนอัมพร เป็นงานของสายปัญญาสมาคม

คืนนั้น ผมอยู่ในงานนั้นด้วยกับเพื่อนฝูงอีกหลายคน ทั้งชายและหญิง เพื่อนฝูงพวกนี้ไม่ใช่พวกตำรวจ ตอนนั้นผมเป็นนักเที่ยวกลางคืน พวกกลุ่มนี้เป็นพวกนักเที่ยวประเภทเดียวกัน ผมมีผู้หญิงที่ผมพาไปด้วยสองคน และพวกนั้นเขาก็มีของเขาไป เราอยู่รวมกันโต๊ะใหญ่พอดู

คุณหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นประธานงาน ท่านนั่งเอ้เตอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่แถวหน้าติดฟลอร์ ห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมาย ล้วนแต่เป็นกรรมการของงาน ติดโบว์กันพรึ่บพรั่บไปหมด

งานกำลังสนุก ตอนนั้นสักสามทุ่มกว่าเห็นจะได้ ผมกำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ ผมเห็นใครคนหนึ่งก้าวเท้าสวบ ๆ ไปหาคุณหลวงธำรง ฯ แล้วก้มลงกระซิบอะไรที่หูท่านนายก ฯ ผมเห็นท่านพยักหน้าหงึก ๆ

ผมหมุนตัวตามจังหวะเพลงกลับมาอีกที คุณหลวงธำรง ฯ หายไปแล้ว
ผมก็ยังไม่เฉลียวใจ พอเพลงจบผมก็กลับมาที่โต๊ะ กำลังจะวางแก้วเหล้าที่เพิ่งยกขึ้นดื่มลงบนโต๊ะ ผมก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมที่ทางด้านหน้าของบริเวณสวนอัมพร ฟังเหมือนรถตีนตะขาบบดมาบนถนนโรยกรวด แล้วเสียงนั้นก็มาหยุดลงตรงหน้าทางขึ้นเวที สักครู่ก็มีนายทหารหนุ่ม ๆ คนหนึ่งแต่งเครื่องแบบ มองดูยศไม่ถนัด ก้าวฉับ ๆ ขึ้นมา เสียงสเปอร์ลั่นกริ๊ง ๆ ตามจังหวะก้าว มีทหารถืออาวุธตามขึ้นมาสองสามคน

นายทหารผู้นั้นก้าวสวบ ๆ ไปที่คุณหลวงธำรง ฯ นั่งอยู่เมื่อตะกี้ เขาชะงัก มองดูที่นั่งที่ว่างเปล่าด้วยความผิดหวัง หันไปพูดกับผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ นั้นประเดี๋ยวหนึ่ง ก็ขย่มสเปอร์กรุ๊งกริ๊งกลับออกไป

ผมรู้จักนายทหารผู้นั้นดี เขาชื่อ ชาติชาย ชุณหะวัน

ผู้คนในบริเวณงานยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ดนตรีก็ยังคงบรรเลงต่อไปอย่างเดิม เสียงรถตีนตะขาบบดถนนกลับออกไป ผู้คนก็ยังเต้นรำกันสบาย

ผมบอกกับตัวเองว่า “ เอาเข้าแล้ว ”

ผมลุกขึ้น ล้วงเงินในกระเป๋าเท่าที่มีอยู่ส่งให้พรรคพวกที่อยู่ใกล้ ๆ

“ เอานี่ไว้เป็นค่าเหล้า แล้วฝากเอาสองคนนี่ไปส่งบ้านด้วย ” ผมหมายถึงผู้หญิงสองคนที่ผมพามา “ ผมมีธุระด่วนเสียแล้ว ต้องรีบไป ”

พรรคพวกทั้งโต๊ะมองมาที่ผม แต่ผมไม่รอฟังเสียง ขณะที่เขากำลังส่งเสียงถามกันเอะอะอยู่นั้น ผมก็ผละออกมาจากที่นั่นทันที ผู้หญิงสองคนขยับจะลุกตามมาแต่ไม่ทัน ผมถึงทางลงเสียแล้ว และไปถึงรถไม่รอช้า บึ่งออกไปทันที ผมไม่ได้พบผู้หญิงสองคนนั้นอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

ผมบึ่งรถมายังที่นัดหมาย คือบริเวณเมรุวัดเทพศิรินทร์ ตามที่พี่เชื้อ ฯ นัดหมายไว้ ในรถผมมีอาวุธพร้อมอยู่แล้วตลอดเวลา ผมมาถึงที่นัดหมายในเวลาไม่กี่นาที ยังไม่มีวี่แววของใครที่นั่น ผมขับรถวนรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีรถของใครอื่นอยู่แถวนั้น ผมจอดรถอยู่ในความมืดข้าง ๆ เมรุ แล้วผิวปากตามสัญญาณที่เรารู้กันหลาย ๆ ครั้ง

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

ผมส่งสัญญาณอีกหลาย ๆ ครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบ

เอ๊ะ นี่มันยังไงกัน

ผมจอดรถรออยู่อย่างนั้นอีกร่วมครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมา ดีไม่ดี ผีจะมาแทน

ผมหันไปมองทางเมรุซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ชักจะไม่ดี ผมก็เลยขับรถออกจากที่นั่น เฉี่ยวไปที่กองตรวจก่อน เพราะอยู่ใกล้ ๆ ... เงียบ ...? ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ผมบึ่งไปที่สันติบาล ก็เงียบอีก ไม่รู้จะไปไหนอีกแล้ว ผมก็กลับบ้าน

ผมมาทราบทีหลังว่า เขาเปลี่ยนแผนกันใหม่ ไปรวมกันที่บ้านคุณหลวงสังวร ฯ ผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น เขาไม่ยักบอกผม

หรือเขาคิดว่าผมเป็นฝ่ายตรงกันข้ามไปเสียแล้วก็ไม่รู้

ผมตื่นขึ้นมาด้วยมองเมียสะกิด มันเพิ่งจะมีแสงสว่างราง ๆ เท่านั้น ผมหันไปดูเขา ดูว่าปลุกขึ้นมาทำไม

“ พี่ ทหารล้อมบ้านเรา ” เสียงเมียผมพูดสั่น ๆ

ผมผวาลุกขึ้นจากที่นอน คว้าเอ็มทรีคู่ชีพที่วางไว้บนหัวนอน แล้วพุ่งตัวมาชะเง้อที่หน้าต่าง ตอนนั้น บ้านผมเป็นบ้านเช่าอยู่ในซอยประสานมิตร ลึกเข้าไปถึงวิทยาลัยครู และบ้านอยู่ริมทาง

ผมเห็นแถวทหารขยายกันเต็มพรืดไปหมดข้างรั้วบ้าน มีนายทหารชั้นร้อยเอกคนหนึ่งนำหน้าเข้ามา กำลังขยับตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ มาที่ประตูบ้าน

เขาจะมาจับผมหรือยังไง

ผมกระชับเอ็มทรีในมือ พอดีร้อยเอกผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม

“ มาหาใครครับ ” ผมร้องถามลงไป

เขายกมือตะเบ๊ะแล้วว่า “ บ้านคุณทอง กัณทาธรรม อยู่หลังไหนครับ ”

เท่านั้น ผมก็โล่งอก

บ้านของคุณทองอยู่หลังบ้านผมและอยู่ติด ๆ กันกับบ้านคุณสพรั่ง เทพหัสดินทร์ ทั้งคู่เป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของคุณหลวงธำรง ฯ ผมจำไม่ได้ว่าใครอยู่กระทรวงไหน

“ อยู่ข้างหลังครับ ” ผมชี้ทิศให้เขา

“ ขอบคุณครับ ” ร้อยเอกผู้นั้นตะเบ๊ะอีกที “ ผมขออนุญาตผ่านบ้านหน่อย ”

สุภาพน่ารัก

“ เชิญเลยครับ ” ผมรีบอนุญาต

ขบวนทหารทั้งแถวจึงผ่านบ้านผมไปหาบ้านท่านรัฐมนตรีสองท่านนั้น

ผมได้ข่าวภายหลังว่าทั้งสองท่านเผ่นหนีไปแล้ว ไม่มีตัวอยู่ที่บ้าน
เช้านั้น ผมมาทำงานตามปกติ จึงได้ข่าวรายละเอียดของเมื่อคืนว่า พรรคพวกของผมเขาเปลี่ยนแผนไปชุมนุมกันที่บ้านคุณหลวงสังวรณ์ ฯ ซึ่งรักษาการณ์อธิบดีกรมตำรวจอยู่ขณะนั้น เขารู้เหมือนกันว่าคณะรัฐประหารจะทำงานในคืนวันนั้น เขากะจะทำการจับกุมอยู่เหมือนกันในตอนดึกดื่นวันนั้น

ไม่มีใครแจ้งการเปลี่ยนแปลงอันนี้ให้ผมทราบ ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไปชุมนุมกับเขา ดันผ่าไปวัดเทพ ฯ ตามแผนเดิม ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมเขาจึงไม่ให้ผมทราบด้วย เขาคงเห็นผมเป็นพวกรัฐประหารไปเสียแล้ว คงจะไอ้เรื่องที่ผมไปเล่าเรื่องที่ถูกชวนให้เขาฟังนั่นเอง

ผมไม่ได้ถามใครทั้งนั้นถึงเรื่องนี้ และไม่ได้สอบถามถึงการเปลี่ยนแปลงอันนี้กับใคร แม้แต่พี่เชื้อ ฯ และผมก็ไปได้ข่าวมาอีกว่าคุณหลวงสังวร ฯ ไม่ทันได้นำกำลังไปจับใคร เพราะคณะปฏิวัติชิงทำงานเสียก่อนกำหนดจับ ท่านต้องเผ่นหนีไปคืนนั้น ท่านปรีดี ฯ ก็เกือบจะหนีออกไปจากทำเนียบท่าช้างไปไม่ทัน สรุปแล้ว บุคคลสำคัญของรัฐบาลขณะนั้น หลบหนีไปได้หมด

ผมนึกถึงภาพคุณหลวงธำรง ฯ ที่ผมเห็นที่สวนอัมพรเมื่อคืนนี้ ถ้าไม่ไวก็เสร็จ เพราะระยะเวลาที่มีคนมากระซิบแล้วท่านหายไป กับเวลาที่นายทหารหนุ่มผู้นั้นนำกำลังมา ผมว่ามันห่างกันไม่เกินสิบนาที

รัฐประหาร ๙ พ.ย. ๙๐ ครั้งนั้นเป็นการทำรัฐประหารที่ง่ายดายมาก มันสำเร็จชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทุกสิ่งก็อยู่ในความควบคุมหมด ทุกองค์การของรัฐไม่มีใครกระตุกกระติกไปในทางต่อต้าน




Create Date : 23 เมษายน 2553
Last Update : 23 เมษายน 2553 4:21:26 น. 2 comments
Counter : 2037 Pageviews.

 
รีบเข้ามาอ่านก่อนเลย.....

ขอบคุณมากๆ...


โดย: ก้นกะลา วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:4:30:53 น.  

 
โห... อ่านไวจัง
ไม่รู้ว่าตื่นมาอ่าน หรือ อ่านก่อนนอน

แต่เจ้าของ blog ขอลาไปนอนก่อนนะคะ

สวัสดีตอน... เช้า..ค่ะ




โดย: ธารน้อย วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:4:38:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.