จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เรื่องได้ฤกษ์เบิกโลก ของนิตยสารชาวไทย - ตลกสังคม ตอนที่ 31

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ


ชาวไทยฉบับนี้ ตรงกับวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ พอดี เป็นวันอาทิตย์สบาย ๆ ซึ่งประกาศไว้ว่า ชาวไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ ผมก็เลยขอถือโอกาสนี้เปลี่ยนโฉมหน้าของผมไปด้วย เป็นวันที่ตรงกับวันได้ฤกษ์เบิกโลกของชาวไทย ซึ่งเคยขึ้นชื่อขึ้นรูปไว้ที่แยกถนนหลายแห่งในกรุงเทพ ฯ ผมยังจำได้ว่า ในวันที่มีรูปพวกเบิกโลกในวันนั้น เพื่อน ๆ ผมหลายคนที่นั่งรถ หรือขับรถ หรือมคนขับรถให้มันนั่งก็ดี ผ่านไปแถว ๆ ที่มีรูปเขียนเป็นโปสเตอร์ติดไว้เป็นแถวนั้น มันมาบอกผมว่า ถ้าเขาไม่เขียนชื่อมึงไว้ใต้รูป กูก็ไม่รู้ว่า มึงไปช่วยเขาเบิกโลกด้วย

วันเวลาผ่านมาครบขวบปีพอดี ๆ วันนี้ รูปของผมที่เขาพิมพ์เอาไว้ที่หัวเรื่องนี้ ก็ยังไม่เหมือนผมอยู่ดี ความจริงมันแค่เหมือน แต่มันแก่ไปกว่าที่เห็นผมจริง ๆ เป็นที่ชอบอกชอบใจของบรรดาลูกเมียของผมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมาคอยเตือนผมอยู่บ่อย ๆ ว่า “ แก่แล้วนะ ” ทางโรงพิมพ์ก็ช่างรู้เห็นเป็นใจไปด้วย ไม่ยอมเปลี่ยนเอารูปที่หล่อและดูหนุ่มกว่านี้มาลงให้ จนผมชักจะเชื่อเขา และแอบปลงตัวเองอยู่ทุก ๆ วัน เกือบจะปลงตกอยู่แล้ว

ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่า ผมอายุมันปาเลยหกสิบเข้าไปแล้ว เลยเท่าไร ขออนุญาตไม่บอก เพราะผมตั้งใจไว้อย่างคุณ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ‘หนุ่ม’ ว่า จะหยุดอายุผมไว้แค่นี้ วันเดือนปีผ่านไปยังไง ผมก็ไม่นับ ผมจะหยุดมันเอาไว้แค่หกสิบกว่า ๆ ที่ยังไม่ยอมบอกอย่างนี้ เรียกว่า จอดป้ายลงยืนอยู่กับที่กันเลยทีเดียว

ไอ้เพื่อนของผมคนหนึ่ง มันแอบกระซิบกับผมว่า “ เฮ้ย ทั้งเนื้อทั้งตัวมึงนี่ มึงรู้ไหมว่า อะไรที่บอกว่า มึงแก่ ”

“ กูจะไปรู้เรอะ ” ผมตอบมัน “ กูไม่ได้เอากระจกติดตัวมา ”

“ นัยน์ตามึงโว้ย ” มันบอก “ นัยน์ตามึงออกสีน้ำข้าวแล้ว ”

ไอ้เพื่อนคนนี้มันเข้าโรงเรียนนายร้อยปีเดียวกับผม สำเร็จออกมารับกระบี่ด้วยกัน ผมอายุเลยเกษียณไปแล้ว มันยังอยู่ในราชการ แล้วก็จะปลดเกษียณเอาปี ๒๕๒๖ โน่น

ไม่รู้มันเรียนวิทยายุทธมาจากไหน หรือไม่ก็มีพ่อที่เฉลียวฉลาดมาก

ชาวไทยแก่ไปอีกหนึ่งปี ผมยังไม่ยอมแก่ ปีหน้าชาวไทยแก่ไปอีกหนึ่งปี ผมก็จะยังไม่แก่ตามไปด้วย

ผมจะหยุดอยู่แค่นี้ ใครจะทำไม

คำพูดของเพื่อนคนนั้น ทำเอาผมต้องกลับบ้าน ยืนส่องกระจก

จริงของมัน นัยน์ตาผมออกสีน้ำข้าวแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ปลงใจกับมันว่า นัยน์ตาเป็นเครื่องบอกความแก่ ผมอาจจะเป็นโรคตาต้อก็ได้ นัยน์ตาคนเป็นต้อมันก็ออกสีน้ำข้าวได้เหมือนกัน

คนเรา ลองยังกระชุ่มกระชวยอยู่ ดิ่มน้ำพรรค์ยังงั้นได้เกินมื้อละสิบถ้วย โดยไม่เมา หรือเมานิดหน่อย ไม่ถึงกับต้องเกาะเสาไฟฟ้าหรือร่างกายเพื่อนตอนเดิน หรือไม่คายอาหารเก่าเรี่ยราดออกมา มันก็ยังนับว่าแก่ไม่ได้

คนที่เรียกว่า แก่ กินเหล้าเข้าไปขนาดนั้น ต้องนั่งนิ่ง ๆ ลุกขึ้นยืนไม่ได้ จะขยับขยายไปไหนก็ต้องวานคนอุ้มไป หรือประคองไป เพราะถ้าขืนลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองและก้าวเท้าเดิน ก็จะมีอันเป็นไป ไม่ได่เดิน คือนอนเลยทีเดียวตรงนั้น

ตอนที่ผมเป็นรองสารวัตรอยู่ที่สถานีตำรวจชนะสงคราม ผมได้มีโอกาสได้รับใช้คนเมาบรรดาศักดิ์คนหนึ่งทุก ๆ เดือน เดือนละครั้ง ในวันเงินเดือนออก

บุคคลผู้นั้นเป็นนายทหารบก ยศพันโท อยู่กรมแผนที่ ที่ผมรู้ประวัติของท่านผู้นี้ค่อนข้างดีก็เพราะ ได้สังสรรค์กันทุก ๆ ต้นเดือน ไม่ได้สังสรรค์กันตอนพบกันหรอกครับ ได้สังสรรค์กันตอนแกหายเมา ได้เวลาแดดร่มลมตก ไม่รู้แกดีมาจากไหนแล้ว มาถึงวัดตองปุ หรือวัดชนะสงคราม แกเป็นต้องมานอนบนรางรถรางที่ผ่านข้างวัด และมันก็ตรงกับหน้าต่างห้องนายร้อยเวรพอดี และต้องเป็นเวรของผมทุกครั้งซิน่า ได้เวลา ผมต้องหันไปมองที่ถนน แล้วก็จะพบแกนอนขวางรางรถรางอยู่อย่างสบาย ผมก็ให้นายสิบเวรไปอุ้มแกมานอนบนโรงพัก ก่อนที่รถรางจะเห็นแกเป็นรางไป รุ่งเช้าก็ให้แกกลับบ้านไป ทางบ้านไม่ต้องมาตามไปดู เขารู้กัน เพราะเคยมาตามแล้วแกไม่ยอมลุก แกถือคติว่า ถ้าลงนอนแล้ว ไม่มีใครมาอุ้มไปก็ไม่ไป คนที่มาตามเขาก็เลยให้นอนโรงพักไปก่อน

อีกรายนี่ก็แก่อีก แต่แก่เมื่ออายุได้สี่สิบกว่า ๆ เท่านั้นเอง รายนี้เป็นเจ้าของร้านเหล้าอยู่ถนนพระอาทิตย์ ก็ในท้องที่ผมอีก เมียต้องให้อยู่หลังร้านตอนเย็น ๆ แดดร่มลมตกอย่างว่า ถึงเวลานั้นต้องไล่เข้าหลังร้าน ให้แกง่วนของแกอยู่คนเดียวกับเหล้าขวดหนึ่ง แกก็จะไม่ออกมายุ่ง

มีวันหนึ่ง เมียลืมเรื่องนี้ เพราะมัวยุ่งกับการดูแลลูกค้า พ่อคนนี้แกก็ออกมาช่วยเมียขายเหล้า เป็นพวกยาดอง มีหลายโหล แกตวงเหล้าให้ลูกค้าจอกหนึ่ง แกก็รินของแกจอกหนึ่ง นั่งเฝ้าโหลอยู่เลยทีเดียว หนัก ๆ เข้า ลูกค้าจอก คนขายจอก ไม่เอาเสียแล้ว ไม่รินให้ลูกค้า แกรินของแกคนเดียว ไม่ยอมรินขาย นั่งกอดขวดโหลแน่น ไม่ยอมปล่อย ใครเข้ามาจะซื้อเหล้า แกก็ไล่ออกไปหมด ตวงกินคนเดียว แล้วก็หลับคาโหลเหล้า ไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบโหลไว้เสียด้วย

ทีหลัง เมียต้องเอาตัวมาฝากผมไว้ที่โรงพักเวลาเย็น ๆ พร้อมกับเหล้ายี่สิบแปดดีกรีขวดหนึ่ง ผมต้องจัดที่ให้แกนั่งกินเหล้าแอบ ๆ อยู่บนโรงพัก เพราะปรากฏว่า ตอนหลัง ๆ แกไม่ยอมกินเหล้าคนเดียวหลังร้าน เหล้าหมดขวด แกก็ออกมากอดโหลของแกที่หน้าร้านอย่างเก่า ต้องเอามาไว้โรงพัก เป็นที่รู้จักของตำรวจที่นั่นดี

นี่แหละครับ ลงกินเหล้าแล้วเป็นยังงี้ ก็แก่แล้วจริง ๆ อายุเท่าไรก็ไม่สำคัญ ผมถึงว่า ผมหยุดอายุของผมได้ เมื่อไรผมกินเหล้าแล้วสะเงาะสะแงะเหมือนตุ๊กตาล้มลุก ผมก็จะยอมแก่ ไม่ต้องให้ใครมาเตือนให้ใจเสีย

วันครบวันได้ฤกษ์เบิกโลก มันก็ต้องเขียนกันยังงี้ แหวกแนวไปเลย






Create Date : 18 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2553 0:10:21 น. 1 comments
Counter : 554 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา:1:11:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.