จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 4)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 4

ผมก็คงทำงานอยู่ที่สันติบาลเป็นปกติ ไม่ได้ถูกโยกย้ายไปไหน หลังจากรัฐประหารแล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างในกองตำรวจสันติบาล เพราะ ร.ต.อ. เฉียบ ชัยสงค์ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับคุณหลวงสังวรณ์ ฯ และอยู่ที่กอง ๒ ตำรวจ สันติบาล ซึ่งเป็นกองเดียวกับการเมือง ได้หลบหนีไปกับคุณหลวงสังวรณ์ ฯ หายไปเลย และตัวผู้บังคับการตำรวจ สันติบาลตอนนั้นคือ พ.ต.อ. หลวงสัมฤทธิสุขุมวาท

ผมไม่ได้ไปพบผู้ใดในคณะรัฐประหาร แม้แต่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ซึ่งเคยมาชวนผมให้ร่วมงานรัฐประหารคราวนี้ ที่ผมเคยเล่าไว้ในตอนต้น ๆ นั้น ผมป้วนเปี้ยนของผมอยู่ในสันติบาลซึ่งมี พันตำรวจตรี ประจวบ กิรติบุตร เป็นผู้กำกับกอง ๒ ที่ผมประจำอยู่

แต่เพื่อน ๆ ของผมที่กองตรวจโดนย้ายกันกระเจิง แตกแยกกันไปคนละทิศละทาง คณะรัฐประหารคงรู้ว่าเป็นหน่วยที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเก่า ไว้ใจไม่ได้

ผมจำไม่ได้ว่าตอนที่พวกนี้ถูกย้ายกันใหญ่นั้น พ.อ. เผ่า ศรียานนท์ มาเป็นใหญ่ในกรมตำรวจหรือยัง โดยเข้ามาครั้งแรก จะเข้ามาแล้ว แต่เข้าใจว่าคงรักษาการณ์ในตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. ก่อน ในยศทหารอย่างนั้น และเป็นผู้ลงนามในคำสั่งย้ายทั้งกะบินั้น มีดีอยู่อย่างที่เขาให้ผู้ที่ถูกย้ายนั้นเลือกที่ที่จะไปได้ ไม่ย้ายเอาตามใจชอบชนิดปล่อยป่า ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกกองตรวจนี้เคยไปกินเหล้าที่ร้านกิ่งแก้ว ซึ่งคุณเผ่าและศรีภรรยาเป็นเจ้าของ อยู่ที่หน้าโรงหนังศรีอยุธยาบ่อย ๆ จนรู้จักเจ้าของร้านดีก็อาจเป็นได้ จึงได้รับความกรุณาเป็นพิเศษ

ผู้กำกับ เยื้อน ฯ เลือกไปนครปฐม พันศักดิ์ ฯ ไปสมุทรสาคร เมืองที่พ่อเคยเป็นเจ้าเมืองมาก่อน เทียนฯ กับชูลิต ฯ จูงมือกันไปอยู่หาดใหญ่โน่น เพราะคนแรกเป็นคนปักษ์ใต้ คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปที่ ๆ ชอบจะไป แล้วแต่ตัวใครตัวมัน ผมจำไม่ได้ว่า ใครไปที่ไหนกันบ้างนอกจากพวกที่ออกชื่อ

ไอ้วงเหล้าวงข้าวนี่มันก็ให้คุณอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่รู้อะไรเป็นอะไร

คุณเผ่า ฯ เข้ามาเป็นใหญ่อยู่ในกรมตำรวจด้วยตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. โดยไม่เข้ามาอย่างพรวดพราด ไม่มาคุมบังเหียนกรมตำรวจในทันที

ตอนนั้นคุณควง อภัยวงศ์ ถูกเชิญให้มาเป็นนายกฯ ขัดตาทัพไปก่อนโดยคณะรัฐประหาร ตอนนั้นคุณเผ่า ฯ และคณะได้เข้าไปหาคุณควง ฯ ขอให้ตั้งคุณเผ่า ฯ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ โดนคุณควง ฯ ตอกหน้าว่า

ถ้าผมตั้งคุณเผ่า ฯ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ผมตั้งพลตำรวจเป็นยังดีกว่า

เท่านั้นเอง คุณควง ฯ ก็เด้งผึงออกจากตำแหน่งนายก ฯ ฐานไม่รู้จักสงวนวาจา แล้วท่านจอมพล ป. นายก ฯ ตัวจริงก็ได้รับเชิญให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มภาคภูมิ

หลังจากนั้นคุณเผ่า ฯ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วย อ.ตร. ตามความต้องการ

จะสังเกตได้ว่า ท่านผู้นี้ไม่ได้ก้าวเข้ามากุมบังเหียนกรมตำรวจในทันที เข้าใจว่าคงต้องการที่จะเข้ามาศึกษางานตำรวจก่อน ให้รู้แจ้งเห็นจริงซักระยะหนึ่ง ท่านศึกษางานอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วย อ.ตร. พักหนึ่งก็ขึ้นมาเป็นรอง อ.ตร แล้วจึงก้าวขึ้นมากุมบังเหียนกรมตำรวจในตำแหน่งอ.ตร. อย่างเต็มมือในปี ๒๔๙๔ หลังจากที่ได้ปราบปรามกบฏแมนฮัตตันเรียบร้อยไปแล้ว

บุคคลผู้นี้จึงได้สร้างอะไรไว้หลายอย่างให้กรมตำรวจที่ตำรวจยังไม่มีและควรจะมี และได้ริเริ่มโครงงานต่าง ๆ ของกรมตำรวจที่แผ่กว้างขยายมาจนบัดนี้

ถ้าเราไม่มองกันอย่างมีอคติ ก็น่าจะยอมรับความจริงอันนี้ว่า กรมตำรวจงอกงามแข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็เพราะท่านผู้นี้ และไม่มีตำรวจยุคใดที่จะมีประสิทธิภาพแกร่งกล้าเท่ายุคที่พลตำรวจเอก เผ่า ศรีบานนท์ เป็นอธิบดี

และนี่เองที่เป็นที่มาแห่งสมญานาม “ บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย ” ซึงต่างประเทศหลายประเทศตั้งให้อย่างยกย่อง เป็นบุคคลแรกและดูเหมือนจะเป็นคนเดียวแห่งเอเชีย

ผมเข้ามาพัวพันกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชียผู้นี้เข้าได้ยังไง ทีนี้ถึงตอนที่จะเริ่มเรื่องเสียที ที่อารัมภบทมาเสียยืดยาวก็เพื่อให้คุณ ๆ ได้รู้เห็นความเป็นมาของผมว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่จะก้าวเข้ามาสู่เสี้ยวของชีวิตที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับท่านผู้นี้อย่างลึกซึ้งจนแกะไม่ออก กระทั่งวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่าน

ความจริง จะว่าผมไม่เคยรู้จักคุณเผ่า ฯ เสียเลยก็ไม่ถูก ผมเคยรู้จักท่านสมัยที่ท่านออกจากราชการใหม่ ๆ และท่านกับคุณหญิงทำร้านอาหารกิ่งแก้วอยู่ที่หน้าโรงหนังศรีอยุธยา พวกผมเคยไปเมากันที่นั่นบ่อย ๆ สมัยอยู่ที่กองตรวจตำรวจนครบาล ตอนนั้นเราเร่ร่อนกันไปหาที่กินกันตามที่ต่าง ๆ ที่ไหนเขาว่าดีเราก็ไป ดีทางอาหารก็ไป ดีทางเหล้าก็ไป มีนักเลงแยะก็ไป เรียกว่าไปหาโจทก์ ประการสุดท้ายนี้ยิ่งชอบไป ไปรวนนักเลง

ผมรู้จักท่านก็เพียงเผิน ๆ พบกันบ่อยในเฉลิมกรุงบาร์ ท่านไปที่นั่นบ่อยหน่อย เพราะเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ก่อนหน้านี้ และโรงหนังเฉลิมกรุงเป็นของทรัพย์สิน ฯ พบกันก็ทักทายกันไปยังงั้น ไม่ถึงกับร่วมวงหารอะไรกัน ท่านเป็นพี่ชายของเพื่อนผมสองคนที่ชื่อ ฉัตรและมงคล ท่านก็รู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับน้องของท่านทั้งสองนั้น ตอนนั้นผมเรียกท่านว่า “ พี่เผ่า ”

“ พี่เผ่า ” กับผมไม่ได้เจอกันอีกนาน หลังจากที่ผมย้ายไปจากกองตรวจ ฯ ผมไม่ได้ไปทั้งที่ร้านกิ่งแก้วและเฉลิมกรุงบาร์อีกเลย เพราะมันไม่ใกล้ที่ทำงานของผม

ผมถูกย้ายไปเป็นสารวัตรอยู่ที่สถานีภาษีเจริญ ฝั่งธน ฯ โน่น ผมก็ต้องย้ายที่หากินไปใกล้ที่ทำงานของผม ผมกับ “ พี่เผ่า ” ก็เลยไม่ได้พบกันอีกเป็นปี ผมมาได้ยินชื่อ “ พี่เผ่า ” อีกทีเอาตอนที่เขาประกาศชื่อในวันรัฐประหารนั้นเอง

ผมพบกับ “ พี่เผ่า ” ครั้งแรกด้วยลักษณะการอันแปลกและไม่รู้ตัวมาก่อน

วันนั้นเป็นวันอะไรผมจำไม่ได้ ประมาณเอาว่าเป็นวันที่ “ พี่เผ่า ” ได้มาเป็นผู้ช่วย อ.ตร. ไม่กี่เดือน ผมกำลังนั่งคุยอยู่กับพรรคพวกในสนามม้าราชกรีฑา ฯ อรรณพ (ร.ต.อ. อรรณพ พุกประยูร ยศตอนนั้น) มาจากไหนก็ไม่รู้ เขาเข้ามาหาผมแล้วบอกว่าท่านผู้ช่วย อ.ตร. เผ่า ฯ ให้ผมไปพบที่บ้านในซอยเทเวศร์ด่วนเดี๋ยวนี้

ผมถามเขาว่าเรื่องอะไร เขาตอบว่าเขาไม่รู้ ท่านสั่งเขามาเท่านั้นแหละ ให้รีบไป

ผมทราบว่าตอนนั้น อรรณพเขาถูกรียกตัวไปใช้สอยใกล้ชิดอยู่กับคุณเผ่า ฯ แล้ว เขาเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับชาติชายน้องภรรยาของท่าน

ผมไม่เข้าใจว่าท่านเรียกผมไปทำไม แต่ยังไงก็ต้องไป ผมพอจะรู้จักบ้านท่านผู้ช่วย อ.ตร. ของผมในซอยเทเวศร์ เพราะผมเคยไปมาหาสู่น้องชายของท่านที่นั่น ผมบึ่งรถไปที่นั่นทั้ง ๆ นอกเครื่องแบบ

ผมไปถึงที่นั่นก็พบ “พี่เผ่า ” กำลังนั่งคุยกับนายทหารหนุ่มคนหนึ่งยศร้อยเอกซึ่งผมก็รู้จัก เพราะเขาเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับอรรณพและชาติชาย ผมเคยเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดของนักเรียนรุ่นนี้ เมื่ออยู่ในโรงเรียนนายร้อย แต่ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหมวดของเขา

กองร้อยรุ่นนี้มีสามหมวด เป็นรุ่นที่มีนักเรียนมากที่สุดในขณะนั้นถึงร้อยยี่สิบคน แบ่งเป็นสามหมวด หมวดละสี่สิบคน ทหารสามสิบ ตำรวจสิบ ผมเป็นผู้ช่วยของหมวดที่สาม แต่นักเรียนรุ่นนี้ส่วนมากก็ผมว่าผู้ช่วย และบางคนยังเรียกติดปากมาจนเดี๋ยวนี้

“ พี่เผ่า ” หันมามองผมขณะที่ยกมือไหว้ และโดยไม่ได้เอ่ยคำทักทายอะไรก่อนก็เริ่มสั่งการทันที

“ สอบสวนผู้กองคนนี้ให้ที ” ท่านชี้ไปที่ร้อยเอกคนนั้น “ เอาให้ละเอียด แล้วเอามาให้อั้วดู ”

“ เรื่องอะไรครับ ” ผมถามเพราะยังไม่เข้าใจ

“ เอาเถอะ แล้วก็รู้เอง ลงมือได้ กระดาษแบบฟอร์มอยู่โน่น ปากกาอยู่นี่ ” ท่านชี้ไปที่ของทั้งสองนั้นวางอยู่ แล้วก็ก้าวฉับ ๆ ขึ้นชั้นบนไป ไม่ยอมให้ผมซักถามอะไรอีก

ผมจึงต้องนั่งลงซักถามนายร้อยเอกผู้นั้นเอาเอง ก็ได้ความว่า ผู้กองคนนั้นนำข่าวเรื่องที่มีผู้คิดจะปฏิวัติมารายงาน เป็นการคบคิดกันในหมู่พวกนายทหารเสนาธิการชั้นหัวกะทิของกองทัพบกขณะนั้น

ผมลงมือสอบสวนนายทหารผู้นั้นอย่างละเอียดถี่ยิบ เสียกระดาษไปร่วมยี่สิบแผ่น เสียเวลาไปร่วมสองชั่วโมง ผมอ่านทบทวนดีแล้วว่า ไม่มีอะไรตกหล่น ขาดอยู่ก็แต่วันที่เขาจะลงมือทำกัน เพราะทางผู้ให้ข่าวยังไม่ทราบแน่นอน ฝ่ายที่คิดการยังไม่ได้กำหนด ซึ่งก็เป็นของธรรมดา เพราะการกำหนดวันเวลาทำงานนั้นเขาจะไม่กำหนดกันล่วงหน้า

ผมอ่านบันทึกคำให้การให้ผู้กองคนนั้นฟังจนจบ เมื่อไม่มีอะไรที่เขาจะท้วงติงก็เป็นอันถูกต้อง ผมก็ให้เขาเซ็นชื่อลงในบันทึกคำให้การนั้นทุกแผ่น จัดเรียงหน้าเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอจะส่งให้ท่าน คิดว่าประเดี๋ยวก็คงลงมา

ผมนั่งรออยู่นานโข ก็ไม่เห็นวี่แววว่าท่านจะลงมา พอดีมีคนรับใช้ท่านผ่านมา ผมก็เรียกเขาให้ขึ้นไปเรียนท่านว่า ผมสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ท่านจะว่ายังไง

คนรับใช้ผู้นั้นหายขึ้นไปข้างบนสักครู่หนึ่ง ก็ลงมาบอกว่าท่านหลับอยู่ ไม่กล้าปลุก

“ ผมกลับได้แล้วมั้ง ” นายทหารผู้นั้นพูดกับผม

ผมคิดอยู่สักครู่หนึ่งก็พูดกับเขาว่า

“ คุณอยู่ดีกว่า ผมกลับ ผมฝากบันทึกคำให้การของคุณนี่ไว้ให้ท่านด้วยก็แล้วกัน บางทีท่านอาจจะอยากคุยอะไรกับคุณเพิ่มเติมอีกก็ได้ จะได้ต่อเติมได้ ผมหมดหน้าที่ของผมแล้ว แต่คุณยัง คอยท่านอยู่ก่อนก็แล้วกันครับ ”

ว่าแล้ว ผมก็มอบกระดาษบันทึกคำให้การของเขาไว้ที่เขา แล้วก็ลาออกมา

ผมรู้จักนายร้อยผู้นั้นดี เพราะเขาเคยเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่กองร้อยที่ผมเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวดอยู่ ตัวเขาเองยังเรียกผมผู้ช่วย ฯ อยู่จนบัดนี้ แต่ผมไม่อยากเอ่ยชื่อของเขาไว้ ณ ที่นี้ เพราะเขายังอยู่ในราชการและกำลังเป็นนายพลที่มีอนาคตดีอยู่ขณะนี้ (ที่เขียนเรื่องนี้อยู่)

ผมเคยตกอยู่ในฐานะอย่างเขามาแล้วเมื่อก่อนรัฐประหารจะระเบิด

ผมรู้ว่าแม้เราจะมีความตั้งใจดีต่อทางการอย่างไร มันก็ยากที่จะให้คนอื่นเขาอ่านความตั้งใจของเราออก เพราะดูจากการกระทำแล้ว มันก็คือการทรยศต่อพรรคพวก แต่เจตนาอันบริสุทธิ์ของเราที่มีอยู่ในการกระทำอันเหมือนเป็นการทรยศนั้น ไม่มีใครหรอกที่เขาจะอ่านออก และผมก็ไม่อยากอ่านเจตนาของเขา

การที่ผมตกลงใจมอบบันทึกคำให้การของเขาให้เขายื่นกับท่านผู้ช่วย อตร. ด้วยตนเอง ก็เพื่อให้โอกาสเขาตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่า จะยืนหยัดในเจตนาเดิมของเขาที่นำข่าวนี้มาบอกท่านหรือไม่

ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนใจ เขาก็อาจเดินออกไปจากบ้านนั้นพร้อมกับบันทึกคำให้การนั้น แล้วทำลายมันเสีย แค่ถ้าเขายังยืนหยัดในเจตนาอันนั้น เขาก็คงจะต้องรอจนกว่าท่านจะลงมา แล้วยื่นบันทึกคำให้การนั้นให้ท่าน เป็นการยืนยันความตั้งใจและเจตนาเดิมของเขาอีกทีหนึ่ง

ผมหมดหน้าที่แล้ว ผมก็กลับ

ผมไม่ได้พบ “ พี่เผ่า ” อีกเลยหลังจากวันนั้น และไม่ได้ทราบผลคืบหน้าของเรื่องที่ผมได้สอบสวนไว้ให้นั้นว่ามันจะเป็นยังไงกันต่อไป และผมก็ไม่ได้ติดใจที่จะรู้ว่าท่านจะทำอะไรกับบันทึกคำให้การของร้อยเอกผู้นั้นที่ผมทิ้งไว้ให้ในวันนั้น



Create Date : 23 เมษายน 2553
Last Update : 23 เมษายน 2553 23:32:22 น. 2 comments
Counter : 2555 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:1:37:29 น.  

 
???????????????????????????????? ??????????????????????????????????????????


โดย: i c IP: 206.53.152.99 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:6:59:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.