13 ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย (ตอนที่ 26)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 26
ภาคผนวก สาเหตุที่ต้องมีภาคผนวกนี้ก็เพราะบรรดาแฟน ๆ ของผม (แฟนอ่านนะครับ) โทรศัพท์มาพูดคุยกับผมหลายคน ทราบว่าเรื่อง ๑๓ ปีกับบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย นี้จะจบในวันสองวันนี้ ยังไม่อยากให้จบ เพราะยังขาดเรื่องราวสำคัญ ๆ อีกสองสามเรื่อง อยากจะทราบ คุณ ๆ พวกนั้นจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมมากกว่าผมเสียอีก ต่อว่ามา ว่าผมยังไม่ได้เขียนเรื่องที่เกี่ยวกับการเดินทางขึ้นไปเอาตัว พล ฯ สนั่น ใจเผื่อแผ่ และเรื่องฆาตกรรมทางการเมืองอีกหลายราย ไม่กล้าเขียนออกมา ไอ้กล้าน่ะก็กล้าอยู่หรอกครับ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องอะไรกับผม เพราะผมไม่ได้ทำกับมือของผมเอง จะเล่าได้ยังไงถูก
อีกประการหนึ่ง เมื่อตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนั้น ผมอยู่ประเทศอังกฤษ รัฐบาลส่งตัวผมไปอบรมวิชาการสืบสวนการเมืองอยู่ที่สก็อตแลนด์ยาร์ด และหน่วยตำรวจอังกฤษ ผมได้ข่าวเหตุที่เกิดขึ้นที่นั่น ผมพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะคุย จะให้ผมเขียนลงไปได้ยังไง เรื่อง พล ฯ สนั่น ใจเผื่อแผ่ ผมพอจะเขียนให้ สนุกดีอยู่หรอก ความผิดที่ถูกกล่าวหาของ พล ฯ สนั่น นั้น ผมรู้ว่าเขาต้องหาเรื่องฆ่าคุณ อารี ลีวีระ เจ้าของและ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย สยามนิกร เรื่องนี้ผมขอยืนยันได้ว่า เขาทำไปโดยพลการ ไม่ใช่เรื่องความต้องการทางการเมืองของผู้ใหญ่ ผมไม่ทราบเหตุผลของเขา และไม่ต้องการที่จะทราบ เขาจึงต้องรับโทษทัณฑ์ของบ้านเมือง ผมเองก็ไม่ชอบใจในการกระทำของเขา เพราะผมรู้ดีว่ามันจะต้องทำความยุ่งยากให้กับผู้ใหญ่มากทีเดียวในขณะนั้น และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของอวสานของรัฐบาลชุดนั้น เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผมก็จริง ในฐานะที่ผมเป็นรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ผมต้องรับผิดชอบในการที่จะต้องจัดการเรื่องราวให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย ผมอยากจะทำ แต่ก็ไม่ทำ ก็เพราะมันมีเหตุผลส่วนตัวอย่างอื่น เราอย่ามารับรู้ถึงเหตุผลอันนั้นกันเลย อ่านเรื่องสนุก ๆ ในเหตุการณ์เมื่อผมเดินทางขึ้นเหนือ เพื่อไปเอาตัวพลสนั่น ฯ มาดีกว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นใหม่ ๆ ตอนนั้นผมกำลังทำงานเกี่ยวกับการแสวงหาข่าว อย่างที่ได้เล่าไว้ในตอนก่อนหน้านี้ ผมมีหน่วยวิทยุของผมอยู่ในรัฐฉาน หรือที่เรียกกันว่า ชานเสตท เป็นเขตของไทยใหญ่ แต่ถูกยึดครองโดยทหารจีนคณะก๊กมินตั๋ง ซึ่งได้ให้ความร่มมือกับสันติบาลไทย โดยการประชุมร่วมกันที่ไทเป
ขณะนั้นเรายังมีความสัมพันธ์ทางการทูตอยู่กับรัฐบาลก๊กมินตั๋ง และร่วมมือในการหาข่าวด้วยกัน พอเรื่องของพลสนั่น ฯ เกิดขึ้น ผมก็ได้รับการขอร้องจากเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ที ทั้งที่ผมหมั่นไส้เขาอยู่ ผมก็ต้องช่วย
ผมส่งตัวพลสนั่น ฯ ขึ้นไปในรัฐฉาน ทำงานอยู่ในหน่วยวิทยุของผมที่นั่น โดยเริ่มแรกให้ไปอยู่กับหน่วยสันติบาลพิเศษของผมที่ลำปาง แล้วจัดให้ทางจีนเขาจัดพาหนะพาตัวพลสนั่น ฯเข้ารัฐฉาน ทางจีนเขามีสนามบินของเขาที่นั่น เขารับจัดการให้ แต่ไอ้เสือทำท่าไม่ยอมไป แต่ลงท้ายก็ต้องยอมไป เพราะอะไรอย่าให้ผมเล่าเลย เอาเป็นรู้แต่เพียงว่าตอนนั้นการทำงานของผมใช้ความเฉียบขาด ผมจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะงานแต่ละอย่างของผมมันเป็นงานที่ไม่มีใครเขารับทำกัน และเจ้านายก็ชอบโยนมาให้ผมรับ ถ้าผมไม่รับมันก็ต้องตกลงมาแตก คนใต้บังคับบัญชาของผม เมื่อไปทำอะไรไม่เข้าท่าเข้า ก็จะต้องโดนลงโทษไม่หนักก็เบา ตามเหตุผลของความไม่เข้าท่านั้น ๆ ผมไม่ยอมให้มีการต่อรอง สั่งไปไหนต้องไป ไม่ยังงั้นก็... ลงท้ายเขายอมไป แต่ก็ไม่วายถามว่า ไปแล้วเมื่อไรจะได้กลับ จะกลับก็ตอนที่อั๊วสั่งให้กลับ ผมตอบไปแค่นั้น พอพลสนั่น ๆ เดินทางออกไปไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันเกรียวกราวเรื่องฆาตกรรมที่พลสนั่น ฯ ทำลงไป หนังสือพิมพ์ที่อาละวาดเอากับตำรวจมากกว่าเพื่อนก็คือ สารเสรี และไนรายวัน สารเสรีนั้นก้อ คุณลมูล อติพยัคฆ์ คนหลังนี่แหละเป็นตัวแสบมากกว่าเพื่อน ซัดผมไม่เว้นแต่ละวัน เรื่องส่งตัวพลสนั่น ฯ ออกนอกประเทศ ด้วยการรู้เห็นเป็นใจให้หลบหนีคดี หนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับนี้ รู้ ๆ กันอยู่ว่าเจ้าของที่แท้จริงคือ จอมพล สฤษดิ์ ฯ มีสารวัตรทหารคุมความปลอดภัยอยู่ที่โรงพิมพ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ผมรู้เพราะผมแอบดักฟังโทรศัพท์เขาสั่งการกัน เพิ่งจะบอกกันเดี๋ยวนี้แหละว่า ผมแอบทำอะไรไว้ เจ้านายโดนท่านจอมพล ป. เรียกตัวไปพบ ถามถึงเรื่องนี้ ท่านก็ต้องเรียกผม ใครให้ไอ้นั่นมันหนีไป ท่านถาม ผมเองครับ ผมรับเสียเอง ไม่ซัดเพื่อน เพราะถ้าซัดออกไป ก็ยุ่งกันใหญ่ เรื่องอะไรของมึงล่ะ มึงมาเกี่ยวข้องกับมันยังไง ผมต้องเกี่ยว เพราะถ้าผมไม่เข้ามาเกี่ยว เรื่องมันก็ต้องยุ่งมาถึงท่าน กูไปยุ่งด้วยยังไง ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกรมตำรวจ เรื่องยังงี้ท่านจะปฏิเสธใครต่อใครเขาได้ยังไงว่า ท่านไม่ทราบ โดยเฉพาะกับพวกหนังสือพิมพ์ ท่านนิ่งไปครู่ใหญ่ แล้วถอนหายใจเฮือก
แล้วมึงเอามันไปไว้ที่ไหน
อยู่ในที่ ๆ ไม่มีใครเอาตัวมันมาได้ครับ นอกจากผม ผมตอบ
ที่ไหนเล่า ไอ้ห่.. ชักฉุนตอนนี้
ท่านจะไปรับรู้ด้วยทำไมเล่าครับ เกิดอะไรขึ้นก็ซัดมาที่ผมก็แล้วกัน ผมตอบไป ผมไม่กลัว
กูกับมึงนี่ ใครเป็นนาย เป็นลูกน้องกันแน่วะ มึงน่ะ สั่งกูมาหลายเรื่องแล้วน่ะ
ผมหัวเราะเสียยังงั้น ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
แล้วกูจะพูดกับพวกหนังสือพิมพ์เขาว่าอย่างไร เจ้านายถาม เสียงอ่อนอกอ่อนใจ
ให้เขามาถามผม ผมพูดเอง นี่เรียกว่าสั่งอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
แล้วหนังสือพิมพ์ก็แห่กันมาพบผม
ผมก็บอกเขาไปว่า เวลานี้พลสนั่น ฯ ไปอยู่ในที่ ๆ ผมบอกเขาไม่ได้ เพราะผมใช้เขาไปราชการลับ หนังสือพิมพ์เขาก็แย้งว่า ทำไมเพิ่งจะส่งไป
ก้อมันเพิ่งจะมีเหตุที่จะต้องส่งเขาไปตอนนี้
ตอนที่เขากำลังมีเรื่องฆ่าคนตายงั้นหรือครับ หนังสือพิมพ์แย้งมาอีก
ฆ่าใคร ผมทำไม่รู้ ตีหน้าตาย
ก็เรื่องขึ้นไปยิงคุณหญิงอารี ลีวีระ บนบ้านนั่นยังไงครับ อ้าว ผมไม่ทราบ มัวแต่ยุ่งกับงาน
เขาพากันหัวเราะครื้นเครง
ต่อมาอีกไม่กี่วัน เจ้านายก็เรียกผมอีก คราวนี้บอกว่า จอมพล ป. โกรธมาก ต้องให้ตำรวจเอาตัวพลสนั่น ฯ มาขึ้นศาลให้ได้ ถ้าไม่งั้นกูก็อยู่ไม่ได้
ผมเรียกพวกหนังสือพิมพ์มาพบ ให้มาคุยกันเรื่องนี้ ตอนนั้นเป็นปลายปี ๒๔๙๙ ราว ๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน จะเข้าธันวาคม ผมลั่นวาจาไปกับเขาว่า ผมจะพาตัวพลสนั่น ฯ มาให้ได้ไม่เกินวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๐ เป็นของขวัญปีใหม่
หนังสือพิมพ์ก็ประโคมข่าวกันใหญ่ ถึงวันกำหนดเส้นตายของเรื่องนี้ ผมเริ่มเดินเรื่องของผม ก็พอดีมีเรื่องมาขัดจังหวะ
Create Date : 01 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 4:35:53 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2306 Pageviews. |
|
|
|
...นี่แสดงว่าท่านผู้เขียนได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นก่อน แล้วจึงมีผู้มาให้เขียนเรื่องชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ"บุรุษเหล็กแห่งเอเซีย"ขึ้น เพื่อขยายความ....คิดเอาเองนะไม่รู้คิดถูกหรือเปล่า...
..รออ่านต่อไปเรื่อยๆ...ขอบคุณมากๆ...