จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
จับปูดำ ขยำปูนา บทที่ 1 ตอนที่ 1

เรื่อง จับปูดำ ขยำปูนา

คำนำ

เพื่อให้ผู้ติดตาม Blog นี้ไม่เริ่มเบื่อ และได้รับความบันเทิง จึงขอพักเรื่องสั้น " ตลกสังคม " ไว้ก่อน (ยังมีอีกหลายตอน ซึ่งจะได้นำเสนอให้อ่านต่อไป)

นวนิยาย เรื่อง " จับปูดำ ขยำปูนา " นี้ เป็นนวนิยายที่ พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ได้ประพันธ์ไว้ เข้าใจว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2528 โดยใช้ชื่อจริง (ไม่ได้ใช้นามปากกา 4411 )

นวนิยายเรื่องนี้ มีทั้งบทบู๊ บทรัก บทสืบสวน ของตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง หลากรสในนวนิยายเรื่องนี้ ทำให้นวนิยายเรื่องนี้น่าติดตาม

ท่านผู้อ่าน รู้จักเพลงนี้ไหม... ? และทำไมต้องเป็นเพลงนี้ ... ?

ต่อจากนี้ ขอเชิญผู้สนใจนวนิยายแนวบู๊ และบุ๋น ที่แทรกความมันในอดีต ลองอ่านกัน ผู้ประพันธ์เคยจับทั้งปืน และจับทั้งปากกา โดยผ่านประสบการณ์อันโชกโชน

เพื่อเป็นการระลึกถึงท่านผู้ประพันธ์ ซึ่งเป็นบิดา หากมีผู้ชื่นชอบ ก็ขออุทิศความชื่นชอบนั้นแด่ท่านผู้ประพันธ์ ด้วยหวังว่า นวนิยายเรื่องนี้ และเรื่องอื่น ๆ ที่จะตามมา จะยังคงอยู่กับแวดวงวรรณกรรมไทยตลอดไป

ทายาท 4411

*******************


ตอนที่ 1

เสียงนั้นดังหวิว ๆ มาแต่ไกล แล้วก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาจนผมได้ยินถนัด มันเป่าอยู่ที่รูหูผมนี่เอง ดังออกมาเป็นเสียงว่า “ พี่ พี่ ” เบา ๆ
แล้วผมก็รู้สึกว่ามีมือมาเขย่าที่ท่อนแขนส่วนบนของผมแรง ๆ
ผมรู้สึกตัวตื่น

ไอ้แสงบ้านั่นมันแยงนัยน์ตาผมเสียจนต้องรีบหลับตาลงใหม่ ผมยังบอกตัวเองไม่ถูกว่ามันเป็นแสงอะไร ภวังค์ของผมเพิ่งจะถูกปลุกขึ้นมาใหม่ ๆ ยังตั้งสติไม่ได้ เสียงประตูมุ้งถูกแหวกออก แล้วก็มีเสียงของคนที่เรียกและเขย่าตัวผมอยู่นั้นร้อง " ว้าย " ออกมาดัง ๆ คำเดียวแล้วก็เงียบ

ผมพลิกตัวแพล็บเดียวทั้ง ๆ ที่นัยน์ตายังไม่ทันลืมขึ้นมาใหม่ เท้าของผมข้างหนึ่งยันออกไปด้วยสัญชาตญาณไปทางด้านที่ผมเห็นไอ้แสงบ้านั่นมาแยงนัยน์ตาเมื่อกี้นี้ เท้าข้างนั้นปะทะเข้ากับร่างใครคนหนึ่งถนัดถนี่ พร้อมทั้งไอ้ลำแสงที่แยงนัยน์ตาผมหลุดกลิ้งลงบนที่นอน ผมจึงมองเห็นว่ามันเป็นร่างของใครคนหนึ่งแอ่นหงายกลับออกไป

ผมเผ่นพรวดเดียวลุกขึ้นยืน พอดีกับร่างของหมอนั่นเซไปโดนชายมุ้ง มุ้งทั้งหลังขาดหลุดลงมา ผมอยู่ในท่าที่ได้เปรียบกว่า ผมตวัดมุ้งที่หล่นลงมาครอบนั้นพรวด ๆ จนพ้นหัวออกมาได้ ไอ้เสือนั่นยังวุ่นวายอยู่ในมุ้งที่คลุมร่างของมัน พยายามที่จะแหวกออกมา

ผมมองเห็นว่าส่วนไหนเป็นหัว ส่วนไหนเป็นลำตัวภายในมุ้งนั้น ผมวาดเท้าไปเต็มเหนี่ยวตรงที่เห็นว่าเป็นศีรษะ มีเสียงร้องดังอุ้บมาจากข้างในนั้น ไอ้ร่างนั้นก็หมุนม้วนกลับหันสีข้างมาทางผม ผมเหวี่ยงเท้าไปที่สีข้างอีกที แล้วที่ลำตัวอีกที พร้อมทั้งกระทืบซ้ำลงไปที่ร่างที่งอก่ออยู่ในมุ้ง มันยังดิ้นจะหาทางออกอยู่ภายในนั้น

อะไรสิ่งหนึ่งกลิ้งหลุน ๆ ออกมาจากความยุ่งเหยิงของมุ้ง มันเป็นกระบอกไฟฉายขนาดห้าท่อน ไอ้นี่เองที่เป็นต้นแสงที่แยงนัยน์ตาของผมเมื่อกี้นี้ ผมก้าวไปคว้ามันมาไว้ในมือ ไอ้ร่างนั้นยังดิ้นขลุกขลักควานหาทางออกอยู่

ผมประเคนกระบอกไฟฉายห้าท่อนอันนั้นลงไปบนส่วนที่เป็นหัวของมัน เสียงดัง “ โพละ ” ไอ้ร่างนั้นหลุดดิ้น มันครางครอก ๆ สอง – สามทีแล้วก็เงียบไม่ไหวติง

ผมยืนหอบอยู่ครู่หนึ่ง มองไปรอบ ๆ ห้อง แสงสลัว ๆ ของอากาศภายนอกลอดเข้ามาพอมองเห็นอะไร ๆ ข้างในห้องได้ราง ๆ ผู้หญิงคนที่ส่งเสียงเรียกผม และเป็นเจ้าของเสียง ‘ว้าย’ เสียงนั้น ยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง หล่อนไม่นุ่งผ้า ได้แต่ใช้มือทั้งสองข้างปิดอวัยวะอันพึงสงวนของหล่อนทั้งข้างบนข้างล่างอยู่ นัยน์ตามองผมอย่างหวั่น ๆ
ผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวเองว่า – ขอโทษ – ผมก็อยู่ในสภาพเดียงกับหล่อน

ผมเลิกมุ้งขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะร่างไอ้หมอนั่นซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมันงอก่อทับอยู่ ผมควานเอากางเกงในของผมออกมานุ่งก่อน แล้วขึงปลดเอากางเกงของผมที่ผมจำได้ว่า ผมแขวนมันไว้ที่ฝาห้องมานุ่ง ผมเลิกมุ้งออกจนหมด เหวี่ยงออกไปพ้นที่นอน ร่างของไอ้เสือนั่นยังไม่ฟื้น นอนงอคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น

ผมฉายไฟดูหน้ามัน – ผมไม่รู้จัก – ไม่เคยเห็นเสียด้วยซ้ำ ผมจับชีพจรมัน ยังเต้นอยู่แผ่ว ๆ มันยังไม่ตาย ผมแหงนหน้าไปทางผู้หญิงคนนั้นซึ่งไม่รู้ว่าแอบหยิบผ้าถุงของหล่อนมานุ่งเมื่อไร พยักหน้าให้หล่อนเข้ามาหา ชี้ไปที่ร่างของไอ้หมอนั่นแล้วถามหล่อนว่า

“ ผัวเรอะ ? ”

แม่คนนั้นสั่นหน้าทันที ทั้ง ๆ ที่ยังย่างเข้ามาไม่ถึงที่ผมยืนฉายไฟไปที่ใบหน้าไอ้ร่างนั้น

“ ไม่ใช่ ” หล่อนพูดเสียงสั่น ๆ “ หนูไม่เคยมีผัว ”

“ แฮะแอ้ ” ผมร้องแล้วจุ๊ปาก “ เดี๋ยวโดนตบ ”

ผมเงื้อมือ แม่นั่นถอยออกไปห่าง พร้อมกับสั่นหน้าเร่า ๆ

“ ใครก็ไม่รู้ ” เสียงของหล่อนยังมาหายสั่น “ หนูไม่เคยมีผัวจริง ๆ ไม่รู้จักจริง ๆ ”

ผมมองดูร่างนั้นที มองดูหล่อนที แล้วพูดว่า

“ ถ้างั้น มันเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง ”

“ ไม่รู้ซีพี่ ” แม่นั่นรีบตอบ “ หนูได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอยู่นานแล้ว หนูจึงเรียกพี่ ทั้งเรียกทั้งเขย่าตัวตั้งหลายที กว่าพี่จะตื่นมันก็เปิดมุ้งเข้ามาพอดี หนูยังถูกมันตบเอาทีหนึ่งตอนหนูร้อง ”

ผมก้าวไปเลิกหมอน หยิบเอาปืนของผมที่สอดไว้ตั้งแต่ตอนเข้านอนมาเหน็บที่เอว คว้าเสื้อมาสวม ผมยัดชายเสื้อเข้าขอบกางเกงเสร็จเรียนร้อย ไอ้นั่นก็ค่อย ๆ พลิกตัว

ผมให้แม่คนนั้นเปิดไฟในห้อง

ไอ้เสือนั่นนอนนิ่งลืมตามองดูผม เพราะปากกระบอกปืนของผมจ้องนิ่งตรงนัยน์ตามันพอดี

“ อย่าขยับ ” ผมเน้นเสียงออกมา “ นอนนิ่ง ๆ อย่างนั้น แล้วบอกอั๊วมาว่าลื้อเป็นใคร เข้ามาทำไม และต้องการอะไร ”

มันไม่พูด จ้องรูลำกล้องปืนนิ่ง แล้วก็เปลี่ยนสายตามามองผม
หน้าตามันเหมือนนักโทษเพิ่งหลุดออกมาจากตะราง คางเหลี่ยม นัยน์ตาโปน ผมหยิก และอายุในราวสามสิบเศษ ๆ ทั้งเสื้อทั้งกางเกงของมันดำสนิทกลืนกับความมืดดีนัก

ผมง้างนกปืนลูกโม่ของผมดังกริ๊ก

“ ลื้อไม่อยากพูดกับอั๊ว จะไปพูดกับยมบาลหรือยังไง อั๊วถามว่าลื้อเป็นใคร เข้ามาทำไม และต้องการอะไร ”

มันนิ่ง สายตาของมันไม่บอกว่ามันกลัว

“ พาผมไปโรงพักดีกว่า ” มันพูดออกมา หลังจากที่นิ่งจ้องมองผมอยู่นาน

“ อยากเข้าตะราง ว่างั้นเถอะ ” ผมพูดปนเสียงหัวเราะ

มันยิ้มนิด ๆ อย่างคนไม่กลัวความตาย แล้วพูดอีกว่า

“ พาผมไปโรงพักดีกว่า ”

“ ตามใจ ไอ้เพื่อนยาก ” ผมว่า “ งั้นลุกขึ้น แต่ว่าช้า ๆ นะ อย่าให้อั๊วตกใจ ”

มันค่อย ๆ ยันร่างขึ้นในท่านั่ง แล้วใช่มือทั้งสองข้างยันพื้นที่นอนเพื่อที่จะดันตัวขึ้นมาในท่ายืน หัวของมันก้มลงมองดิน ผมมองดูที่มือของมัน มันกดมือลงแน่นในจังหวะที่จะสปริงตัวขึ้น

ผมเหวี่ยงเท้าข้างขวาผึงออกไปได้จังหวะที่ใบหน้าของมันที่แหงะขึ้นมาจากท่าเตรียมสปริงตัว

เสียงดังพล๊อกหนักแน่น แล้วทั้งมือทั้งตีนของมันก็ลอยผงะไปกลางอากาศ กลับลงนอนแผ่อยู่บนที่นอนอีก แต่ว่าคราวนี้เหยียดแผ่ทั้งมือทั้งตีน หลับตาพริ้ม

ผมลงมือค้นตามตัวของมัน ทั่งกระเป๋าเสื้อและกางเกง ไม่พบอะไรอื่นอีก ไม่มีแม้แต่อาวุธและอะไรทั้งสิ้น มันไม่ได้พกอะไรเลย

แม่คนนั้นถอยออกไปยืนตัวสั่นอยู่ที่กลางห้องอีก

ในกระเป๋ากางเกงของผมมีกุญแจมือขนาดเล็กชนิดใช้ใส่แค่เพีบงหัวแม่มือ ผมล้วงมันออกมาแล้วขัดการใส่มันเข้ากับหัวแม่มือทั้งสองข้างของไอ้หมอนั่น มันยังไม่ฟื้น

ผมหันไปทางแม่คนนั้นซึ่งผมก็จำชื่อหล่อนไม่ได้ว่ามันจะเป็น ‘ เพ็ญ ’ หรือ ‘ พร ’ หรือ ‘พวง ’ ก็ไม่รู้ เพราะที่หล่อนบอกผมไว้เมื่อคืนนี้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะจำ ผมพูดกับหล่อนว่า

“ ฉันจะพาไอ้เสือนี่ไปโรงพัก ฉันเป็นหนี้น้องสาวอยู่เท่าไหร่ คิดมาเสีย ”

หล่อนสั่นหน้าอยู่ตรงที่เดิม “ ไม่ต้องหรอกพี่ ” เสียงก็ยังสั่นอยู่อีก “ พี่ไปเสีย เผื่อพวกมันมาอีก หนูจะทำยังไงล่ะ ”

ผมยืนเกาหัว ไม่รู้ว่าจะยังไงเหมือนกัน แล้วผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนไม่ได้

“ ไม่หรอกน่ะ ” ผมพูดส่ง ๆ ออกไป “ มันมาเล่นงานฉันมากกว่าเธอ ถ้าฉันยังอยู่ซีมันอาจจะมาอีก ฉันไปเสียมันก็ไม่มา คิดมาเถอะเท่าไหร่ ”

หล่อนมองดูผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วว่า

“ แล้วแต่พี่เถอะ หนูไม่เคยเรียกราคากับใคร ”

หล่อนจะพูดจริง หรือจะเข้าใจพูดก็ไม่รู้ แต่ว่าอาจจะจริง เพราะผมหิ้วหล่อนมาจากไนท์คลับชั้นดีแห่งหนึ่งเมื่อคืนนี้ ผมล้วงเอาเงินออกมาจากกระเป๋าสองร้อยบาทส่งให้หล่อน

หล่อนมองดูเงิน มองดูผม แล้วค่อย ๆ เดินมาหา รับเงินในมือผมไป พร้อมกับยกมือไหว้ ไม่พูดอะไร

ผมคว้ามือไอ้เสือนั่นข้างหนึ่ง แล้วลากมันออกมาจากห้องนั้น มันยังไม่ฟื้น

ผมรู้จักว่าที่ตรงนั้นขึ้นกับโรงพักท้องที่ไหน ผมยัดร่างไอ้หมอนั่นซึ่งยังไม่ตื่นเข้าไปบนรถจี๊ปของผม บึ่งมาพักเดียวก็ถึงโรงพัก ตอนนั้นรุ่งสางพอดี ผมดูนาฬิกามันบอกเวลาหกโมงกว่า ๆ มันฟื้นลืมตา เมื่อผมดึงมันลงมาจากรถอีกที ผมจึงไม่ต้องลากมันอีก คราวนี้มันเดินลากขาตามผมไป

สารวัตรท้องที่เป็นนายตำรวจรุ่นพี่ เขานั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานภายในเครื่องแบบพันตำรวจตรี ผมจูงไอ้เสือนั่นเข้าไปหาเขา เขาเงยหน้ามองผล แล้วยิ้มให้เหมือนกับว่าเขาคอยพบผมอยู่แล้วยังงั้น ไม่ได้แสดงกิริยาแปลกอกแปลกใจอะไรเลย เมื่อผมผลักไอ้นั่นไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วยกมือไหว้เขา

“ สวัสดี คุณยอดทวน ” เขาเอ่ยขึ้นมาก่อนผมเสียอีก “ เอาอะไรติดมือมาด้วยนั่น ” เขาพยักหน้าไปทางไอ้นั่น

“ สวัสดี พี่ ” ผมว่า พลางลากเก้าอี้มาตรงหน้าเขา “ ของฝาก ผมเอามาให้พี่ยุ่งกับมันเล่น ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร มันเข้าไปเล่นงานผมหรืออะไรก็ยังไม่รู้ แต่มืด ”

เขาปรายตาไปที่ไอ้นั่นอีกแวบหนึ่ง แล้วกดกริ่งบนโต๊ะ

“ เอาไปขัง ” เขาออกคำสั่ง แล้วชี้ไปที่ไอ้นั่น

ผมโยนกุญแจนิ้วให้นายสิบเวร เขารับมันไปไขนิ้วไอ้นั่นแล้วกลับส่งมาให้ผมทั้งลูกทั้งตัวกุญแจ แล้วก็จับศอกไอ้นั่น ดึงเอาตัวออกไป

“ ผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นใคร และเข้าไปหาผมในห้องนอนทำไม ” ผมพูด “ พี่ช่วยสอบให้ผมรู้ด้วย ”

เขาหัวเราะ ไม่พูดไม่ถามอะไร กลับหันไปดึงลิ้นชักโต๊ะข้าง ๆ ตัว ดึงเอาซองหนังสือราชการอันหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้ผม

ผมรับซองนั้นมาอย่างงง ๆ ที่หน้าซองมีชื่อของผมเป็นผู้รับ และที่เหนือชื่อของผมที่มุมซองมีข้อความ ‘ลับเฉพาะ’ ผมมองดูเขาอย่างจะตั้งคำถาม เขาพูดว่า

“ ผมได้รับคำสั่งให้ส่งซองนี้ให้คุณ ถ้าคุณมาวันนี้ ”

ผมมองดูซองในมือแล้วมองดูเขา บนใบหน้าของเขามีแต่ความว่างเปล่า อันที่จริงใบหน้าของตำรวจแทบจะทุกคนก็ต้องเป็นยังงั้น ถ้าเขาไม่อยากจะพูด

ผมฉีกซองออก อ่านข้อความในหนังสือที่อยู่ในซองนั้น มันมีข้อความว่า

ถึงร้อยตำรวจโท ยอดทวน ธงไทย

ให้ท่านไปรายงานตัวต่อข้าพเจ้า ณ ที่ห้องพิเศษ เลขที่ ๕๐๔ โรงแรมเอราวัณ ในวันที่ได้รับหนังสือนี้
เวลา ๐๘.๐๐ น.
ลงนาม พันเอก เยี่ยม วีรพล ผบ. หน่วย ๔๐๔ กรป.

ข้อความในนั้นมีเท่านี้ ไม่มีวันที่ ไม่มีเลขหนังสือ

ผมอ่านข้อความนั้นอีกทีให้มันแน่ใจ มันก็ยังอ่านได้ความยังงั้นอยู่ ผมแหงนหน้าขึ้นมองสารวัตรรุ่นพี่คนนั้น แล้วว่า

“ อธิบายให้ผมเข้าใจให้แจ่มแจ้งกว่านี้สักหน่อยได้ไหมครับ ไอ้หนังสือนี้มันมาบังไงไปยังไงกัน ถึงผมแน่หรือ ”

เขายิ้ม “ ชื่อของคุณใช่ ร้อยตำรวจโท ยอดทวน ไหมล่ะ ”

ผมพลิกซองดูชื่อที่หน้าซองอีกที แล้วเกาหัว

“ พี่ก็รู้จักผมดีอยู่ ไม่น่าถาม ผมอยากรู้ว่ามันไปยังไงมายังไงกัน แล้วถ้าเผื่อผมไม่มาที่นี่ เพราะเกิดเรื่องกับไอ้เสือนั่นวันนี้ หนังสือนี้จะถึงมือผมได้ยังไง ”

เขายักไหล่ “ ผมได้รับคำสั่งมาแต่เพียงเท่านี้จากเบื้องบน ว่าถ้าคุณมาที่นี่วันนี้ก็ให้ผมส่งซองนี้ให้คุณ ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นอีก ไม่ได้บอกว่าถ้าคุณไม่มาจะให้ผมทำอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้ ”

“ ก้อ ถ้าเผื่อผมไม่มา ผมมาเพราะมันมีเรื่องต่างหาก ”

“ ข้างบนคงจะรู้มั้งว่าคุณต้องมา ”

“ พี่ไม่ได้เล่นตลกอะไรกับผมนา ” ผมมองดูเขาอย่างระแวง

“ นั่นมันซองลับเฉพาะ ” เขาชี้มาที่ซองในมือผม “ ซองอย่างนี้เล่นตลกกันได้หรือ ”

นั่นน่ะซี – ผมนึกในใจ อีกอย่างหนึ่งเขาก็ไม่น่าจะรู้ว่า ผมจะมีอันต้องมาที่นี่

“ แล้วไอ้เสือนั่นล่ะ ” ผมพูด “ เมื่อไรพี่จะสอบให้ผม ผมอยากรู้ว่ามันเป็นใคร และมันเข้าไปทำร้ายผมด้วยเรื่องอะไร หรือว่าผิดตัว ข้อสำคัญ ผมอยากรู้ว่ามันเป็นใคร ”

“ คุณมีเวลาพอที่จะอยู่ฟังผมสอบเขาไหมล่ะ ”

ผมดูนาฬิกา มันใกล้เจ็ดโมงมากแล้วผมยังไม่ได้อาบน้ำและพร้อมที่จะไปรายงานตัว ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วว่า

“ ผมจะมาหาพี่ใหม่ตอนหลังแปดโมงดีไหม ผมต้องรีบไปตามหนังสือนี้ ” ผมยกซองลับเฉพาะนั้นขึ้นโบก

“ ตามใจคุณ ” เขาพูดยิ้ม ๆ

ผมลาเขาออกมา ตอนที่ผมขึ้นนั่งบนรถของผม ผมก็ยังงงอยู่ดีว่าไอ้หนังสือลับเฉพาะฉบับนี้มันยังไงกันแน่




Create Date : 20 กรกฎาคม 2552
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 22:02:17 น. 0 comments
Counter : 970 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.