|
จับปูดำ ขยำปูนา บทที่ 1 ตอนที่ 1
เรื่อง จับปูดำ ขยำปูนา
คำนำ
เพื่อให้ผู้ติดตาม Blog นี้ไม่เริ่มเบื่อ และได้รับความบันเทิง จึงขอพักเรื่องสั้น " ตลกสังคม " ไว้ก่อน (ยังมีอีกหลายตอน ซึ่งจะได้นำเสนอให้อ่านต่อไป)
นวนิยาย เรื่อง " จับปูดำ ขยำปูนา " นี้ เป็นนวนิยายที่ พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ ได้ประพันธ์ไว้ เข้าใจว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2528 โดยใช้ชื่อจริง (ไม่ได้ใช้นามปากกา 4411 )
นวนิยายเรื่องนี้ มีทั้งบทบู๊ บทรัก บทสืบสวน ของตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง หลากรสในนวนิยายเรื่องนี้ ทำให้นวนิยายเรื่องนี้น่าติดตาม
ท่านผู้อ่าน รู้จักเพลงนี้ไหม... ? และทำไมต้องเป็นเพลงนี้ ... ?
ต่อจากนี้ ขอเชิญผู้สนใจนวนิยายแนวบู๊ และบุ๋น ที่แทรกความมันในอดีต ลองอ่านกัน ผู้ประพันธ์เคยจับทั้งปืน และจับทั้งปากกา โดยผ่านประสบการณ์อันโชกโชน
เพื่อเป็นการระลึกถึงท่านผู้ประพันธ์ ซึ่งเป็นบิดา หากมีผู้ชื่นชอบ ก็ขออุทิศความชื่นชอบนั้นแด่ท่านผู้ประพันธ์ ด้วยหวังว่า นวนิยายเรื่องนี้ และเรื่องอื่น ๆ ที่จะตามมา จะยังคงอยู่กับแวดวงวรรณกรรมไทยตลอดไป
ทายาท 4411
*******************
ตอนที่ 1
เสียงนั้นดังหวิว ๆ มาแต่ไกล แล้วก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาจนผมได้ยินถนัด มันเป่าอยู่ที่รูหูผมนี่เอง ดังออกมาเป็นเสียงว่า พี่ พี่ เบา ๆ แล้วผมก็รู้สึกว่ามีมือมาเขย่าที่ท่อนแขนส่วนบนของผมแรง ๆ ผมรู้สึกตัวตื่น
ไอ้แสงบ้านั่นมันแยงนัยน์ตาผมเสียจนต้องรีบหลับตาลงใหม่ ผมยังบอกตัวเองไม่ถูกว่ามันเป็นแสงอะไร ภวังค์ของผมเพิ่งจะถูกปลุกขึ้นมาใหม่ ๆ ยังตั้งสติไม่ได้ เสียงประตูมุ้งถูกแหวกออก แล้วก็มีเสียงของคนที่เรียกและเขย่าตัวผมอยู่นั้นร้อง " ว้าย " ออกมาดัง ๆ คำเดียวแล้วก็เงียบ
ผมพลิกตัวแพล็บเดียวทั้ง ๆ ที่นัยน์ตายังไม่ทันลืมขึ้นมาใหม่ เท้าของผมข้างหนึ่งยันออกไปด้วยสัญชาตญาณไปทางด้านที่ผมเห็นไอ้แสงบ้านั่นมาแยงนัยน์ตาเมื่อกี้นี้ เท้าข้างนั้นปะทะเข้ากับร่างใครคนหนึ่งถนัดถนี่ พร้อมทั้งไอ้ลำแสงที่แยงนัยน์ตาผมหลุดกลิ้งลงบนที่นอน ผมจึงมองเห็นว่ามันเป็นร่างของใครคนหนึ่งแอ่นหงายกลับออกไป
ผมเผ่นพรวดเดียวลุกขึ้นยืน พอดีกับร่างของหมอนั่นเซไปโดนชายมุ้ง มุ้งทั้งหลังขาดหลุดลงมา ผมอยู่ในท่าที่ได้เปรียบกว่า ผมตวัดมุ้งที่หล่นลงมาครอบนั้นพรวด ๆ จนพ้นหัวออกมาได้ ไอ้เสือนั่นยังวุ่นวายอยู่ในมุ้งที่คลุมร่างของมัน พยายามที่จะแหวกออกมา
ผมมองเห็นว่าส่วนไหนเป็นหัว ส่วนไหนเป็นลำตัวภายในมุ้งนั้น ผมวาดเท้าไปเต็มเหนี่ยวตรงที่เห็นว่าเป็นศีรษะ มีเสียงร้องดังอุ้บมาจากข้างในนั้น ไอ้ร่างนั้นก็หมุนม้วนกลับหันสีข้างมาทางผม ผมเหวี่ยงเท้าไปที่สีข้างอีกที แล้วที่ลำตัวอีกที พร้อมทั้งกระทืบซ้ำลงไปที่ร่างที่งอก่ออยู่ในมุ้ง มันยังดิ้นจะหาทางออกอยู่ภายในนั้น
อะไรสิ่งหนึ่งกลิ้งหลุน ๆ ออกมาจากความยุ่งเหยิงของมุ้ง มันเป็นกระบอกไฟฉายขนาดห้าท่อน ไอ้นี่เองที่เป็นต้นแสงที่แยงนัยน์ตาของผมเมื่อกี้นี้ ผมก้าวไปคว้ามันมาไว้ในมือ ไอ้ร่างนั้นยังดิ้นขลุกขลักควานหาทางออกอยู่
ผมประเคนกระบอกไฟฉายห้าท่อนอันนั้นลงไปบนส่วนที่เป็นหัวของมัน เสียงดัง โพละ ไอ้ร่างนั้นหลุดดิ้น มันครางครอก ๆ สอง สามทีแล้วก็เงียบไม่ไหวติง
ผมยืนหอบอยู่ครู่หนึ่ง มองไปรอบ ๆ ห้อง แสงสลัว ๆ ของอากาศภายนอกลอดเข้ามาพอมองเห็นอะไร ๆ ข้างในห้องได้ราง ๆ ผู้หญิงคนที่ส่งเสียงเรียกผม และเป็นเจ้าของเสียง ว้าย เสียงนั้น ยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง หล่อนไม่นุ่งผ้า ได้แต่ใช้มือทั้งสองข้างปิดอวัยวะอันพึงสงวนของหล่อนทั้งข้างบนข้างล่างอยู่ นัยน์ตามองผมอย่างหวั่น ๆ ผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวเองว่า ขอโทษ ผมก็อยู่ในสภาพเดียงกับหล่อน
ผมเลิกมุ้งขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะร่างไอ้หมอนั่นซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมันงอก่อทับอยู่ ผมควานเอากางเกงในของผมออกมานุ่งก่อน แล้วขึงปลดเอากางเกงของผมที่ผมจำได้ว่า ผมแขวนมันไว้ที่ฝาห้องมานุ่ง ผมเลิกมุ้งออกจนหมด เหวี่ยงออกไปพ้นที่นอน ร่างของไอ้เสือนั่นยังไม่ฟื้น นอนงอคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น
ผมฉายไฟดูหน้ามัน ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นเสียด้วยซ้ำ ผมจับชีพจรมัน ยังเต้นอยู่แผ่ว ๆ มันยังไม่ตาย ผมแหงนหน้าไปทางผู้หญิงคนนั้นซึ่งไม่รู้ว่าแอบหยิบผ้าถุงของหล่อนมานุ่งเมื่อไร พยักหน้าให้หล่อนเข้ามาหา ชี้ไปที่ร่างของไอ้หมอนั่นแล้วถามหล่อนว่า
ผัวเรอะ ?
แม่คนนั้นสั่นหน้าทันที ทั้ง ๆ ที่ยังย่างเข้ามาไม่ถึงที่ผมยืนฉายไฟไปที่ใบหน้าไอ้ร่างนั้น
ไม่ใช่ หล่อนพูดเสียงสั่น ๆ หนูไม่เคยมีผัว
แฮะแอ้ ผมร้องแล้วจุ๊ปาก เดี๋ยวโดนตบ
ผมเงื้อมือ แม่นั่นถอยออกไปห่าง พร้อมกับสั่นหน้าเร่า ๆ
ใครก็ไม่รู้ เสียงของหล่อนยังมาหายสั่น หนูไม่เคยมีผัวจริง ๆ ไม่รู้จักจริง ๆ
ผมมองดูร่างนั้นที มองดูหล่อนที แล้วพูดว่า
ถ้างั้น มันเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง
ไม่รู้ซีพี่ แม่นั่นรีบตอบ หนูได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอยู่นานแล้ว หนูจึงเรียกพี่ ทั้งเรียกทั้งเขย่าตัวตั้งหลายที กว่าพี่จะตื่นมันก็เปิดมุ้งเข้ามาพอดี หนูยังถูกมันตบเอาทีหนึ่งตอนหนูร้อง
ผมก้าวไปเลิกหมอน หยิบเอาปืนของผมที่สอดไว้ตั้งแต่ตอนเข้านอนมาเหน็บที่เอว คว้าเสื้อมาสวม ผมยัดชายเสื้อเข้าขอบกางเกงเสร็จเรียนร้อย ไอ้นั่นก็ค่อย ๆ พลิกตัว
ผมให้แม่คนนั้นเปิดไฟในห้อง
ไอ้เสือนั่นนอนนิ่งลืมตามองดูผม เพราะปากกระบอกปืนของผมจ้องนิ่งตรงนัยน์ตามันพอดี
อย่าขยับ ผมเน้นเสียงออกมา นอนนิ่ง ๆ อย่างนั้น แล้วบอกอั๊วมาว่าลื้อเป็นใคร เข้ามาทำไม และต้องการอะไร
มันไม่พูด จ้องรูลำกล้องปืนนิ่ง แล้วก็เปลี่ยนสายตามามองผม หน้าตามันเหมือนนักโทษเพิ่งหลุดออกมาจากตะราง คางเหลี่ยม นัยน์ตาโปน ผมหยิก และอายุในราวสามสิบเศษ ๆ ทั้งเสื้อทั้งกางเกงของมันดำสนิทกลืนกับความมืดดีนัก
ผมง้างนกปืนลูกโม่ของผมดังกริ๊ก
ลื้อไม่อยากพูดกับอั๊ว จะไปพูดกับยมบาลหรือยังไง อั๊วถามว่าลื้อเป็นใคร เข้ามาทำไม และต้องการอะไร
มันนิ่ง สายตาของมันไม่บอกว่ามันกลัว
พาผมไปโรงพักดีกว่า มันพูดออกมา หลังจากที่นิ่งจ้องมองผมอยู่นาน
อยากเข้าตะราง ว่างั้นเถอะ ผมพูดปนเสียงหัวเราะ
มันยิ้มนิด ๆ อย่างคนไม่กลัวความตาย แล้วพูดอีกว่า
พาผมไปโรงพักดีกว่า
ตามใจ ไอ้เพื่อนยาก ผมว่า งั้นลุกขึ้น แต่ว่าช้า ๆ นะ อย่าให้อั๊วตกใจ
มันค่อย ๆ ยันร่างขึ้นในท่านั่ง แล้วใช่มือทั้งสองข้างยันพื้นที่นอนเพื่อที่จะดันตัวขึ้นมาในท่ายืน หัวของมันก้มลงมองดิน ผมมองดูที่มือของมัน มันกดมือลงแน่นในจังหวะที่จะสปริงตัวขึ้น
ผมเหวี่ยงเท้าข้างขวาผึงออกไปได้จังหวะที่ใบหน้าของมันที่แหงะขึ้นมาจากท่าเตรียมสปริงตัว
เสียงดังพล๊อกหนักแน่น แล้วทั้งมือทั้งตีนของมันก็ลอยผงะไปกลางอากาศ กลับลงนอนแผ่อยู่บนที่นอนอีก แต่ว่าคราวนี้เหยียดแผ่ทั้งมือทั้งตีน หลับตาพริ้ม
ผมลงมือค้นตามตัวของมัน ทั่งกระเป๋าเสื้อและกางเกง ไม่พบอะไรอื่นอีก ไม่มีแม้แต่อาวุธและอะไรทั้งสิ้น มันไม่ได้พกอะไรเลย
แม่คนนั้นถอยออกไปยืนตัวสั่นอยู่ที่กลางห้องอีก
ในกระเป๋ากางเกงของผมมีกุญแจมือขนาดเล็กชนิดใช้ใส่แค่เพีบงหัวแม่มือ ผมล้วงมันออกมาแล้วขัดการใส่มันเข้ากับหัวแม่มือทั้งสองข้างของไอ้หมอนั่น มันยังไม่ฟื้น
ผมหันไปทางแม่คนนั้นซึ่งผมก็จำชื่อหล่อนไม่ได้ว่ามันจะเป็น เพ็ญ หรือ พร หรือ พวง ก็ไม่รู้ เพราะที่หล่อนบอกผมไว้เมื่อคืนนี้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะจำ ผมพูดกับหล่อนว่า
ฉันจะพาไอ้เสือนี่ไปโรงพัก ฉันเป็นหนี้น้องสาวอยู่เท่าไหร่ คิดมาเสีย
หล่อนสั่นหน้าอยู่ตรงที่เดิม ไม่ต้องหรอกพี่ เสียงก็ยังสั่นอยู่อีก พี่ไปเสีย เผื่อพวกมันมาอีก หนูจะทำยังไงล่ะ
ผมยืนเกาหัว ไม่รู้ว่าจะยังไงเหมือนกัน แล้วผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนไม่ได้
ไม่หรอกน่ะ ผมพูดส่ง ๆ ออกไป มันมาเล่นงานฉันมากกว่าเธอ ถ้าฉันยังอยู่ซีมันอาจจะมาอีก ฉันไปเสียมันก็ไม่มา คิดมาเถอะเท่าไหร่
หล่อนมองดูผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วว่า
แล้วแต่พี่เถอะ หนูไม่เคยเรียกราคากับใคร
หล่อนจะพูดจริง หรือจะเข้าใจพูดก็ไม่รู้ แต่ว่าอาจจะจริง เพราะผมหิ้วหล่อนมาจากไนท์คลับชั้นดีแห่งหนึ่งเมื่อคืนนี้ ผมล้วงเอาเงินออกมาจากกระเป๋าสองร้อยบาทส่งให้หล่อน
หล่อนมองดูเงิน มองดูผม แล้วค่อย ๆ เดินมาหา รับเงินในมือผมไป พร้อมกับยกมือไหว้ ไม่พูดอะไร
ผมคว้ามือไอ้เสือนั่นข้างหนึ่ง แล้วลากมันออกมาจากห้องนั้น มันยังไม่ฟื้น
ผมรู้จักว่าที่ตรงนั้นขึ้นกับโรงพักท้องที่ไหน ผมยัดร่างไอ้หมอนั่นซึ่งยังไม่ตื่นเข้าไปบนรถจี๊ปของผม บึ่งมาพักเดียวก็ถึงโรงพัก ตอนนั้นรุ่งสางพอดี ผมดูนาฬิกามันบอกเวลาหกโมงกว่า ๆ มันฟื้นลืมตา เมื่อผมดึงมันลงมาจากรถอีกที ผมจึงไม่ต้องลากมันอีก คราวนี้มันเดินลากขาตามผมไป
สารวัตรท้องที่เป็นนายตำรวจรุ่นพี่ เขานั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานภายในเครื่องแบบพันตำรวจตรี ผมจูงไอ้เสือนั่นเข้าไปหาเขา เขาเงยหน้ามองผล แล้วยิ้มให้เหมือนกับว่าเขาคอยพบผมอยู่แล้วยังงั้น ไม่ได้แสดงกิริยาแปลกอกแปลกใจอะไรเลย เมื่อผมผลักไอ้นั่นไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วยกมือไหว้เขา
สวัสดี คุณยอดทวน เขาเอ่ยขึ้นมาก่อนผมเสียอีก เอาอะไรติดมือมาด้วยนั่น เขาพยักหน้าไปทางไอ้นั่น
สวัสดี พี่ ผมว่า พลางลากเก้าอี้มาตรงหน้าเขา ของฝาก ผมเอามาให้พี่ยุ่งกับมันเล่น ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร มันเข้าไปเล่นงานผมหรืออะไรก็ยังไม่รู้ แต่มืด
เขาปรายตาไปที่ไอ้นั่นอีกแวบหนึ่ง แล้วกดกริ่งบนโต๊ะ
เอาไปขัง เขาออกคำสั่ง แล้วชี้ไปที่ไอ้นั่น
ผมโยนกุญแจนิ้วให้นายสิบเวร เขารับมันไปไขนิ้วไอ้นั่นแล้วกลับส่งมาให้ผมทั้งลูกทั้งตัวกุญแจ แล้วก็จับศอกไอ้นั่น ดึงเอาตัวออกไป
ผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นใคร และเข้าไปหาผมในห้องนอนทำไม ผมพูด พี่ช่วยสอบให้ผมรู้ด้วย
เขาหัวเราะ ไม่พูดไม่ถามอะไร กลับหันไปดึงลิ้นชักโต๊ะข้าง ๆ ตัว ดึงเอาซองหนังสือราชการอันหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้ผม
ผมรับซองนั้นมาอย่างงง ๆ ที่หน้าซองมีชื่อของผมเป็นผู้รับ และที่เหนือชื่อของผมที่มุมซองมีข้อความ ลับเฉพาะ ผมมองดูเขาอย่างจะตั้งคำถาม เขาพูดว่า
ผมได้รับคำสั่งให้ส่งซองนี้ให้คุณ ถ้าคุณมาวันนี้
ผมมองดูซองในมือแล้วมองดูเขา บนใบหน้าของเขามีแต่ความว่างเปล่า อันที่จริงใบหน้าของตำรวจแทบจะทุกคนก็ต้องเป็นยังงั้น ถ้าเขาไม่อยากจะพูด
ผมฉีกซองออก อ่านข้อความในหนังสือที่อยู่ในซองนั้น มันมีข้อความว่า
ถึงร้อยตำรวจโท ยอดทวน ธงไทย
ให้ท่านไปรายงานตัวต่อข้าพเจ้า ณ ที่ห้องพิเศษ เลขที่ ๕๐๔ โรงแรมเอราวัณ ในวันที่ได้รับหนังสือนี้ เวลา ๐๘.๐๐ น. ลงนาม พันเอก เยี่ยม วีรพล ผบ. หน่วย ๔๐๔ กรป.
ข้อความในนั้นมีเท่านี้ ไม่มีวันที่ ไม่มีเลขหนังสือ
ผมอ่านข้อความนั้นอีกทีให้มันแน่ใจ มันก็ยังอ่านได้ความยังงั้นอยู่ ผมแหงนหน้าขึ้นมองสารวัตรรุ่นพี่คนนั้น แล้วว่า
อธิบายให้ผมเข้าใจให้แจ่มแจ้งกว่านี้สักหน่อยได้ไหมครับ ไอ้หนังสือนี้มันมาบังไงไปยังไงกัน ถึงผมแน่หรือ
เขายิ้ม ชื่อของคุณใช่ ร้อยตำรวจโท ยอดทวน ไหมล่ะ
ผมพลิกซองดูชื่อที่หน้าซองอีกที แล้วเกาหัว
พี่ก็รู้จักผมดีอยู่ ไม่น่าถาม ผมอยากรู้ว่ามันไปยังไงมายังไงกัน แล้วถ้าเผื่อผมไม่มาที่นี่ เพราะเกิดเรื่องกับไอ้เสือนั่นวันนี้ หนังสือนี้จะถึงมือผมได้ยังไง
เขายักไหล่ ผมได้รับคำสั่งมาแต่เพียงเท่านี้จากเบื้องบน ว่าถ้าคุณมาที่นี่วันนี้ก็ให้ผมส่งซองนี้ให้คุณ ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นอีก ไม่ได้บอกว่าถ้าคุณไม่มาจะให้ผมทำอย่างไรกับหนังสือฉบับนี้
ก้อ ถ้าเผื่อผมไม่มา ผมมาเพราะมันมีเรื่องต่างหาก
ข้างบนคงจะรู้มั้งว่าคุณต้องมา
พี่ไม่ได้เล่นตลกอะไรกับผมนา ผมมองดูเขาอย่างระแวง
นั่นมันซองลับเฉพาะ เขาชี้มาที่ซองในมือผม ซองอย่างนี้เล่นตลกกันได้หรือ
นั่นน่ะซี ผมนึกในใจ อีกอย่างหนึ่งเขาก็ไม่น่าจะรู้ว่า ผมจะมีอันต้องมาที่นี่
แล้วไอ้เสือนั่นล่ะ ผมพูด เมื่อไรพี่จะสอบให้ผม ผมอยากรู้ว่ามันเป็นใคร และมันเข้าไปทำร้ายผมด้วยเรื่องอะไร หรือว่าผิดตัว ข้อสำคัญ ผมอยากรู้ว่ามันเป็นใคร
คุณมีเวลาพอที่จะอยู่ฟังผมสอบเขาไหมล่ะ
ผมดูนาฬิกา มันใกล้เจ็ดโมงมากแล้วผมยังไม่ได้อาบน้ำและพร้อมที่จะไปรายงานตัว ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วว่า
ผมจะมาหาพี่ใหม่ตอนหลังแปดโมงดีไหม ผมต้องรีบไปตามหนังสือนี้ ผมยกซองลับเฉพาะนั้นขึ้นโบก
ตามใจคุณ เขาพูดยิ้ม ๆ
ผมลาเขาออกมา ตอนที่ผมขึ้นนั่งบนรถของผม ผมก็ยังงงอยู่ดีว่าไอ้หนังสือลับเฉพาะฉบับนี้มันยังไงกันแน่
Create Date : 20 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 22:02:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 970 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|