จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 55)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 55

ผมกลับมาที่สำนักงานอีก ใกล้เวลาปิดสำนักงานแล้ว ที่มุมหนึ่งของห้องข้างนอก ผมเห็นมีโต๊ะขนาดค่อนข้างกว้างใหญ่ตัวใหม่ตั้งอยู่ พร้อมทั้งเก้าอี้บุนวมอย่างดี วางอยู่เบื้องหลังโต๊ะตัวนั้น บนโต๊ะมีที่วางปากกา เป็นโต๊ะทำงานขนาดกำลังสวย แต่โต๊ะตัวนั้นตั้งเอียงข้างอยู่ทางด้านข้างห้อง

“ ขอบคุณครับ คุณกัณหา ” ผมเดินเข้าไปพูดที่ข้าง ๆ โต๊ะหล่อน
“ แต่ทำไมคุณไม่ให้เขาตั้งตรงมุมที่หันตรงมาทางนี้ ”

“ เดี๋ยวดิฉันจะให้เขาเลื่อนให้ก็ได้ ถ้าไม่ถูกใจ ” หล่อนพูดโดยไม่ต้องมองหน้าผม

ผมหัวเราะ ดึงเอาซองที่คับกระเป๋าหลังผมอยู่นั่นออกมาส่งให้หล่อน

“ ผมต้องกวนใจคุณอีกแล้ว ช่วยเก็บไว้ให้ด้วยครับ ”

คราวนี้ หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผม สายตานั้นตั้งคำถามอย่างเคย

“ ผมยังไม่ทันได้นับว่า มันมีอยู่เท่าไหร่ และเป็นใบละเท่าไร ช่วยปิดซองให้ที เดี๋ยวผมจะเซ็นชื่อกำกับไว้อย่างเคยทำ ไว้ค่อยนับทีหลัง ”

หล่อนดึงเอาเทปกาวมาปิดซองตลอดความยาวของที่ปิด ส่งให้ผม ขณะที่ผมเซ็นชื่อคาดซองอยู่นั้น หล่อนก็วางกระดาษเปล่าแผ่นเล็ก ๆ ไว้ให้ผมอีกตรงหน้า

“ จะให้ผมทำอะไรครับ ” ผมถาม

“ เซ็นชื่อของคุณลงไปบนกระดาษแผ่นนี้ด้วย ซักสอง-สามแถว ”

หล่อนตอบ ชี้ไปที่กระดาษแผ่นนั้น โดยไม่มองหน้าผม

ผมดึงเอากระดาแผ่นนั้นมา เซ็นชื่อลงไปสามแถว ไม่ถามเหมือนกันว่า ให้เซ็นทำไม แล้วผมก็ส่งให้ ไม่พูดอะไร เปิดบังตาคุณพี่เข้าไป ผมเชื่อว่า คุณพี่จะต้องยังไม่กลับ

“ กลับแล้วหรือ พ่อดนัย ” คุณพี่ทักทันทีที่ผมเปิดบังตาเข้าไป “ เป็นไงมั่ง ทั้งสองคนเขาว่ายังไง ”

“ คุณเชิดกับผม ไม่ได้พูดอะไรกันมาก แต่คุณสันติเขาขอบใจสำนักงานของเรา ที่เอาตัวไอ้ถึกมาได้ ”

“ ขอบใจเท่านั้นหรือ ” คุณพี่ซัก

“ เขาให้ซองมาด้วยครับ ”

“ เท่าไร พ่อดนัย ” เสียงคุณพี่ดีอกดีใจ

“ ผมยังไม่ได้นับครับ ”

“ อ้าว แล้วคุณจะแบ่งให้สำนักงานได้ถูกยังไง ” คุณพี่ชักเป็นห่วง

“ เอาไว้เมื่อผมเปิดออกนับแล้วผมจะบอก ”

“ พี่จะรู้ได้ยังไง ว่าทันถูกต้องแค่ไหน ”

“ ผมบอกแล้วไง คุณพี่ต้องเชื่อผม ”

คุณพี่นิ่ง มองดูผม ยังหาคำพูดไม่เจอ

ผมเปิดบังตากลับออกมาข้างนอก กัณหากำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของบนโต๊ะ จะกลับ ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะของผม พิงศีรษะมองดูกัณหา เบาะเก้าอี้นั้นนุ่มสบายดี มันเป็นเก้าอี้ตัวใหม่ของผมที่ถูกใจ ผมยังไม่รู้ว่าราคาของมันเท่าไร แต่ผมไม่กังวล เพราะผมมีเงินอยู่แล้ว และยังพอที่จะเห็นหนทางได้อีก จากทั้งนายอนุชิตและนายเชิด

ผมนั่งพิงศีรษะกับเบาะนุ่ม ๆ นั้นนานเท่าไรไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงคุณพี่ร้องทักออกมาว่า

“ อ้าว ยังไม่กลับอีกหรือ พ่อดนัย คงจะสบายซินะ เก้าอี้นั่น แม่กัณหาเขาจัดให้ ทั้งชุดนั่นตกเข้าไปสี่พันห้า ”

ผมผงกหัวขึ้นจากท่าพิงสบายนั้น หันไปมองทางโต๊ะกัณหา

หล่อนกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเมื่อไหร่ คุณพี่ยังยืนดูผมนิ่ง ผมกำลังจะขยับถามเรื่องราคาโต๊ะเก้าอี้ คุณพี่ก็พูดออกมาว่า

“ พี่จะหักจากเงินเดินของคุณหรือยังไง หรือว่า ... ”

ผมไม่ต่อคำพูดที่เว้นว่างนั้น เอาศีรษะลงพิงพนักเก้าอี้ หลับตา

“ จะให้พี่คิดยังไงก็บอกมาซี ” เสียงคุณพี่พูดต่อ

“ หักเงินเดือนครับ ” ผมหลับตาพูด

“ เงินเดือนคุณไม่พอ ต้องหักถึงสองเดือน ” ผมได้ยินเสียงคุณพี่พูดดัง ๆ

“ ก็หักไปสองเดือนซีครับ ” ผมยังหรี่ตาพูด “ แล้วไอ้ที่ผมได้มาจากงานของผมนี่ ผมก็ไม่ต้องแบ่งให้สำนักงาน หักเป็นค่าโต๊ะเก้าอี้ของผมก็แล้วกัน ”

“ เอ๊ะ มันจะถูกเหรอ ” คุณพี่ไม่ยอมแพ้ “ มันคนละส่วนกัน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณ จะเอามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของสำนักงานได้ยังไง "

ผมผงะตัวขึ้นนั่งตรง

“ ถ้ายังงั้น ผมจะให้เขาขนโต๊ะเก้าอี้นี่คืนไป ผมไม่นั่งที่สำนักงานก็ได้ ”

คุณพี่ยืนหันรีหันขวางอยู่ ทองดูผมด้วยสายตาขวาง ๆ

“ คุณนี่ ทำไมถึงเป็นคนพูดยากอย่างนี้นะ เรื่องเงินแค่สี่พันห้าเท่านั้น ”

ผมหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ แล้วพูดว่า

“ พรุ่งนี้ ผมจ่ายให้เป็นเงินสด ๆ ครับ ”

คุณพี่ยืนนิ่ง มองดูผม ก่อนที่จะปล่อยเสียงออกมาตามริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรงเบา ๆ ว่า

“ คนผี ”

ผมนั่งพิงพนักหลับตา ฟังเสียงคุณพี่ย่ำบันไดกัง ๆ ลงไป

ผมลุกขึ้นเดินตามลงมา

พี่ถมคอยผมอยู่แล้วที่รถ ผมเปิดประตูเข้าไปนั่ง เขาก็หันมาถามอย่างเคยว่าจะไปไหน แล้วแถมด้วยคำพูดเสียงหนัก ๆ ว่า

“ ขึ้นรถ จะบอกว่าจะไปไหนเสียเลยไม่ได้หรือไง ต้องให้ถามทุกที ”

“ ก็มันยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดีนี่ พี่ถม ”

“ งั้นกลับบ้าน เย็นแล้ว ” พี่ถมตัดบท

“ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า หาที่กินเหล้าสบาย ๆ ผมอยากใช้ความคิดนิดหน่อย ” ผมพูด ทั้งๆ ที่อยากกลับไปดูแม่ตุ่มที่บ้านของพี่ถมว่า หน้าตาเป็นยังไง

“ ที่บ้านมันใช้ความคิดไม่ได้หรือยังไง ” พี่ถมยังไม่ออกรถ

“ ทำไมพี่ถมอยากกลับบ้านเร็ว ๆ ” ผมถาม เก็บเอาข้อความที่อยากถามต่อไว้ในใจ

“ มีอะไรที่อยากจะเล่าให้ฟังด้วย ” พี่ถมพูด “ นอกบ้านมันพูดไม่สะดวก ”

“ ถ้างั้นก็เอา ” ผมว่า “ แต่เราแวะซื้ออะไรติดมือไปมั่งดีไหม พี่ถม เอาไปฝากเด็กที่บ้านด้วย ”

“ ไม่ต้องห่วงมันหรอก อีนั่นน่ะ ” เสียงพี่ถมชักจะห้วน ๆ

ไม่ยักพูดต่อว่า ทำไมถึงไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมชักจะเบื่อไข่เจียวนั่นเสียแล้ว

พี่ถมออกรถพรืดอย่างเคย เมื่อผมไม่พูดอะไรต่อ

กับข้าวที่บ้านพี่ถมก็มีอย่างเคย แต่คราวนี้มีพิเศษอีกอย่าง คือแกงส้มมะละกอที่ผมชอบ ผมก็ยังไม่เห็นตัวแม่ตุ่มอยู่ดี ได้ยินแต่เสียงอะไรต่อมิอะไรกระทบกันอยู่ในครัว และคราวนี้ ประตูครัวปิดสนิท ไม่แง้มให้เห็นข้างในอย่างวันก่อน

ผมขอตัวพี่ถมเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่าให้สบายเสียก่อนที่จะลงมือกินข้าว ผมเก็บเอาความแปลกใจเข้าไปในห้องน้ำด้วย

บ้านนี้ทำไมสำรับกับข้าวถึงออกมาตั้งได้ตามเวลา เหมือนกับจะรู้ใจเจ้าของบ้านว่าจะมาเมื่อไร หรือไม่ยังงั้นก็ต้องตั้งอยู่ยังงี้ตามเวลาทุกวัน เจ้าของบ้านไม่มาก็เก็บไปทีหลัง แต่ถึงยังไง คนตั้งก็ต้องรู้ใจเจ้าของบ้าน และคนตั้งนั้นก็ต้องไม่ใช่ใคร นอกจากแม่ตุ่มคนนั้น ตั้งแล้วก็หลบเข้าครัวเสียด้วย

อาจจะไม่หลบก็ได้ ถ้าไม่มีคนอื่นมากินด้วย แล้วนี่แม่ตุ่มมิต้องหลบทุกวันหรือยังไง เพราะผมกลายมาเป็นผู้อาศัยถาวรอีกคนหนึ่งเสียแล้ว



Create Date : 10 กรกฎาคม 2553
Last Update : 10 กรกฎาคม 2553 4:48:26 น. 1 comments
Counter : 715 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:52:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.