จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
20 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 83)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 83

คำสั่งสุดท้าย

วันหนึ่ง ไปสนามกอล์ฟด้วยกัน ขณะยืนซ้อมสวิงอยู่ในสนามกอล์ฟด้วยกัน ท่านก็ยื่นบุหรี่ให้ผมสูบ ระหว่างพักเหนื่อย ผมนั้นหยุดสูบบุหรี่มาสาม-สี่วันแล้วเพราะเป็นหวัด มันแสบคอถ้าดูดควันบุหรี่เข้าไป

ผมก็บอกท่านว่า ผมหยุดมาสี่วันแล้ว เพราะเจ็บคอ ท่านก็พูดว่า

“ เออ มึงหยุดมาสี่วันแล้ว ก็หยุดเสียเลยซีวะ ”

นั่นเป็นคำพูด คล้ายคำสั่งครั้งสุดท้าย ผมถือปฏิบัติมาจนบัดนี้ เลิกบุหรี่ไปเลย ถือเป็นการปฏิบัติตามตำสั่งสุดท้าย

เพราะอะไร...

วันต่อมา ผมอยู่ที่บ้านริมทะเลสาบนั้น กำลังได้เวลาอาหารกลางวัน วันนั้นเป็นวันว่างที่ไม่ได้ถูกชวนไปสนามกอล์ฟ กำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่สบาย ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมเดินไปรับสาย ยกหูขึ้นก็ได้ยินเสียงของเด็กคนใช้ที่ตึกของท่านพูดเสียงละล่ำละลักมาอย่างตื่นเต้นว่า

“ ท่านรองครับ รีบมาที่ตึกด่วนครับ ท่านเป็นอะไรไปก็ไม่ทราบ เร็ว ๆ ครับ ”

แล้วก็วางหูแรง ๆ

ผมรู้สึกทันทีว่าคงจะต้องเป็นเรื่องร้ายเสียแล้ว ผมตกลงใจเรียกหมอ
โอเดียร์ ทันที ให้ไปพบที่ตึก เมซอง รัวยาล ด่วนเดี๋ยวนี้ เจเนราลไม่สบายมาก หมอรู้จักสถานที่ดีอยู่แล้ว ผมก็เลิกอาหาร แต่งตัวออกจากบ้านไปทันทีพร้อม ๆ กับพันศักดิ์

พันศักดิ์มันมีรถของมันเอง ก็เอารถออกไปด้วยกัน

บึ่งมาพักเดียวก็ถึง ขึ้นไปบนตึกด้วยกัน กดลิฟต์ขึ้นไปชั้นเจ็ดทันที ถึงหน้าห้องกดกริ่งกริ๊งเดียว นายประเสริฐ คนรับใช้ต้นห้องที่โทร.ไปเรียกก็มาเปิดประตูให้

ผมกับพันศักดิ์เดินตามคนรับใช้นั่นไปที่ห้องกินข้าว เข้าไปถึงก็พบภาพที่ทำให้ชะงัก

ข้าง ๆ โต๊ะกินข้าวที่ถูกดัดแปลงเป็นโต๊ะปิงปองชั่วคราวนั้น ร่างของท่านนอนเหยียดยางหงายหน้านิ่งอยู่ นัยน์ตาลืมโพลง ผมก้มลงไปจับชีพจร มันไม่มีอาการเต้นรับ

ในระยะนั้นเอง หมอ โอเดียร์ ก็มาถึงทันใจ หมอก้มลงจับชีพจร แล้วเอาเครื่องมือออกจากกระเป๋า จัดการกดเครื่องฟังหัวใจลงฟังนิ่งอยู่ตรงนั้น สักครู่ก็เลยหน้าขึ้นมองผม พูดเบา ๆ ว่า

“ C’est la fin ”

อ่านเป็นสำเนียงไทย ๆ ว่า “เซ ลา แฟง ” แปลเป็นไทยว่า “ จบแล้ว ” หรือ ถึงจุดจบแล้ว

พี่ดมยังเขย่าร่างท่านอยู่ ปากก็ครวญว่า

“ ลุกขึ้นซี เผ่า ลุกขึ้น ”

พอหมอพูดออกมาว่ายังงั้น พี่ดมก็หันเงยหน้าขึ้นถามผม

“ หมอเขาว่ายังไง คุณพุฒ ”

ผมหันไปส่งภาษากับหมอ โอเดียร์ ให้ทำเป็นรักษาแก้ไขไป อย่าหยุด

หมอบอกว่า มันไม่มีประโยชน์อะไร ผมก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่า อย่างเพิ่งให้มาดามรู้เดี๋ยวนั้น ประเดี๋ยวจะเกิดช๊อคไปอีกคน ให้หมอทำเป็นเยี่ยวยาไปเรื่อย ๆ

หมอเข้าใจ เขาจัดการเอายาฉีดออกมาฉีดเข้าไปที่บริเวณหน้าอก แล้วทำท่าเอาเครื่องฟังกดฟังตามส่วนต่าง ๆ แถวหน้าอก ผมก็ให้ช่วยกันยกร่างท่านเข้าไปในห้องนอน บอกพี่ดมว่า หมอให้เอาไปนอนพักผ่อนเงียบ ๆ ในห้องนอน

ช่วยกันยกร่างท่านเข้าไปในห้องนอน ผมแอบไปกระซิบหมอให้ไปแจ้งทางเจ้าหน้าที่ของนครเจนีวาด้วย และให้จัดการเรื่องใบมรณบัตรไปเสียเลย เพราะเขาเป็นหมอประจำตัวอยู่แล้ว จะได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่เข้าใจดีกว่าคนอื่น เดี๋ยวจะมีเรื่องวุ่น ๆ เรื่องค่ารักษานั้น ผมจะจัดการให้ทีหลัง

หมอเข้าใจ จัดการเรื่องของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็ลาไป

จุดจบของบุรุษเหล็กแห่งเอเชียก็มาถึงอย่างกระแทกกระทั้นอย่างนี้ ฉับพลัน รวดเร็ว ไม่มีการบอกกล่าวก่อน

ผู้ที่เล่นปิงปองกับท่านนั้น เป็นนายตำรวจในบังคับบัญชาของผมคนหนึ่ง เขาเดินทางไปสวิส ฯ เพื่อไปหาทางศึกษาต่อ และเลยอยู่เป็นเพื่อนเล่นปิงปองกับท่านยามว่าง อยู่ ๆ ไปก็เลยตั้งหลักอยู่ที่เจนีวามาหลายวันแล้ว ท่านก็ให้มากินข้าว เล่นปิงปองด้วยกัน หลังอาหารกลางวันของท่านทุกวัน เป็นเพื่อนแก้เหงา

เล่น ๆ ไป หัวใจที่ได้รับการกระทบกระเทือนมาใหม่ ๆ ในระยะพักผ่อน คงจะรับไม่ไหว เลยหยุดเต้นเอาเฉย ๆ เมื่อถึงจุดของมัน

นายตำรวจคู่เล่นปิงปองของท่านคนนั้นชื่อ พันตำรวจตรี สวัสดิ์ ทุมโฆสิต เขาลาออกจากราชการไล่ ๆ กับวันที่ท่านออกจากเมืองไทย ในยศพันตำรวจตรีแค่นั้น ไปศึกษาการธนาคารต่อ และต่อมา เขาได้เป็นผู้ใหญ่ในธนาคารแห่งหนึ่งของเมืองไทย

วันนั้นเป็นวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503

ผมจำวันที่ได้แม่นยำ เพราะมันตรงกับวันเกิดของเมียผมพอดี เรากำลังจะมีการเลี้ยงกันย่อย ๆ ภายในครอบครัว ก็ต้องงดไป ไม่มีอารมณ์ที่จะจัดเลี้ยงได้

ผมโทรศัพท์ไปบอกเมียผมและเมียพันศักด์ที่บ้าน ให้รีบมาที่ เมซอง รัวยาล ด่วน ไม่ได้บอกว่าให้มาทำไม แล้วเข้าไปดูร่างของท่านที่นอนสงบอยู่บนเดียง

พี่ดมยังคร่ำครวญปลุกเขย่าร่างท่านอยู่ จะให้ตื่นลืมตาให้ได้ ผมเข้าไปกระซิบเบา ๆ ว่า

“ พี่ดมครับ ท่านเสียเสียแล้วครับ ”

พี่ดมเงยหน้าขึ้นมองผม “ ว่ายังไงนะ คุณพุฒ ”

“ ท่านเสียเสียแล้วครับ ไปที่สงบแล้วครับ ”

พี่ดมก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าเตียง ไม่มีน้ำตา หรือคำคร่ำครวญอะไรต่ออีก

“ แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไป ” เป็นเสียงพูดเบา ๆ จากพี่ดม ในอาการที่ก้มหน้าอยู่

“ ผมให้หมอไปจัดการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่แล้วครับ เดี๋ยวก็คงจะมา ”

คนที่เข้ามาทันทีที่ผมพูดจบ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นเมียของพันศักดิ์ และของผม ที่มาถึงก็ปราดเข้ามาข้างเตียง

“ ท่านเป็นอะไรไปล่ะ ” เสียงเมียคนหนึ่งพูด

“ ท่านเสียเสียแล้ว ” ผมเป็นคนตอบ

เสียงคร่ำครวญก็ดังขึ้นจากเมียทั้งสองคน ทีนี้ก็เป็นสาม เพิ่มเสียงคร่ำครวญของพี่ดมขึ้นมาอีก และทั้งสองก็เข้าไปกราบที่เท้าของท่าน ฟุบหน้าอยู่ที่เท้านั้น ปล่อยเสียงสะอึกสะอื้นออกมาขรม พี่ดมเลยเข้าผสมโรงด้วยอีก กลายเป็นสามเสียง ดังขึ้นมากกว่าเดิม

เจ้าหน้าที่เข้ามาพอดีในคอนที่กำลังกอดศพคร่ำครวญกันอยู่ ผมหันไปพูดกับเขา เขาถามสาเหตุของการตาย ผมก็เล่าให้เขาฟังตามเป็นจริง

พันตำรวจตรี สวัสดิ์ ฯ ยังอยู่ตรงนั้น เมียของเขาก็เข้ามาสมทบเสียงสะอื้นด้วย ข้าง ๆ เคียงที่ปลายเท้าของศพ เสียงะอื่นร้องไห้ก็เพิ่มขึ้นเป็นสี่ ดังกลบห้อง

เจ้าหน้าที่ของทางนครเจนีวาบอกว่า เขารู้จากปากของหมอ โอเดียร์ แล้ว แต่ต้องมาถามเพื่อความแน่ใจ ตามพิธีการ ท่านเป็นนักการเมืองชั้นนำของประเทศไทยที่เข้ามาลี้ภัยอยู่ในเจนีวา ฉะนั้น เขาต้องรู้สาเหตุที่แท้จริง เพราะเขาต้องให้ความคุ้มครองนักการเมืองที่ลี้ภัยเข้ามาอย่างเข้มงวด จะให้มีการทำลายล้างกันจากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ เมื่อเขาได้รับการยืนยันจากหมอประจำตัว คือ หมอ โอเดียร์ แล้ว เขาก็หมดความสงสัย ไม่มีอะไรต้องสอบสวนอีก เป็นการตายโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ฆาตกรรม

เขาออกใบมรณบัตรให้ในทันทีนั้น แล้วถามว่าเรื่องศพจะจัดการอย่างไร เราบอกว่า ทางเราจะจัดการเอง

เขาก็แนะนำให้นำศพไปไว้ที่สุสานชั้นดีของนครเจนีวาแห่งหนึ่ง บอกที่ตั้งของสุสานนั้นให้ พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ที่จะติดต่อ ผมเก็บเบอร์นั้นไว้ พร้อมทั้งใบมรณบัตร ก็เป็นอันหมดเรื่องยุ่ง ๆ ขั้นแรกของพิธีการ

เย็นวันนั้นเอง ผมก็ติดต่อไปที่สุสานนั้น นัดแนะกันถึงเรื่องที่จะนำศพไปไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะเอาไปในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น พี่ดมขอให้เอาท่านไว้ที่บ้านคืนหนึ่งก่อน ซึ่งความจริงก็ดีกว่าที่จะเอาไปในเย็นวันนั้น อะไร ๆ มันอาจ จะยุ่งยาก เพราะอากาศในตอนนั้นมันมืดเร็วเมื่อตกเย็น

วันรุ่งขึ้น ผมก็จัดการเรียกรถบรรทุกศพมารับท่านไปยังสุสาน เขาส่งรถมารับตามที่เราแจ้งไป ไม่มีพิธีรีตองอะไร มีแต่พวกผมกับลูกเมีย และฝ่ายพี่ดมไม่กี่คน นั่งรถตามรถศพไปที่สุสาน

สุสานของเขากว้างขวาง เป็นสวนขนาดใหญ่ บริเวณกว้างขวางใหญ่โต ไม่ผิดอะไรกับสวนสาธารณะ สถานที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีถนนสายเล็ก ๆ เรียบราบตัดผ่านไปเป็นบล็อก ๆ และมีที่ฝังศพก่อเป็นรูปร่าง แบบที่ฝังศพของชาวคริสต์ทั่วไป ก่อเป็นคอนกรีตมีไม้ดอกประดับประดาสวยงาม เรียงกันเป็นแถว ๆ

รูปร่างของสิ่งก่อสร้างมีแบบต่าง ๆ กัน ดูสวยงาม ไม่น่าจะเป็นสุสานฝังศพ น่าจะเป็นอุทยานอะไรสักแห่งหนึ่ง เดินชมสวนเล่นยังได้ เพลินดี ไม่มีความรู้สึกว่ามาเดินในป่าช้าหรือสุสาน

ผมเลือกได้ห้อง ๆ หนึ่ง ขนาดกำลังพอดี กว้างประมาณห้า-หกเมตร ยางประมาณสิบกว่าเมตร เท่ากับห้องขนาดอยู่สบาย ๆ ห้องหนึ่ง ในห้องนั้นมีแท่นหินก่อไว้แล้วสำหรับวางโลงใส่ศพขนาดใหญ่ ๆ กำลังสวย ผมดูแล้วเห็นเหมาะ ก็ขอเช่าสถานที่นั้น ค่าเช่าแพงกว่าค่าเช่าห้องโรงแรมเสียอีก ก็ต้องตกลง กะจะเก็บศพไว้ไม่กี่วัน ค่อยคิดขยับขยายเอาเข้าเมืองไทย

จัดการเรียบร้อยเรื่องสถานที่เก็บศพแล้ว ก็ให้คุณสวัสดิ์ ฯ จัดการเรื่องแจ้งข่าวไปทางเมืองไทย ให้ญาติพี่น้องของท่านทางเมืองไทยทราบ คุณสวัสดิ์ ฯ ไปจัดการโทรเลขในวันนั้นเลย

ข้อความในโทรเลขทำเอาวุ่นวายกันอีกจนได้ทางเมืองไทย เขาส่งข้อความสั้น ๆ ไปว่า

“ General Pao passed away ”

ใช้ถ้อยคำไพเราะไปหน่อย ทางเมืองไทยดักตรวจเอกสารทางไปรษณีย์อยู่ ได้ข้อความนี้ไป ก็ตื่นเต้นกันใหญ่ สั่งเตรียมพร้อมทันที

เจ้าหน้าที่แปลเอกสารดันแปลออกมาว่า

“ พลตำรวจเอก เผ่า ผ่านออกไปแล้ว ”

ทางเมืองไทยก็หาข่าวกันว่า ที่ว่าผ่านออกไปแล้วนั้น ก็คงจะผ่านออกจากเจนีวา ทีนี้จะผ่านมาทางไหนล่ะ อาจจะผ่านมาแถว ๆ เมืองไทยก็ได้ สั่งการตรวจตราชายแดนและสนามบินทางเข้า-ออก ทางชายแดนทุกทิศ ให้มีการตรวจตรากันอย่างถี่ถ้วนเข้มงวด

ผมทราบข่าวความวุ่นวายนี้จากพรรคพวกในกรุงเทพ ฯ ที่เขียนไปถามและเล่าให้รู้ ก็ได้อ่านข่าวตลกกันครื้นเครงที่สวิส ฯ ยังงี้ก็มี

เราก็นิ่งเฉยเสีย ปล่อยให้หาข่าวกันเอาเอง

ทีนี้ก็ถึงการขออนุญาตเอาศพเข้าเมืองไทย ทางเมืองไทยถึงได้รู้ว่า ไอ้ที่ว่าผ่านแกไปแล้วนั้นคืออะไร หายตกใจกันไป แต่ก็ไม่อนุญาต

สาเหตุก็เพราะ ทางโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เมื่อรู้ข่าวการตายของท่าน และจะนำศพกลับเมืองไทย ก็จะยกขบวนมารับกันที่สนามบิน มีการเตรียมขอจัดขบวนกันในโรงเรียน ทางรัฐบาลก็เลยสั่งระงับการนำศพเข้า - ไม่อนุญาต

กลัวแม้กระทั่งศพ !




Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 22:01:09 น. 2 comments
Counter : 933 Pageviews.

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:3:13:47 น.  

 
อารมณ์ตอนนี้ นี่เหมือนซุนกวน กลัวศพกวนอู ในสามก๊กเลยนะนี่


โดย: บักบุญเถิง IP: 58.8.128.127 วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:12:48:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.