จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
6 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 61)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

คอนที่ 61

แก๊งโพยก๊วน

ขบวนการโพยก๊วนนี้ มีอยู่สองสามแห่งในกรุงเทพ ฯ อยู่แถว ๆ ดงคนจีน ย่านเยาวราช มีการส่งเงินออกนอกประเทศไปยังประเทศต่าง ๆ และมีการหมุนเวียนเงินเข้า-ออก เป็นการแลกเปลี่ยนเงินสกุลเงินตราหลายสกุล ทั้งยุโรปและอเมริกา และเอเชียทุกประเทศ ขบวนการพวกนี้มีที่ได้รับอนุญาตจากทางการ และที่แอบทำกันเงียบ ๆ พวกที่แอบทำนี่แหละครับ ที่ส่งเงินเข้าเมืองจีน

ทางสันติบาลมีเรื่องพวกนี้เข้ามาบ่อย ๆ เหมือนกัน ทางผม ความจริงไม่ได้เข้าไปยุ่งกับพวกนี้ เพราะมันอยู่นอกระบบของผม แต่ข่าวมันเข้ามาอย่างนี้ เราก็อยู่นิ่งไม่ได้ มันเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศส่วนหนึ่งเหมือนกัน เงินที่ออกไปยังจีนแดงนั้น มันอาจเข้ามาในรูปก่อการร้ายได้ เป็นการเสริมกำลังด้านการเงินให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ทางหนึ่ง

เมื่อเรื่องมันเข้ามาในวง ก็ต้องออกสืบ แล้วก็สืบได้ไม่ยาก เราได้รายละเอียด และวิธีการส่งเงินของเขาทุกระยะ เขามีแหล่งเงินที่ฮ่องกง ไม่ต้องส่งเงินสดออกจากทางนี้ ใช้วิทยุสั่งปล่อยเงินทางโน้นเข้าเมืองจีน แล้วหักเงินทางนี้ มีแต่ใบโพยก๊วนยึดถือไว้ เหมือนกับเป็นบัญชีหลักฐานการเงินระหว่างกัน

ผมออกกวาดจับได้มาสี่คน สองบริษัท พร้อมทั้งหลักฐานทางบัญชีครบถ้วน เมื่อตรวจค้นกันอย่างละเอียด ความผิดข้อหานี้มีโทษเนรเทศออกนอกราชอาณาจักร ปัญหามีอยู่ว่า เราจะเนรเทศบุคคลทั้งสี่นี้ไปที่ไหน

ตอนนั้น เรายังไม่มีสัมพันธไมตรีกับจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เรียกว่า จีนแดง เรามีสัมพันธไมตรีกับไต้หวัน ที่เรียกกันว่า จีนขาว ที่ไปตั้งรัฐบาลจีนอยู่ที่เกาะไต้หวันเท่านั้น

มีสองจีนเกิดขึ้นในสมัยนั้นคือ จีนแดงคอมมิวนิสต์ ที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ และ จีนขาว ซึ่งไม่ใช่คอมมิวนิสต์ อยู่ที่เกาะไต้หวัน จีนที่สาม ก็มีจีนพวกนี้เป็นพวกที่วงการสนทนา เอามาตั้งกันเล่น คือ “ จีนเตอ ” ใช้สำหรับบุคคล ไม่ว่าจะสัญชาติไหน ที่มีพฤติการณ์กวนอารมณ์คนในวงการสนทนาทุกครั้ง อันนี้ ไม่เกี่ยวกับสัญชาติใด

ในวงงานของผมนั้น ผมมีหน่วยที่ติดต่อกับจีนขาวอย่างลับ ๆ อยู่ เราตั้งหน่วยหาข่าวร่วมกัน มีสำนักงานอยู่ทั้งในกรุงและต่างจังหวัด นโยบายของเรา ถือการต่อต้านคอมมิวนิสต์ อย่างหนักแน่นอยู่แล้ว อย่างที่เขียนไว้ข้างต้น สำนักงานที่ตั้งขึ้นเพื่อความร่วมมือกันนี้ จึงเป็นสำนักงานที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ทางไต้หวันส่งเงินมาร่วมงานด้วยมากเหมือนกัน เพราะผลที่เขาได้รับ เขาได้รับมากกว่าเราด้วยซ้ำ มีชาวจีนไต้หวันที่เป็นเจ้าหน้าที่ ที่เขาส่งมาจากไต้หวัน มาอยู่ประจำสำนักงานหลายคน คนพวกนี้มีฝีมือสูง จากการทดสอบที่ทางเราได้ทดสอบมาแล้วอย่างลับ ๆ และเขาทำงานอย่างไม่ยุ่มย่ามกับเรื่องภายในของเรา ไม่ต้องสงสัยว่า คนพวกนี้ต้องได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดี

พอผมกวาดพวกโพยก๊วนมาได้ ทางไต้หวันก็ได้ข่าวทันที เขาติดต่อมาว่า เขาทราบว่าทางเราจะเนรเทศผู้ต้องหาทั้งสี่ ออกนอกราชอาณาจักร ถ้าเป็นจริง เขาขอให้ส่งไปให้เขาที่ไต้หวัน เขายินดีรับตัวบุคคลทั้งสี่ ขออย่าให้ส่งไปจีนแดง เพราะถ้าส่งไปทางนั้น ก็เท่ากับส่งไปเข้าพวกเขา จะไม่มีการได้รับโทษแต่อย่างใด กลับจะเป็นการส่งไปรับความชอบเสียอีก และเราก็ไม่มีสัมพันธไมตรีกับทางจีนแดงในตอนนั้น

ผมเห็นด้วย รายงานขออนุญาตขั้นไปถึงกระทรวง เพื่อขอรับคำสั่งเนรเทศ ก็ได้รับอนุมัติทันที ผมเป็นคนถือสำนวนไปเอง ไปให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามสั่งเนรเทศ

อำนาจในการสั่งเนรเทศนี้ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่ผู้เดียวตามกฎหมาย

สมัยนั้น คุณหลวงสุนาวินวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผมถือสำนวนไปพบท่านที่วัดโสมนัส ฯ ท่านกำลังอยู่ในงานศพของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่นั่น เอาไปให้เซ็นถึงเก้าอี้ในเต็นท์ที่ท่านนั่งอยู่ ท่านอ่านเรื่องแล้วก็เซ็นให้อย่างไม่มีปัญหา ก็เป็นอันเรียบร้อยตามวิธีการ

การที่ผมต้องถือสำนวนไปด้วยตัวเอง ก็เพราะสำนวนนี้มีราคา มีคนมาติดต่อผมหลายทาง ผ่านมาทางสายต่าง ๆ กันที่เป็นเพื่อนผม ถ้าล้มคดีนี้ได้ ผมก็จะได้เงินใช้หนึ่งล้านบาท เงินหนึ่งล้านบาทสมัยนั้นมีค่าเท่ากับเงินกี่ล้านสมัยนี้ ท่านผู้อ่านก็คิดกันเอาเองก็แล้วกัน ถ้าผมไม่ถือสำนวนไปเอง ก็ไม่แน่ว่าสำนวนนั้นมันจะไปตกหล่นตรงไหน ไอ้เงินที่เขามาต่อรองกับผม มันก็คงจะไปตกอยู่บนมือใครสักคนหนึ่งตามเส้นทางที่สำนวนนั้นมันจะเดินไป ผมไม่อยากให้มันตกหล่นอย่างนั้น ก็เลยต้องถือสำนวนไปเอง

สำนวนนี้ต้องผ่านความเห็นชอบของผู้บังคับบัญชาตามลำดับอีกสองสามชั้น จากผมไปผ่านผู้บังคับการของผม ท่านผู้นี้ไม่มีปัญหา เพราะมอบความรับผิดชอบงานให้ผมอยู่แล้ว จากผู้บังคับการ ก็ไปถึงผู้บัญชากลางสอบสวนกลาง เมื่อผมถือสำนวนเข้าไปหาท่านเอง ก็ไม่มีปัญหาอีก ท่านก็ลงนามผ่านไปถึงท่านอธิบดี ก็ไม่มีปัญหาเมื่อผมถือสำนวนเข้าวังปารุสกวัน ก็ได้ลายเซ็นผ่านไปถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นชั้นสุดท้าย ลงนามอนุมัติเนรเทศเรียบร้อยในงานศพที่วัดโสมนัส ฯ นั่นเอง รวดเดียวจบภายในวันเดียว

เจ้านายเพียงแต่ถามว่า จะเนรเทศสี่คนนี่ไปที่ไหน

ผมก็ตอบไปว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่เป็นคนจีน ก็ต้องส่งไปเมืองจีน เรามีสัมพันธไมตรีกับจีนไต้หวัน ก็ต้องส่งไปไต้หวัน และผมต้องคุมไปเอง ทางไต้หวันเขาตอบรับมาแล้ว

“ เอายังงั้นเชียวหรือวะ ” เจ้านายพูดมาแค่นั้น

ผมต้องคุมไปเอง เพราะไม่แน่ใจว่า ถ้าให้คนอื่นคุมไป ไอ้เงินล้านนั่นมันจะไม่มาแผลงฤทธิ์อีก ดีไม่ดีอาจจะมีการลงกลางทางก็ได้ ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น และตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ ระหว่างที่อยู่ในความควบคุมนั้น ก็ต้องจัดยามระวังเป็นพิเศษ ควบคุมไว้ในที่ควบคุมพิเศษ จะทำใจเย็นไม่ได้ ขบวนการพวกนี้เขามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพที่จะดูถูกไม่ได้ คนของผมไม่ได้หลับได้นอนกัน ในระหว่างที่ยังอยู่ในความควบคุมของเรา และอีกประการหนึ่ง ต้องระวังไม่ให้มีการสังหารตัวผู้ต้องหา ที่อาจจะเกิดขึ้นจากตัวเอง หรือคนภายนอกก็ได้ ถ้ามีการปิดปากกันที่นี่ ก็เสียชื่อไปหมดทั้งวงการ งานแบบนี้ เขาถือกันนัก

ทางไต้หวันส่งคำเชิญมาทางกรมตำรวจ ขอเชิญผมในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ไปพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ที่ไต้หวัน ในอีกไม่กี่วันต่อมา

คำเชิญนั้นเป็นพิธีการ เบื้องหลังของมันก็คือ คำขอตัวผู้ต้องหาทั้งสี่คนนั่น ผมออกเดินทางไปในทันทีที่คำเชิญมาถึง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมงานการข่าวกับเราของไต้หวัน ผู้ต้องหาทั้งสี่คนไม่รู้ว่า เขาจะเดินทางไปไหน กรมตำรวจออกค่าเครื่องบินให้เสร็จทั้งคณะ

ทางไต้หวันส่งเจ้าหน้าที่มารับถึงสนามบินเมื่อเครื่องร่อนลง แล้วพาเข้าห้อง วี ไอ พี ออกนอกสนามบินโดยไม่ต้องผ่านด่านอะไร ขึ้นนั่งรถที่เตรียมมารับ

ตัวผู้ต้องหาทั้งสี่นั้นนั่งรถอีกคันไปต่างหาก พร้อมกับคนที่จัดมาควบคุม แยกทางไปที่ควบคุมของเขา มอบตัวกันที่สนามบินนั่นเอง โดยทางเจ้าหน้าที่ไต้หวันแนะนำให้รู้จักว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ของเขา ก็ไม่มีปัญหาอะไรทางเรา

ผมเดาเอาว่า ทั้งสี่ผู้ต้องหานั้น ก็คงจะไปสู่ที่ชอบที่ชอบ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของเขาสอบสวนแล้ว หรือไม่ยังงั้นก็ไม่ต้องสอบสวนอีก ถ้าทางเขามีประวัติเรียบร้อยแล้ว คงจะหายตัวไปทางใดทางหนึ่งที่เหมาะที่ควร

เขาจัดที่พักให้ผมเป็นโฮเต็ลใหญ่ ชื่อ แกรนด์โฮเต็ล ตั้งอยู่บนเขา อากาศสดชื่นเย็นสบาย มองเห็นวิวเกาะไต้หวันสวยงาม ห้องที่พักใหญ่กว้างขวาง มีทั้งพัดลมและเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่และเป็นห้องเดี่ยว ส่วนนายตำรวจติดตามและเจ้าหน้าที่อื่น มีห้องพักต่างหากอยู่บนชั้นเดียวกัน เป็นการต้อนรับแบบ วิ ไอ พี เต็มรูปแบบ

ตกเย็นก็รับเชิญไปงานเลี้ยงรับรองที่ทำเนียบท่านประธานาธิบดี เจียงไคเช็ค มีแขกรับเชิญเฉพาะชั้นผู้ใหญ่ทางด้านไต้หวัน แขกนั่งโต๊ะมีเพียงสิบกว่าคน รวมทั้งคนของเร่าด้วย ผมมีล่ามชั้นดีไปในขบวนของผมจากเมืองไทยแล้ว เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่พูดภาษาจีนกลางคล่องเปรี๊ยะ เหมือนคนจีน ท่านเป็นล่ามภาษาจีนประจำกรมตำรวจและสันติบาล ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ชื่อ พันตำรวจเอก ชีพ ประพันธ์เนติวุฒิ

เวลารับปะทานอาหารก็ได้ท่านผู้นี้ ที่ผมเรียกติดปากว่า พี่ชีพ เป็นล่ามแปลตลอดเวลา นั่งอยู่ติด ๆ ผม

ท่านจอมพลเจียง ฯ นั่งอยู่หัวโต๊ะ ห่างจากที่ผมนั่งเพียงสี่ที่นั่ง มองเห็นหน้ากันชัด ท่านจอมพลดูหน้าตาสดใส สีหน้าแดงด้วยเลือดฝาดของคนมีอายุที่มีร่างกายแข็งแรง อายุของท่านตอนนั้น เลยเจ็ดสิบไปแล้ว แต่ยังดูแข็งแรงคล่องแคล่ว อ่อนกว่าอายุมาก

ระหว่างกินข้าวก็คุยกันไป พี่ชีพของผมก็ทำหน้าที่ไป จนท่านจอมพลเจียว ฯ ถามว่า เรียนภาษาจีนมาจากไหน เมื่อรู้ว่า เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ชีพตอบไปยังไงผมก็ฟังไม่ออก ส่งภาษากันสนุกไป คงจะมีคำตอบตลก ๆ แถมไปบ้าง เพราะมีคนหัวเราะหลายครั้งอย่างขบขัน

ผมมองหน้าท่านจอมพลเจียง ฯ แล้วอดถามท่านไม่ได้ ให้พี่ชีพถามท่านว่า ท่านรักษาตัวอย่างไร จึงดูหน้าตาสดใส เหมือนกับคนอายุยังไม่ถึงหกสิบ พี่ชีพส่งภาษาถามไป ท่านจอมพลเจียง ฯ ยิ้ม ตอบมา พี่ชีพแปลให้ผมว่า ท่านมียาจีนที่ช่วยรักษาผิวพรรณ และการทำงานของร่างกาย ให้ดูไม่แก่ แข็งแรงอยู่เสมอ ผมให้พี่ชีพขอตำรับยาขนานนั้น

ท่านจอมพลเจียง ฯ ยิ้ม พยักหน้า เรียกคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่งภาษาสั่งการออกไป คนรับใช้ถอยจากโต๊ะ หายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง และดินสอปากกาลูกลื่น มายื่นส่งให้ท่านจอมพลเจียง ฯ ท่านก็ก้มลงเขียนอะไรยิก ๆ อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น แล้วส่งมาให้ผม

ผมรับมาอ่าน จะไปอ่านออกได้ยังไง บนกระดาษแผ่นนั้น มีอักษรจีนเรียงกันเป็นแถวลงมาห้าหกแถว ผมส่งให้พี่ชีพ

พี่ชีพอ่านแล้ว พูดกับผมว่า เป็นตัวยาจีนห้าอย่าง ให้เอาไปดองกับเหล้าจีน ทิ้งไว้สักเจ็ดวัน แล้วจึงถ่ายออกจากโหล แล้วน้ำยาที่ดองแล้วนั้นไปกิน บอกวิธีกินไว้เสร็จ ให้กินวันละเพียงหนึ่งจอก ตอนเย็น ก่อนอาหาร หรือก่อนเหล้าอื่น ๆ กินเป็นประจำ ไม่กี่เดือนก็เห็นผล

ผมควักปากกาของผมออกมาเขียนคำแปลตามที่พี่ชีพแปลให้ลงไว้ จะได้ไม่ลืม เพราะวิธีการมันมากนัก ที่ชอบใจก็เพราะมันใช้ดองกับเหล้า

ไอ้ยาขนานนี้ถูกใจผม ผมถามพี่ชีพว่า ใช้เหล้าอะไรดอง เหล้าฝรั่งได้ไหม พี่ชีพหันไปส่งภาษากับท่านจอมพลเจียง ฯ แล้วหันมาแปลให้ผมฟังว่า ใช้เหล้าอะไรก็ได้ แต่ควรเป็นบรั่นดี ไม่ใช่วิสกี้ ถ้าไม่ใช้เหล้า จะต้มเอาก็ได้ แล้วเทเอาน้ำออกกิน

ผมให้พี่ชีพขอบคุณท่านจอมพลเจียง ฯ แล้วพับกระดาษแผ่นนั้น พร้อมคำแปลลงกระเป๋า เห็นจะต้องเอาดองกินที่เมืองไทย จะได้ผลหรือไม่ไม่สำคัญ ยังไงก็ได้กลวิธีกินเหล้ามาใหม่อีกอย่าง ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ

กระดาษตำรายาของท่านจอมพล เจียงไคเช็ค ยังอยู่จนเดี๋ยวนี้ ผมเก็บเอาไว้อย่างดี กลัวหาย เอาไว้เป็นที่ระลึกจากท่านจอมพลเจียง ฯ ด้วย

ผมเอาตำราของท่านมาเปลี่ยน แปลงเพิ่มเติมหน่อย คือ ใส่น้ำผึ้งชนิดดีลงไปด้วยประมาณถ้วยชาเต็ม ๆ ให้มันเข็มข้น ออกรสหวาน ๆ นิด ๆ ลองชิมดูเมื่อได้เวลาแล้ว อร่อยดี ผมใช้บรั่นดีของไทยดอง บรั่นดีฝรั่งมันแพง เหล้าจีนก็ไม่อร่อย ทดลองมาทุกอย่างแล้ว มาถูกใจเอาบรั่นดีของไทยนี่เอง ไม่แพงนัก ราคาพอสู้ ใช้บรั่นดีแพง ๆ อายุมันจะไม่ยืน เพราะราคาของมันมาทอนอายุเอา แต่ถ้าบังเอิญมีพรรคพวกไปเมืองนอกมา หิ้วเอาบรั่นดีชั้นดีของฝรั่งมาฝาก ก็ใช้บรั่นดีของฝรั่งดอง รสมันนุ่มกว่า

ปกติผมดื่มบรั่นดีหนึ่งจอกก่อน พอมาได้ตำราท่านจอมพลเจียง ฯ ก็เลยงดบรั่นดี มาใช้ยาดองขนานใหม่นี้แทน เข้าทีกว่าตั้งเยอะ

ผมอัดสำเนาตำรายานี้แจกจ่ายไปให้เพื่อนฝูงทดลองกันหลายคนแล้ว ต่างออกปากชมกันทุกคน นอกจากจะชลอความแก่แล้ว มันยังไปเพิ่มพลังอะไร ๆ ที่ต้องการอีกด้วย ยานี้ไม่ใช่ยาโด๊ป เป็นยาบำรุงเท่านั้น ยาจะเข้าไปเสริมพลังที่ขาดหายไป ไม่ใช่ไปเร่งพลังอะไรต่ออะไรที่ร่างกายมีอยู่แล้วให้คึกคัก และถ้ากินมากเกินไป มันจะทำให้ร้อนไปทั้งตัว

เพื่อนผมคนหนึ่ง มันได้ลองชิมวันที่ผมมีงานเลี้ยงเพื่อนฝูงวันหนึ่ง ผมดองเหล้ายานี้ออกมาเลี้ยง ให้ลองกัน และห้ามว่าอย่ากินเกินกว่ากำหนด มีเพื่อนคนหนึ่งมันกินไปแล้วเกิดอร่อย ดันกินเสียหลายจอก ผลที่ออกมาก็คือ คืนวันนั้น มันนอนไม่หลับทั้งคืน ร้อนไปหมดทั้งตัว ตับไตไส้พุงวุ่นไปหมดทั้งระบบการย่อย แทนที่จะให้คุณ

ตำรานี้ แจก ๆไป มันก็วนกลับมาหาผม มีเพื่อนอีกคนเอามาให้ผมวันหนึ่ง บอกว่าได้มาจากเพื่อนอีกคน ว่าเป็นยาดี เลยเอามาให้ผม ผมดูแล้วมันก็ไอ้ตำราที่ผมแจกออกไปนั่นเอง มันวนมาหาผมเข้าจนได้ ผลที่มันเป็นตำราที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ มันจึงเดินไปไกลจนวกมาหาผมอีก คงแจกกันใหญ่

ผมเสร็จภารกิจในไทเปแล้วก็กลับเมืองไทย พร้อมกับตำราของท่านจอมพล เจียงไคเช็ค เป็นผลพลอยได้มาเผื่อแผ่เพื่อนฝูงคอเหล้าด้วยกัน

ส่วนผู้ต้องหาทั้งสี่คนนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่พอที่จะเดาได้ว่า คงจะเรียบร้อยโรงเรียนไทเปไปทั้งสี่ อย่างนี้ทางไทเปคงจะไม่เก็บเอาไว้

จะเรียกว่า เป็นฆาตกรรมทางการเมืองอีกรายหนึ่งหรือเปล่า

ผมไม่ได้ทำเอง ส่งไปให้พรรคพวกเขาว่ากันเอาเอง

ความวุ่นวายทางการเมืองสมัยนั้น มันมีมากก็จริง แต่มันเกิดขึ้นจากการตกลงในที่ประชุมของฝ่ายคุมอำนาจของรัฐ ที่มีอยู่หลายฝ่ายด้วยกัน ทั้งทางทหารและพลเรือน นโยบายต่อต้านปราบปรามทำลายคอมมิวนิสต์ของเราเป็นไปอย่างสุดเหวี่ยง เรียกว่า ขวาจัด ก็ได้ เมื่อคอมมิวนิสต์ใช้วิธีพิฆาตฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่คำนึงถึงอะไร นโยบายของเราก็ดำเนินไปในลักษณะเดียวกัน

แต่ ... หน้าที่ในการพิฆาต เขายกมาให้เป็นของตำรวจ ด้วยเหตุผลเพียงว่า ตำรวจมีคนที่จะปฏิบัติงานมากกว่าหน่วยอื่น ส่วนจะเกิดอะไรจากการกระทำนั้น เป็นเรื่องของตำรวจ รับข้อครหาและการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไปฝ่ายเดียว

ยุติธรรมดีไหมครับ

ยังไม่พอ ... ถึงตอนที่ต้องผจญกรรม ก็ต้องผจญไปแต่ฝ่ายเดียว มิหนำซ้ำ เพื่อนยังเหยียบเราซ้ำเสียอีก เมื่อตอนเพลี่ยงพล้ำ อันเกิดจากน้ำมือของเพื่อนเอง เอาไว้ถึงตอนนั้น ผมจะเขียนออกมาให้อ่านกันอย่างไม่ยั้งมือ





 

Create Date : 06 เมษายน 2553
5 comments
Last Update : 6 เมษายน 2553 22:51:55 น.
Counter : 1555 Pageviews.

 

ตำรายาขนานนี้ยังอยู่หรือเปล่า...น่าสนใจจัง...

 

โดย: ก้นกะลา 7 เมษายน 2553 2:54:42 น.  

 

ผมว่าเป็นฆาตกรรมทางการเมืองเลยล่ะ

 

โดย: Psycho man 7 เมษายน 2553 10:36:08 น.  

 

นึกอยู่แล้วเชียวว่า ต้องมีคนถามเรื่องตำรายาของท่านจอมพลเจียง ฯ

ยังนึกไม่ออกว่า อยู่ในหนังสือเล่มไหนของคุณพ่อ
กำลังค้นอยู่ค่ะ

ไม่อยากแก่ละซิ ?

อาหารเสริมสมัยนี้ ก็ช่วยได้นะ (อยากรู้ต้องคุยกันที่ email ส่วนตัว)

 

โดย: ธารน้อย 8 เมษายน 2553 2:17:45 น.  

 

ผมยังไม่ 30

แต่อยากจะปึ๋งปั๋งตอนแก่ อย่างท่านเจียงมั่ง

คุณธารน้อย มีสูตรยานี้ไหมคร๊าบบบ

 

โดย: บักบุญเถิง IP: 10.245.69.113, 203.146.217.35 8 เมษายน 2553 10:26:34 น.  

 

คุณบักบุญเถิงคะ
ตำรายาท่านเจียง ฯ สำหรับคนอายุควรจะ 45 แล้วนะคะ
ตอนนี้ยังแค่ 30 ใช้อาหารเสริมไปก่อนแล้วกัน ปลอดภัยกว่านะคะ
(ไม่ใช่หวงตำรา แต่ยังค้นอยู่)


 

โดย: ธารน้อย 9 เมษายน 2553 0:42:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.