จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
9 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" (ตอนที่ 64)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

ตอนที่ 64

คอม ฯ แทรกซึม

แผนการพิฆาตหัวหน้าสำคัญที่คุมสื่อมวลชนประเภทนี้ จึงมีความจำเป็น ถ้าจะตัดปัญหากันจริงในทำนองต่อต้านปราบปรามคอมมิวนิสต์ อย่างไม่ให้มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ นโยบายของรัฐ ฯ วางไว้อย่างนั้น ฝ่ายปฏิบัติการคือตำรวจก็ต้องปฏิบัติ เมื่อทุกฝ่ายในกลุ่มของรัฐ ฯ เอ่ยออกมาว่า ปล่อยให้หนังสือพิมพ์ในเครือ ซึ่งทราบแน่ชัดแล้วว่าเป็นฝ่ายที่อยู่ในขบวนการตรงข้ามกับรัฐ ฯ มีการเคลื่อนไหวในทางสนับสนุนคอมมิวนิสต์อยู่ได้ยังไง

ฝ่ายที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติการ ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้จากที่ประชุม ผลที่ได้จากการปฏิบัติการนั้น ทุกฝ่ายรับไป แต่การถูกด่าตำหนิอย่างรุนแรง ฝ่ายปฏิบัติการรับไปแก้ไขเอาเอง ไม่มีฝ่ายไหนเข้ามาช่วยแก้ให้

นี่แหละครับ สุภาพบุรุษทางการเมือง

คนที่ต้องรับเต็มประตู เดินหน้า ก็คือ หัวหน้าใหญ่ของฝ่ายปฏิบัติการ – อธิบดีกรมตำรวจ หรือบุรุษเหล็กแห่งเอเชีย นั่นเอง ถึงแม้ว่า การปฏิบัติการบางเรื่องจะเป็นการปฏิบัติการโดยพลการของผู่ที่ปฏิบัติการนั้นโดยนอกเรื่อง ตัวท่านอธิบดีก็ต้องรับ ใครจะเชื่อว่าไม่รู้ไม่เห็นด้วย ถ้าไม่รู้ ทำไมถึงไม่มีการลงโทษผู้ปฏิบัติการนั้น ให้เห็น ๆ กัน

เรื่องอย่างนี้ ทางการเขาไม่ทำกัน ถ้ามีการลงโทษผู้ปฏิบัติการอย่างเปิดเผย ก็เท่ากับเป็นการยอมรับ เขามีวิธีการลงโทษอย่างเงียบ ๆ โดยผู้ปฏิบัติการนั้นมีอันเป็นหายตัวไปเฉย ๆ หรือไม่ก็ถูกเก็บตัวไปไว้ที่อื่น โดยแม้แต่ลูกเมียไม่รู้เรื่องก็มี

แต่การถูกกล่าวหาและโฆษณาโจมตีทางสื่อมวลชนก็ต้องยอมรับไว้ ไม่โต้แย้งให้ยืดยาว ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นต่อความยาวสาวความยืดออกไปอีก ให้สิ้นสุดอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะพยายามที่จะต่อความโดยทำการโจมตีโดยไม่หยุด วันหนึ่งก็ต้องหยุดไปเอง เมื่อไม่มีใครต่อความให้

นี่แหละ สุภาพบุรุษทางการเมือง และผลที่จำต้องรับ

การมีชื่อเสียงโด่งดังในทางการเมืองก็ย่อมต้องมีผู้ริษยา ความริษยานี่เองเป็นประตูที่เปิดให้ฝ่ายที่ใช้สื่อมวลชนโจมตี แล้วไม่มีผลสะท้อน พบแต่ความนิ่ง หันมาใช้การยุแหย่ภายในวงการให้แตกแยกกันเอง เป็นวิธีการที่ต้องเข้าลึกถึงวงการ

ผมได้รับรายงานและข่าวการเคลื่อนไหวใหม่ของฝ่ายนั้นด้วยตัวเอง เพราะในสายงานของผม ผมมีเครื่องมือในการหาข่าวทุกแขนง ชนิดที่ใครพูดอะไรกันทางโทรศัพท์ ก็ต้องมาเข้าเครื่องพิเศษของผม ประสิทธิภาพของการหาข่าวในตอนนั้นออกจะมีสูง แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคมากมาย กว่าจะบรรลุถึงเป้าหมาย หากเกิดความท้อแท้แม้แต่นิดเดียว งานก็ต้องชะงัก นั่นเป็นการเคลื่อนไหวในทางต่อต้านของฝ่ายตรงข้าม

การยุแหย่ก่อกวนยังคงมีอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสันติบาลที่ต้องหยุดยั้งแผนการนั้นให้ได้ และเราก็หยุดยั้งได้ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้น ฝ่ายนั้นก็เลี่ยงไปหาวิธีการยุแหย่ใหม่ ๆ ต่อไปอีก เขาไม่หยุดแผนของเขาเหมือนกัน

คอมมิวนิสต์นั้น ถือหลักการที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นั่นคือ

“ มึงมา กูมุด มึงหยุด กูแหย่ มึงเอาแน่ กูถอย ”

วนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่มีการเลิกล้ม จนกว่าจะถึงจุดหมาย หรือไม่ก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น จึงจะหันไปตั้งตัวใหม่ เมื่อมีกำลัง ก็เริ่มวิธีการตามคำภาษิตที่เขาตั้งเอาไว้ข้างต้นนั้น เมื่อหมดหนทางในการก่อตั้งขบวนการ เพราะถูกทำลายจนหมดสิ้นไป คอมมิวนิสต์ก็เริ่มต้นตั้งหลักใหม่ ทีนี้หันมาก่อกวนทางการคลัง

ก่อกวนอย่างไร ถึงเรียกว่า ก่อกวนทางการคลัง

ในยุคต่อมา เข้าประมาณปี 2497 – 2498 อธิบดีกรมตำรวจได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ควบสองตำแหน่ง เรียกว่า คุมความมั่นคงภายในเต็มมือ และมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพอีกตำแหน่งหนึ่งในทางสายการธนาคาร เพราะธนาคารนี้เติบโตมาด้วยเงินก้อนหนึ่งของทางการคลัง เงินอะไร พลิกไปอ่านตอนต้น ๆ ค้นหาเอาเอง ผมเขียนไว้แล้ว

กระทรวงมหาดไทย สมัยนั้น มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ ชื่อ พลเอก ประภาส จารุเสถียร มานั่งเป็นคนดูแลฝ่ายทหาร ท่านผู้นี้มีตำแหน่งทางฝ่ายการทหารเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีผู้บัญชาการชื่อ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ

ส่วนท่านพลเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นั้น มีตำแหน่งเป็น รองผู้บัญชาการทหารบก

ท่านผู้นี้มีตำแหน่งทางการเมืองด้วยหรือเปล่า ผมก็จำไม่ได้ ไม่ได้เอาใจใส่ตอนนั้น มัวแต่ไปเอาใจใส่กับหนังสือพิมพ์ที่ท่านเป็นเจ้าของเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นแหล่งที่เป็นต้นตอของข่าวอยู่เสมอ ๆ มีอะไร ๆ ที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในวงการนั้น วุ่น ๆ อยู่กับเกมการเมือง ที่ตัวท่านพลเอก สฤษดิ์ ก็ไม่ค่อยจะทราบ

ตัวท่านพลเอก สฤษดิ์ ฯ ท่านก็มีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ด้วย

สมัยนั้น มีสองสองตัวคือ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ และ พลเอก สฤษดิ์ ธนะรัชต์

สองท่านนี่แหละ ที่เป็นกลไกในทางการเมือง และกองกำลัง อยู่ในถ้ำเดียวกันของการปกครองบ้านเมือง

ธนาคารทั้งสองแห่งนี้ ก็เลยเป็นคู่แข่งกันไปด้วยในทางการธนาคาร ท่านทั้งสองอาจจะไม่ได้ตั้งตัวเป็นคู่แข่งกันเอง หรือศัตรูกัน เพราะทั้งสองเป็นนักเรียนนายร้อยมาด้วยกัน และรุ่นใกล้ ๆ กัน ที่นับถือกันเป็นพี่-น้อง แต่เมื่อต่างคนต่างใหญ่ขึ้นมา ทั้งทางตำแหน่งราชการ และการเมือง ความเหินห่างก็ย่อมมี เพราะไม่มีเวลาไปมาหาสู่กันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นนายทหาร-นายตำรวจตำแหน่งต่ำ ช่องว่างนี้แหละที่เป็นจุดที่ฝ่ายยุแหย่ ถือเอาเป็นช่องทางที่เข้ามาก่อกวนยุแหย่

แรก ๆ ต่างคนต่างก็ไม่เอาใจใส่ในคำยุยงนั้น แต่พอนาน ๆ ไป ไม่ได้พบพานกันนาน ๆ ไม่ได้มีเวลาสอบถามทุกข์สุขกันนานเข้า คำยุยงนั้นก็ชักจะออกฤทธิ์ ก่อความระแวงเบา ๆ ขึ้นก่อน ถึงแม้จะวางเฉยต่อความรู้สึกนั้นได้ แต่เมื่อมันหมักหมมมากเข้า ก็ชักจะเกิดความไม่มั่นใจต่อกัน

เรื่องเริ่มมาตั้งแต่ที่ไปเชิญตัวท่านแม่ทัพมาจากกองทัพในสมัยหลายปีมาแล้วนั่น ที่ผมเป็นคนไปเชิญมา เรื่องนั้นมันก่อเชื้อไฟขึ้นมาแล้ว ยิ่งไม่ได้มีเวลาพบปะพูดคุยไต่ถามกัน ก็ยิ่งทำเกิดความรู้สึกในทางลบมากขึ้น เป็นธรรมดาของผู้ที่เรียกกันว่า มนุษย์




 

Create Date : 09 เมษายน 2553
1 comments
Last Update : 9 เมษายน 2553 16:52:22 น.
Counter : 1377 Pageviews.

 

..ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 10 เมษายน 2553 1:36:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.