พริกขี้หนูเผ็ด (ตอนที่ 34)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
ตอนที่ 34
ผมออกจากห้อง นั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะกัณหา หยิบเอากระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง เขียนข้อความตามที่ผมพูดกับคุณพี่ไว้ เรื่องเงื่อนไขในสัญญา เป็นข้อความสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นเปิดบังตาห้องคุณพี่เข้าไปอีก คุณพี่กำลังเก็บข้าวของบนโต๊ะ จะลุกขึ้น เงยหน้ามองผมอย่างแปลกใจ
ผมส่งกระดาษที่เขียนข้อความสั้น ๆ ไว้นั้นให้ แล้วว่า
คุณพี่อ่านดูเสียซีครับ เงื่อนไขที่จะต้องมีในสัญญาที่ผมพูดไว้
คุณพี่รับกระดาษแผ่นนั้นไปจากมือผมอย่างงง ๆ มองหน้าผมแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะอ่านข้อความในนั้น แล้วส่งคืนผม พลางพยักหน้ารับว่าใช้ได้
ผมส่งกระดาษแผ่นนั้นคืน
คุณพี่เซ็นรับรองไว้หน่อยซีครับ ที่ท้ายข้อความ พรุ่งนี้ เมื่อผมมาพิมพ์ให้เรียบร้อย จะได้ตรวจสอบว่าถูกต้องตามที่ตกลงกัน ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง
คุณพี่มองหน้าผมอีก นิ่ง ในมือถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ ผมดึงปากกาที่เสียบบนโต๊ะส่งให้
คุณพี่รับปากกา แต่สายตายังคงจ้องมองผมไม่กระพริบ ขยับจะจรดปากกาเซ็น ชะงัก พูดว่า
แล้วเรื่องเงินนั่นล่ะ คุณจะวางให้พี่เดี๋ยวนี้ด้วยหรือ
พรุ่งนี้ เมื่อคุณพี่เซ็นชื่อในสัญญาตัวจริงแล้ว ผมก็จะมอบทันที
ห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ยี่สิบ ผมพูดยิ้ม ๆ
พี่จะรู้ได้ยังไงว่า คุณได้รับมาจริง ๆ เท่าไหร่ คุณพี่ยังข้องใจ
คุณพี่ต้องเชื่อผม
ถ้าคุณปิดบังพี่ล่ะ
ผมดึงกระดาษแผ่นนั้นกลับมา หันหลังจะออกเดิน
เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน พ่อ ดนัย
ผมหยุด หันกลับมามอง แต่ไม่เดินเข้ามาหา ยืนถือกระดาษแผ่นนั้นมองคุณพี่เฉยอยู่
กลับมานั่งพูดกันก่อน คุณพี่พูด ทรุดตัวลงนั่ง คุณนี่ ทำไมถึงเป็นคนพูดยากอย่างนี้นะ
ผมเดินกลับมานั่งที่เดิม
ผมทำงานอยู่ที่นี่นานไปหน่อย เลยติดนิสัยหัวหน้าสำนักงาน
ผมพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นนั้นส่งให้คุณพี่ คุณพี่ไม่ยื่นมือมารับ ผมก็วางมันไว้ตรงหน้า คุณพี่ยังมองหน้าผมนิ่ง นัยน์ตาชักจะขวาง ๆ
ผมไม่พูด มองหน้าคุณพี่เหมือนกัน แต่ผมมียิ้มแถมให้
คุณพี่ค่อย ๆ ดึงกระดาษแผ่นนั้นเข้าหาตัว แล้วบรรจงเซ็นชื่อลงที่ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้น แต่ไม่ส่งให้ผม ปล่อยให้มันวางนิ่งอยู่ตรงหน้า ผมเอื้อมมือไปดึงมันกลับมาเอง ดูลายมือชื่อถูกต้องแล้ว ผมก็พับมันเก็บเข้ากระเป๋า ลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้
ผมลาละครับ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้า
ก่อนแปดโมงครึ่ง คุณพี่ย้ำ
ครับ ก่อนแปดโมงครึ่ง
ผมปล่อยให้คุณพี่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวที่โต๊ะนั่น เดินเปิดบังตาออกมา ลงบันไดมาข้างล่าง
นายถมคนสำคัญของผม นั่งอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจอยู่ที่นั่งคนขับ เขาพับหนังสือพิมพ์เก็บ เมื่อหันมาเห็นผม ผมเปิดประตูด้านหน้าขึ้นไปนั่งที่ข้าง ๆ เขา
ไปไหนครับ เขาหันมาถาม เมื่อเห็นผมนั่งนิ่ง
ไปหาที่กินเหล้าสบาย ๆ ผมว่าพลางหันไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่เขาวางไว้ข้าง ๆ ออกมาคลี่อ่าน หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้น แต่ออกตอนบ่ายของวันนี้ พาดหัวข่าวตัวโตบนหน้าหนึ่งนั้น ทำให้ผมต้องชะโงกตัวขึ้นมาจากท่านั่งเอาตามสบาย
จำเลยสำคัญในคดีขับรถชนเด็กตาย ได้ประกันตัวแล้วหายไปจากศาล
พาดหัวข่าวตัวโตข้อความเท่านั้นเป็นของธรรมดาที่เป็นไปได้ เพราะจำเลยไม่ว่าในคดีไหน เมื่อได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแล้ว ย่อมไปไหน ๆ ก็ได้ แต่ข้อความที่เรียงถัดไปบนบรรทัดล่างต่อมานี่ ทำให้ผมต้องตั้งใจอ่าน
ตำรวจตามมาอายัดตัวจำเลยสาวในคดีฆ่าคนตายอีกคดีหนึ่ง ต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป แม้จะได้พยายามติดตามตัว ทั้งที่บ้านและที่จำเลยควรจะอยู่ ก็ไม่มีวี่แวว ไม่มีผู้ใดทราบว่า จำเลยสาวผู้นั้นล่องหนไปทางไหน...
ผมอ่านเนื้อข่าวต่อไปอย่างลวก ๆ ได้ความแต่เพียงว่า ตำรวจยังต้องการตัวยุพดี เพื่อจะสอบสวนถึงเรื่องคนขับรถสามล้อถูกฆ่าตาย เพราะสามล้อคนนั้นเป็นพยานปากสำคัญ ที่เห็นและจำหมายเลขรถและผู้หญิงที่ขับรถคันที่ชนเด็กตายคาที่ ขณะที่เด็กกำลังวิ่งข้ามถนน แล้วพาครูดไปกับถนนจนร่างกายยับเยินนั้นได้ ทางตำรวจจึงได้ติดตามตัวหล่อนเพื่อจะสอบสวน แต่หาตัวไม่พบ เมื่อทางตำรวจทราบว่า นายประกันเดิมพาตัวหล่อนไปถอนประกันที่ศาล ก็ตามไปที่ศาลเพื่อที่จะอายัดตัว แต่ตำรวจไปช้าไป เพราะเมื่อไปถึงศาล ปรากฏว่าจำเลยได้รีบประกันออกจากศาลไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่นาที ตำรวจได้ติดตามไปที่บ้านและที่ที่ตำรวจทราบมาว่า หล่อนควรจะอยู่ ก็ไม่ได้พบแม้แต่เงา ทางตำรวจจึงขอประกาศทางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ให้หล่อนไปพบตำรวจในเวลาที่เร็วที่สุดที่จะเร็วได้
ผมวางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงที่เดิม ผมไม่มีเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวข้องกับแม่คนนี้อีกแล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องราวของตำรวจต่อไป แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ทำไมแม่คนนี้จึงต้องหลบล่องหนหายตัวไปอีก
Create Date : 28 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 4:25:38 น. |
|
2 comments
|
Counter : 693 Pageviews. |
|
|
|